ตอนที่ 1 : งานเปิดตัวโรงแรมใหม่
ความยิ่งใหญ่อลังการของโรงแรมหรูแห่งใหม่ล่าสุดในภูเก็ตเปิดตัวพร้อมกับพิธีเปิดอันตระการตา ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสถานที่จัดงานคลาคล่ำ อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ประดับประดาตามมุมห้อง
“อิงฟ้า” สาวร่างบางคอยโปรยยิ้มเป็นมิตรทักทายแขกที่เดินผ่านไปมาในฐานะที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับเจ้าของโรงแรม เธอยืนเปล่งประกายในชุดเดรสสีดำคว้านหลังลึกบริเวณประตูทางเข้าออกของงาน
“เกือบไม่ทันแล้วไหมแก ช้าได้อีกนะ” ณิชา สาวผมสั้นประบ่าเพื่อนร่วมงานทีมเดียวกันเดินลากส้นสูงเข้ามาทักทายอย่างล้อเลียน
“เออดิ ดีนะที่แกแวะไปเอาเดรสมาไว้ให้แล้ว ไม่งั้นฉันมาไม่ทันต้อนรับพวกอินฟลูเอนเซอร์หรอก” อิงฟ้าหันมากระซิบกระซาบถามหาอุปกรณ์เสริมสวย “ฉันมีเวลาแค่เขียนคิ้วเอง แก พกลิปสติกติดมาปะ?”
“ก็ว่าอยู่ทำไมปากดูซีด ๆ อะเอานี่ไปเติมหน่อย” อิงฟ้าหัวเราะเบา ๆ ขอบคุณนิชาที่เข้ามาทันเวลา ลิปสติกแบรนด์หรูในแพ็คเกจจิ้งสีทองถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าถือของณิชา
เธอรีบส่งให้เพื่อนสาวจัดการแต่งองค์ทรงเครื่องเพิ่มความปัง วลีที่ว่า ปากไม่แดง ไม่มีแรงเดิน คาดว่าจะจริง อีกทั้งอาวุธความงามชิ้นนี้ยังสำคัญยิ่งกว่าชุดเดรสที่เลือกเป็นไหน ๆ
สีแดงสุดคลาสสิคฉาบทั่วริมฝีปากเอิบอิ่มของอิงฟ้าตัดกับเดรสสีดำปลุกความเป็นตัวแม่ออกมาได้อย่างร้อนแรง เสื้อผ้าหน้าผมที่ผสมกันอย่างลงตัวกลายเป็นความงดงามที่ฉายวาบกระแทกตาคอยเชื้อเชิญให้ผู้คนต่างต้องการเข้ามาค้นหาเสน่ห์อันเหลือล้น
“เห็นว่าเขาเริ่มสัมภาษณ์กันแล้วนะ ตรงนู้นน่ะ”
“อ้าวหรอ ฉันก็มัวแต่ดูความเรียบร้อยในงาน ไม่ได้แวะไปแถวแบ็คดร็อปเลยอะ”
“เริ่มไปแล้วล่ะ แกจะไปดูหน่อยไหม? คุณสายฝนตัวปั่นประสาทแกเขาลือกันให้แซดว่าสวยจัดออร่าฟุ้งทุกก้าวเดินอย่างกับนางฟ้ามาโปรด”
“ซาตานสิไม่ว่า! แค่ได้ยินชื่อฉันยังหัวร้อนเลยเนี่ย”
อิงฟ้าไม่ได้พูดเล่น เพียงแค่ณิชาเอ่ยชื่อคุณสายฝนขึ้นมา เส้นประสาทในหัวอิงฟ้าก็พร้อมใจดีดดิ้นกันตุบตับ คนอะไรขี้เหวี่ยงขี้บ่นได้ไม่เลือกหน้า ก็รู้แหละว่าอากาศมันร้อนแถมที่สนามบินยังวุ่นวาย แต่มันใช้เรื่องที่ต้องเสียมารยาททำหน้าบึ้งตึงพูดจาไม่น่ารักใส่กันไหม นิสัยช่างตรงกันข้ามกับพี่ชายลิบลับ เธอไม่น่าตกปากรับคำกับคุณม่านหมอกไปรับยัยคุณสายฝนคนนี้ที่สนามบินเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ปล่อยวางนะแก น้องสาวเจ้านายก็คือเจ้านายของเราอีกหนึ่งต่อ”
ณิชาตบบ่าให้กำลังใจ ฟังจากที่อิงฟ้าระบายก่อนหน้านี้ก็เข้าใจหัวอกเพื่อนนั่นแหละ ที่ต้องเจอคนหงุดหงิดยียวนกวนประสาทเพราะอากาศร้อนแล้วทำตัวไม่ดีมันทำให้หัวร้อนเพียงใด แต่อิงฟ้าเองก็ใช่ย่อย ด้วยนิสัยไม่ยอมคนของอิงฟ้า รายนั้นก็โต้ตอบกลับไปจนอีกฝ่ายสู้ต่อไม่ไหวเหมือนกัน
“ไม่จ้า เงินจ่ายมาแค่นี้เนาะ ไม่รับความปวดหัวเพิ่มจ้า”
แม้ปากบอกว่าปวดหัวเมื่อนึกถึงคุณสายฝน แต่ก็ไม่วายพาร่างสะโอดสะองเดินนำเพื่อนไปยังโต๊ะสัมภาษณ์ที่มีนักข่าวกว่าสิบสำนักยิงคำถามเจ้าของโรงแรมอยู่ ไม่ต้องกวาดสายตาหาก็สามารถมองเห็นคู่พี่น้องที่กำลังเปล่งประกายท่ามกลางวงนักข่าวได้อย่างชัดเจน
สายตาดุจเหยี่ยวของอิงฟ้าจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังฉีกยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับนักข่าวอย่างต้องการจับผิด แค่อยากรู้ว่าจะงดงามปานนางฟ้าตามคำกล่าวอ้างที่เพื่อนของเธอเป่าหูใส่เมื่อสักครู่จริงหรือเปล่า เธอยกสองแขนขึ้นมากอดอกแล้วตั้งใจพิจารณาร่างระหงที่มุมนั้นอย่างถี่ถ้วน
สวยเหรอ?
ออร่าฟุ้งเหรอ?
อืม … ก็จริง
ในบรรดาผู้เข้าร่วมงานเปิดตัวโรงแรม นอกจากอินฟลูเอนเซอร์ยอดผู้ติดตามหลักล้านแล้ว บุคคลที่น่าสนใจยังมีน้องสาวของคุณม่านหมอกที่นักข่าวตั้งหน้าตั้งตารออีกด้วย ‘คุณสายฝน’ หญิงสาวที่มีความมั่นใจและฉลาดหลักแหลม ซึ่งเป็นที่รู้จักจากรสนิยมอันไร้ที่ติของเธอ อีกทั้งยังมีพี่ชายที่คอยดันหลังให้เข้าสังคมของนักธุรกิจเบอร์ใหญ่ ราวกับต้องการปูทางในอนาคตให้แก่น้องสาวล่วงหน้า
“โห คุณสายฝนน้องสาวคุณม่านหมอกตัวจริงสวยยิ่งกว่าในนิตยสารอีกนะคะเนี่ย” ทุกสายตาจับจ้องไปยังสายฝน ทึ่งในความสง่างามและเสน่ห์อันน่าดึงดูดของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นที่มุมปากเป็นจริตที่คิดว่านักข่าวทั้งหลายต้องชื่นชอบ
“ได้ข่าวว่าชื่อของโรงแรมคุณสายฝนเป็นคนตั้งให้ด้วยใช่ไหมคะ?” หนึ่งในนักข่าวสาวยิงคำถามใส่ ซึ่งได้ถูกมาร์กไว้ว่านี้เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญ
“ใช่ครับ น้องเป็นคนช่วยผมตั้งเอง นี่ถ้าไม่ได้สายฝนโรงแรมนี้คงไม่ได้ฤกษ์เปิดหรอกครับ ผมน่ะมันหัวทึบ เรื่องความครีเอทีฟต้องสายฝนเท่านั้นเลยครับ” ใบหน้าม่านหมอกดูมีความสุขเมื่อได้เล่าบางมุมให้นักข่าวฟัง พูดไปยิ้มไป ดูเป็นพี่ชายที่ใจดีแสนอบอุ่น
“แหม ช่างเป็นพี่น้องที่น่ารักกันจังเลยนะคะ”
“ครับ ครอบครัวเราสนิทและรักกันมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด ใช่ไหมสายฝน?”
“อ่าใช่ค่ะ” สายฝนระบายยิ้มอ่อน พยักหน้าตามน้ำไป
“ว่าแต่ทำไมถึงตั้งชื่อ Serenity Sands Retreat ละคะ?”
“จริง ๆ ก็ความหมายตรงตัวเลยนะคะ สถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบริมชายหาด เป็นแหล่งกบดานของคนที่ต้องการชาร์จพลังเงียบ ๆ ประมาณนั้นค่ะ”
สายฝนฉีกยิ้มยามอธิบายถึงที่มาของชื่อ ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวรัวถ่ายรูปด้วยความสนใจ รวมถึงถ่ายวิดิโอบันทึกข้อความสำคัญไว้โพสต์ตามสื่อออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ
“คุณสายฝนมองกล้องนี้หน่อยนะคะ คุณม่านหมอกเขยิบเข้าหาน้องอีกนิดค่ะ ดีค่ะ เยี่ยมค่ะ สวยมากกก”
ม่านหมอกมองน้องสาวข้างกายด้วยสายตาเป็นปลื้ม รูปลักษณ์สวยสง่าและความเฉลียวฉลาดของน้องทำให้ภาพลักษณ์ของโรงแรมนี้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หากข่าวได้กระจายออกไป เชื่อเลยว่านักท่องเที่ยวและนักธุรกิจกระเป๋าหนักทั่วโลกต้องอยากมาพักที่นี่อย่างแน่นอน
เขาจำโมเมนต์ตอนที่ปรึกษากันเรื่องคอนเซ็ปต์และการตั้งชื่อโรงแรมได้อยู่เลย น้องให้คำจำกัดความไว้ว่า ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จะทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนที่แขกสามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันมาดื่มด่ำกับความงามตามธรรมชาติริมชายหาดอันบริสุทธิ์ของภูเก็ต
เหมือนตอนที่พ่อกับแม่ของเราชอบพาหนีความวุ่นวายในกรุงเทพมาเที่ยวเล่นที่นี่กันทุกซัมเมอร์ มาบ่อยจนตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้เก็บไว้ หลังจากที่พ่อแม่จากไปม่านหมอกเลยได้โอกาสต่อยอดความทรงจำวัยเด็กและสร้างเป็นโรงแรมนี้ขึ้นมา
“ขอบคุณนักข่าวทุกท่านเลยนะครับที่แวะมาพูดคุยกัน งานเลี้ยงคืนนี้ทุกคนสนุกกันให้เต็มที่เลยนะครับ อยากทานอะไรก็เรียกบริกรที่ใส่ชุดทักซิโด้ได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราพร้อมให้บริการทุกคนเต็มที่”
ม่านหมอกยกยิ้มกว้างตามฉบับผู้ชายมาดดีและขอตัวพาน้องสาวออกจากวงล้อมนักข่าว เพื่อเดินเข้าไปในงานที่กำลังเริ่มโชว์การแสดงพิเศษบนเวที เหล่าเซเลบริตี้และคนดังในวงการที่ยืนอยู่ตามมุมต่าง ๆ โบกไม้โบกมือทักทายม่านหมอก
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะชายหนุ่มคนนี้เป็นนักธุจกิจดาวรุ่งพุ่งแรงที่สามารถปั้นโรมแรมในเครือให้ประสบความสำเร็จภายในไม่กี่ปี เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีแต่คนอยากเข้ามาทำความรู้จักและร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย
“หมดหน้าที่ฝนแล้วใช่ไหมพี่หมอก” คงมีแต่น้องสาวร่วมสายเลือดเท่านั้นที่รั้นแต่จะถีบตัวออกห่าง
“ครับ วันนี้ทำได้ดีมาก” ม่านหมอกยกมือขึ้นแตะบ่าของน้องสาวแต่กลับถูกปัดทิ้งด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“อืม งั้นฝนขอตัว หวังว่าจะไม่มีโทรศัพท์มาตามแล้วนะคืนนี้ i want to be free okay?”
น้องสาวเจ้าของโรงแรมหมุนตัวเดินหนีพี่ชาย เธอสวมเบลเซอร์โนบราสีดำโอบรัดรูปแหวกอกลงมาจนเกือบถึงสะดือ การที่ไม่มีเสื้อชั้นในอยู่ใต้เสื้อเบลเซอร์ของสายฝนยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนสะกดสายตาคนรอบข้าง
สายฝนเดินชิมอาหารไปทั่วงานเลี้ยงตามประสาคนชอบกิน เธอชอบอาหารพวกนี้มากว่าการฝืนใจทำความรู้จักผู้คนกับรอยยิ้มจอมปลอมเสียอีก
ทั้งสาวและหนุ่มมองตามคอแทบเคล็ดทุกก้าวเดิน เธอรู้ตัวว่ามีคนมองตามตาละห้อย ฟีลลิ่งแบบนี้แหละที่เรียกความมั่นใจให้กับสายฝน นับว่าโชคดีมากที่เธอไม่ยอมเชื่อฟังพี่ชายที่หาชุดเดรสสีขาวจืดชืดกระโปรงยาวเหยียดมาให้ใส่คู่กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นสายฝนคงได้มาร่วมงานด้วยใบหน้าซังกะตายเป็นแน่
“สวัสดีค่ะคุณสายฝน”
“โอ้ คุณฉายรวีหวัดดีค่ะ เดินทางมาเหนื่อยไหมคะ?” เธอแสร้งฉีกยิ้มทักทายเจ้าของห้องตัดเสื้อที่ม่านหมอกใช้บริการตัดชุดพนักงานโรงแรมในเครือ
“นิดหน่อยค่ะ ไม่คิดเลยนะคะว่าจะได้เจอกันที่นี่”
“โชคดีจังเลยนะคะ เอ้อ คุณฉายรวีเห็นหรือยังคะชุดบริกร ชุดพนักงานโรงแรมเราสวยเนี๊ยบถูกใจเพราะคุณเลย ต้องขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”
“ฉายรวียินดีให้บริการโรงแรมในเครือคุณม่านหมอกและคุณสายฝนอยู่แล้วค่ะ ใส่ใจให้เป็นพิเศษอิอิ cheers ค่ะ”
สายฝนยกแก้วโมฮิโตขึ้นชนแก้วแชมเปญที่ถือรออยู่ตามมารยาทและยืนพูดคุยเพื่อไว้หน้าพี่ชายเพียงชั่วครู่ ต่อไม่ให้ชอบกรอบชีวิตที่พี่ชายตีเส้นไว้ให้เพียงใด เธอก็รู้กาลเทศะว่าควรจะตามน้ำไปก่อนและไม่ยอมทำให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจพังเพียงเพราะอยากเป็นเด็กเอาแต่ใจ
“เดี๋ยวฝนขอตัวไปดูงานด้านนู้นก่อนนะคะ”
พอพูดคุยกับคุณฉายรวีไปได้สักพัก สายฝนจึงขอตัวเดินหนีบทสนาชวนกระอักกระอ่วนใจออกมา ดูแล้วจะเรียกว่าหนีได้ไม่เต็มปากเท่าไร เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนพุ่งเข้ามาหาพุ่งเข้ามาขอชนแก้วทำความรู้จักคล้ายกับกำลังเขย่งเท้าหลบกับระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
แก้วแล้วแก้วเล่าที่วางคืนบนถาดบริกร ปริมาณแอลกอฮอล์ในค็อกเทลแต่ละแก้วรวมกันแล้วไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ พูดตามประสาคนทั่วไปก็คือเริ่มตึง ๆ แล้วล่ะ
“ลุคคุณวันนี้บาดใจจังเลยค่ะ” ลูกสาวไฮโซเบอร์ใหญ่อายุเพียงยี่สิบปีที่มักเจอตามงานต่าง ๆ ส่งสายตาแทะโลมร่างของสายฝนแทบพรุน แต่เด็กที่ทำตัวเกินวัยคนนี้ห่างไกลจากรสนิยมที่สายฝนโปรดปรานลิบลับ
“โดนน้องแอลลี่ชมแบบนี้ไม่ชินเลยค่ะ” สายฝนยกยิ้มแสร้งทำเป็นปลื้มใจที่ได้ยินคำชมนั้น ปล่อยให้เด็กตรงหน้าภูมิใจกับลูกเล่นแสนเสน่ห์ของตัวเองเต็มที่
“ถ้าได้ยินทั้งคืน…แอลลี่ว่าน่าจะชินหูมากขึ้นนะคะ”
เด็กคนนี้ถือวิสาสะลากปลายเล็บเจลตั้งแต่ไหปลาร้ามาถึงกลางอกแล้วค้างเติ่งไว้แถวนั้น สายตาหวานเชื่อมบ่งบอกความต้องการชัดเจนเกินไปจนสายฝนต้องหาเรื่องมาหยุดไว้ “แย่จังเลยค่ะ ฉันดันมีธุระที่ต้องทำต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”
ไม่รู้ว่าลูกสาวไฮโซคนนั้นทำไมถึงกล้ามาหยอกหมาป่าแสนดุร้ายอย่างสายฝนได้ อาจเป็นเพราะล่วงรู้ถึงรสนิยมที่หลงใหลในเพศเดียวกันเลยกล้าพุ่งเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ช่างเถอะ ในเมื่อไม่ใช่เหยื่อรสชาติยอดเยี่ยมที่สายฝนชอบกัดกินก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรให้เก็บมานึกถึง
ทุกย่างก้าว ทุกอิริยาบถของสายฝนมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ทำให้มีสายตาคู่หนึ่งแอบมองตามเป็นระยะ ผมยาวสลวยลดหลั่นเป็นชั้นอย่างงดงามบนไหล่ช่วยสร้างกรอบให้กับใบหน้าที่โดดเด่น ควบคู่ไปกับรอยยิ้มอันสดใสยามทักทายผู้คน อิงฟ้าขอยอมรับอีกรอบว่า ดีย์ ตามที่เพื่อนสาวพูดไว้จริง ๆ
“ลบเรื่องที่สนามบินไปเลยปะลุคนี้? ดูตาแกสิ มองตามคุณเขาไม่หยุดเลยนะ”
“ก็ไม่เท่าไรนะแก” อิงฟ้ายักไหล่ยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบและผินหน้าไปทางอื่น แสร้งให้ความสนใจกับการแสดงบนเวที
“สายตาแกมันฟ้องย่ะ แล้วแกบ่นว่าไงนะ… สภาพเซอร์ ๆ ซึน ๆ ปากก็ไม่ดี หน้าตากวนประสาทอีก ดูสภาพเขาตอนนี้สิ…ละสายตาไม่ได้ก็พูดมาเหอะ”
“เดวิล ไม่ก็ซาตานไง” อิงฟ้ารีบบอกปัด ก่อนที่เพื่อนตัวจุ้นจะสาวความยาวยืดไปมากกว่านี้
“ก็คือจะไม่ยอมรับแหละเนอะว่าสนใจเขาแล้ว”
“ถูก! ฉันไม่สนใจ…แกอยู่ดูงานในนี้ไปนะ ฉันจะออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย”
ณิชามองตามหลังเพื่อนที่หมุนตัวหนีออกไปด้านนอก รอยยิ้มแพร่งพรายราวกับรู้ทันความรู้สึกภายในที่อิงฟ้าเอาแต่ปฏิเสธ เนื่องด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิททำงานร่วมกันมานานหลายปี ณิชาจึงดูออกว่าอิงฟ้าน่ะกำลังตกหลุมพรางของซาตานคนสวยคนนั้นเข้าแล้ว
นิยายยูริ Tangled Desires #ฟ้าพ่ายฝน ตอนที่ 1 : งานเปิดตัวโรงแรมใหม่
ความยิ่งใหญ่อลังการของโรงแรมหรูแห่งใหม่ล่าสุดในภูเก็ตเปิดตัวพร้อมกับพิธีเปิดอันตระการตา ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสถานที่จัดงานคลาคล่ำ อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ประดับประดาตามมุมห้อง
“อิงฟ้า” สาวร่างบางคอยโปรยยิ้มเป็นมิตรทักทายแขกที่เดินผ่านไปมาในฐานะที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับเจ้าของโรงแรม เธอยืนเปล่งประกายในชุดเดรสสีดำคว้านหลังลึกบริเวณประตูทางเข้าออกของงาน
“เกือบไม่ทันแล้วไหมแก ช้าได้อีกนะ” ณิชา สาวผมสั้นประบ่าเพื่อนร่วมงานทีมเดียวกันเดินลากส้นสูงเข้ามาทักทายอย่างล้อเลียน
“เออดิ ดีนะที่แกแวะไปเอาเดรสมาไว้ให้แล้ว ไม่งั้นฉันมาไม่ทันต้อนรับพวกอินฟลูเอนเซอร์หรอก” อิงฟ้าหันมากระซิบกระซาบถามหาอุปกรณ์เสริมสวย “ฉันมีเวลาแค่เขียนคิ้วเอง แก พกลิปสติกติดมาปะ?”
“ก็ว่าอยู่ทำไมปากดูซีด ๆ อะเอานี่ไปเติมหน่อย” อิงฟ้าหัวเราะเบา ๆ ขอบคุณนิชาที่เข้ามาทันเวลา ลิปสติกแบรนด์หรูในแพ็คเกจจิ้งสีทองถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าถือของณิชา
เธอรีบส่งให้เพื่อนสาวจัดการแต่งองค์ทรงเครื่องเพิ่มความปัง วลีที่ว่า ปากไม่แดง ไม่มีแรงเดิน คาดว่าจะจริง อีกทั้งอาวุธความงามชิ้นนี้ยังสำคัญยิ่งกว่าชุดเดรสที่เลือกเป็นไหน ๆ
สีแดงสุดคลาสสิคฉาบทั่วริมฝีปากเอิบอิ่มของอิงฟ้าตัดกับเดรสสีดำปลุกความเป็นตัวแม่ออกมาได้อย่างร้อนแรง เสื้อผ้าหน้าผมที่ผสมกันอย่างลงตัวกลายเป็นความงดงามที่ฉายวาบกระแทกตาคอยเชื้อเชิญให้ผู้คนต่างต้องการเข้ามาค้นหาเสน่ห์อันเหลือล้น
“เห็นว่าเขาเริ่มสัมภาษณ์กันแล้วนะ ตรงนู้นน่ะ”
“อ้าวหรอ ฉันก็มัวแต่ดูความเรียบร้อยในงาน ไม่ได้แวะไปแถวแบ็คดร็อปเลยอะ”
“เริ่มไปแล้วล่ะ แกจะไปดูหน่อยไหม? คุณสายฝนตัวปั่นประสาทแกเขาลือกันให้แซดว่าสวยจัดออร่าฟุ้งทุกก้าวเดินอย่างกับนางฟ้ามาโปรด”
“ซาตานสิไม่ว่า! แค่ได้ยินชื่อฉันยังหัวร้อนเลยเนี่ย”
อิงฟ้าไม่ได้พูดเล่น เพียงแค่ณิชาเอ่ยชื่อคุณสายฝนขึ้นมา เส้นประสาทในหัวอิงฟ้าก็พร้อมใจดีดดิ้นกันตุบตับ คนอะไรขี้เหวี่ยงขี้บ่นได้ไม่เลือกหน้า ก็รู้แหละว่าอากาศมันร้อนแถมที่สนามบินยังวุ่นวาย แต่มันใช้เรื่องที่ต้องเสียมารยาททำหน้าบึ้งตึงพูดจาไม่น่ารักใส่กันไหม นิสัยช่างตรงกันข้ามกับพี่ชายลิบลับ เธอไม่น่าตกปากรับคำกับคุณม่านหมอกไปรับยัยคุณสายฝนคนนี้ที่สนามบินเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ปล่อยวางนะแก น้องสาวเจ้านายก็คือเจ้านายของเราอีกหนึ่งต่อ”
ณิชาตบบ่าให้กำลังใจ ฟังจากที่อิงฟ้าระบายก่อนหน้านี้ก็เข้าใจหัวอกเพื่อนนั่นแหละ ที่ต้องเจอคนหงุดหงิดยียวนกวนประสาทเพราะอากาศร้อนแล้วทำตัวไม่ดีมันทำให้หัวร้อนเพียงใด แต่อิงฟ้าเองก็ใช่ย่อย ด้วยนิสัยไม่ยอมคนของอิงฟ้า รายนั้นก็โต้ตอบกลับไปจนอีกฝ่ายสู้ต่อไม่ไหวเหมือนกัน
“ไม่จ้า เงินจ่ายมาแค่นี้เนาะ ไม่รับความปวดหัวเพิ่มจ้า”
แม้ปากบอกว่าปวดหัวเมื่อนึกถึงคุณสายฝน แต่ก็ไม่วายพาร่างสะโอดสะองเดินนำเพื่อนไปยังโต๊ะสัมภาษณ์ที่มีนักข่าวกว่าสิบสำนักยิงคำถามเจ้าของโรงแรมอยู่ ไม่ต้องกวาดสายตาหาก็สามารถมองเห็นคู่พี่น้องที่กำลังเปล่งประกายท่ามกลางวงนักข่าวได้อย่างชัดเจน
สายตาดุจเหยี่ยวของอิงฟ้าจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังฉีกยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับนักข่าวอย่างต้องการจับผิด แค่อยากรู้ว่าจะงดงามปานนางฟ้าตามคำกล่าวอ้างที่เพื่อนของเธอเป่าหูใส่เมื่อสักครู่จริงหรือเปล่า เธอยกสองแขนขึ้นมากอดอกแล้วตั้งใจพิจารณาร่างระหงที่มุมนั้นอย่างถี่ถ้วน
สวยเหรอ?
ออร่าฟุ้งเหรอ?
อืม … ก็จริง
ในบรรดาผู้เข้าร่วมงานเปิดตัวโรงแรม นอกจากอินฟลูเอนเซอร์ยอดผู้ติดตามหลักล้านแล้ว บุคคลที่น่าสนใจยังมีน้องสาวของคุณม่านหมอกที่นักข่าวตั้งหน้าตั้งตารออีกด้วย ‘คุณสายฝน’ หญิงสาวที่มีความมั่นใจและฉลาดหลักแหลม ซึ่งเป็นที่รู้จักจากรสนิยมอันไร้ที่ติของเธอ อีกทั้งยังมีพี่ชายที่คอยดันหลังให้เข้าสังคมของนักธุรกิจเบอร์ใหญ่ ราวกับต้องการปูทางในอนาคตให้แก่น้องสาวล่วงหน้า
“โห คุณสายฝนน้องสาวคุณม่านหมอกตัวจริงสวยยิ่งกว่าในนิตยสารอีกนะคะเนี่ย” ทุกสายตาจับจ้องไปยังสายฝน ทึ่งในความสง่างามและเสน่ห์อันน่าดึงดูดของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นที่มุมปากเป็นจริตที่คิดว่านักข่าวทั้งหลายต้องชื่นชอบ
“ได้ข่าวว่าชื่อของโรงแรมคุณสายฝนเป็นคนตั้งให้ด้วยใช่ไหมคะ?” หนึ่งในนักข่าวสาวยิงคำถามใส่ ซึ่งได้ถูกมาร์กไว้ว่านี้เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญ
“ใช่ครับ น้องเป็นคนช่วยผมตั้งเอง นี่ถ้าไม่ได้สายฝนโรงแรมนี้คงไม่ได้ฤกษ์เปิดหรอกครับ ผมน่ะมันหัวทึบ เรื่องความครีเอทีฟต้องสายฝนเท่านั้นเลยครับ” ใบหน้าม่านหมอกดูมีความสุขเมื่อได้เล่าบางมุมให้นักข่าวฟัง พูดไปยิ้มไป ดูเป็นพี่ชายที่ใจดีแสนอบอุ่น
“แหม ช่างเป็นพี่น้องที่น่ารักกันจังเลยนะคะ”
“ครับ ครอบครัวเราสนิทและรักกันมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด ใช่ไหมสายฝน?”
“อ่าใช่ค่ะ” สายฝนระบายยิ้มอ่อน พยักหน้าตามน้ำไป
“ว่าแต่ทำไมถึงตั้งชื่อ Serenity Sands Retreat ละคะ?”
“จริง ๆ ก็ความหมายตรงตัวเลยนะคะ สถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบริมชายหาด เป็นแหล่งกบดานของคนที่ต้องการชาร์จพลังเงียบ ๆ ประมาณนั้นค่ะ”
สายฝนฉีกยิ้มยามอธิบายถึงที่มาของชื่อ ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวรัวถ่ายรูปด้วยความสนใจ รวมถึงถ่ายวิดิโอบันทึกข้อความสำคัญไว้โพสต์ตามสื่อออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ
“คุณสายฝนมองกล้องนี้หน่อยนะคะ คุณม่านหมอกเขยิบเข้าหาน้องอีกนิดค่ะ ดีค่ะ เยี่ยมค่ะ สวยมากกก”
ม่านหมอกมองน้องสาวข้างกายด้วยสายตาเป็นปลื้ม รูปลักษณ์สวยสง่าและความเฉลียวฉลาดของน้องทำให้ภาพลักษณ์ของโรงแรมนี้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หากข่าวได้กระจายออกไป เชื่อเลยว่านักท่องเที่ยวและนักธุรกิจกระเป๋าหนักทั่วโลกต้องอยากมาพักที่นี่อย่างแน่นอน
เขาจำโมเมนต์ตอนที่ปรึกษากันเรื่องคอนเซ็ปต์และการตั้งชื่อโรงแรมได้อยู่เลย น้องให้คำจำกัดความไว้ว่า ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จะทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนที่แขกสามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันมาดื่มด่ำกับความงามตามธรรมชาติริมชายหาดอันบริสุทธิ์ของภูเก็ต
เหมือนตอนที่พ่อกับแม่ของเราชอบพาหนีความวุ่นวายในกรุงเทพมาเที่ยวเล่นที่นี่กันทุกซัมเมอร์ มาบ่อยจนตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้เก็บไว้ หลังจากที่พ่อแม่จากไปม่านหมอกเลยได้โอกาสต่อยอดความทรงจำวัยเด็กและสร้างเป็นโรงแรมนี้ขึ้นมา
“ขอบคุณนักข่าวทุกท่านเลยนะครับที่แวะมาพูดคุยกัน งานเลี้ยงคืนนี้ทุกคนสนุกกันให้เต็มที่เลยนะครับ อยากทานอะไรก็เรียกบริกรที่ใส่ชุดทักซิโด้ได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราพร้อมให้บริการทุกคนเต็มที่”
ม่านหมอกยกยิ้มกว้างตามฉบับผู้ชายมาดดีและขอตัวพาน้องสาวออกจากวงล้อมนักข่าว เพื่อเดินเข้าไปในงานที่กำลังเริ่มโชว์การแสดงพิเศษบนเวที เหล่าเซเลบริตี้และคนดังในวงการที่ยืนอยู่ตามมุมต่าง ๆ โบกไม้โบกมือทักทายม่านหมอก
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะชายหนุ่มคนนี้เป็นนักธุจกิจดาวรุ่งพุ่งแรงที่สามารถปั้นโรมแรมในเครือให้ประสบความสำเร็จภายในไม่กี่ปี เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีแต่คนอยากเข้ามาทำความรู้จักและร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย
“หมดหน้าที่ฝนแล้วใช่ไหมพี่หมอก” คงมีแต่น้องสาวร่วมสายเลือดเท่านั้นที่รั้นแต่จะถีบตัวออกห่าง
“ครับ วันนี้ทำได้ดีมาก” ม่านหมอกยกมือขึ้นแตะบ่าของน้องสาวแต่กลับถูกปัดทิ้งด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“อืม งั้นฝนขอตัว หวังว่าจะไม่มีโทรศัพท์มาตามแล้วนะคืนนี้ i want to be free okay?”
น้องสาวเจ้าของโรงแรมหมุนตัวเดินหนีพี่ชาย เธอสวมเบลเซอร์โนบราสีดำโอบรัดรูปแหวกอกลงมาจนเกือบถึงสะดือ การที่ไม่มีเสื้อชั้นในอยู่ใต้เสื้อเบลเซอร์ของสายฝนยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนสะกดสายตาคนรอบข้าง
สายฝนเดินชิมอาหารไปทั่วงานเลี้ยงตามประสาคนชอบกิน เธอชอบอาหารพวกนี้มากว่าการฝืนใจทำความรู้จักผู้คนกับรอยยิ้มจอมปลอมเสียอีก
ทั้งสาวและหนุ่มมองตามคอแทบเคล็ดทุกก้าวเดิน เธอรู้ตัวว่ามีคนมองตามตาละห้อย ฟีลลิ่งแบบนี้แหละที่เรียกความมั่นใจให้กับสายฝน นับว่าโชคดีมากที่เธอไม่ยอมเชื่อฟังพี่ชายที่หาชุดเดรสสีขาวจืดชืดกระโปรงยาวเหยียดมาให้ใส่คู่กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นสายฝนคงได้มาร่วมงานด้วยใบหน้าซังกะตายเป็นแน่
“สวัสดีค่ะคุณสายฝน”
“โอ้ คุณฉายรวีหวัดดีค่ะ เดินทางมาเหนื่อยไหมคะ?” เธอแสร้งฉีกยิ้มทักทายเจ้าของห้องตัดเสื้อที่ม่านหมอกใช้บริการตัดชุดพนักงานโรงแรมในเครือ
“นิดหน่อยค่ะ ไม่คิดเลยนะคะว่าจะได้เจอกันที่นี่”
“โชคดีจังเลยนะคะ เอ้อ คุณฉายรวีเห็นหรือยังคะชุดบริกร ชุดพนักงานโรงแรมเราสวยเนี๊ยบถูกใจเพราะคุณเลย ต้องขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”
“ฉายรวียินดีให้บริการโรงแรมในเครือคุณม่านหมอกและคุณสายฝนอยู่แล้วค่ะ ใส่ใจให้เป็นพิเศษอิอิ cheers ค่ะ”
สายฝนยกแก้วโมฮิโตขึ้นชนแก้วแชมเปญที่ถือรออยู่ตามมารยาทและยืนพูดคุยเพื่อไว้หน้าพี่ชายเพียงชั่วครู่ ต่อไม่ให้ชอบกรอบชีวิตที่พี่ชายตีเส้นไว้ให้เพียงใด เธอก็รู้กาลเทศะว่าควรจะตามน้ำไปก่อนและไม่ยอมทำให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจพังเพียงเพราะอยากเป็นเด็กเอาแต่ใจ
“เดี๋ยวฝนขอตัวไปดูงานด้านนู้นก่อนนะคะ”
พอพูดคุยกับคุณฉายรวีไปได้สักพัก สายฝนจึงขอตัวเดินหนีบทสนาชวนกระอักกระอ่วนใจออกมา ดูแล้วจะเรียกว่าหนีได้ไม่เต็มปากเท่าไร เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนพุ่งเข้ามาหาพุ่งเข้ามาขอชนแก้วทำความรู้จักคล้ายกับกำลังเขย่งเท้าหลบกับระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
แก้วแล้วแก้วเล่าที่วางคืนบนถาดบริกร ปริมาณแอลกอฮอล์ในค็อกเทลแต่ละแก้วรวมกันแล้วไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ พูดตามประสาคนทั่วไปก็คือเริ่มตึง ๆ แล้วล่ะ
“ลุคคุณวันนี้บาดใจจังเลยค่ะ” ลูกสาวไฮโซเบอร์ใหญ่อายุเพียงยี่สิบปีที่มักเจอตามงานต่าง ๆ ส่งสายตาแทะโลมร่างของสายฝนแทบพรุน แต่เด็กที่ทำตัวเกินวัยคนนี้ห่างไกลจากรสนิยมที่สายฝนโปรดปรานลิบลับ
“โดนน้องแอลลี่ชมแบบนี้ไม่ชินเลยค่ะ” สายฝนยกยิ้มแสร้งทำเป็นปลื้มใจที่ได้ยินคำชมนั้น ปล่อยให้เด็กตรงหน้าภูมิใจกับลูกเล่นแสนเสน่ห์ของตัวเองเต็มที่
“ถ้าได้ยินทั้งคืน…แอลลี่ว่าน่าจะชินหูมากขึ้นนะคะ”
เด็กคนนี้ถือวิสาสะลากปลายเล็บเจลตั้งแต่ไหปลาร้ามาถึงกลางอกแล้วค้างเติ่งไว้แถวนั้น สายตาหวานเชื่อมบ่งบอกความต้องการชัดเจนเกินไปจนสายฝนต้องหาเรื่องมาหยุดไว้ “แย่จังเลยค่ะ ฉันดันมีธุระที่ต้องทำต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”
ไม่รู้ว่าลูกสาวไฮโซคนนั้นทำไมถึงกล้ามาหยอกหมาป่าแสนดุร้ายอย่างสายฝนได้ อาจเป็นเพราะล่วงรู้ถึงรสนิยมที่หลงใหลในเพศเดียวกันเลยกล้าพุ่งเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ช่างเถอะ ในเมื่อไม่ใช่เหยื่อรสชาติยอดเยี่ยมที่สายฝนชอบกัดกินก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรให้เก็บมานึกถึง
ทุกย่างก้าว ทุกอิริยาบถของสายฝนมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ทำให้มีสายตาคู่หนึ่งแอบมองตามเป็นระยะ ผมยาวสลวยลดหลั่นเป็นชั้นอย่างงดงามบนไหล่ช่วยสร้างกรอบให้กับใบหน้าที่โดดเด่น ควบคู่ไปกับรอยยิ้มอันสดใสยามทักทายผู้คน อิงฟ้าขอยอมรับอีกรอบว่า ดีย์ ตามที่เพื่อนสาวพูดไว้จริง ๆ
“ลบเรื่องที่สนามบินไปเลยปะลุคนี้? ดูตาแกสิ มองตามคุณเขาไม่หยุดเลยนะ”
“ก็ไม่เท่าไรนะแก” อิงฟ้ายักไหล่ยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบและผินหน้าไปทางอื่น แสร้งให้ความสนใจกับการแสดงบนเวที
“สายตาแกมันฟ้องย่ะ แล้วแกบ่นว่าไงนะ… สภาพเซอร์ ๆ ซึน ๆ ปากก็ไม่ดี หน้าตากวนประสาทอีก ดูสภาพเขาตอนนี้สิ…ละสายตาไม่ได้ก็พูดมาเหอะ”
“เดวิล ไม่ก็ซาตานไง” อิงฟ้ารีบบอกปัด ก่อนที่เพื่อนตัวจุ้นจะสาวความยาวยืดไปมากกว่านี้
“ก็คือจะไม่ยอมรับแหละเนอะว่าสนใจเขาแล้ว”
“ถูก! ฉันไม่สนใจ…แกอยู่ดูงานในนี้ไปนะ ฉันจะออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย”
ณิชามองตามหลังเพื่อนที่หมุนตัวหนีออกไปด้านนอก รอยยิ้มแพร่งพรายราวกับรู้ทันความรู้สึกภายในที่อิงฟ้าเอาแต่ปฏิเสธ เนื่องด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิททำงานร่วมกันมานานหลายปี ณิชาจึงดูออกว่าอิงฟ้าน่ะกำลังตกหลุมพรางของซาตานคนสวยคนนั้นเข้าแล้ว