ผบ.ตร.เผยทราบแล้ว วัน เวลา คนพาเสี่ยแป้ง หนีลงเขา ยืนยันอยู่ในไทย ตอบโต้เสียงวิพากษ์ การทำงานของตำรวจ ฝากถึง"แป้ง"ให้มอบตัว ดีกว่าหนีตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายชวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งหลบหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระหว่างเข้ารักษาตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าขณะนี้รู้วัน เวลา ที่เสี่ยแป้ง ลงจากเทือกเขาบรรทัด แล้ว รวมทั้งผู้ที่นำพาลงเขา ยืนยันว่ายังอยู่ในประเทศ จะเห็นมีลวดนามซึ่งดูคล้ายว่าอยู่ตามตะเข็บชายแดน คงต้องตรวจสอบว่าสถานที่ดัจะงกล่าวเป็นพื้นที่ใด รวมทั้งบ้านประตูไม้สีแดงที่ปรากฏในคลิป ep2
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่เสี่ยแป้ง ออกมาแฉถึงบุคคลต่างๆ รวมทั้งมีรายชื่อตำรวจหลายนาย เข้าไปพัวพันกับคดีเก่า ตนได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าพบว่ามีมูลความผิด ก็จะพิจารณาลงโทษทางวินัย และอาญา
“ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าเสี่ยแป้ง ติดต่อขอมอบตัว ไม่เป็นความจริง มีเพียงแต่ญาติที่ออกมาพูดเรื่องนี้ แต่หากเสี่ยแป้ง ติดต่อขอมอบตัวจริง ผมในฐานะ ผบ.ตร.จะยืนยันความปลอดภัยให้ และจะไม่มีการวิสามัญแต่อย่างใด แต่ถ้าต้องเข้าจับกุมแล้วมีการต่อสู้ขัดขืน ตำรวจจะใช้ดุลพินิจในการดำเนินการ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวและว่า ในส่วนกระแสข่าวตำหนิการทำงานของตำรวจ ยืนยันว่าเป็นเพียงเสียงส่วนน้อย ตำรวจทำตามหน้าที่ ไม่ได้ทำตามเสียงในโลกออนไลน์
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีนักการเมือง ออกมาตำหนิการทำงานของตำรวจ กลุ่มคนเหล่านั้นไม่เคยเข้ามาอยู่ในพื้นที่ และไม่ทราบการทำงานของตำรวจ อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันและสิ่งแวดล้อม เป็นอุปสรรคในการทำงานอย่างมาก รวมถึงประเด็นที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับตำรวจ อาจเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ ซึ่งตนมีนโยบายที่จะปรับทัศนคติตำรวจชุดปฏิบัติการ และตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและเชื่อมั่น ตนทราบปัญหาดี แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีปัญหากับชาวบ้าน และไม่ได้บกพร่องในการทำงานแต่อย่างใด
“ฝากไปถึงเสี่ยแป้ง ว่าการหลบหนีแบบนี้จะทำให้ต้องหนีไปตลอดชีวิต ดังนั้นควรจะติดต่อเข้ามอบตัว แต่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้แจ้งมาได้
ทันที” ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พ.ต.ๆต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สั่งให้ตรวจสอบภายหลังเสี่ยแป้ง ถ่ายคลิปวีดีโอแฉว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ถูกศาลพิพากษาจำคุก ทั้งที่มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายราย ว่า รมว.ยุติธรรม ได้ให้ความสำคัญและมีข้อสั่งการไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงดีเอสไอ โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีของเสี่ยแป้ง หากเข้าข่ายหรือต้องรื้อฟื้นคดีใหม่ และมีลักษณะเป็นคดีพิเศษ ก็จะให้ทางดีเอสไอ ดำเนินการต่อไป ซึ่งทาง รมว.ยุติธรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ และกำชับมาตลอดและยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด หากมีความคืบหน้าจะแจ้งถึงความชัดเจนอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่เสี่ยแป้ง พาดพิงอัยการชื่อ ‘บอย’ ที่เคยเป็นผู้ต้องหาร่วมกับเสี่ยแป้ง แต่อัยการภาค 9 สั่งไม่ฟ้องคดี ว่าเรื่องนี้อัยการสูงสุด มีคำสั่งให้อธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และให้นำสำนวนคดีมาวิเคราะห์ ซึ่งเดิมสำนวนคดีนี้มีอยู่ 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นส่วนที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งมีอัยการบอย เป็น 1 ใน 6 ผู้ต้องหา ที่อธิบดีอัยการภาค 9 มีคำสั่งไม่ฟ้อง เมื่อปี 2563 และคำสั่งส่งไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พิจารณาแล้ว เห็นพ้องตามอัยการ คือสั่งไม่ฟ้อง ถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด
ส่วนอีกคำสั่ง คือที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง และยื่นฟ้องเสี่ยแป้ง กระทั่งศาลจังหวัดพัทลุง มีคำพิพากษาจำคุก แล้วเสี่ยแป้ง ได้หลบหนีจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระหว่างเข้ารักษาตัว และออกคลิปวีดีโอพาดพิงอัยการ โดยอธิบดีอัยการภาค 9 รายงานผลการตรวจสอบมายังอัยการสูงสุดแล้ว แยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกที่พาดพิงถึงอัยการบอย ข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างที่ตนพูดตอนต้น และส่วนที่2 กรณีบัตรสนเท่ห์ กล่าวถึงอัยการอีกคนซึ่งเป็นอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงจังหวัดสงขลา ซึ่งทางอธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เนื่องจากขณะเกิดเหตุรับราชการอยู่ที่สำนักงานอัยการอาญามีนบุรี ไม่รู้จักกับอัยการบอย และเสี่ยแป้ง ซึ่งคลิปที่ 2 ของเสี่ยแป้ง ก็อ้างว่าไม่รู้จักอัยการคนนี้ด้วย
ในส่วนคำสั่งไม่ฟ้องอัยการบอย กับพวกรวม 6 คน และสำนวนที่มีการฟ้องเสี่ยแป้ง หลังจากได้รับคำสั่งอัยการสูงสุด ได้ประสานไปยังอธิบดีอัยการภาค 9 แล้ว โดยกระบวนการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ที่ผ่านมาเป็นการสั่งเด็ดขาดตามกระบวนการกฎหมายที่บัญญัติไว้ทุกประการ แต่กฎหมายเขียนไว้ว่าการจะสั่งคดีใหม่ได้จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 (ป.วิอาญา) ที่ต้องมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ ที่สามารถนำสืบพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ถูกกล่าวหาได้ ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ก็อาจจะรื้อคดีได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอผลวิเคราะห์สำนวนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาอัยการบอย ตกเป็นผู้ต้องหา อัยการมีการดำเนินการทางวินัย ระหว่างการตรวจสอบต้องย้ายออกจากพื้นที่หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่มี ต้องรอผลการตรวจสอบ เชื่อว่าทางอธิบดีอัยการภาค 9 จะรวบรวมส่งมาให้ทั้งหมด ทีมโฆษกอัยการฯ ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้
ผบ.ตร.ชี้ "แป้ง" ยังอยู่ในไทย ก.ยุติธรรม จี้ ติดปมถูกเปิดคลิปแฉ
“ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าเสี่ยแป้ง ติดต่อขอมอบตัว ไม่เป็นความจริง มีเพียงแต่ญาติที่ออกมาพูดเรื่องนี้ แต่หากเสี่ยแป้ง ติดต่อขอมอบตัวจริง ผมในฐานะ ผบ.ตร.จะยืนยันความปลอดภัยให้ และจะไม่มีการวิสามัญแต่อย่างใด แต่ถ้าต้องเข้าจับกุมแล้วมีการต่อสู้ขัดขืน ตำรวจจะใช้ดุลพินิจในการดำเนินการ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวและว่า ในส่วนกระแสข่าวตำหนิการทำงานของตำรวจ ยืนยันว่าเป็นเพียงเสียงส่วนน้อย ตำรวจทำตามหน้าที่ ไม่ได้ทำตามเสียงในโลกออนไลน์
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีนักการเมือง ออกมาตำหนิการทำงานของตำรวจ กลุ่มคนเหล่านั้นไม่เคยเข้ามาอยู่ในพื้นที่ และไม่ทราบการทำงานของตำรวจ อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันและสิ่งแวดล้อม เป็นอุปสรรคในการทำงานอย่างมาก รวมถึงประเด็นที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับตำรวจ อาจเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ ซึ่งตนมีนโยบายที่จะปรับทัศนคติตำรวจชุดปฏิบัติการ และตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและเชื่อมั่น ตนทราบปัญหาดี แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีปัญหากับชาวบ้าน และไม่ได้บกพร่องในการทำงานแต่อย่างใด
“ฝากไปถึงเสี่ยแป้ง ว่าการหลบหนีแบบนี้จะทำให้ต้องหนีไปตลอดชีวิต ดังนั้นควรจะติดต่อเข้ามอบตัว แต่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้แจ้งมาได้
ทันที” ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พ.ต.ๆต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สั่งให้ตรวจสอบภายหลังเสี่ยแป้ง ถ่ายคลิปวีดีโอแฉว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ถูกศาลพิพากษาจำคุก ทั้งที่มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายราย ว่า รมว.ยุติธรรม ได้ให้ความสำคัญและมีข้อสั่งการไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงดีเอสไอ โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีของเสี่ยแป้ง หากเข้าข่ายหรือต้องรื้อฟื้นคดีใหม่ และมีลักษณะเป็นคดีพิเศษ ก็จะให้ทางดีเอสไอ ดำเนินการต่อไป ซึ่งทาง รมว.ยุติธรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ และกำชับมาตลอดและยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด หากมีความคืบหน้าจะแจ้งถึงความชัดเจนอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่เสี่ยแป้ง พาดพิงอัยการชื่อ ‘บอย’ ที่เคยเป็นผู้ต้องหาร่วมกับเสี่ยแป้ง แต่อัยการภาค 9 สั่งไม่ฟ้องคดี ว่าเรื่องนี้อัยการสูงสุด มีคำสั่งให้อธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และให้นำสำนวนคดีมาวิเคราะห์ ซึ่งเดิมสำนวนคดีนี้มีอยู่ 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นส่วนที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งมีอัยการบอย เป็น 1 ใน 6 ผู้ต้องหา ที่อธิบดีอัยการภาค 9 มีคำสั่งไม่ฟ้อง เมื่อปี 2563 และคำสั่งส่งไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พิจารณาแล้ว เห็นพ้องตามอัยการ คือสั่งไม่ฟ้อง ถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด
ส่วนอีกคำสั่ง คือที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง และยื่นฟ้องเสี่ยแป้ง กระทั่งศาลจังหวัดพัทลุง มีคำพิพากษาจำคุก แล้วเสี่ยแป้ง ได้หลบหนีจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระหว่างเข้ารักษาตัว และออกคลิปวีดีโอพาดพิงอัยการ โดยอธิบดีอัยการภาค 9 รายงานผลการตรวจสอบมายังอัยการสูงสุดแล้ว แยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกที่พาดพิงถึงอัยการบอย ข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างที่ตนพูดตอนต้น และส่วนที่2 กรณีบัตรสนเท่ห์ กล่าวถึงอัยการอีกคนซึ่งเป็นอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงจังหวัดสงขลา ซึ่งทางอธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เนื่องจากขณะเกิดเหตุรับราชการอยู่ที่สำนักงานอัยการอาญามีนบุรี ไม่รู้จักกับอัยการบอย และเสี่ยแป้ง ซึ่งคลิปที่ 2 ของเสี่ยแป้ง ก็อ้างว่าไม่รู้จักอัยการคนนี้ด้วย
ในส่วนคำสั่งไม่ฟ้องอัยการบอย กับพวกรวม 6 คน และสำนวนที่มีการฟ้องเสี่ยแป้ง หลังจากได้รับคำสั่งอัยการสูงสุด ได้ประสานไปยังอธิบดีอัยการภาค 9 แล้ว โดยกระบวนการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ที่ผ่านมาเป็นการสั่งเด็ดขาดตามกระบวนการกฎหมายที่บัญญัติไว้ทุกประการ แต่กฎหมายเขียนไว้ว่าการจะสั่งคดีใหม่ได้จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 (ป.วิอาญา) ที่ต้องมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ ที่สามารถนำสืบพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ถูกกล่าวหาได้ ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ก็อาจจะรื้อคดีได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอผลวิเคราะห์สำนวนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาอัยการบอย ตกเป็นผู้ต้องหา อัยการมีการดำเนินการทางวินัย ระหว่างการตรวจสอบต้องย้ายออกจากพื้นที่หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่มี ต้องรอผลการตรวจสอบ เชื่อว่าทางอธิบดีอัยการภาค 9 จะรวบรวมส่งมาให้ทั้งหมด ทีมโฆษกอัยการฯ ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้