JKN เงื่อนปมงบการเงิน ‘ลับ-ลวง-พราง’

ไม่เพียงแค่กลเกม​การขอเข้าสู่ “เข้าฟื้นฟูกิจการ” จนทำให้กรรมการลาออกกึ่งหนึ่ง
(5 ราย) ของทั้งหมดเท่านั้น แต่ว่าเรื่อง “ลับลวงพราง” ปมงบการเงินงวดสิ้นสุดไตรมาส 3/66 ที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินอันมีผลกระทบฐานะบริษัทอย่างมีนัยสำคัญกลายเป็นอีกโจทย์ใหญ่ที่ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ต้องออกมาสร้างความกระจ่างให้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุน และบรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย..

เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้..ล้วนเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายอย่างยิ่ง..!?

ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สั่งให้ JKN ชี้แจงข้อมูลงบการเงินไตรมาส 3/66 กรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินอันเนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องและอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสำคัญคือ..

1) การประเมินการด้อยค่าสินทรัพย์เงินลงทุนในบริษัทย่อยเครื่องหมายการค้าลิขสิทธิ์รายการและค่าความนิยม รวม 10,789 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างดำเนินการประเมินซึ่งอาจมีผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์ ขณะที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 4,813 ล้านบาท

2) การขาดสภาพคล่องทางการเงิน

3) การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ส่งผลให้ถือเป็นเหตุผิดนัดหนี้อื่น ๆ รวม 4,558 ล้านบาทโดยบริษัทยังไม่ตั้งประมาณการความเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
โดยงบการเงินงวด 9 เดือน ปี 2566 สินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการประเมินเพื่อพิจารณาว่าอาจมีรายการปรับปรุงมูลค่าตามความเห็นผู้สอบบัญชี

-เงินลงทุนในบริษัทย่อยมูลค่า 2,400 ล้านบาท
-เครื่องหมายการค้า Miss Universe มูลค่า 1,333 ล้านบาท
-ลิขสิทธิ์รายการ มูลค่า 6,278 ล้านบาท
-ค่าความนิยมซื้อบริษัทย่อย มูลค่า 718 ล้านบาท
สินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการประเมินมีมูลค่าตามงบการเงิน 10,789 ล้านบาทขณะที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 4,813 ล้านบาท
หากถูกพิจารณาตั้งด้อยค่า อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทยังไม่มีการขายบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด (MNB) ธุรกิจผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ให้บุคคลภายนอก และอยู่ระหว่างพิจารณาแผนใหม่มูลค่าขาย 56 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาซื้อ 27% (บริษัทมีการลงทุนมาแล้ว 2 ปี และมีค่าความนิยม 40 ล้านบาท) และมีเงินให้กู้ยืมคงค้าง 42.4 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทแจ้งผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 คณะกรรมการอนุมัติการขายหุ้นทั้งหมด 60% ของ MNB โดยระบุว่าไม่มีหนี้คงค้างและภาระค้ำประกัน (ข่าวบริษัทวันที่ 30 มิถุนายน 2566)
ลูกหนี้การค้า-กิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกันโดย 97% ของยอดลูกหนี้การค้าคงค้างเป็นลูกค้ารายใหญ่ 12 รายแรกที่บริษัทมีรายได้ค่าสิทธิจากการทำสัญญากับลูกค้ากลุ่มนี้คิดเป็น 99% ของยอดรายได้ค่าสิทธิ (ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 6) จำนวน 2,334 ล้านบาท

โดยลูกหนี้ค้างชำระ 1,190 ล้านบาท คิดเป็น 51% ของลูกหนี้-กิจการไม่เกี่ยวข้องกัน และลูกหนี้ค้างชำระมากกว่า 6 เดือน 669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากสิ้นปี 2565 ขณะที่บริษัทตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 88 ล้านบาท
การคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากกรรมการและการลงทุนจำนวนมากในการซื้อลิขสิทธิ์  โดยช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2566 บริษัทไม่สามารถจัดหาเงินทุนมาชำระหนี้ หุ้นกู้จนทำให้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 600 ล้านบาท ที่ครบกำหนดวันที่ 1 กันยายน 2566
ขณะที่ปรากฏข้อมูลว่ามีการจ่ายคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากกรรมการที่ไม่คิดดอกเบี้ยทั้งจำนวน 300 ล้านบาทช่วงไตรมาส 2 และลงทุนซื้อลิขสิทธิ์รายการจำนวนมากไตรมาส 2-3 รวม 2,524 ล้านบาท

ทั้งนี้ประเด็นที่ตลท.สั่งให้บริษัทชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับรายการความคืบหน้าดำเนินการผลกระทบต่อฐานะการเงินนโยบายการให้เครดิตแก่ลูกค้านโยบายการติดตามหนี้และการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2566
ที่สำคัญขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงิน JKN และติดตามคำชี้แจงของบริษัทอย่างใกล้ชิด ส่วนว่าคำตอบหรือบทสรุปจะกลายเป็นอีกหนึ่งมหากาพย์ “ลับ-ลวง-พรางงบการเงิน” เฉกเช่นที่เกิดขึ้นมาแล้วกับบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK หรือไม่.!?

ดูแล้วมันช่างน่าเสียวไส้จริง ๆ…!!!!

เครดิต ข่าวหุ้น
https://www.kaohoon.com/?p=640791

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่