ก.ล.ต. สั่ง POLAR-EARTH ตั้งผู้สอบบัญชีกรณีพิเศษ
ก.ล.ต. สั่ง POLAR จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) และเปิดเผยข้อมูลภายใน 30 วัน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัท โพลาริส ( POLAR ) และบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ และเปิดเผยข้อมูลภายใน 30 วัน
กรณีของ บริษัท โพลาริส POLAR นำส่งงบการเงินงวดสิ้นปี 2559 ต่อ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก4,580 ล้านบาท แต่ POLAR ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 POLAR ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางว่า POLAR มีหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนแล้ว รวมทั้งสิ้น 5,718 ล้านบาท ซึ่งอาจมากกว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่
ข้อมูลหนี้สินที่ POLAR เปิดเผยในงบการเงินแตกต่างจากมูลหนี้ในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหลักทรัพย์ หรือผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนได้
สำหรับ EARTH จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับการทำรายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าและเงินจองสิทธิในการซื้อสินค้า และเปิดเผยผลการตรวจสอบภายใน 30 วัน
EARTH เปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ว่า ได้ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน และค้างชำระหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งทำให้เข้าเงื่อนไขผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ และมีหนี้สินที่คาดว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งรวมมูลหนี้ทั้งหมดได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 20 ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด โดย EARTH ระบุว่า เกิดจากปัญหาสภาพคล่องและการที่วงเงินสินเชื่อสถาบันการเงินอยู่ระหว่างถูกทบทวน และปัจจุบัน EARTH พยายามหาแนวทางการชำระหนี้ที่เป็นรูปธรรมอยู่
ก.ล.ต. เห็นว่า ธุรกิจหลักของ EARTH คือการซื้อขายถ่านหิน (trading) ซึ่งการบริหารสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และที่ผ่านมาEARTH ใช้แหล่งเงินทุนจากการขอสินเชื่อและการออกตราสารหนี้เพื่อจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสินค้า และค่าจองสิทธิในการซื้อสินค้า ซึ่งรายการดังกล่าวมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 และมียอดคงเหลือ ณ สิ้นงวดไตรมาส 1 ปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 45 ของสินทรัพย์รวม จึงถือเป็นสินทรัพย์หลักของ EARTH ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่า ความถูกต้องครบถ้วนของรายการดังกล่าวเป็นข้อมูลสำคัญต่อผู้ถือหลักทรัพย์และผู้ลงทุนทั่วไป รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้ EARTH กลับมาทำธุรกิจได้
ก.ล.ต.เลือกปฏิบัติสั่งลุย POLAR,EARTH แต่หงอยกับ IFEC
ก.ล.ต. สั่ง POLAR จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) และเปิดเผยข้อมูลภายใน 30 วัน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัท โพลาริส ( POLAR ) และบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ และเปิดเผยข้อมูลภายใน 30 วัน
กรณีของ บริษัท โพลาริส POLAR นำส่งงบการเงินงวดสิ้นปี 2559 ต่อ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก4,580 ล้านบาท แต่ POLAR ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 POLAR ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางว่า POLAR มีหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนแล้ว รวมทั้งสิ้น 5,718 ล้านบาท ซึ่งอาจมากกว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่
ข้อมูลหนี้สินที่ POLAR เปิดเผยในงบการเงินแตกต่างจากมูลหนี้ในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหลักทรัพย์ หรือผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนได้
สำหรับ EARTH จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับการทำรายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าและเงินจองสิทธิในการซื้อสินค้า และเปิดเผยผลการตรวจสอบภายใน 30 วัน
EARTH เปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ว่า ได้ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน และค้างชำระหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งทำให้เข้าเงื่อนไขผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ และมีหนี้สินที่คาดว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งรวมมูลหนี้ทั้งหมดได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 20 ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด โดย EARTH ระบุว่า เกิดจากปัญหาสภาพคล่องและการที่วงเงินสินเชื่อสถาบันการเงินอยู่ระหว่างถูกทบทวน และปัจจุบัน EARTH พยายามหาแนวทางการชำระหนี้ที่เป็นรูปธรรมอยู่
ก.ล.ต. เห็นว่า ธุรกิจหลักของ EARTH คือการซื้อขายถ่านหิน (trading) ซึ่งการบริหารสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และที่ผ่านมาEARTH ใช้แหล่งเงินทุนจากการขอสินเชื่อและการออกตราสารหนี้เพื่อจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสินค้า และค่าจองสิทธิในการซื้อสินค้า ซึ่งรายการดังกล่าวมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 และมียอดคงเหลือ ณ สิ้นงวดไตรมาส 1 ปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 45 ของสินทรัพย์รวม จึงถือเป็นสินทรัพย์หลักของ EARTH ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่า ความถูกต้องครบถ้วนของรายการดังกล่าวเป็นข้อมูลสำคัญต่อผู้ถือหลักทรัพย์และผู้ลงทุนทั่วไป รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้ EARTH กลับมาทำธุรกิจได้