มาเร็ววววววว เพื่อนๆ เราไปเที่ยวทริป 3 วัน 2 คืนแบบฉ่ำ ๆ ในงบไม่เกิน 3000 กันทุกคนนน พวกเราเลือกไปที่เชียงใหม่ในอำเภอ กัลยานิวัฒนา สายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหรือการไปเที่ยวเพื่อเก๋บประสบการณ์ใหม่ ๆ เชิญมาฟังกันเลยครับผม
ครั้งนี้เราเดินทางจากกรุงเทพไปจังหวัดเชียงใหม่ด้วยการนั่งรถไฟ มาเริ่มต้นเดินทางไปพร้อมกับพวกเรากันเลย!
ในส่วนของการเดินทาง พวกเราวางแผนกันไว้ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟ!! เที่ยวขาไปเชียงใหม่ของเราเลยเป็นรถไฟนั่งนะเพื่อนๆ ซึ่งก็คือ รถไฟนั่งแบบพัดลมชั้น 2 ราคาก็จะตกอยู่ที่ 468 บาท
^
^
^
DAY 1
เราเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยของเราไปยังสถานีกลางบางซื่อช่วงเวลา 18.00 ถึงสถานีกลางบางซื่อเวลา 20.00 น. รถไฟนั่งของเราออกตามเวลาที่กำหนดเป๊ะๆ ก็คือ 20.30 น.
ประสบการณ์แรกของการไปเชียงใหม่ของพวกเราคือ การนั่งรถไฟพัดลมครั้งแรก.. ได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ แบบ 4D ทุกอย่างจริงยิ่งกว่าจริง ทั้งเสียงของเครื่องจักร อากาศเย็นช่วงกลางคืน คนขายอาหารและน้ำดื่ม ไปจนถึงแมลงอีกเกือบล้านชีวิตที่บินมาเกาะเสื้อตลอดการเดินทาง เตรียมตัวมาดีแค่ไหนแต่ยอมรับเลยว่าเราคือนักท่องเที่ยวมือใหม่มากกกกก
^
^
^
หลังจากที่พวกเรา นั่ง ๆ นอนๆ และตื่นมาชมบรรยากาศช่วงเช้าผ่านหน้าต่างรถไฟแล้ว รถไฟก็ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่เวลา 10.30 น. รถไฟดีเลย์ไปจากเวลาถึงตามกำหนดประมาณ 2 ชั่วโมง ประสบการณ์ใหม่อีกข้อที่ได้รับรู้ในวันนี้ก็คือรถไฟไทยดีเลย์เก่งมาก วอนทุกคนรับทราบก่อนเดินทาง 🥹 จากนั้นเราก็รีบนั่งรถไปที่สถานีขนส่งทางช้างเผือกเพื่อขึ้นรถสองแถวสีเหลืองคันน้อยสายเชียงใหม่-สะเมิง-กัลยาณิวัฒนา ให้ทันรอบ 11:00 โมง! ต้องทันเท่านั้นเพราะรถสายนี้มีไปส่งแค่สองรอบต่อวัน โดยค่ารถสองแถวขาไป ราคาตกคนละ 250 บาท
เราใช้เวลาเดินทางไปถึงจุดหมายแรกของเราในเวลา 15:30 น. ซึ่งใช้เวลาไปทั้งหมด 4 ชั่วโมงเต็ม บรรยากาศการเดินทางไปคือคุ้มค่ากับเวลาและราคามาก ๆ อากาศเย็น ๆ กับพี่ ๆ ที่เพิ่งได้รู้จักกันบนรถ ถึงแม้ว่าจะเมารถหมดสภาพแค่ไหนแต่ก็ต้องมีลุกขึ้นมามองวิวถนนบ้าง เพราะบรรยากาศระหว่างการเดินทางคือสวยมาก อากาศเย็นสบายในช่วงเวลาขึ้นเขานี่มันดีจริง ๆ 👍🏻👍🏻
พวกเราเข้าพักที่ป่าสนวัดจันทร์ทั้งหมด 1 คืน โดยพวกเราเลือกห้องพักชื่อ บ้านสนเขา สามารถพักได้ 4 คน ราคา 1200 บาท หารกันแล้วก็จะตกที่ 300 บาทต่อคนนั่นเอง
บรรยากาศในช่วงเย็นคือดีมาก อากาศเย็น ๆ เหมาะกับการมาพักผ่อนที่สุด หลังจากมาถึงเราก็เช็คอินและจองอาหารมื้อเย็นเพื่อให้ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ (แล้วแต่ว่าเราจะสั่งอะไรนะทุกคน มีให้เลือกระหว่างชาบูและอาหารพื้นบ้าน ) พอเก็บของเสร็จก็ไปเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ที่พัก มีทั้งอ่างเก็บน้ำของชุมชน เส้นทางปั่นจักรยาน และก็มีเส้นทางเดินป่าด้วย ถ้าสนใจก็สามารถแจ้งพี่พนักงานได้เลย เขาจะมีไกด์ช่วยนำเที่ยว แต่แม้ว่าพวกเราจะเลือกเดินเล่นชมวิวเฉย ๆ เราก็มีไกด์สี่ขามาช่วยนำทางให้ด้วย ฉลาดสุด ๆ ไปเลย
ช่วงค่ำอากาศเย็นลงมาก คุ้มสุด ๆ เลยเพราะเสื้อกันหนาวที่ซื้อมาได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว พี่พนักงานแจ้งว่าตรงอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่โล่งเหมาะกับการดูดาวมาก หลังจากอาบน้ำและทานมื้อเย็นเสร็จพวกเราก็ได้ไปดูดาว ตื่นตาตื่นใจมากเพราะดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด พอเก็บรูปดาวกันจนพอใจแล้วก็กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เตรียมตัวตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันครับวัยรุ่น
^
^
^
^
DAY 2
^
^
^
พอตื่นเช้ามาก็ต้องตัดใจทิ้งผ้าห่มและลุกออกจากเตียงมาเพื่อนทำกิจกรรมแรกของวัน ซึ่งก็คือการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่างเก็บน้ำนั่นเอง พวกเราได้เก็บภาพบรรยายกาศมาฝากแบบฉ่ำ ๆ อาจจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเพราะหมอกค่อนข้างเยอะ แต่แค่เห็นภาพก็รู้สึกถึงความสดชื่นขึ้นมาทันทีเลยมั้ยนะ หลังจากยืนเก็บบรรยากาศเต็มที่ก็กลับไปทำภารกิจส่วนตัว ทานอาหานเช้า และรอไปชมวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่นกับพี่ไกด์ต่อไป
^
^
ระหว่างรอพี่ไกด์มารับเราก็ได้เดินชมบรรยายกาศตอนเช้าของที่พักวันแรกเราอีกสักหน่อย
ในวันนี้เรามีพี่ไก่เป็นไกด์ช่วยพาไปชมและศึกษาชุมชนนะทุกคน ซึ่งพี่ไก่เป็นชาวปกากะญอที่พาพวกเราไปเที่ยว ตอนที่ปรึกษาเรื่องกิจกรรมกัน พี่ไก่ก็แนะนำมาเยอะมาก วันที่ไปพวกเราไปตรงกับวันทอดกฐินของหมู่บ้านพอดี พี่ไก่เลยได้พาเราไปชมบรรยากาศในงานทอดกฐิน ณ วัดห้วยบง ซึ่งทุกคนในงานแต่งตัวด้วยชุดของชนเผ่าปกาเกอะญอ ซึ่งเป็นชุดพื้นถิ่นของพวกเขา แต่ละชุดก็คือน่ารักมาก ๆ เลย
v
v
v
v
v
หลังจากเสร็จสิ้นงานกฐิน พระอาจารย์ก็แนะนำเราให้เดินชมภาพรอบอุโบสถเพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของชาวปกากะญอ แต่ละรูปก็จะมีประวัติย่อ ๆ ให้เราได้ฟังได้อ่านกันด้วย หลังจากนั้นเราก็ได้ไปชมไร่กาแฟที่ปลูกอยู่หลังวัด และบ้านแต่ละแบบที่พวกเขาใช้ในการจัดงานพิธีต่าง ๆ ที่น่าสนใจคือชาวปกากะญอจะสร้างบ้านด้วยไม้ไผ่เป็นหลักแต่มีความแข็งแรงมาก
พอชมไร่กาแฟเสร็จ ในช่วงบ่ายเราได้ตกลงกันว่าจะไปดูสวนอะโวคาโดของชาวบ้าน และไปดูการลงนาเกี่ยวข้าวแบบดั้งเดิม
^
^
^
^
^
นั่งรถไปถึงที่สวน คุณลุงคุณป้าเจ้าของก็ใจดีให้เราไปเก็บลูกอะโวคาโดที่หล่นในสวนมากินได้ ซึ่งรสชาติที่เรากินครั้งแรกก็คือ มัน ๆ นัว ๆ ปะแล่มแปลก ๆ แต่พอเอาไปกินกับน้ำผึ้งคือดีมากเลยทุกคนนน เพิ่งรู้ว่าอะโวคาโดมันอร่อยขนาดนี้ แถมคุณป้ายังปอกฝรั่งและแบ่งเสาวรสให้กินด้วย
^
^
พอเติมพลังเสร็จพวกเราได้ไปเกี่ยวข้าวกับตีข้าวที่ตีด้วยมือซึ่งไม่ค่อยเห็นแล้วในสมัยนี้ ชาวนาเก่งมากเลยที่ตีข้าวทั้งหมดนี่ได้ พวกเราดีกันไปคนละ 3 4 ไม้ก็หมดแรงไม่ไหวแล้ว555555555555
v
v
v
หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราก็ได้กลับที่พักในวันที่สองกัน ลุ้นมากว่าวันนี้จะได้นอนที่ไหนกันนะ พอนั่งรถพี่ไก่มาได้ซักพัก ก็เฉลยแล้วว่าวันนี้พวกเราพักกันที่บ้านของชาวบ้านนี่เองง เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ตั้งราคาเอาไว้ แต่เราก็มอบสินน้ำใจให้กับคุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้าน 400 บาท
v
v
v
มื้อเย็นวันนี้เราได้ทำอาหารเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน โดยมื้อนี้คุณลุงลงมือทำอาหารพื้นถิ่นให้เราเองกับมือ ส่วนพวกเราก็ทำเมนูง่าย ๆ คือ ต้มแซ่บหมู และหมูผัดกระเทียมให้พวกเขาได้ลองทานกัน ระหว่างทำอาหารคุณป้าเจ้าของบ้านก็มีน้ำชาที่เป็นใบชาที่เขาเก็บเองมาให้ลองชิมกันด้วย
ประสบการณ์ใหม่อีกข้อที่ค้นพบในวันนี้ก็คือ ในวัฒนธรรมของชาวปกากะญอ ถ้ามีแขกมาบ้าน เจ้าบ้านจะให้แขกกินข้าวก่อนเสมอ ซึ่งอย่าตกใจกันมากนะทุกคน เพราะเราตกใจเผื่อไปแล้ววววว
^
^
^
ส่วนอาหารที่เราได้กินวันนี้ก็มีหลายเมนูเลย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นถิ่น อย่างเช่นข้าวเบ๊อะ น้ำพริกเขียด และน้ำพริกขม แล้วพี่ไก่ไกด์ของเรายังมีน้ำพริกถั่วเน่ามาแบ่งให้เราได้ลองกินกันอีกด้วย ข้าวเบ๊อะหอมและก็อร่อยมากกกก หลังจากทานกันอิ่มท้องเราก็ได้แยกย้ายไปอาบน้ำและเข้านอนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้กัน
^
^
^
^
^
DAY 3
^
^
^
วันนี้รถสองแถวเจ้าเดิมจะมารับพวกเรากลับลงไปเมืองเชียงใหม่ในรอบ 8 โมงเช้า ซึ่งอากาศตอนเช้าคือหนาวเย็นเป็นจำนวนมาก ตื่นกันตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ควานหาผ้าห่มมาห่อตัวเองแทบไม่ทัน
วันนี้คุณลุงก็ตื่นเช้าขึ้นมาทำกับข้าวให้พวกเราทานกันอีกแล้ว (คุณลุงใจดีสุดยอดไปเลยครับ!) ข้าวเช้าของเราวันนี้ก็จะมี แกงฟักทองใส่หมู กับน้ำพริกปลากระป๋องให้เราทานกันแบบจุก ๆ แกงฟักทองของคุณลุงอร่อยล้ำมากกกกก ไม่อยากให้หมดเลย และก่อนขึ้นรถมาพวกเรายังได้อะโวคาโดและชาที่เก็บข้างทางกลับไปแบ่งกันกินอีกด้วย
v
v
v
v
v
ขึ้นรถสองแถวเวลา 8.00 น. ลงมาจากหมู่บ้านห้วยบงและแวะรับพี่ ๆ ที่เราได้เจอกันวันแรกที่ดูเลเล ในที่สุดพวกเราก็เดินทางถึงในตัวเมืองเชียงใหม่ในเวลา 13:00 นาฬิกา ค่ารถขากลับลงมาตกคนละ 190 บาท ครั้งนี้พวกเราทุกคนเก่งมากเพราะไม่มีใครเมารถเลย
เรามาถึงสถานีขนส่งช้างเผือกประมาณ 13.00 น. พอถึงแล้วพวกเราก็ได้หามื้อเที่ยงทานรองท้องและเดินทางไปที่ “พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา” เพื่อโต๋เต๋รอเวลาไปขึ้นรถไฟในรอบ 6 โมงเย็นกันต่อ
เพื่อรอรถไฟขากลับของเรา เป็นรถไฟตู้นอนชั้น 2 พวกเราจองเตียงชั้นบน 2 ที่นั่ง และชั้นล่าง 2 ที่นั่ง หารกันแล้วตกคนละ 803 บาท ส่วนค่าไกด์ พี่ไก่บอกว่าตามใจพวกเรา พวกเราเลยมอบให้พี่เขาเป็นค่านำเที่ยวทั้งหมด 500 บาท ตกอยู่ที่คนละ 125 บาท
และค่ารถส่วนที่เหลือพวกเราเลือกใช้แกรปในการเดินทาง ก็ตกคนละไม่เกิน 20 บาท
^
^
^
รวมค่าใช้จ่ายทั้งทริป ค่ารถ+ที่พัก+ค่าไกด์ รวมทั้งสิ้นคนละ 2460 บาท
^
^
การไปเที่ยวในครั้งนี้ ได้สร้างทั้งมิตรภาพใหม่ ๆ ตั้งแต่เดินทาง ได้พบเจอผู้คนที่หลากหลาย ได้เจอวัฒนธรรมใหม่ ๆ และได้สัมผัสเรื่องราวการใช้ชีวิตของที่นั่นแบบเรียล ๆ ก็อยากเชิญชวนและอยากให้ทุกคนได้ลองเดินทางไปเที่ยวกันครับ มั่นใจว่าทุกคนจะได้เจอทั้งบรรยากาศใหม่ ๆ และผู้คนใหม่ ๆ และได้พักผ่อนกับบรยากาศสดชื่นบนเขาอย่างเต็มอิ่มแน่นอน แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าครับผม
https://www.youtube.com/watch?v=aty1A42x1Z8
ท่องเที่ยวกัลยานิวัตนา 3 วัน 2 คืน ในงลไม่เกิน 3000 บาท
ครั้งนี้เราเดินทางจากกรุงเทพไปจังหวัดเชียงใหม่ด้วยการนั่งรถไฟ มาเริ่มต้นเดินทางไปพร้อมกับพวกเรากันเลย!
ในส่วนของการเดินทาง พวกเราวางแผนกันไว้ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟ!! เที่ยวขาไปเชียงใหม่ของเราเลยเป็นรถไฟนั่งนะเพื่อนๆ ซึ่งก็คือ รถไฟนั่งแบบพัดลมชั้น 2 ราคาก็จะตกอยู่ที่ 468 บาท
^
^
^
DAY 1
เราเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยของเราไปยังสถานีกลางบางซื่อช่วงเวลา 18.00 ถึงสถานีกลางบางซื่อเวลา 20.00 น. รถไฟนั่งของเราออกตามเวลาที่กำหนดเป๊ะๆ ก็คือ 20.30 น.
ประสบการณ์แรกของการไปเชียงใหม่ของพวกเราคือ การนั่งรถไฟพัดลมครั้งแรก.. ได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ แบบ 4D ทุกอย่างจริงยิ่งกว่าจริง ทั้งเสียงของเครื่องจักร อากาศเย็นช่วงกลางคืน คนขายอาหารและน้ำดื่ม ไปจนถึงแมลงอีกเกือบล้านชีวิตที่บินมาเกาะเสื้อตลอดการเดินทาง เตรียมตัวมาดีแค่ไหนแต่ยอมรับเลยว่าเราคือนักท่องเที่ยวมือใหม่มากกกกก
^
^
^
หลังจากที่พวกเรา นั่ง ๆ นอนๆ และตื่นมาชมบรรยากาศช่วงเช้าผ่านหน้าต่างรถไฟแล้ว รถไฟก็ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่เวลา 10.30 น. รถไฟดีเลย์ไปจากเวลาถึงตามกำหนดประมาณ 2 ชั่วโมง ประสบการณ์ใหม่อีกข้อที่ได้รับรู้ในวันนี้ก็คือรถไฟไทยดีเลย์เก่งมาก วอนทุกคนรับทราบก่อนเดินทาง 🥹 จากนั้นเราก็รีบนั่งรถไปที่สถานีขนส่งทางช้างเผือกเพื่อขึ้นรถสองแถวสีเหลืองคันน้อยสายเชียงใหม่-สะเมิง-กัลยาณิวัฒนา ให้ทันรอบ 11:00 โมง! ต้องทันเท่านั้นเพราะรถสายนี้มีไปส่งแค่สองรอบต่อวัน โดยค่ารถสองแถวขาไป ราคาตกคนละ 250 บาท
เราใช้เวลาเดินทางไปถึงจุดหมายแรกของเราในเวลา 15:30 น. ซึ่งใช้เวลาไปทั้งหมด 4 ชั่วโมงเต็ม บรรยากาศการเดินทางไปคือคุ้มค่ากับเวลาและราคามาก ๆ อากาศเย็น ๆ กับพี่ ๆ ที่เพิ่งได้รู้จักกันบนรถ ถึงแม้ว่าจะเมารถหมดสภาพแค่ไหนแต่ก็ต้องมีลุกขึ้นมามองวิวถนนบ้าง เพราะบรรยากาศระหว่างการเดินทางคือสวยมาก อากาศเย็นสบายในช่วงเวลาขึ้นเขานี่มันดีจริง ๆ 👍🏻👍🏻
พวกเราเข้าพักที่ป่าสนวัดจันทร์ทั้งหมด 1 คืน โดยพวกเราเลือกห้องพักชื่อ บ้านสนเขา สามารถพักได้ 4 คน ราคา 1200 บาท หารกันแล้วก็จะตกที่ 300 บาทต่อคนนั่นเอง
บรรยากาศในช่วงเย็นคือดีมาก อากาศเย็น ๆ เหมาะกับการมาพักผ่อนที่สุด หลังจากมาถึงเราก็เช็คอินและจองอาหารมื้อเย็นเพื่อให้ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ (แล้วแต่ว่าเราจะสั่งอะไรนะทุกคน มีให้เลือกระหว่างชาบูและอาหารพื้นบ้าน ) พอเก็บของเสร็จก็ไปเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ที่พัก มีทั้งอ่างเก็บน้ำของชุมชน เส้นทางปั่นจักรยาน และก็มีเส้นทางเดินป่าด้วย ถ้าสนใจก็สามารถแจ้งพี่พนักงานได้เลย เขาจะมีไกด์ช่วยนำเที่ยว แต่แม้ว่าพวกเราจะเลือกเดินเล่นชมวิวเฉย ๆ เราก็มีไกด์สี่ขามาช่วยนำทางให้ด้วย ฉลาดสุด ๆ ไปเลย
ช่วงค่ำอากาศเย็นลงมาก คุ้มสุด ๆ เลยเพราะเสื้อกันหนาวที่ซื้อมาได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว พี่พนักงานแจ้งว่าตรงอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่โล่งเหมาะกับการดูดาวมาก หลังจากอาบน้ำและทานมื้อเย็นเสร็จพวกเราก็ได้ไปดูดาว ตื่นตาตื่นใจมากเพราะดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด พอเก็บรูปดาวกันจนพอใจแล้วก็กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เตรียมตัวตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันครับวัยรุ่น
^
^
^
^
DAY 2
^
^
^
พอตื่นเช้ามาก็ต้องตัดใจทิ้งผ้าห่มและลุกออกจากเตียงมาเพื่อนทำกิจกรรมแรกของวัน ซึ่งก็คือการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่างเก็บน้ำนั่นเอง พวกเราได้เก็บภาพบรรยายกาศมาฝากแบบฉ่ำ ๆ อาจจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเพราะหมอกค่อนข้างเยอะ แต่แค่เห็นภาพก็รู้สึกถึงความสดชื่นขึ้นมาทันทีเลยมั้ยนะ หลังจากยืนเก็บบรรยากาศเต็มที่ก็กลับไปทำภารกิจส่วนตัว ทานอาหานเช้า และรอไปชมวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่นกับพี่ไกด์ต่อไป
^
^
ระหว่างรอพี่ไกด์มารับเราก็ได้เดินชมบรรยายกาศตอนเช้าของที่พักวันแรกเราอีกสักหน่อย
ในวันนี้เรามีพี่ไก่เป็นไกด์ช่วยพาไปชมและศึกษาชุมชนนะทุกคน ซึ่งพี่ไก่เป็นชาวปกากะญอที่พาพวกเราไปเที่ยว ตอนที่ปรึกษาเรื่องกิจกรรมกัน พี่ไก่ก็แนะนำมาเยอะมาก วันที่ไปพวกเราไปตรงกับวันทอดกฐินของหมู่บ้านพอดี พี่ไก่เลยได้พาเราไปชมบรรยากาศในงานทอดกฐิน ณ วัดห้วยบง ซึ่งทุกคนในงานแต่งตัวด้วยชุดของชนเผ่าปกาเกอะญอ ซึ่งเป็นชุดพื้นถิ่นของพวกเขา แต่ละชุดก็คือน่ารักมาก ๆ เลย
v
v
v
v
v
หลังจากเสร็จสิ้นงานกฐิน พระอาจารย์ก็แนะนำเราให้เดินชมภาพรอบอุโบสถเพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของชาวปกากะญอ แต่ละรูปก็จะมีประวัติย่อ ๆ ให้เราได้ฟังได้อ่านกันด้วย หลังจากนั้นเราก็ได้ไปชมไร่กาแฟที่ปลูกอยู่หลังวัด และบ้านแต่ละแบบที่พวกเขาใช้ในการจัดงานพิธีต่าง ๆ ที่น่าสนใจคือชาวปกากะญอจะสร้างบ้านด้วยไม้ไผ่เป็นหลักแต่มีความแข็งแรงมาก
พอชมไร่กาแฟเสร็จ ในช่วงบ่ายเราได้ตกลงกันว่าจะไปดูสวนอะโวคาโดของชาวบ้าน และไปดูการลงนาเกี่ยวข้าวแบบดั้งเดิม
^
^
^
^
^
นั่งรถไปถึงที่สวน คุณลุงคุณป้าเจ้าของก็ใจดีให้เราไปเก็บลูกอะโวคาโดที่หล่นในสวนมากินได้ ซึ่งรสชาติที่เรากินครั้งแรกก็คือ มัน ๆ นัว ๆ ปะแล่มแปลก ๆ แต่พอเอาไปกินกับน้ำผึ้งคือดีมากเลยทุกคนนน เพิ่งรู้ว่าอะโวคาโดมันอร่อยขนาดนี้ แถมคุณป้ายังปอกฝรั่งและแบ่งเสาวรสให้กินด้วย
^
^
พอเติมพลังเสร็จพวกเราได้ไปเกี่ยวข้าวกับตีข้าวที่ตีด้วยมือซึ่งไม่ค่อยเห็นแล้วในสมัยนี้ ชาวนาเก่งมากเลยที่ตีข้าวทั้งหมดนี่ได้ พวกเราดีกันไปคนละ 3 4 ไม้ก็หมดแรงไม่ไหวแล้ว555555555555
v
v
v
หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราก็ได้กลับที่พักในวันที่สองกัน ลุ้นมากว่าวันนี้จะได้นอนที่ไหนกันนะ พอนั่งรถพี่ไก่มาได้ซักพัก ก็เฉลยแล้วว่าวันนี้พวกเราพักกันที่บ้านของชาวบ้านนี่เองง เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ตั้งราคาเอาไว้ แต่เราก็มอบสินน้ำใจให้กับคุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้าน 400 บาท
v
v
v
มื้อเย็นวันนี้เราได้ทำอาหารเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน โดยมื้อนี้คุณลุงลงมือทำอาหารพื้นถิ่นให้เราเองกับมือ ส่วนพวกเราก็ทำเมนูง่าย ๆ คือ ต้มแซ่บหมู และหมูผัดกระเทียมให้พวกเขาได้ลองทานกัน ระหว่างทำอาหารคุณป้าเจ้าของบ้านก็มีน้ำชาที่เป็นใบชาที่เขาเก็บเองมาให้ลองชิมกันด้วย
ประสบการณ์ใหม่อีกข้อที่ค้นพบในวันนี้ก็คือ ในวัฒนธรรมของชาวปกากะญอ ถ้ามีแขกมาบ้าน เจ้าบ้านจะให้แขกกินข้าวก่อนเสมอ ซึ่งอย่าตกใจกันมากนะทุกคน เพราะเราตกใจเผื่อไปแล้ววววว
^
^
^
ส่วนอาหารที่เราได้กินวันนี้ก็มีหลายเมนูเลย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นถิ่น อย่างเช่นข้าวเบ๊อะ น้ำพริกเขียด และน้ำพริกขม แล้วพี่ไก่ไกด์ของเรายังมีน้ำพริกถั่วเน่ามาแบ่งให้เราได้ลองกินกันอีกด้วย ข้าวเบ๊อะหอมและก็อร่อยมากกกก หลังจากทานกันอิ่มท้องเราก็ได้แยกย้ายไปอาบน้ำและเข้านอนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้กัน
^
^
^
^
^
DAY 3
^
^
^
วันนี้รถสองแถวเจ้าเดิมจะมารับพวกเรากลับลงไปเมืองเชียงใหม่ในรอบ 8 โมงเช้า ซึ่งอากาศตอนเช้าคือหนาวเย็นเป็นจำนวนมาก ตื่นกันตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ควานหาผ้าห่มมาห่อตัวเองแทบไม่ทัน
วันนี้คุณลุงก็ตื่นเช้าขึ้นมาทำกับข้าวให้พวกเราทานกันอีกแล้ว (คุณลุงใจดีสุดยอดไปเลยครับ!) ข้าวเช้าของเราวันนี้ก็จะมี แกงฟักทองใส่หมู กับน้ำพริกปลากระป๋องให้เราทานกันแบบจุก ๆ แกงฟักทองของคุณลุงอร่อยล้ำมากกกกก ไม่อยากให้หมดเลย และก่อนขึ้นรถมาพวกเรายังได้อะโวคาโดและชาที่เก็บข้างทางกลับไปแบ่งกันกินอีกด้วย
v
v
v
v
v
ขึ้นรถสองแถวเวลา 8.00 น. ลงมาจากหมู่บ้านห้วยบงและแวะรับพี่ ๆ ที่เราได้เจอกันวันแรกที่ดูเลเล ในที่สุดพวกเราก็เดินทางถึงในตัวเมืองเชียงใหม่ในเวลา 13:00 นาฬิกา ค่ารถขากลับลงมาตกคนละ 190 บาท ครั้งนี้พวกเราทุกคนเก่งมากเพราะไม่มีใครเมารถเลย
เรามาถึงสถานีขนส่งช้างเผือกประมาณ 13.00 น. พอถึงแล้วพวกเราก็ได้หามื้อเที่ยงทานรองท้องและเดินทางไปที่ “พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา” เพื่อโต๋เต๋รอเวลาไปขึ้นรถไฟในรอบ 6 โมงเย็นกันต่อ
เพื่อรอรถไฟขากลับของเรา เป็นรถไฟตู้นอนชั้น 2 พวกเราจองเตียงชั้นบน 2 ที่นั่ง และชั้นล่าง 2 ที่นั่ง หารกันแล้วตกคนละ 803 บาท ส่วนค่าไกด์ พี่ไก่บอกว่าตามใจพวกเรา พวกเราเลยมอบให้พี่เขาเป็นค่านำเที่ยวทั้งหมด 500 บาท ตกอยู่ที่คนละ 125 บาท
และค่ารถส่วนที่เหลือพวกเราเลือกใช้แกรปในการเดินทาง ก็ตกคนละไม่เกิน 20 บาท
^
^
^
รวมค่าใช้จ่ายทั้งทริป ค่ารถ+ที่พัก+ค่าไกด์ รวมทั้งสิ้นคนละ 2460 บาท
^
^
การไปเที่ยวในครั้งนี้ ได้สร้างทั้งมิตรภาพใหม่ ๆ ตั้งแต่เดินทาง ได้พบเจอผู้คนที่หลากหลาย ได้เจอวัฒนธรรมใหม่ ๆ และได้สัมผัสเรื่องราวการใช้ชีวิตของที่นั่นแบบเรียล ๆ ก็อยากเชิญชวนและอยากให้ทุกคนได้ลองเดินทางไปเที่ยวกันครับ มั่นใจว่าทุกคนจะได้เจอทั้งบรรยากาศใหม่ ๆ และผู้คนใหม่ ๆ และได้พักผ่อนกับบรยากาศสดชื่นบนเขาอย่างเต็มอิ่มแน่นอน แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าครับผม
https://www.youtube.com/watch?v=aty1A42x1Z8