เราเป็นพนักงานคาเฟ่เล็กๆ ทำคนเดียวทั้งร้าน มันมีปัญหายิบย่อยเยอะค่ะแต่ปัญหายิบย่อยพวกนี้รวมกันแล้วเป็นปัญหาใหญ่ๆจนทุกวันนี้เรากดดันตัวเอง และเริ่มมีความเครียดจนไม่อยากตื่นมาเปิดร้าน เจ้าของร้านไม่อยู่ร้านเลยค่ะ ทำงานประจำออฟฟิศใน กทม. ส่วนร้านอยู่ต่างจังหวัด นอกเมืองอีกทีด้วย นานๆทีพี่เขาจะมา แต่ถึงมาก็ไม่ได้เข้าร้านค่ะ ปัญหามันเป็นในเรื่องของรสชาติกาแฟ คุณภาพขนมที่ไม่คุ้มราคา (เป็นขนมง่ายๆ พวกโดนัท ปังปิ้ง ครอฟเฟิล ไม่มีจำพวกเค้กค่ะ) ลูกค้าที่ร้าน 80% เป็นพนักงานออฟฟิศกินกาแฟ ซึ่งพอรสกาแฟเปลี่ยน ผลที่ตามมาก็... เราพยายามแก้ไขในส่วนที่เราทำได้แล้วค่ะ (กาแฟที่ร้านทางเข้าของเขาจะเบลนกาแฟเอาไว้ให้ทีละ 10 โล ซึ่งเราไม่รู้รายละเอียดใด) ราคาคาเฟ่ เราเข้าใจค่ะว่าค่อนข้างสูง แต่ด้วยคุณภาพของขนมและเครื่องดื่มต่างๆอะค่ะ มันทำให้เราอึดอัดใจที่จะเสิร์ฟให้กับลูกค้า เราพยายามหาทุกวิธีที่จะรักษาและทำออกมาให้ดีที่สุดด้วยตัวคนเดียว มันเกินมือไปมากๆค่ะ โดนัทก็รับมา ต้องมีการเก็บแยกเป็นชิ้นๆใส่กล่องแช่เย็น เก็บไว้นานๆก็ไม่ดี เราก็ต้องพยายามทำยอด ขายให้หมดไวๆ หลายๆอย่างมันมีขีดจำกัดเกินกว่าจะคงประสิทธิภาพให้ได้ 100% ลูกค้าน้อยลงเรื่อย ยิ่งขายอะไรไม่ออก ของยิ่งอยู่นาน คุณภาพยิ่งดรอป สูตรน้ำ เราก็เป็นคนคิด ปรับเปลี่ยนไปตามลูกค้า และวัตถุดิบที่พี่เขาอาจจะเปลี่ยนยี่ห้อ ทำให้รสเปลี่ยน เราก็ต้องพยายามคุมรสชาติให้ได้ เรารู้สึกว่าเราได่เรียนรู้อะไรหลายอย่างในขณะที่ไมาได้เรียนรู้อะไรเลยเข้าใจฟีลใช่มั้ยคะ ;-; เขาไม่เคยสอนอะไรเราเลย เปิดร้านวันแรกก็คือเราเป็นพนักงานคนแรกด้วย โยนสูตรให้ลองทำอย่างเดียว และใดๆ ตัวเจ้าของร้านเองก็ไม่ได้รู้หรือทำได้เหมือนที่เจ้าของคาเฟ่ที่อื่นๆทำค่ะ เรามองว่าเราไม่ได้เติบโตในสายงานนี้เลย ทั้งที่เราชอบและสนุกมาก โซเชี่ยล เราก็ดูแลเองทั้งหมด รูป คลิป การคิดคอนเทนต์ เราทำทั้งหมด โปรโมชั่นร้านเราเสนอให้พราเขาคิด พี่เขาก็มักจะตอบว่าไม่ว่าง ไม่มีเวลา ร้านไม่ได้มีการอัพเดตอะไรเพิ่มเติมเลย เทศกาลอะไรก็ไม่มีการตกแต่งใดๆ ไฟเรามอดมากๆอะ เสนออะไรไปพี่เขาก็ปัดตก เสนอเมนูใหม่ๆเฉพาะเทศกาล ก็บ่นว่ายุ่งยาก ทั้งที่คนทำคือเรา มันเลยยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อย ทุกวันนี้เรายังพยายามทำยอดเพราะเรารู้สึกว่าการได้คุยกับลูกค้าทำให้เราหายเหนื่อยหายเครียด เรามีแพลนจะเรียนต่อกลางปี ก็คงจะลสออกตอนนั้นค่ะ แต่ประเด็นคือจะทนอยู่ยังไงให้ถึงตอนนั้น เพราะเราทนมาปีนึงแล้ว เรายังต้องการเก็บเงิน สำรองไว้ตอนเรียนค่ะ เผื่อช่วงเรียนแรกๆยังหาพาร์ทไทม์ไม่ได้ และอีกประเด็นคือค่าแรง 300 ค่ะ ตกเดือนละ 7800 บาท ดีที่เขาเลี้ยงข้าวค่ะ พ่อกับแม่เขาที่อยู่ที่บ้าน คอยดูแลเรื่องอาหารระหว่างวันให้ เราไม่อยากออกเลยด้วยหลายๆเหตุผล แต่มันก็เป็นความฟรีสไตล์ที่ดูดพลังมากๆ เราเองรู้ดีว่าคงหางานไหนที่สบายๆเจ้านายไม่มาจ้องจู้จี้จุกจิกแบบนี้ไม่ได้แล้ว แต่มันไม่ใช่ทางเลยค่ะ เราไม่ได้เป็นคนรักสบายขนาดนั้น แง มันเลยกดดัน จะอยู่ยังไงให้ถึงตอนเปิดเทอม กลางปี 😭 จะหางานใหมาตอนนี้มันก็แค่ครึ่งปี เราก็เกรงใจที่ใหม่ แต่จะพักเรื่องเรียนไว้ก่อนเราก็กลัวตัวเองจะหมดไฟค่ะ อีกอย่างเรากกดันเวลาต้องสัมภาษณ์งานใหม่แล้วเราไม่รู้จะตอบเหตุผลทราออกจากที่เก่ายังไงให้ดี
ฮาวทูมีพลังบวกในการทำงาน