ตามแพลนเดิม จากลี่เจียงไปแชงกรีล่า เราแพลนไว้ว่าจะนั่งรถบัสไป แต่สมาชิกหลายคนอยากแวะหุบเสือกระโจน ก็เลยหารถเช่ากัน
ติดต่อรถตู้เหมาซึ่งโดยปกติจะคิดราคา 1,100 หยวนต่อวันรวมค่าน้ำมันรถแล้ว ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้น คิดเพิ่มชั่วโมงละ 80 หยวน
รถตู้จะมี 2 ขนาด ขนาดปกติและขนาดใหญ่ นั่งได้ 10-12 คน ราคาเท่ากัน ช่วงที่เราเช่าจากลี่เจียงไปแชงกรีล่า ได้เป็นไซด์ใหญ่มา
พอหาข้อมูลเพิ่ม ระหว่างทางยังมีที่เที่ยวอีกที่นึงคือ Baishuitai แต่มันจะต้องขึ้นเขาไปอีกไปอีกหน่อย ทางบริษัทเช่ารถเลยขอเก็บเพิ่มอีก 200 หยวน ก็ตกลงกันตามนั้น
เช้าวันที่ 15 รถตู้มารับหน้าโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงเช้า ระหว่างทางก็มีจอดแวะให้เข้าห้องน้ำครั้งนึง เรามาถึงหุบเสือกระโจนเกือบ 10 โมง จ่ายค่าเข้าคนละ 45 หยวน และค่าบันไดเลื่อนลงและขึ้นอีกคนละ 70 หยวน รวมเป็น 115 หยวนต่อคน คนขับรถแจ้งว่า ให้เวลาที่นี่ 1 ชม.
รถตู้ที่มารับ เป็นรถตู้ทรงสูง นั่งสบาย
วิวตรงจุดแวะพักเข้าห้องน้ำระหว่างทาง คนขับรถบอกว่า ตรงนี้เป็นอ่าวแรกของแม่น้ำจินซา
วิวข้างทางก่อนถึงหุบเสือกระโจน
หุบเสือกระโจนด้านล่าง คนเยอะมาก
หุบเสือกระโจนเป็นช่วงของทางน้ำที่มีเกาะแก่งและโขดหินใหญ่ บริเวณนี้น้ำจึงไหลแรงและเชี่ยว มีเรื่องเล่าของบริเวณนี้ว่า มีเสือหนีการตามล่าของนายพรานมายังริมน้ำช่วงนี้ และเสือได้กระโดดข้ามหุบนี้ซึ่งมีความกว้างถึง 22 เมตรและหนีไปได้ จึงเป็นที่มาของชื่อหุบเสือกระโจนนี้
บันไดเลื่อนที่ใช้ลงไปด้านล่าง ส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่ม 70 หยวน จะแบ่งเป็น 4 ช่วงโดยแต่ละช่วงจะมีความสูงราวตึก 2-3 ชั้น
ถ้าไม่จ่ายเงินค่าบันไดเลื่อน ก็จะมีบันไดธรรมดาอยู่ข้างๆให้ใช้ได้ หรือจะจ่ายแยกแค่ขาเดียวก็ได้ แต่แนะนำจ่ายเงินและให้ใช้บันไดเลื่อนดีกว่า เพราะขนาดใช้บันไดเลื่อน กว่าจะลงไปถึงข้างล่างยังใช้เวลาเกือบ 20 นาทีเลย และแต่ละช่วงของบันไดเลื่อน ก็จะมีจุดให้แวะถ่ายรูปด้วย
เรากลับขึ้นมาที่รถกัน 11 โมงกว่า ไปต่อกันที่ Baishuitai
ก่อนจะถึง Baishuitai คนขับรถจอดให้แวะกินมื้อกลางวันกันก่อน และเราไปถึง Baishuitai เกือบบ่าย 2 โมง จ่ายค่าเข้าคนละ 30 หยวน
Baishuitai เป็นภูเขาหินปูนที่เกิดการสะสมของตะกอน ทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำเป็นชั้นๆ ของที่เป็นธรรมชาติจะมีเพียงบางส่วน และก็จะมีส่วนที่มนุษย์ทำเพิ่มขึ้นด้วย
ทางเดินขึ้นไปดูค่อนข้างสูงอยู่ ต้องนั่งพัก 2-3 รอบเลยกว่าจะขึ้นไปถึง
น้ำในแอ่งน่าจะมีส่วนประกอบของหินปูนและแร่ธาตุอื่นๆ ก็เลยเป็นสีออกเขียวๆหน่อย
ออกจาก Baishuitai บ่าย 3 โมง เรามาถึงแชงกรีล่า 5 โมงกว่าๆ รถมาส่งถึงหน้าโรงแรม เราพักข้างๆเมืองเก่ากันซึ่งจะค้างที่แชงกรีล่ากัน 2 คืน
ที่แชงกรีล่ามีภูเขาหิมะอีกแห่งที่ชื่อว่าสือข่า หรือ Shika Snow Mountain
ผมเคยมาเมื่อครั้งก่อนแล้ว ผมชอบที่นี่มากกว่าที่ลี่เจียง แต่คราวนี้ กระเช้าขึ้นภูเขาหิมะปิดซ่อมบำรุง เลยไม่ได้ขึ้นกัน
เราเลยเหลือแค่วัดซงจ้านหลินเท่านั้นที่จะไปกัน ส่วนวัดต้าฝอมันอยู่ในเมืองเก่า มีเวลาให้เดินไปดูได้อยู่แล้ว
หลังจากเก็บกระเป๋ากันเรียบร้อย เราก็ออกไปกินมื้อเย็นกัน ด้วยว่ากินอาหารจีนกันมาหลายมื้อ มื้อนี้สาวๆเลยขอเปลี่ยนบรรยากาศ ไปกินพิซซ่ากัน
อิ่มจากมื้อเย็นแล้ว เราก็เดินไปอีกฝั่งของเมืองเพื่อไปวัดต้าฝอ
ด้วยความที่อยู่บนที่สูง 3,300 เมตร ตอนเดินขึ้นไปข้างบนวัดต้าฝอ บันไดที่เดินขึ้นไปมีความสูงเทียบได้กับตึก 3 ชั้นต้องนั่งพักถึง 2 รอบเลย คืนนี้อากาศก็หนาวๆหน่อย อุณหภูมิเลขตัวเดียว
ขึ้นมาถึงด้านบน จะมีกงล้อมนต์สีทองที่สูง 23 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของวัดต้าฝอ มีคนอยู่กันแน่นขนัด มาตอนคนเยอะๆแบบนี้ ช่วยกันหมุนได้ง่ายๆเลย บางคนแค่จับเชือกก็พอ ไม่ต้องออกแรงเพราะคนออกแรงมีเยอะ มีความเชื่อกันว่า ให้หมุน 3 รอบจะได้บุญ
รูปนี้ถ่ายจากด้านล่าง
เมืองเก่าแชงกรีล่า มีลานกว้างอยู่ ซึ่งลานนี้จะอยู่คนละฝั่งกับวัดต้าฝอ ทุกวันเวลาราว 1-2 ทุ่มก็จะมีการเปิดเพลงและคนก็ออกมาล้อมวงเต้นรำกัน
นักท่องเที่ยวนิยมเช่าชุดทิเบตมาใส่และถ่ายรูปกัน จะพบเห็นกันเยอะในเมืองเก่าและวัดซงจ้านหลิน
รูปนี้ไปขอเค้าถ่ายมา แล้วก็ส่งให้ทาง We Chat ไปเรียบร้อย
วันที่ 16 เราไปวัดซงจ้านหลินกัน สามารถนั่งรถเมล์สาย 3 ไปได้ โดยไปขึ้นรถเมล์ตรงป้ายที่ออกไปทางประตูเมือง ค่ารถเมล์คนละ 2 หยวน ใช้เวลาราว 40 นาทีเพราะรถเมล์จะขับอ้อมและช้ากว่า
ตรงลานจอดรถแถวประตูเมือง จะมีรถรับจ้างมาคอยดักลูกค้า เป็นรถตู้ขนาดเล็ก นั่งได้ 6-7 คน ไปวัดซงจ้านหลินเหมาไปคันละ 20 หยวน เราใช้วิธีนี้กันเพราะจะเร็วกว่า ไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงวัดแล้ว
ค่าเข้าวัดซงจ้านหลินคนละ 75 หยวน นักท่องเที่ยวทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัว ส่วนพวกเราเป็นคนต่างชาติ ก็โชว์พาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ตอนซื้อตั๋วดู
พอซื้อตั๋วเสร็จ ก็เดินไปขึ้นรถบัสเพื่อนั่งเข้าไปข้างใน นั่งรถราว 10 นาทีก็ถึง เราเดินกันด้านนอกตรงทะเลสาบลามู่ยางชั่วก่อน โดยเดินวนซ้ายเพราะจะใกล้กว่า หาจุดที่จะถ่ายรูปแล้วก็เดินย้อนกลับ ไม่ได้เดินวนรอบเพราะระยะทางมันไกลเกินไป
มาเก็บรูปด้านหน้าอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
กว่าจะเดินขึ้นมาถึงข้างบน ต้องนั่งพักมากกว่า 4-5 ครั้ง จากข้างล่างเดินขึ้นไป กะความสูงประมาณตึก 5-6 ชั้น แต่เพราะแชงกรีล่าสูง 3,300 เมตรจะดับน้ำทะเล อ็อกซิเจนจึงเบาบาง เลยทำให้เหนื่อยง่าย ต้องค่อยๆเดินและพักบ่อยหน่อย
ข้างบนเป็นอาคารหลังใหญ่หลายหลัง แต่ละหลังก็จะมีพระพุทธรูปอยู่ด้านใน ซึ่งห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ เลยได้มาแต่รูปด้านนอก
อย่างที่บอกว่า นักท่องเที่ยวนิยมเช่าชุดทิเบตมาใส่ถ่ายรูปกัน ราคาก็มีตั้งแต่ไม่ถึง 100 หยวน ไล่ไปจนถึง 4-500 หยวน ขึ้นอยู่กับความอลังการของชุดและการแต่งหน้า-ทำผม
มีทั้งเช่าชุดมาถ่ายรูปกันเอง และจ้างช่างภาพมาถ่ายเป็นกิจลักษณะ เห็นสาวๆบางคนมาคนเดียวก็มี ถือขาตั้งกล้องหรือไม้เซลฟี่มาถ่ายเองเลย
เราอยู่ที่วัดซงจ้านหลินกันถึงบ่ายๆ แล้วก็กลับมาที่เมืองเก่า ไม่ได้ไปทะเลสาบนาพาไห่เพราะมันทางเดียวกับภูเขาหิมะสือข่า กลับมาเดินเล่นกันตามอัธยาศัยกันในเมืองเก่า และเก็บกระเป๋าเพื่อแยกใส่เป้ใบเล็กเพื่อเตรียมตัวไปย่าติงในวันรุ่งขึ้น
ป้ายนี้ผมเห็นอยู่ 2 จุดในเมืองเก่า น่าจะแปลคร่าวได้ว่า แชงกรีล่า ความสูง 3,300 เมตร เห็นนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกับป้ายนี้กันเยอะ
ตรงนี้เป็นทางแยกใกล้กับวัดต้าฝอ อีกแลนด์มาร์คนึงของเมืองเก่า มีเจดีย์เล็กๆ พวกผมมักจะใช้เป็นจุดนัดพบของสมาชิกในกลุ่มเวลาแยกกันเดินแล้วนัดเจอกันตอนกินข้าว
ถนนอีกเส้นนึงด้านหลังถนนเส้นหลัก ปี 2019 ที่ผมไปยังไม่มีเส้นนี้ ไปคราวนี้รู้สึกว่าเมืองขยายไปเยอะมาก และก็มีการทำเพิ่มอยู่อีก มีแพลนไว้ว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะกลับไปใหม่ เมืองน่าจะขยายไปมากกว่านี้อีกเยอะ
ร้านขายชา เห็นอยู่ 2 ร้าน ตอนแรกคิดว่าจะดื่มอะไรเย็นๆหน่อย แต่กลายเป็นว่ามันมาแบบอุ่นๆ เป็นชานมและมีถั่วหลายๆอย่างใส่เป็นเครื่อง ด้านบนบีบวิปครีมโปะหน้า รสชาติดี แต่อารมย์ตอนนั้นอยากได้เย็นๆมากกว่า
ทริปนี้ เวลาเจอร้านเบเกอรี่ เป็นต้องเข้าไปซื้อทาร์ตไข่ทุกครั้ง และก็อร่อยทุกร้าน
มื้อเย็นหลังจากกลับจากวัดซงจ้านหลิน กินหม้อไฟเนื้อจามรีกัน ร้านนี้อยู่ใกล้ๆลานเต้นรำ
[CR] ทริปคุนหมิง-ต้าหลี่-ลี่เจียง-แชงกรีล่า-ย่าติง :- 11-21 ตุลาคม 2566 (ภาค 3 :-
ติดต่อรถตู้เหมาซึ่งโดยปกติจะคิดราคา 1,100 หยวนต่อวันรวมค่าน้ำมันรถแล้ว ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้น คิดเพิ่มชั่วโมงละ 80 หยวน
รถตู้จะมี 2 ขนาด ขนาดปกติและขนาดใหญ่ นั่งได้ 10-12 คน ราคาเท่ากัน ช่วงที่เราเช่าจากลี่เจียงไปแชงกรีล่า ได้เป็นไซด์ใหญ่มา
พอหาข้อมูลเพิ่ม ระหว่างทางยังมีที่เที่ยวอีกที่นึงคือ Baishuitai แต่มันจะต้องขึ้นเขาไปอีกไปอีกหน่อย ทางบริษัทเช่ารถเลยขอเก็บเพิ่มอีก 200 หยวน ก็ตกลงกันตามนั้น
เช้าวันที่ 15 รถตู้มารับหน้าโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงเช้า ระหว่างทางก็มีจอดแวะให้เข้าห้องน้ำครั้งนึง เรามาถึงหุบเสือกระโจนเกือบ 10 โมง จ่ายค่าเข้าคนละ 45 หยวน และค่าบันไดเลื่อนลงและขึ้นอีกคนละ 70 หยวน รวมเป็น 115 หยวนต่อคน คนขับรถแจ้งว่า ให้เวลาที่นี่ 1 ชม.
รถตู้ที่มารับ เป็นรถตู้ทรงสูง นั่งสบาย
วิวตรงจุดแวะพักเข้าห้องน้ำระหว่างทาง คนขับรถบอกว่า ตรงนี้เป็นอ่าวแรกของแม่น้ำจินซา
วิวข้างทางก่อนถึงหุบเสือกระโจน
หุบเสือกระโจนด้านล่าง คนเยอะมาก
หุบเสือกระโจนเป็นช่วงของทางน้ำที่มีเกาะแก่งและโขดหินใหญ่ บริเวณนี้น้ำจึงไหลแรงและเชี่ยว มีเรื่องเล่าของบริเวณนี้ว่า มีเสือหนีการตามล่าของนายพรานมายังริมน้ำช่วงนี้ และเสือได้กระโดดข้ามหุบนี้ซึ่งมีความกว้างถึง 22 เมตรและหนีไปได้ จึงเป็นที่มาของชื่อหุบเสือกระโจนนี้
บันไดเลื่อนที่ใช้ลงไปด้านล่าง ส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่ม 70 หยวน จะแบ่งเป็น 4 ช่วงโดยแต่ละช่วงจะมีความสูงราวตึก 2-3 ชั้น
ถ้าไม่จ่ายเงินค่าบันไดเลื่อน ก็จะมีบันไดธรรมดาอยู่ข้างๆให้ใช้ได้ หรือจะจ่ายแยกแค่ขาเดียวก็ได้ แต่แนะนำจ่ายเงินและให้ใช้บันไดเลื่อนดีกว่า เพราะขนาดใช้บันไดเลื่อน กว่าจะลงไปถึงข้างล่างยังใช้เวลาเกือบ 20 นาทีเลย และแต่ละช่วงของบันไดเลื่อน ก็จะมีจุดให้แวะถ่ายรูปด้วย
เรากลับขึ้นมาที่รถกัน 11 โมงกว่า ไปต่อกันที่ Baishuitai
ก่อนจะถึง Baishuitai คนขับรถจอดให้แวะกินมื้อกลางวันกันก่อน และเราไปถึง Baishuitai เกือบบ่าย 2 โมง จ่ายค่าเข้าคนละ 30 หยวน
Baishuitai เป็นภูเขาหินปูนที่เกิดการสะสมของตะกอน ทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำเป็นชั้นๆ ของที่เป็นธรรมชาติจะมีเพียงบางส่วน และก็จะมีส่วนที่มนุษย์ทำเพิ่มขึ้นด้วย
ทางเดินขึ้นไปดูค่อนข้างสูงอยู่ ต้องนั่งพัก 2-3 รอบเลยกว่าจะขึ้นไปถึง
น้ำในแอ่งน่าจะมีส่วนประกอบของหินปูนและแร่ธาตุอื่นๆ ก็เลยเป็นสีออกเขียวๆหน่อย
ออกจาก Baishuitai บ่าย 3 โมง เรามาถึงแชงกรีล่า 5 โมงกว่าๆ รถมาส่งถึงหน้าโรงแรม เราพักข้างๆเมืองเก่ากันซึ่งจะค้างที่แชงกรีล่ากัน 2 คืน
ที่แชงกรีล่ามีภูเขาหิมะอีกแห่งที่ชื่อว่าสือข่า หรือ Shika Snow Mountain
ผมเคยมาเมื่อครั้งก่อนแล้ว ผมชอบที่นี่มากกว่าที่ลี่เจียง แต่คราวนี้ กระเช้าขึ้นภูเขาหิมะปิดซ่อมบำรุง เลยไม่ได้ขึ้นกัน
เราเลยเหลือแค่วัดซงจ้านหลินเท่านั้นที่จะไปกัน ส่วนวัดต้าฝอมันอยู่ในเมืองเก่า มีเวลาให้เดินไปดูได้อยู่แล้ว
หลังจากเก็บกระเป๋ากันเรียบร้อย เราก็ออกไปกินมื้อเย็นกัน ด้วยว่ากินอาหารจีนกันมาหลายมื้อ มื้อนี้สาวๆเลยขอเปลี่ยนบรรยากาศ ไปกินพิซซ่ากัน
อิ่มจากมื้อเย็นแล้ว เราก็เดินไปอีกฝั่งของเมืองเพื่อไปวัดต้าฝอ
ด้วยความที่อยู่บนที่สูง 3,300 เมตร ตอนเดินขึ้นไปข้างบนวัดต้าฝอ บันไดที่เดินขึ้นไปมีความสูงเทียบได้กับตึก 3 ชั้นต้องนั่งพักถึง 2 รอบเลย คืนนี้อากาศก็หนาวๆหน่อย อุณหภูมิเลขตัวเดียว
ขึ้นมาถึงด้านบน จะมีกงล้อมนต์สีทองที่สูง 23 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของวัดต้าฝอ มีคนอยู่กันแน่นขนัด มาตอนคนเยอะๆแบบนี้ ช่วยกันหมุนได้ง่ายๆเลย บางคนแค่จับเชือกก็พอ ไม่ต้องออกแรงเพราะคนออกแรงมีเยอะ มีความเชื่อกันว่า ให้หมุน 3 รอบจะได้บุญ
รูปนี้ถ่ายจากด้านล่าง
เมืองเก่าแชงกรีล่า มีลานกว้างอยู่ ซึ่งลานนี้จะอยู่คนละฝั่งกับวัดต้าฝอ ทุกวันเวลาราว 1-2 ทุ่มก็จะมีการเปิดเพลงและคนก็ออกมาล้อมวงเต้นรำกัน
นักท่องเที่ยวนิยมเช่าชุดทิเบตมาใส่และถ่ายรูปกัน จะพบเห็นกันเยอะในเมืองเก่าและวัดซงจ้านหลิน
รูปนี้ไปขอเค้าถ่ายมา แล้วก็ส่งให้ทาง We Chat ไปเรียบร้อย
วันที่ 16 เราไปวัดซงจ้านหลินกัน สามารถนั่งรถเมล์สาย 3 ไปได้ โดยไปขึ้นรถเมล์ตรงป้ายที่ออกไปทางประตูเมือง ค่ารถเมล์คนละ 2 หยวน ใช้เวลาราว 40 นาทีเพราะรถเมล์จะขับอ้อมและช้ากว่า
ตรงลานจอดรถแถวประตูเมือง จะมีรถรับจ้างมาคอยดักลูกค้า เป็นรถตู้ขนาดเล็ก นั่งได้ 6-7 คน ไปวัดซงจ้านหลินเหมาไปคันละ 20 หยวน เราใช้วิธีนี้กันเพราะจะเร็วกว่า ไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงวัดแล้ว
ค่าเข้าวัดซงจ้านหลินคนละ 75 หยวน นักท่องเที่ยวทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัว ส่วนพวกเราเป็นคนต่างชาติ ก็โชว์พาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ตอนซื้อตั๋วดู
พอซื้อตั๋วเสร็จ ก็เดินไปขึ้นรถบัสเพื่อนั่งเข้าไปข้างใน นั่งรถราว 10 นาทีก็ถึง เราเดินกันด้านนอกตรงทะเลสาบลามู่ยางชั่วก่อน โดยเดินวนซ้ายเพราะจะใกล้กว่า หาจุดที่จะถ่ายรูปแล้วก็เดินย้อนกลับ ไม่ได้เดินวนรอบเพราะระยะทางมันไกลเกินไป
มาเก็บรูปด้านหน้าอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
กว่าจะเดินขึ้นมาถึงข้างบน ต้องนั่งพักมากกว่า 4-5 ครั้ง จากข้างล่างเดินขึ้นไป กะความสูงประมาณตึก 5-6 ชั้น แต่เพราะแชงกรีล่าสูง 3,300 เมตรจะดับน้ำทะเล อ็อกซิเจนจึงเบาบาง เลยทำให้เหนื่อยง่าย ต้องค่อยๆเดินและพักบ่อยหน่อย
ข้างบนเป็นอาคารหลังใหญ่หลายหลัง แต่ละหลังก็จะมีพระพุทธรูปอยู่ด้านใน ซึ่งห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ เลยได้มาแต่รูปด้านนอก
อย่างที่บอกว่า นักท่องเที่ยวนิยมเช่าชุดทิเบตมาใส่ถ่ายรูปกัน ราคาก็มีตั้งแต่ไม่ถึง 100 หยวน ไล่ไปจนถึง 4-500 หยวน ขึ้นอยู่กับความอลังการของชุดและการแต่งหน้า-ทำผม
มีทั้งเช่าชุดมาถ่ายรูปกันเอง และจ้างช่างภาพมาถ่ายเป็นกิจลักษณะ เห็นสาวๆบางคนมาคนเดียวก็มี ถือขาตั้งกล้องหรือไม้เซลฟี่มาถ่ายเองเลย
เราอยู่ที่วัดซงจ้านหลินกันถึงบ่ายๆ แล้วก็กลับมาที่เมืองเก่า ไม่ได้ไปทะเลสาบนาพาไห่เพราะมันทางเดียวกับภูเขาหิมะสือข่า กลับมาเดินเล่นกันตามอัธยาศัยกันในเมืองเก่า และเก็บกระเป๋าเพื่อแยกใส่เป้ใบเล็กเพื่อเตรียมตัวไปย่าติงในวันรุ่งขึ้น
ป้ายนี้ผมเห็นอยู่ 2 จุดในเมืองเก่า น่าจะแปลคร่าวได้ว่า แชงกรีล่า ความสูง 3,300 เมตร เห็นนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกับป้ายนี้กันเยอะ
ตรงนี้เป็นทางแยกใกล้กับวัดต้าฝอ อีกแลนด์มาร์คนึงของเมืองเก่า มีเจดีย์เล็กๆ พวกผมมักจะใช้เป็นจุดนัดพบของสมาชิกในกลุ่มเวลาแยกกันเดินแล้วนัดเจอกันตอนกินข้าว
ถนนอีกเส้นนึงด้านหลังถนนเส้นหลัก ปี 2019 ที่ผมไปยังไม่มีเส้นนี้ ไปคราวนี้รู้สึกว่าเมืองขยายไปเยอะมาก และก็มีการทำเพิ่มอยู่อีก มีแพลนไว้ว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะกลับไปใหม่ เมืองน่าจะขยายไปมากกว่านี้อีกเยอะ
ร้านขายชา เห็นอยู่ 2 ร้าน ตอนแรกคิดว่าจะดื่มอะไรเย็นๆหน่อย แต่กลายเป็นว่ามันมาแบบอุ่นๆ เป็นชานมและมีถั่วหลายๆอย่างใส่เป็นเครื่อง ด้านบนบีบวิปครีมโปะหน้า รสชาติดี แต่อารมย์ตอนนั้นอยากได้เย็นๆมากกว่า
ทริปนี้ เวลาเจอร้านเบเกอรี่ เป็นต้องเข้าไปซื้อทาร์ตไข่ทุกครั้ง และก็อร่อยทุกร้าน
มื้อเย็นหลังจากกลับจากวัดซงจ้านหลิน กินหม้อไฟเนื้อจามรีกัน ร้านนี้อยู่ใกล้ๆลานเต้นรำ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้