"วิโรจน์" เหน็บ นายกฯ "ตั๋วเพื่อไทย" อยากเอายาไปทาสีข้างให้ คงอักเสบ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2742815
"วิโรจน์" สส.ก้าวไกล กระทุ้งต่อ เหน็บ นายกฯ ปม "ตั๋วเพื่อไทย" อยากเอายาไปทาสีข้างนายกฯ คงอักเสบ ยอมรับเถอะ หลุดปากพูด ชัด มี สส.เพื่อไทย ฝาก "ผู้กำกับ" จริง ถาม ที่เคยพูดจะขจัดสังคมเส้นสาย ตอนนี้ ลืมหรือยัง ใช่เศรษฐาคนเดียวกันใช่ไหม
วันที่ 23 พ.ย. 2566 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี "
ตั๋วเพื่อไทย" นายกฯ หลุดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย มีการฝากผู้กำกับ และเมื่อวานนายกฯ ออกมาชี้แจง ไม่มีการแทรกแซงนั้น ว่า นายกฯ ต้องชี้แจงไหมว่า วันก่อนท่านกินอะไรไป ท่านถึงพูดอย่างนั้น ผู้กำกับท่านชัดเจนนะ ว่าท่านพูดอะไร ท่านพูดถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบใช่ไหมครับ แล้วก็พูดถึงนายอำเภอ พูดถึงผู้การจังหวัด ฉะนั้นผู้กำกับจะหมายถึงผู้กำกับซีรีส์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ไม่ได้ แต่หมายถึงผู้กำกับสถานีตำรวจอย่างเดียว แล้วก็บอกว่า มีคนขอมาเยอะเหลือเกิน ไอ้คนๆ นั้นที่ขอเป็นคน หรือสัมภเวสีล่ะ แล้วท่านพูดกับใคร ไหนล่ะ ท่านพูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ใช่ไหน แล้วท่านพูดกับใคร พูดกับ สส.พรรคเพื่อไทย
"
ในนามพรรคฝ่ายค้าน จะตรวจสอบเรื่องนี้ เดี๋ยวพอเปิดสมัยประชุมสภา ก็ต้องตั้งกระทู้ถาม ว่า ที่ท่านบอกว่า ที่ขอมาเยอะเหลือเกิน ใครละที่ขอมาเยอะ แล้วท่านนายกฯ พูดอีกว่า ก็มีผิดหวัง มากกว่าสมหวัง แต่ก็มีสมหวังก็จำนวนไม่น้อย ก็แสดงว่า มันมีการฝากกันจริงๆ คือ ต้องยอมรับกันตรงๆ นะ อย่าบิดพลิ้วเลย คือ ท่านหลุดปาก แล้วอีกวันหนึ่งก็มาแก้ตัว พูดกันตรงๆ นะ คือท่านต้องรับสารภาพเถอะ แล้ววันก่อนหน้าที่ท่านนายกฯ พูด ก่อนหาเสียง นายเศรษฐา ทวีสิน ที่บอกว่า จะขจัดสังคมเส้นสายไป พอหาเสียงเสร็จแล้วก็ลืม ที่นายเศรษฐาเคยพูดเอาไว้อย่างเสียงเข้มเลยนะ แล้วเศรษฐาวันที่มาพูดก่อนหน้าและพูดทีหลังนี่ ใช่ เศรษฐา คนเดียวกันไหม" นาย
วิโรจน์ กล่าว
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้คงใช้ กมธ.จัดการก่อน รอเปิดสมัยประชุมสภาก่อน แล้วพอเปิดสภา นายกฯ ก็ต้องมาชี้แจง ไม่ใช่อยู่ดีๆ วันรุ่งขึ้นก็มาบอกว่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พูดถึงว่า ความ ไม่ใช่คน ผมฟังแล้ว จริงๆ วันนั้น ผมอยากเอายาไปทาสีข้างให้ท่าน คงอักเสบพอสมควร คือไหนๆ ท่านก็พูดออกมา 80% แล้ว ก็พูดอีก 20% เถอะว่า สส.ที่นำ ผู้กำกับใหม่ มาฝากให้ท่าน เป็นใคร ฝากกี่คน มันไม่ยากเกินวิสัย เพราะผู้กำกับมีการโยกย้าย และมีผู้กำกับใหม่อยู่กี่คน เดี๋ยวผมก็ไปหาทางโยง ผู้กำกับใหม่ ที่ได้รับการแต่งตั้ง ท่านนั้นเป็นใคร อยู่ในจังหวัดไหน อยู่ในสถานีตำรวจใด และมีเครือข่ายโยงใย สส.คนไหน แล้วถึงไปถามท่านนายกฯ
นาย
วิโรจน์ ระบุว่า ยืนยัน ความผิดต่อสังคมมันเกิดแล้ว แต่ต้องหาหลักฐานเพิ่ม เพราะการสารภาพผู้ต้องหายังไม่ใช่หลักฐาน มันต้องหาหลักฐานข้อเท็จจริงเพิ่ม แต่เดี๋ยวก็รู้ว่า คนไหนเป็นคนฝาก ฝากใคร รู้แล้วค่อยไปถาม ท่านนายกฯ
ส่วนกรณีมีการเรียกร้อง นายกฯ ลาออก นาย
วิโรจน์กล่าวต่อว่า เรียกร้องเป็นสิทธิ์ทำได้ แต่ตัดสินใจอยู่ที่นายกฯ ขอให้กำลังใจตำรวจที่ตั้งใจทำหน้าที่เต็มที่
“วิโรจน์” ตั้งแง่หลักเกณฑ์ปรับผู้รับเหมาชั้น 1″เป็น”ชั้นพิเศษ”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_644696/
“วิโรจน์” ตั้งแง่ กรมบัญชีกลาง ปรับหลักเกณฑ์ขยับ ผู้รับเหมาชั้น 1″ ขึ้นไปเป็น “ผู้รับเหมาชั้นพิเศษ” หวั่นผูกขาด แนะปรับแก้ตัวเลขมูลค่า จะสามารถแก้ไขปัญหาการฮั้วประมูล
นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ถึงกรณีการออกประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ของกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ถึงการปรับหลักเกณฑ์ขยับให้ “
ผู้รับเหมาชั้น 1” ขึ้นไปเป็น “
ผู้รับเหมาชั้นพิเศษ” ซึ่งมีเพียง 76 ราย อยู่ในสภาพผูกขาดโครงการก่อสร้างทางมูลค่า 500 ล้านบาท ขึ้นไป
นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า ในการประมูลโครงการก่อสร้างทางมูลค่า 500 ล้านบาทสำหรับผู้รับเหมาชั้นพิเศษนั้น มีราคาประมูลห่างจากราคากลางอยู่ประมาณ 0.24-0.36% จนแทบมองได้ว่าไม่มีการประมูลราคาเลย ขณะที่ผู้รับเหมาชั้น 1 มีการประมูลโครงการก่อสร้างทางมูลค่า 450-500 ล้านบาท มีการประมูลราคาห่างจากราคากลางถึง 19.46-22.57% ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันสูง ปรับหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง ตามประกาศเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่า ถึงเงื่อนไขในการที่จะขยับชั้นผู้รับเหมาจากชั้น 1 ไปสู่ชั้นพิเศษนั้น พบว่า มีเงื่อนไขที่เป็นไปได้ยาก โดยผู้รับเหมาต้องมีผลงาน 1 โครงการ ในระยะเวลา 6 ปี ซึ่งต้องเป็นโครงการที่มีมูลค่า 450 ล้านบาทขึ้นไป จึงถือว่าเป็นการยากมากที่ผู้รับเหมาชั้น 1 จะขยับชั้นขึ้นไปได้
นาย
วิโรจน์ ยกตัวอย่าง หลักเกณฑ์ปกติของการเลื่อนชั้นของผู้รับเหมา เช่น หากผู้รับเหมาชั้น 3 ที่ประมูลโครงการในราคา 150 ล้านบาท หากจะขยับขึ้นมาเป็นผู้รับเหมาชั้น 2 ต้องมีประสบการณ์รับงานโครงการ 75 ล้านบาท (ครึ่งหนึ่งของราคาประมูลปกติ) หากอิงตามหลักเกณฑ์นี้ ผู้รับเหมาชั้น 1 ที่จะขยับขึ้นไปเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษควรจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีประสบการณ์ในการประมูลโครงการราคาเพียง 250 ล้านบาท (ครึ่งหนึ่งของ 500 ล้านบาท) เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสูงถึง 450 ล้านบาท
นาย
วิโรจน์ ระบุว่า แม้ว่าจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจากกรมบัญชีกลางด้วยการออกประกาศเพิ่ม “
ผู้รับเหมาชั้น 1ก” แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการฮั้วประมูลของผู้รับเหมาชั้นพิเศษ เพราะเป็นเพียงการเพิ่มวงเงินประมูลโครงการไปที่ 600 ล้านบาท เพื่อทำให้การเลื่อนชั้นของผู้รับเหมาชั้น 1 ขึ้นไปสู่ผู้รับเหมาชั้นพิเศษต้องมีค่าประสบการณ์เหลือเพียง 300 ล้านบาท
นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า หากมีการปรับเงื่อนไขการเลื่อนชั้นของผู้รับเหมาชั้น 1 ไปสู่ผู้รับเหมาชั้นพิเศษด้วยหลักเกณฑ์ตามปกติ คือ ผู้รับเหมาจะต้องมีประสบการณ์โครงการมูลค่ากึ่งหนึ่งจากราคาประมูลปกติ จะทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ถึง 4,700-6,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ นาย
วิโรจน์ ยังได้ย้ำข้อเสนออีกว่า หากมีการปรับแก้ตัวเลขมูลค่าโครงการประสบการณ์จาก 450 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาการฮั้วประมูลเพื่อเอื้อให้แก่ผู้รับเหมารายใหญ่ได้
ด่วน!เลขาธิการ ป.ป.ส. เซ็นอายัดทรัพย์ ‘สว.อุปกิต’ 285 ล.-ล่าอีก 600 ล. ซุกหนีต่างประเทศ
https://www.dailynews.co.th/news/2927433/
"บิ๊กหลวง" เลขาธิการ ป.ป.ส. เซ็นคำสั่งอายัดทรัพย์ "สว.อุปกิต" ไว้ตรวจสอบแล้ว รวม 285 ล้านบาท เป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร 28 บัญชี และที่ดิน 29 แปลง เร่งล่าเงินไหลซุกต่างประเทศกว่า 600 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ท.
ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในพิธีส่งมอบและรับมอบเครื่องมือวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์สำหรับตรวจพิสูจน์ยาเสพติด จากสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (AFP) พร้อมเปิดเผยถึงความคืบหน้าการยึดอายัดทรัพย์สินของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ตนได้ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ดังนี้ อายัดบัญชีธนาคาร 28 บัญชี เป็นเงิน 3,000,000 บาท และวานนี้ (22 พ.ย.) ได้อายัดที่ดิน จำนวน 29 แปลง มูลค่า 282 ล้านบาท และจะต้องทยอยอายัดอย่างต่อเนื่องเพราะว่า เราจะมีการสืบทรัพย์ว่าทรัพย์สินรายการอื่นๆอยู่ที่ใดบ้าง หากเป็นรถยนต์หรู ก็จะต้องหาตัวรถให้เจอถึงจะดำเนินการได้
หลังจากนี้ก็จะมีการเปิดปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งสำหรับการสืบทรัพย์สินที่เหลือว่าอยู่ที่ไหน และทรัพย์สินเหล่านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 65 นาย
วิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ในขณะนั้น ได้มีการออกคำสั่งอายัดทรัพย์สิน โดยอายัดเป็นเงินสดของ สว.อุปกิต ไว้แล้ว จำนวน 200,000 บาท
พล.ต.ท.
ภาณุรัตน์ เผยอีกว่า นอกจากนี้ เราตรวจสอบพบว่ายังมีทรัพย์สินที่เป็นเงินมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ที่ถูกถ่ายโอนไปยังต่างประเทศ จากนี้เราจะขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการทำหนังสือส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อประสานกองความร่วมมือระหว่างประเทศ ดำเนินการยึดอายัด พร้อมให้ความมั่นใจว่า ป.ป.ส. ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายการทรัพย์สินอื่นๆเพิ่มเติม และจะออกคำสั่งยึดและอายัดต่อไป เพราะเราจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทรัพย์สินรายการใดบ้างที่มาจากการกระทำความผิดในเรื่องยาเสพติด หรือทรัพย์สินนั้นมาจากการประกอบอาชีพสุจริตจริงๆ
JJNY : "วิโรจน์"เหน็บ นายกฯ"ตั๋วเพื่อไทย"│“วิโรจน์”ตั้งแง่หลักเกณฑ์ปรับผู้รับเหมา│อายัดทรัพย์‘สว.อุปกิต’│งานเข้า! JKNต่อ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2742815
"วิโรจน์" สส.ก้าวไกล กระทุ้งต่อ เหน็บ นายกฯ ปม "ตั๋วเพื่อไทย" อยากเอายาไปทาสีข้างนายกฯ คงอักเสบ ยอมรับเถอะ หลุดปากพูด ชัด มี สส.เพื่อไทย ฝาก "ผู้กำกับ" จริง ถาม ที่เคยพูดจะขจัดสังคมเส้นสาย ตอนนี้ ลืมหรือยัง ใช่เศรษฐาคนเดียวกันใช่ไหม
วันที่ 23 พ.ย. 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี "ตั๋วเพื่อไทย" นายกฯ หลุดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย มีการฝากผู้กำกับ และเมื่อวานนายกฯ ออกมาชี้แจง ไม่มีการแทรกแซงนั้น ว่า นายกฯ ต้องชี้แจงไหมว่า วันก่อนท่านกินอะไรไป ท่านถึงพูดอย่างนั้น ผู้กำกับท่านชัดเจนนะ ว่าท่านพูดอะไร ท่านพูดถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบใช่ไหมครับ แล้วก็พูดถึงนายอำเภอ พูดถึงผู้การจังหวัด ฉะนั้นผู้กำกับจะหมายถึงผู้กำกับซีรีส์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ไม่ได้ แต่หมายถึงผู้กำกับสถานีตำรวจอย่างเดียว แล้วก็บอกว่า มีคนขอมาเยอะเหลือเกิน ไอ้คนๆ นั้นที่ขอเป็นคน หรือสัมภเวสีล่ะ แล้วท่านพูดกับใคร ไหนล่ะ ท่านพูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ใช่ไหน แล้วท่านพูดกับใคร พูดกับ สส.พรรคเพื่อไทย
"ในนามพรรคฝ่ายค้าน จะตรวจสอบเรื่องนี้ เดี๋ยวพอเปิดสมัยประชุมสภา ก็ต้องตั้งกระทู้ถาม ว่า ที่ท่านบอกว่า ที่ขอมาเยอะเหลือเกิน ใครละที่ขอมาเยอะ แล้วท่านนายกฯ พูดอีกว่า ก็มีผิดหวัง มากกว่าสมหวัง แต่ก็มีสมหวังก็จำนวนไม่น้อย ก็แสดงว่า มันมีการฝากกันจริงๆ คือ ต้องยอมรับกันตรงๆ นะ อย่าบิดพลิ้วเลย คือ ท่านหลุดปาก แล้วอีกวันหนึ่งก็มาแก้ตัว พูดกันตรงๆ นะ คือท่านต้องรับสารภาพเถอะ แล้ววันก่อนหน้าที่ท่านนายกฯ พูด ก่อนหาเสียง นายเศรษฐา ทวีสิน ที่บอกว่า จะขจัดสังคมเส้นสายไป พอหาเสียงเสร็จแล้วก็ลืม ที่นายเศรษฐาเคยพูดเอาไว้อย่างเสียงเข้มเลยนะ แล้วเศรษฐาวันที่มาพูดก่อนหน้าและพูดทีหลังนี่ ใช่ เศรษฐา คนเดียวกันไหม" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้คงใช้ กมธ.จัดการก่อน รอเปิดสมัยประชุมสภาก่อน แล้วพอเปิดสภา นายกฯ ก็ต้องมาชี้แจง ไม่ใช่อยู่ดีๆ วันรุ่งขึ้นก็มาบอกว่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พูดถึงว่า ความ ไม่ใช่คน ผมฟังแล้ว จริงๆ วันนั้น ผมอยากเอายาไปทาสีข้างให้ท่าน คงอักเสบพอสมควร คือไหนๆ ท่านก็พูดออกมา 80% แล้ว ก็พูดอีก 20% เถอะว่า สส.ที่นำ ผู้กำกับใหม่ มาฝากให้ท่าน เป็นใคร ฝากกี่คน มันไม่ยากเกินวิสัย เพราะผู้กำกับมีการโยกย้าย และมีผู้กำกับใหม่อยู่กี่คน เดี๋ยวผมก็ไปหาทางโยง ผู้กำกับใหม่ ที่ได้รับการแต่งตั้ง ท่านนั้นเป็นใคร อยู่ในจังหวัดไหน อยู่ในสถานีตำรวจใด และมีเครือข่ายโยงใย สส.คนไหน แล้วถึงไปถามท่านนายกฯ
นายวิโรจน์ ระบุว่า ยืนยัน ความผิดต่อสังคมมันเกิดแล้ว แต่ต้องหาหลักฐานเพิ่ม เพราะการสารภาพผู้ต้องหายังไม่ใช่หลักฐาน มันต้องหาหลักฐานข้อเท็จจริงเพิ่ม แต่เดี๋ยวก็รู้ว่า คนไหนเป็นคนฝาก ฝากใคร รู้แล้วค่อยไปถาม ท่านนายกฯ
ส่วนกรณีมีการเรียกร้อง นายกฯ ลาออก นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า เรียกร้องเป็นสิทธิ์ทำได้ แต่ตัดสินใจอยู่ที่นายกฯ ขอให้กำลังใจตำรวจที่ตั้งใจทำหน้าที่เต็มที่
“วิโรจน์” ตั้งแง่หลักเกณฑ์ปรับผู้รับเหมาชั้น 1″เป็น”ชั้นพิเศษ”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_644696/
“วิโรจน์” ตั้งแง่ กรมบัญชีกลาง ปรับหลักเกณฑ์ขยับ ผู้รับเหมาชั้น 1″ ขึ้นไปเป็น “ผู้รับเหมาชั้นพิเศษ” หวั่นผูกขาด แนะปรับแก้ตัวเลขมูลค่า จะสามารถแก้ไขปัญหาการฮั้วประมูล
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ถึงกรณีการออกประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ของกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ถึงการปรับหลักเกณฑ์ขยับให้ “ผู้รับเหมาชั้น 1” ขึ้นไปเป็น “ผู้รับเหมาชั้นพิเศษ” ซึ่งมีเพียง 76 ราย อยู่ในสภาพผูกขาดโครงการก่อสร้างทางมูลค่า 500 ล้านบาท ขึ้นไป
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในการประมูลโครงการก่อสร้างทางมูลค่า 500 ล้านบาทสำหรับผู้รับเหมาชั้นพิเศษนั้น มีราคาประมูลห่างจากราคากลางอยู่ประมาณ 0.24-0.36% จนแทบมองได้ว่าไม่มีการประมูลราคาเลย ขณะที่ผู้รับเหมาชั้น 1 มีการประมูลโครงการก่อสร้างทางมูลค่า 450-500 ล้านบาท มีการประมูลราคาห่างจากราคากลางถึง 19.46-22.57% ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันสูง ปรับหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง ตามประกาศเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่า ถึงเงื่อนไขในการที่จะขยับชั้นผู้รับเหมาจากชั้น 1 ไปสู่ชั้นพิเศษนั้น พบว่า มีเงื่อนไขที่เป็นไปได้ยาก โดยผู้รับเหมาต้องมีผลงาน 1 โครงการ ในระยะเวลา 6 ปี ซึ่งต้องเป็นโครงการที่มีมูลค่า 450 ล้านบาทขึ้นไป จึงถือว่าเป็นการยากมากที่ผู้รับเหมาชั้น 1 จะขยับชั้นขึ้นไปได้
นายวิโรจน์ ยกตัวอย่าง หลักเกณฑ์ปกติของการเลื่อนชั้นของผู้รับเหมา เช่น หากผู้รับเหมาชั้น 3 ที่ประมูลโครงการในราคา 150 ล้านบาท หากจะขยับขึ้นมาเป็นผู้รับเหมาชั้น 2 ต้องมีประสบการณ์รับงานโครงการ 75 ล้านบาท (ครึ่งหนึ่งของราคาประมูลปกติ) หากอิงตามหลักเกณฑ์นี้ ผู้รับเหมาชั้น 1 ที่จะขยับขึ้นไปเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษควรจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีประสบการณ์ในการประมูลโครงการราคาเพียง 250 ล้านบาท (ครึ่งหนึ่งของ 500 ล้านบาท) เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสูงถึง 450 ล้านบาท
นายวิโรจน์ ระบุว่า แม้ว่าจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจากกรมบัญชีกลางด้วยการออกประกาศเพิ่ม “ผู้รับเหมาชั้น 1ก” แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการฮั้วประมูลของผู้รับเหมาชั้นพิเศษ เพราะเป็นเพียงการเพิ่มวงเงินประมูลโครงการไปที่ 600 ล้านบาท เพื่อทำให้การเลื่อนชั้นของผู้รับเหมาชั้น 1 ขึ้นไปสู่ผู้รับเหมาชั้นพิเศษต้องมีค่าประสบการณ์เหลือเพียง 300 ล้านบาท
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า หากมีการปรับเงื่อนไขการเลื่อนชั้นของผู้รับเหมาชั้น 1 ไปสู่ผู้รับเหมาชั้นพิเศษด้วยหลักเกณฑ์ตามปกติ คือ ผู้รับเหมาจะต้องมีประสบการณ์โครงการมูลค่ากึ่งหนึ่งจากราคาประมูลปกติ จะทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ถึง 4,700-6,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ยังได้ย้ำข้อเสนออีกว่า หากมีการปรับแก้ตัวเลขมูลค่าโครงการประสบการณ์จาก 450 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาการฮั้วประมูลเพื่อเอื้อให้แก่ผู้รับเหมารายใหญ่ได้
ด่วน!เลขาธิการ ป.ป.ส. เซ็นอายัดทรัพย์ ‘สว.อุปกิต’ 285 ล.-ล่าอีก 600 ล. ซุกหนีต่างประเทศ
https://www.dailynews.co.th/news/2927433/
"บิ๊กหลวง" เลขาธิการ ป.ป.ส. เซ็นคำสั่งอายัดทรัพย์ "สว.อุปกิต" ไว้ตรวจสอบแล้ว รวม 285 ล้านบาท เป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร 28 บัญชี และที่ดิน 29 แปลง เร่งล่าเงินไหลซุกต่างประเทศกว่า 600 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในพิธีส่งมอบและรับมอบเครื่องมือวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์สำหรับตรวจพิสูจน์ยาเสพติด จากสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (AFP) พร้อมเปิดเผยถึงความคืบหน้าการยึดอายัดทรัพย์สินของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ตนได้ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ดังนี้ อายัดบัญชีธนาคาร 28 บัญชี เป็นเงิน 3,000,000 บาท และวานนี้ (22 พ.ย.) ได้อายัดที่ดิน จำนวน 29 แปลง มูลค่า 282 ล้านบาท และจะต้องทยอยอายัดอย่างต่อเนื่องเพราะว่า เราจะมีการสืบทรัพย์ว่าทรัพย์สินรายการอื่นๆอยู่ที่ใดบ้าง หากเป็นรถยนต์หรู ก็จะต้องหาตัวรถให้เจอถึงจะดำเนินการได้
หลังจากนี้ก็จะมีการเปิดปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งสำหรับการสืบทรัพย์สินที่เหลือว่าอยู่ที่ไหน และทรัพย์สินเหล่านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 65 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ในขณะนั้น ได้มีการออกคำสั่งอายัดทรัพย์สิน โดยอายัดเป็นเงินสดของ สว.อุปกิต ไว้แล้ว จำนวน 200,000 บาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยอีกว่า นอกจากนี้ เราตรวจสอบพบว่ายังมีทรัพย์สินที่เป็นเงินมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ที่ถูกถ่ายโอนไปยังต่างประเทศ จากนี้เราจะขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการทำหนังสือส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อประสานกองความร่วมมือระหว่างประเทศ ดำเนินการยึดอายัด พร้อมให้ความมั่นใจว่า ป.ป.ส. ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายการทรัพย์สินอื่นๆเพิ่มเติม และจะออกคำสั่งยึดและอายัดต่อไป เพราะเราจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทรัพย์สินรายการใดบ้างที่มาจากการกระทำความผิดในเรื่องยาเสพติด หรือทรัพย์สินนั้นมาจากการประกอบอาชีพสุจริตจริงๆ