สวัสดีค่า กลับมาเจอกันอีกแล้วกับ EP.3 กับขั้นแรกของการจะย้ายคือการแจ้งสถานะการสมรส ถ้าใครยังไม่เคยอ่านเรื่องของเรา ลองไปตามอ่านเพื่อเพิ่มความอรรถรสของการอ่าน
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.1 วีซ่าเยี่ยมเยียน
https://ppantip.com/topic/42317773
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.2 แต่งงานที่ออสเตรเลีย
https://ppantip.com/topic/42330535
พอเราจดทะเบียนสมรสเสร็จแล้ว เราก็ทำการสมัครวีซ่าเยี่ยมเยียนใหม่อีกรอบ คราวนี้พอสมัครรอบสองมีข้อมูลไบโอเมตริกอยู่ในระบบอยู่แล้ว เราก็จะส่งเอกสารสมัครไปทางไปรษณีย์ให้ทางกงสุลพิจารณาแทน เราก็เตรียมเอกสารทั้งหมดรวมพาสปอร์ตส่งไปแบบด่วน เพื่อให้เค้าเริ่มกระบวนการพิจารณาให้ไวที่สุด เราจะบินไปฮังการีอีกที 15 ธค. ก็จริงแต่ 6 ธค. เราจะกลับไปไทยก่อนหลังจากไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่ช่วงปลาย มค. 2020 ถ้าเร่งให้เสร็จไวที่สุดได้มันก็จะสบายใจกว่า เพราะเราเตรียมย้ายไปฮังการี เราต้องไปขอเอเจนท์บ้านขออยู่ต่ออีกเดือนนึงเพื่อเคลียร์ของเพื่อย้ายประเทศ ซึ่งเค้าก็ใจดีช่วยให้เราอยู่ต่ออีกเดือนหลังจากหมดสัญญา ไม่งั้นก็ต้องลำบากหาที่อยู่แค่ช่วงระยะสั้นซึ่งหายากมากๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงทองของเจ้าของบ้านที่ขึ้นค่าเช่าได้ ไม่ง้อคนเช่า คนเข้าออสเตรเลียเยอะมาก บ้านไม่พอ แถมก็ต้องขายเฟอร์นิเจอร์ ขายของในบ้านทิ้งหมด แล้วก็จัดการของที่เหลือไปฝากไว้บ้านเพื่อน ยุ่งมากๆ ต้องทำให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน
ในสัปดาห์เดียวกันกับที่เราทำวีซ่าเยี่ยมเยียนไป ใบทะเบียนสมรสตัวจริงส่งมาทางไปรษณีย์ ถ้าจำไม่ผิดเราได้วันศุกร์ ก็ถึงเวลาที่ต้องไปแจ้งสถานะสมรสของสามี บอกสามีหมาดๆ ว่าให้โทรแจ้งกงสุลขอนัดเข้าไปทำเอกสารสิ แต่สามีบอกว่าครั้งที่แล้วที่โทรคุยกัน เค้าบอกว่าให้เราเข้าไปได้เลย ไม่ต้องนัด เป็นเรื่องเร่งด่วน สามีเลยตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินไปซิดนีย์วันอาทิตย์เช้าเลยแล้วกลับวันอังคารตอนเย็นเพราะไปทำเรื่องที่กงสุลฮังการี แต่ๆๆๆ พาสปอร์ตมันไปอยู่ที่กงสุลสวิสแล้วเนี่ยสิ เราก็ต้องไปขอพาสปอร์ตคืนก่อนด้วย
วันอาทิตย์ไปถึงก็ชิวๆ เดินเล่นในเมืองหาของกิน หาเบียร์กินไปเรื่อย บรรยากาศมืดครึ้ม ไม่ค่อยมีแดด เราก็ไปกินร้านอาหารใต้ร้านโปรดของเรา ร้าน Caysorn อยู่ที่ Haymarket ปกติเรากับเพื่อนจะมากินแกงส้มใต้ ข้าวคลุกกะปิ ที่นี่ ชอบมากๆ เพราะที่บริสเบนไม่มีให้กินแบบนี้ มีแต่คนทำแล้วมาฝากขายที่ร้าน Grocery ของไทยมากกว่า ซึ่งเราก็ไม่เคยไปซื้อทัน มัวแต่ทำงาน ไปซื้ออีกทีก็ไม่สดใหม่แล้ว ใครพึ่งมาอยู่บริสเบนอย่าลืมไปอุดหนุนร้านของชำไทย The Valley Grocer เจ้าชองคนไทย ของไทยเพียบค่ะ ทุกวันเสาร์จะมีแม่ค้าเอาอาหาร ขนมมาฝากขายที่ร้านไม่ต้องกลัวอดอาหารไทย อ่ะนอกเรื่องมากแล้ว วันอาทิตย์เราทำอะไรไม่ได้มาก ติดต่ออะไรก็ไม่ได้ ถือว่ามาเที่ยวพักผ่อนก่อนจะลุยกันใหม่พรุ่งนี้
วันจันทร์ตื่นเช้ามา ลงมาจากโรงแรมก็เดินมาฝั่งตรงข้าม เดินเข้าร้านคาเฟ่ พร้อมทั้งให้สามีโทรเข้ากงสุลว่าจะเข้าไปทำเอกสารวันนี้ได้มั้ย พอโทรไปกงสุลฮังการี บอกให้เจ้าหน้าที่ทราบเท่านั้นแหละ ทางนั้นก็โวยวายมาทันที ว่าจะมานัดอะไรวันนี้เดี๋ยวนี้ ไม่มีหรอกนะ สามีก็เลยโวยกลับว่าท่านกงสุลเป็นคนรับปากเอง ว่าให้มาได้ทันทีที่ได้รับทะเบียนสมรส เค้าจะดำเนินเรื่องให้เร็วที่สุด ทางนั้นเลยเงียบไปนิดนึง แล้วบอกให้มาพรุ่งนี้เช้า 10 โมงแทน พร้อมเอกสารของเราต่างๆ ได้แก่
1.พาสปอร์ต 2.ใบสูติบัตร 3.ใบเปลี่ยนชื่อ 4.ใบทะเบียนบ้าน พร้อมแปลรับรอง NAATI ทุกใบที่เป็นภาษาไทย 5.ใบทะเบียนสมรสตัวจริง
ส่วนของสามีจะใช้ 1.พาสปอร์ต 2.ใบที่อยู่ 3.ใบสูติบัตร ในการยืนยันตัวตน
ทีนี้เราก็เลยโทรไปกงสุลสวิสเพื่อเข้าไปขอพาสปอร์ตเอามาให้ทางฮังการี ทางสวิสตอนแรกก็ไม่อยากให้เพราะนึกว่าจะเอาไปนาน แต่ก็ใจดีอีกเช่นเคยพอรู้ว่าเราจะไปคืนภายในพรุ่งนี้ เค้าเช็คให้เสร็จแล้วบอกว่าเนี่ยพึ่งจะได้ จม. เธอเองนะ จะมาเอาเลยหรือมาตอนบ่ายก็ได้ เวลากงสุลปิดเที่ยงจริง เฉพาะคนที่เข้ามาทำวีซ่า แต่ว่าเจ้าหน้าที่จะต้องอยู่ทำงานถึง 4 โมงเย็นอยู่ดี ทางเราก็ใจร้อนเลยรีบกินอาหารเช้าแล้วไปที่กงสุลสวิสแถว Bondi จะได้จบเป็นเรื่องๆ พอเราไปเอาพาสปอร์ตกลับมาได้ ก็คิดว่าเออ เอาทะเบียนสมรสไปทำสำเนาแล้วให้ JP ในเมืองเซ็นดีกว่า จะได้มีเอกสารสำรองเอาไว้ใช้ ไม่ต้องไปตามล่าหาลายเซ็นอีกในอนาคต (ในออสเตรเลีย เอกสารสำเนาที่จะใช้ในราชการ จะต้องทำสำเนา เอาตัวจริงไปให้คนที่มีอำนาจตามกฏหมายเซ็น เรียกว่า Justice of peace หรือเรียกสั้นๆ JP ว่าเอกสารสำเนามาจากตัวจริง ถูกต้อง) พอทำเสร็จทีนี้ก็ไม่มีอะไรจะทำแล้ว เลยเดินโต๋เต๋ไปมา หาซื้อรองเท้า หาของกินเรื่อยเปื่อย วันนี้ไปกินร้านพิซซ่าใน Westfield แต่ไม่ค่อยถูกปากสามี ตกเย็นเลยไปกินร้านไทยชื่อร้านตะวันแดงแทน อร่อยมากๆ โดยเฉพาะเบียร์ไทย 5555 จบไปอีกวัน
วันอังคาร ได้เวลาไปกงสุลฮังการีสักที ไปถึงมีเรากับสามี และมีเจ้าหน้าที่ 1 คน เป็นผู้หญิง หน้าตาบูดบึ้งตลอดเวลา เค้านัดให้เราแบบ 1-1 เลย เนื่องจากสถานการณ์โควิด (ซึ่งตอนนั้นมันก็ซาแล้วนะ ไม่ได้มีกฏอะไรควบคุมเหมือนช่วง 2020-2021) เราก็ต้องกรอกข้อมูล แต่มันก็มีอุปสรรคนิดๆ คือชื่อแม่เรา เพราะแกเปลี่ยนชื่อ 1 รอบ เปลี่ยนนามสกุล 2 รอบ
***อันนี้ขอเล่าเมาท์มอย***
ในประเทศฮังการี เวลาที่เราจะต้องติดต่อกับทางราชการ ธนาคาร ทำธุรกรรมใดๆ เค้าจะให้เราระบุ นามสกุล ตามด้วยชื่อต้นและชื่อกลาง เป็นฟอร์แมท รวมถึงเราต้องระบุชื่อแม่ก่อนแต่งงาน (Mother’s maiden name) เสมอ วัฒนธรรมของฮังการีเวลาผู้หญิงแต่งงานสมัยก่อน จะต้องเอาทั้งชื่อและนามสกุลสามีมาใช้ เช่น ผู้ชายชื่อ นายเจริญดี สมหวัง พอผู้หญิงแต่งงานก็จะต้องใช้ชื่อนางเจริญดี สมหวัง เป็นต้น สมัยนี้มีให้เลือกว่าจะใช้แบบดั้งเดิมคือ ยกชื่อ นามสกุล ผู้ชายมาเลยทั้งดุ้น หรือ จะขอใช้ชื่อเดิมตัวเอง แต่เปลี่ยนนามสกุล หรือ ไม่เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลก็ได้ (อันนี้คนไทยมักทำ เพราะไม่ต้องไปทำเอกสารหลังแต่งงานให้ยุ่งยาก อันนี้เจ้าหน้าที่กงสุลไทยที่บูดาเปสต์แนะนำ) แต่คนฮังการีถ้าแต่งงาน ยังนิยมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลผู้ชายอยู่ค่ะ
ในอดีต ก็มีธรรมเนียมครอบครัวอย่างนึงเรื่องชื่อ ถ้าครอบครัวมีลูกชายคนแรกในบ้านจะต้องชื่อเดียวกับพ่อ จะต่างกันแค่ชื่อกลาง จะได้รู้ว่าคนไหนพ่อหรือลูก สามีเราก็ชื่อเดียว นามสกุลเดียวกับพ่อเด๊ะๆ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครทำแล้วค่ะ
ทีนี้พอชื่อและนามสกุลแม่เรามันเปลี่ยนหลายรอบ คนฮังการีเค้าก็ไม่เข้าใจ ว่าเราเปลี่ยนชื่อตามความเชื่อ และเปลี่ยนนามสกุลหลังแต่งงานและหย่า (คนที่นู่นหลังหย่าก็ยังคงใช้ชื่อสามีตามเดิม) เค้าเข้าใจว่าคนที่เปลี่ยนชื่อเนี่ยมันคือคนที่เป็นอาชญากรและต้องการเปลี่ยนตัวตนเพื่อหนีความผิดอะไรแบบนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็บ่นและใช้คำพูดที่ไม่ดีเลย เรากับสามีก็มองหน้ากัน ดีว่าเค้าพูดแค่ประโยคเดียวแล้วจบ ถ้าไม่จบเจอเราแน่ เจ้าหน้าที่ก็สั่งเราให้เราเขียนว่าแม่ชื่ออะไรบ้าง แล้วเปลี่ยนชื่อทำไม เปลี่ยนนามสกุลทำไม พอเค้าอ่านแล้วไล่ชื่อนามสกุลทั้งหมด เค้าก็บอกว่าโอเค ต่อไปเวลาใช้ชื่อแม่ในฮังการี ให้ใช้ชื่อที่อยู่ในสูติบัตรเรา เพราะมันเป็น maiden name แล้วอยู่บนใบเกิด ไม่ต้องมาพูดให้มากความว่าชื่อปัจจุบันแกชื่ออะไร
จบเรื่องชื่อแม่ เราก็เอาเอกสารทั้งหมดให้ทางเจ้าหน้าที่กงสุล เนื่องจากอยู่ในออสเตรเลีย ทางกงสุลเลยรับเอกสารภาษาไทยที่มีแปลรับรอง NAATI ของออสเตรเลีย (ถ้าเรายื่นเอกสารที่ฮังการีในการสมัคร resident permit เราจะต้องเอาเอกสารภาษาไทยที่รับรองกงสุลไทยและฮังการีในไทย ก่อนจะเอาไปแปลภาษาที่ OFFI ในฮังการีนะคะ ถ้าไม่ได้สแตมป์กงสุลมาสองที่ ที่นี่จะไม่รับแปล) เจ้าหน้าที่ทำการเตรียมเอกสารดังนี้
- ทำเอกสารสำเนาและ legalised ใบทะเบียนสมรสของออสเตรเลีย
- แปลเอกสารใบทะเบียนสมรส ประทับตรากงสุล (อันนี้ช่วยประหยัดเวลาและค่าแปล OFFI ได้)
- ยื่นเรื่อง Register marriage ไปที่ประเทศฮังการี (เริ่ม process การขอทะเบียนสมรสภาษาฮังการี ซึ่งอันนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน)
เอกสารลำดับ 1 และ 2 เจ้าหน้าที่ให้ไปรับเอกสารได้ตอนบ่ายสอง เราต้องเอาเอกสารนี้เพื่อไปสมัคร resident permit ที่ฮังการีเพื่อย้ายไปอยู่ที่นู่นยาวๆ ใครกำลังจะย้ายมายุโรป อาจจะต้องเตรียมการนานหน่อยสำหรับเอกสาร กระบวนการแต่ละขั้นก็ช้ายุ่งยาก กว่าของเราจะได้ใบทะเบียนสมรสมาก็ปาไปสองเดือน ต่างจากที่ไทย ถ้าเราเตรียมเอกสารพร้อม ไปที่เขต เราเซ็นเอกสารเสร็จ เราจะได้ใบฐานะแห่งครอบครัว คร.22 มาทันที แต่ทางการฮังการีเวลาเค้าจะเปลี่ยนสถานะ เจ้าหน้าที่ว่าเค้าจะต้องเอาใบทะเบียนสมรสที่ได้รับ เช็คกลับไปที่ประเทศต้นทางของทะเบียนสมรส เช็คคุณสมบัติของผู้หญิงและผู้ชายว่าไม่มีการจดทะเบียนซ้ำซ้อน ถึงจะยอมออกใบทะเบียนสมรสฉบับภาษาฮังการีได้ มันเลยนาน เพราะคิวยาวและเช็คละเอียด (ไม่รู้โม้รึป่าว มันเช็คได้ขนาดนั้นด้วยหรอ) แล้วถ้าทะเบียนสมรสฉบับฮังการีไม่ออก resident permit เราก็ไม่ออกเช่นกัน เพราะถือว่าแต่งงานจริงแต่การแต่งงานไม่ถือว่าสมบูรณ์ในฮังการี เพราะทางการยังไม่รับรอง ทำให้เราไม่มีสถานะเป็นภรรยาและครอบครัวกับคนชาติเค้า เอากะเค้าสิ
พอเรายื่นเอกสารเสร็จที่กงสุลฮังการี ก็นั่งรถไฟไปกงสุลสวิสต่อเพื่อไปคืนพาสปอร์ต ให้เค้าพิจารณาวีซ่าต่อ เจ้าหน้าที่ก็แสนจะใจดี บอกเราว่าเธอไม่มีปัญหาหรอกนะ ชั้นออกวีซ่าให้แน่นอน ขอให้โชคดีกับการย้ายไปฮังการี อยากได้วันเพิ่มจากที่ขอมั้ย จะได้ให้เพิ่มไปอีก แต่เราคำนวณวันมาเรียบร้อยว่าแค่นี้ก็พอ (ถ้าไม่พอ ต้องเพิ่มยอดเงินในบัญชี) ก็ขอบอกขอบใจไป แล้วเราก็กลับกันมาที่ในตัวเมืองซิดนีย์ มาเดินหาคาเฟ่เพื่อกินอะไรรองท้อง ระหว่างรอเอกสารของกงสุลฮังการีตอนบ่ายสอง พอถึงเวลาก็ไปรับเอกสาร เช็คความถูกต้อง รับใบเสร็จ แล้วก็รหัสเอกสารที่ยื่น register marriage ไปที่ฮังการี สรุปเสียเงินไป 85 AUD กับค่าเอกสาร จบเรื่องก็ไปนั่งกินเบียร์ในเมืองสักนิดก่อนจะไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วนั่งรถไฟไปสนามบินกลับไปที่บริสเบน
ตอนนี้สรุปสถานการณ์ของเรา คือ จะบินเข้าฮังการีวันที่ 15 ธค. ด้วยวีซ่าเยี่ยมเยียน แล้วสมัคร resident permit ที่นู่นเอา โดยที่เราสามารถยื่นคำร้องขอต่อวีซ่าเยี่ยมเยียนเป็นกรณีพิเศษเพื่อรอ resident permit ในฮังการี ปกติจะไม่สามารถทำได้ ต้องออกนอกประเทศเท่านั้น และขอวีซ่าเข้ามาใหม่ หรือ เข้าตามกฏวีซ่า 90/180 วัน แต่มันมีข้อยกเว้นอยู่ ซึ่งของเราเป็นกรณีดูแลผู้ป่วย (แม่สามี) ยังไงก็แล้วแต่ เราต้องไปรอลุ้นเอาตอนที่เราอยู่ในฮังการีแล้ว ว่าจะได้ resident ก่อนที่วีซ่าเราจะเกินกฏ 90/180 หรือเปล่า ตามเรื่องราวได้ในตอนต่อไปนะคะ จะเป็นขั้นตอนยื่นเอกสารที่ Alien Policing ที่เมือง Debrecen Hungary
รูปภาพเล็กน้อยจากซิดนีย์ค่ะ
จากออสเตรเลีย....กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.3 แจ้งสถานะสมรสที่กงสุลฮังการี ณ ซิดนีย์
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.1 วีซ่าเยี่ยมเยียน
https://ppantip.com/topic/42317773
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.2 แต่งงานที่ออสเตรเลีย
https://ppantip.com/topic/42330535
พอเราจดทะเบียนสมรสเสร็จแล้ว เราก็ทำการสมัครวีซ่าเยี่ยมเยียนใหม่อีกรอบ คราวนี้พอสมัครรอบสองมีข้อมูลไบโอเมตริกอยู่ในระบบอยู่แล้ว เราก็จะส่งเอกสารสมัครไปทางไปรษณีย์ให้ทางกงสุลพิจารณาแทน เราก็เตรียมเอกสารทั้งหมดรวมพาสปอร์ตส่งไปแบบด่วน เพื่อให้เค้าเริ่มกระบวนการพิจารณาให้ไวที่สุด เราจะบินไปฮังการีอีกที 15 ธค. ก็จริงแต่ 6 ธค. เราจะกลับไปไทยก่อนหลังจากไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่ช่วงปลาย มค. 2020 ถ้าเร่งให้เสร็จไวที่สุดได้มันก็จะสบายใจกว่า เพราะเราเตรียมย้ายไปฮังการี เราต้องไปขอเอเจนท์บ้านขออยู่ต่ออีกเดือนนึงเพื่อเคลียร์ของเพื่อย้ายประเทศ ซึ่งเค้าก็ใจดีช่วยให้เราอยู่ต่ออีกเดือนหลังจากหมดสัญญา ไม่งั้นก็ต้องลำบากหาที่อยู่แค่ช่วงระยะสั้นซึ่งหายากมากๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงทองของเจ้าของบ้านที่ขึ้นค่าเช่าได้ ไม่ง้อคนเช่า คนเข้าออสเตรเลียเยอะมาก บ้านไม่พอ แถมก็ต้องขายเฟอร์นิเจอร์ ขายของในบ้านทิ้งหมด แล้วก็จัดการของที่เหลือไปฝากไว้บ้านเพื่อน ยุ่งมากๆ ต้องทำให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน
ในสัปดาห์เดียวกันกับที่เราทำวีซ่าเยี่ยมเยียนไป ใบทะเบียนสมรสตัวจริงส่งมาทางไปรษณีย์ ถ้าจำไม่ผิดเราได้วันศุกร์ ก็ถึงเวลาที่ต้องไปแจ้งสถานะสมรสของสามี บอกสามีหมาดๆ ว่าให้โทรแจ้งกงสุลขอนัดเข้าไปทำเอกสารสิ แต่สามีบอกว่าครั้งที่แล้วที่โทรคุยกัน เค้าบอกว่าให้เราเข้าไปได้เลย ไม่ต้องนัด เป็นเรื่องเร่งด่วน สามีเลยตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินไปซิดนีย์วันอาทิตย์เช้าเลยแล้วกลับวันอังคารตอนเย็นเพราะไปทำเรื่องที่กงสุลฮังการี แต่ๆๆๆ พาสปอร์ตมันไปอยู่ที่กงสุลสวิสแล้วเนี่ยสิ เราก็ต้องไปขอพาสปอร์ตคืนก่อนด้วย
วันอาทิตย์ไปถึงก็ชิวๆ เดินเล่นในเมืองหาของกิน หาเบียร์กินไปเรื่อย บรรยากาศมืดครึ้ม ไม่ค่อยมีแดด เราก็ไปกินร้านอาหารใต้ร้านโปรดของเรา ร้าน Caysorn อยู่ที่ Haymarket ปกติเรากับเพื่อนจะมากินแกงส้มใต้ ข้าวคลุกกะปิ ที่นี่ ชอบมากๆ เพราะที่บริสเบนไม่มีให้กินแบบนี้ มีแต่คนทำแล้วมาฝากขายที่ร้าน Grocery ของไทยมากกว่า ซึ่งเราก็ไม่เคยไปซื้อทัน มัวแต่ทำงาน ไปซื้ออีกทีก็ไม่สดใหม่แล้ว ใครพึ่งมาอยู่บริสเบนอย่าลืมไปอุดหนุนร้านของชำไทย The Valley Grocer เจ้าชองคนไทย ของไทยเพียบค่ะ ทุกวันเสาร์จะมีแม่ค้าเอาอาหาร ขนมมาฝากขายที่ร้านไม่ต้องกลัวอดอาหารไทย อ่ะนอกเรื่องมากแล้ว วันอาทิตย์เราทำอะไรไม่ได้มาก ติดต่ออะไรก็ไม่ได้ ถือว่ามาเที่ยวพักผ่อนก่อนจะลุยกันใหม่พรุ่งนี้
วันจันทร์ตื่นเช้ามา ลงมาจากโรงแรมก็เดินมาฝั่งตรงข้าม เดินเข้าร้านคาเฟ่ พร้อมทั้งให้สามีโทรเข้ากงสุลว่าจะเข้าไปทำเอกสารวันนี้ได้มั้ย พอโทรไปกงสุลฮังการี บอกให้เจ้าหน้าที่ทราบเท่านั้นแหละ ทางนั้นก็โวยวายมาทันที ว่าจะมานัดอะไรวันนี้เดี๋ยวนี้ ไม่มีหรอกนะ สามีก็เลยโวยกลับว่าท่านกงสุลเป็นคนรับปากเอง ว่าให้มาได้ทันทีที่ได้รับทะเบียนสมรส เค้าจะดำเนินเรื่องให้เร็วที่สุด ทางนั้นเลยเงียบไปนิดนึง แล้วบอกให้มาพรุ่งนี้เช้า 10 โมงแทน พร้อมเอกสารของเราต่างๆ ได้แก่
1.พาสปอร์ต 2.ใบสูติบัตร 3.ใบเปลี่ยนชื่อ 4.ใบทะเบียนบ้าน พร้อมแปลรับรอง NAATI ทุกใบที่เป็นภาษาไทย 5.ใบทะเบียนสมรสตัวจริง
ส่วนของสามีจะใช้ 1.พาสปอร์ต 2.ใบที่อยู่ 3.ใบสูติบัตร ในการยืนยันตัวตน
ทีนี้เราก็เลยโทรไปกงสุลสวิสเพื่อเข้าไปขอพาสปอร์ตเอามาให้ทางฮังการี ทางสวิสตอนแรกก็ไม่อยากให้เพราะนึกว่าจะเอาไปนาน แต่ก็ใจดีอีกเช่นเคยพอรู้ว่าเราจะไปคืนภายในพรุ่งนี้ เค้าเช็คให้เสร็จแล้วบอกว่าเนี่ยพึ่งจะได้ จม. เธอเองนะ จะมาเอาเลยหรือมาตอนบ่ายก็ได้ เวลากงสุลปิดเที่ยงจริง เฉพาะคนที่เข้ามาทำวีซ่า แต่ว่าเจ้าหน้าที่จะต้องอยู่ทำงานถึง 4 โมงเย็นอยู่ดี ทางเราก็ใจร้อนเลยรีบกินอาหารเช้าแล้วไปที่กงสุลสวิสแถว Bondi จะได้จบเป็นเรื่องๆ พอเราไปเอาพาสปอร์ตกลับมาได้ ก็คิดว่าเออ เอาทะเบียนสมรสไปทำสำเนาแล้วให้ JP ในเมืองเซ็นดีกว่า จะได้มีเอกสารสำรองเอาไว้ใช้ ไม่ต้องไปตามล่าหาลายเซ็นอีกในอนาคต (ในออสเตรเลีย เอกสารสำเนาที่จะใช้ในราชการ จะต้องทำสำเนา เอาตัวจริงไปให้คนที่มีอำนาจตามกฏหมายเซ็น เรียกว่า Justice of peace หรือเรียกสั้นๆ JP ว่าเอกสารสำเนามาจากตัวจริง ถูกต้อง) พอทำเสร็จทีนี้ก็ไม่มีอะไรจะทำแล้ว เลยเดินโต๋เต๋ไปมา หาซื้อรองเท้า หาของกินเรื่อยเปื่อย วันนี้ไปกินร้านพิซซ่าใน Westfield แต่ไม่ค่อยถูกปากสามี ตกเย็นเลยไปกินร้านไทยชื่อร้านตะวันแดงแทน อร่อยมากๆ โดยเฉพาะเบียร์ไทย 5555 จบไปอีกวัน
วันอังคาร ได้เวลาไปกงสุลฮังการีสักที ไปถึงมีเรากับสามี และมีเจ้าหน้าที่ 1 คน เป็นผู้หญิง หน้าตาบูดบึ้งตลอดเวลา เค้านัดให้เราแบบ 1-1 เลย เนื่องจากสถานการณ์โควิด (ซึ่งตอนนั้นมันก็ซาแล้วนะ ไม่ได้มีกฏอะไรควบคุมเหมือนช่วง 2020-2021) เราก็ต้องกรอกข้อมูล แต่มันก็มีอุปสรรคนิดๆ คือชื่อแม่เรา เพราะแกเปลี่ยนชื่อ 1 รอบ เปลี่ยนนามสกุล 2 รอบ
***อันนี้ขอเล่าเมาท์มอย***
ในประเทศฮังการี เวลาที่เราจะต้องติดต่อกับทางราชการ ธนาคาร ทำธุรกรรมใดๆ เค้าจะให้เราระบุ นามสกุล ตามด้วยชื่อต้นและชื่อกลาง เป็นฟอร์แมท รวมถึงเราต้องระบุชื่อแม่ก่อนแต่งงาน (Mother’s maiden name) เสมอ วัฒนธรรมของฮังการีเวลาผู้หญิงแต่งงานสมัยก่อน จะต้องเอาทั้งชื่อและนามสกุลสามีมาใช้ เช่น ผู้ชายชื่อ นายเจริญดี สมหวัง พอผู้หญิงแต่งงานก็จะต้องใช้ชื่อนางเจริญดี สมหวัง เป็นต้น สมัยนี้มีให้เลือกว่าจะใช้แบบดั้งเดิมคือ ยกชื่อ นามสกุล ผู้ชายมาเลยทั้งดุ้น หรือ จะขอใช้ชื่อเดิมตัวเอง แต่เปลี่ยนนามสกุล หรือ ไม่เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลก็ได้ (อันนี้คนไทยมักทำ เพราะไม่ต้องไปทำเอกสารหลังแต่งงานให้ยุ่งยาก อันนี้เจ้าหน้าที่กงสุลไทยที่บูดาเปสต์แนะนำ) แต่คนฮังการีถ้าแต่งงาน ยังนิยมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลผู้ชายอยู่ค่ะ
ในอดีต ก็มีธรรมเนียมครอบครัวอย่างนึงเรื่องชื่อ ถ้าครอบครัวมีลูกชายคนแรกในบ้านจะต้องชื่อเดียวกับพ่อ จะต่างกันแค่ชื่อกลาง จะได้รู้ว่าคนไหนพ่อหรือลูก สามีเราก็ชื่อเดียว นามสกุลเดียวกับพ่อเด๊ะๆ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครทำแล้วค่ะ
ทีนี้พอชื่อและนามสกุลแม่เรามันเปลี่ยนหลายรอบ คนฮังการีเค้าก็ไม่เข้าใจ ว่าเราเปลี่ยนชื่อตามความเชื่อ และเปลี่ยนนามสกุลหลังแต่งงานและหย่า (คนที่นู่นหลังหย่าก็ยังคงใช้ชื่อสามีตามเดิม) เค้าเข้าใจว่าคนที่เปลี่ยนชื่อเนี่ยมันคือคนที่เป็นอาชญากรและต้องการเปลี่ยนตัวตนเพื่อหนีความผิดอะไรแบบนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็บ่นและใช้คำพูดที่ไม่ดีเลย เรากับสามีก็มองหน้ากัน ดีว่าเค้าพูดแค่ประโยคเดียวแล้วจบ ถ้าไม่จบเจอเราแน่ เจ้าหน้าที่ก็สั่งเราให้เราเขียนว่าแม่ชื่ออะไรบ้าง แล้วเปลี่ยนชื่อทำไม เปลี่ยนนามสกุลทำไม พอเค้าอ่านแล้วไล่ชื่อนามสกุลทั้งหมด เค้าก็บอกว่าโอเค ต่อไปเวลาใช้ชื่อแม่ในฮังการี ให้ใช้ชื่อที่อยู่ในสูติบัตรเรา เพราะมันเป็น maiden name แล้วอยู่บนใบเกิด ไม่ต้องมาพูดให้มากความว่าชื่อปัจจุบันแกชื่ออะไร
จบเรื่องชื่อแม่ เราก็เอาเอกสารทั้งหมดให้ทางเจ้าหน้าที่กงสุล เนื่องจากอยู่ในออสเตรเลีย ทางกงสุลเลยรับเอกสารภาษาไทยที่มีแปลรับรอง NAATI ของออสเตรเลีย (ถ้าเรายื่นเอกสารที่ฮังการีในการสมัคร resident permit เราจะต้องเอาเอกสารภาษาไทยที่รับรองกงสุลไทยและฮังการีในไทย ก่อนจะเอาไปแปลภาษาที่ OFFI ในฮังการีนะคะ ถ้าไม่ได้สแตมป์กงสุลมาสองที่ ที่นี่จะไม่รับแปล) เจ้าหน้าที่ทำการเตรียมเอกสารดังนี้
- ทำเอกสารสำเนาและ legalised ใบทะเบียนสมรสของออสเตรเลีย
- แปลเอกสารใบทะเบียนสมรส ประทับตรากงสุล (อันนี้ช่วยประหยัดเวลาและค่าแปล OFFI ได้)
- ยื่นเรื่อง Register marriage ไปที่ประเทศฮังการี (เริ่ม process การขอทะเบียนสมรสภาษาฮังการี ซึ่งอันนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน)
เอกสารลำดับ 1 และ 2 เจ้าหน้าที่ให้ไปรับเอกสารได้ตอนบ่ายสอง เราต้องเอาเอกสารนี้เพื่อไปสมัคร resident permit ที่ฮังการีเพื่อย้ายไปอยู่ที่นู่นยาวๆ ใครกำลังจะย้ายมายุโรป อาจจะต้องเตรียมการนานหน่อยสำหรับเอกสาร กระบวนการแต่ละขั้นก็ช้ายุ่งยาก กว่าของเราจะได้ใบทะเบียนสมรสมาก็ปาไปสองเดือน ต่างจากที่ไทย ถ้าเราเตรียมเอกสารพร้อม ไปที่เขต เราเซ็นเอกสารเสร็จ เราจะได้ใบฐานะแห่งครอบครัว คร.22 มาทันที แต่ทางการฮังการีเวลาเค้าจะเปลี่ยนสถานะ เจ้าหน้าที่ว่าเค้าจะต้องเอาใบทะเบียนสมรสที่ได้รับ เช็คกลับไปที่ประเทศต้นทางของทะเบียนสมรส เช็คคุณสมบัติของผู้หญิงและผู้ชายว่าไม่มีการจดทะเบียนซ้ำซ้อน ถึงจะยอมออกใบทะเบียนสมรสฉบับภาษาฮังการีได้ มันเลยนาน เพราะคิวยาวและเช็คละเอียด (ไม่รู้โม้รึป่าว มันเช็คได้ขนาดนั้นด้วยหรอ) แล้วถ้าทะเบียนสมรสฉบับฮังการีไม่ออก resident permit เราก็ไม่ออกเช่นกัน เพราะถือว่าแต่งงานจริงแต่การแต่งงานไม่ถือว่าสมบูรณ์ในฮังการี เพราะทางการยังไม่รับรอง ทำให้เราไม่มีสถานะเป็นภรรยาและครอบครัวกับคนชาติเค้า เอากะเค้าสิ
พอเรายื่นเอกสารเสร็จที่กงสุลฮังการี ก็นั่งรถไฟไปกงสุลสวิสต่อเพื่อไปคืนพาสปอร์ต ให้เค้าพิจารณาวีซ่าต่อ เจ้าหน้าที่ก็แสนจะใจดี บอกเราว่าเธอไม่มีปัญหาหรอกนะ ชั้นออกวีซ่าให้แน่นอน ขอให้โชคดีกับการย้ายไปฮังการี อยากได้วันเพิ่มจากที่ขอมั้ย จะได้ให้เพิ่มไปอีก แต่เราคำนวณวันมาเรียบร้อยว่าแค่นี้ก็พอ (ถ้าไม่พอ ต้องเพิ่มยอดเงินในบัญชี) ก็ขอบอกขอบใจไป แล้วเราก็กลับกันมาที่ในตัวเมืองซิดนีย์ มาเดินหาคาเฟ่เพื่อกินอะไรรองท้อง ระหว่างรอเอกสารของกงสุลฮังการีตอนบ่ายสอง พอถึงเวลาก็ไปรับเอกสาร เช็คความถูกต้อง รับใบเสร็จ แล้วก็รหัสเอกสารที่ยื่น register marriage ไปที่ฮังการี สรุปเสียเงินไป 85 AUD กับค่าเอกสาร จบเรื่องก็ไปนั่งกินเบียร์ในเมืองสักนิดก่อนจะไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วนั่งรถไฟไปสนามบินกลับไปที่บริสเบน
ตอนนี้สรุปสถานการณ์ของเรา คือ จะบินเข้าฮังการีวันที่ 15 ธค. ด้วยวีซ่าเยี่ยมเยียน แล้วสมัคร resident permit ที่นู่นเอา โดยที่เราสามารถยื่นคำร้องขอต่อวีซ่าเยี่ยมเยียนเป็นกรณีพิเศษเพื่อรอ resident permit ในฮังการี ปกติจะไม่สามารถทำได้ ต้องออกนอกประเทศเท่านั้น และขอวีซ่าเข้ามาใหม่ หรือ เข้าตามกฏวีซ่า 90/180 วัน แต่มันมีข้อยกเว้นอยู่ ซึ่งของเราเป็นกรณีดูแลผู้ป่วย (แม่สามี) ยังไงก็แล้วแต่ เราต้องไปรอลุ้นเอาตอนที่เราอยู่ในฮังการีแล้ว ว่าจะได้ resident ก่อนที่วีซ่าเราจะเกินกฏ 90/180 หรือเปล่า ตามเรื่องราวได้ในตอนต่อไปนะคะ จะเป็นขั้นตอนยื่นเอกสารที่ Alien Policing ที่เมือง Debrecen Hungary
รูปภาพเล็กน้อยจากซิดนีย์ค่ะ