สวัสดีค่า มาต่อ EP.2 จุดเริ่มต้นการย้ายประเทศของเรา จากออสเตรเลียมาฮังการี ตอนนี้เราจะมาเล่าการจดทะเบียนสมรสที่ออสเตรเลีย เพื่อทำวีซ่าและ resident permit ของยุโรป
สำหรับคนที่เพิ่งมาอ่าน ลองอ่านกระทู้แรกของเราได้ จะได้อรรถรสมากขึ้น
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.1 วีซ่าเยี่ยมเยียน
https://ppantip.com/topic/42317773
ย้อนเวลากลับไปนิดนึงตอนเรายังอยู่ที่ฮังการี เนื่องจากปัญหาต่างๆ ในบ้านที่เกิดขึ้น (ไม่ขอเล่ารายละเอียดเพราะค่อนข้างเซนซิทีฟ) แล้วก็ไม่มีคนที่จะมาดูแลแม่ แกป่วยเป็นอัลไซเมอร์ เรากับแฟนเลยตัดสินใจว่า ย้ายมาอยู่นี่เถอะ มาดูแลแม่ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่แกจะไม่สามารถจำอะไรได้อีก แกจะได้ไม่เหงา โดดเดี่ยว เพราะตอนที่แฟนอยู่ออสเตรเลีย แกอยู่บ้านคนเดียวตลอดเวลาสองปีกว่าๆ แถมตอนนี้อยุ่บ้านคนเดียวเริ่มลำบาก หลงๆ ลืมๆ
ทีนี้เรากับแฟนก็มาหาข้อมูลกัน ข้อมูลมีหลายแบบแต่ไม่ตรงกับคู่ของเราเลย ข้อมูลที่หามาจากฝั่งไทย จาก pantip ไม่ก็ Facebook page ต่างๆ มันมีแต่จดทะเบียนสมรสในไทยทั้งนั้น แล้วขอวีซ่า D (Family reunification) ไปรอ resident permit ที่ฮังการี ทีนี้พวกเราคิดว่าจดทะเบียนที่ฮังการีไปเลยน่าจะดีกว่า
เราติดต่อเอเจนท์คนไทยท่านนึงในฮังการี พี่เค้าก็ดีมาก ให้ข้อมูลการแต่งงานที่ฮังการี เอกสารที่ต้องใช้ ตอนนั้นเราตัดสินใจเตรียมเอกสารกับเอเจนท์คนนี้ เพราะว่าขั้นตอนการทำเอกสารใบโสด ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ แล้วไปประทับตราเอกสารที่กงสุลแจ้งวัฒนะและสถานทูตฮังการี มันใช้เวลาจองค่อนข้างนาน ใช้เวลา 1-2 เดือนแล้วแต่คิวอีก แล้วเรารีบ เลยให้เอเจนท์จัดการทำเอกสารให้แทน จ่ายตัง จองคิวล่วงหน้า แถมตอนนั้นเราอยู่ฮังการี เราต้องไปกงสุลไทยที่บูดาเปสต์เพื่อทำใบมอบอำนาจให้แม่ไปทำใบโสด ส่งไปรษณีย์กลับไทย เพื่อไปขอใบโสด เอาไปให้เอเจนท์ อยากอวดมากๆ ว่าเจ้าหน้าที่กงสุลไทย บูดาเปสต์ คือใจดีเหมือนนางฟ้า ข้อมูลครบ เป๊ะ แนะนำเราดีมากๆ ซึ้งใจ สุดๆ
เอเจนท์ไทยที่เราติดต่อทำเอกสารในไทย : Gevalin คุณเกฟ (Facebook: Gevalin Thidiseree, WhatsApp: +66992520676, Line: gevalicious) คุณเกฟสามารถแนะนำเอกสารวีซ่ามาเรียน ทำงาน แต่งงานของฮังการี โรมาเนีย ฯลฯ และอื่นๆ
ฝั่งแฟนเราก็โทรถามข้อมูลที่เขตที่เราอยู่เพื่อทำการจดทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ใช้ใบโสด ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ แปลเป็นภาษาฮังการี ทำไม่ยากแต่อาจจะใช้เวลานาน มันจะต้องทำการสมัครว่าเราจะแต่งงานกัน แล้วทางเขตจะรับเรื่องแล้วเช็คคุณสมบัติเราว่าแต่งงานได้มั้ย (ใช้ระยะเวลา 1-2 เดือน) ถ้าอนุมัติใบสมัครแล้ว เราถึงเลือกวันแต่งงานได้ ต้องมีพยานพร้อมล่ามด้วย เราต้องหาเอง วันแต่งงานที่จะเลือกก็เลือกได้ล่วงหน้า 1-2 เดือนอีก แถมเอกสารทะเบียนสมรสที่ได้มา ก็ต้องเอาไปสมัคร resident permit แล้วก็รอต่อไปอีกจนกว่าจะได้ ให้เรากลับไปที่ออสเตรเลีย ขอวีซ่า D มา ให้ติดต่อกับกงสุลฮังการีที่ซิดนีย์เอา แล้วทำวีซ่ามา ไม่น่ามีปัญหาหรอก
ปลาย กย. 2022 เราก็พากันกลับไปที่บริสเบน ออสเตรเลีย เคลียร์เรื่องวีซ่า D ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลายคน คนแรกคือ เจ้าหน้าที่กงสุลสวิส ที่มีหน้าที่ออกวีซ่าฮังการี ปรากฏว่า เค้ามีหน้าที่ออกวีซ่า C ให้ กรณีแบบเราเค้าขอเวลาปรึกษากงสุลฮังการีก่อน เพราะเคสเราเป็นคนไทย ที่ไม่มีวีซ่าถาวรหรือเป็นพลเมืองออสเตรเลีย ตามปกติเราต้องกลับไปไทย ไปขอวีซ่า D แต่ด้วยความที่เราอยู่ออสเตรเลียมานาน ไม่ได้กลับไทยและไม่สะดวกกลับไทย ไม่รู้จะทำยังไง เลยให้แฟนติดต่อกงสุลฮังการีในออสเตรเลีย แต่ติดต่อไม่ได้ เพราะเค้าทำงานเป็นเวลา ไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน เลยส่งอีเมล์ไปถามแทน ระหว่างรอก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ในกระทรวงต่างประเทศที่ฮังการี ได้คอนแทคมาจากหลานชายที่ทำงานในนั้น จนท.คนนี้ดีมากๆ เคยทำงานแผนกพิจารณาวีซ่าของฮังการี เลยให้ข้อมูลมาค่อนข้างเยอะ เค้าก็เช็คให้เหมือนกัน สรุปได้ว่า เคสเราไม่น่าจะทำวีซ่า D ได้ถ้าไม่กลับไทย และไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่เราก็โทรทางไกลไปถามที่เขตในฮังการี เจ้าหน้าที่ก็ว่า ทำได้สิ อ่ะ พูดไม่ค่อยจะตรงกันเลย สุดท้ายทางกงสุลฮังการีโทรกลับมาให้ข้อมูลว่า เราไม่สามารถทำวีซ่า D ได้แน่นอน พร้อมทั้งแนะนำว่าให้เราทั้งคู่จดทะเบียนสมรสไปเลยจะดีกว่า เพราะจะถือว่าเราเป็น spouse แล้วทางกงสุลจะทำเรื่องว่าแฟนเราแต่งงานแล้วที่ออสเตรเลีย พอเรากลับไปฮังการี จะได้มีเรื่องอยู่ในระบบว่ากำลังรอใบทะเบียนสมรสฉบับฮังการีอยู่ เราสามารถเข้าประเทศด้วยเชงเก้นวีซ่า C แล้วไปสมัคร resident permit ที่นู่นเอา ท่านกงสุลรับรองว่าจะไม่มีปัญหา.....สาธุ
พอเรารู้แบบนี้ก็รีบกันเลย ไปแต่งงานที่ฮังการีไม่ได้แล้ว อีกอย่างการแต่งงานจดทะเบียนที่ออสเตรเลียก็ต้องรออย่างน้อย 1 เดือน แถมเราสั่งเอเจนท์ไปทำเอกสารแล้ว เลยต้องติดต่อใหม่ ขอลดเอกสารที่ทำลง 1 ใบ นั่นก็คือใบโสดไม่ต้องไปรับรองเอกสารใดๆ แล้ว ในระหว่างนี้ ทาง Home affairs ออสเตรเลียก็ขอเอกสารเพิ่มสำหรับพิจารณาวีซ่าเราอีก ไหนจะต้องทำเอกสารแต่งงาน ติดต่อเอเจนท์ ไปซื้อแหวนแต่งงาน แล้วเราทำงานเลิกหกโมงเย็นทุกวัน หัวฟูมากๆ
ขอเตือนสาวๆ ไว้นิดนึง ประสบการณ์แต่งงานแบบไฟลนก้นของเรา เรามีปัญหาเรื่องการซื้อแหวนมาก จริงๆ เราอยากได้แหวนแบบ Wedding band แต่ร้านที่เราไปทำไม่สามารถแก้ไซส์ได้ภายใน 4 สัปดาห์ เราเลยอดซื้อแหวนเพชร ได้แหวนเกลี้ยงมาแทน ฮือออ เรารีบด้วยไม่ได้เช็คร้านอื่น คือถ้าเป็นที่ไทยอ่ะ สั่งแหวนแต่งงาน เค้าทำได้รวดเร็วทันใจ แต่ไม่ใช่ที่ออสเตรเลียนะคะ รอทำแหวนก็หมดไปแล้วสองเดือน แง
ในความยุ่งเหยิงของชีวิตตอนนั้น เราเองก็ยังโชคดีที่ก่อนหน้านี้ เราติดต่อ Celebrant เอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะกลับจากฮังการี เพราะตอนนั้นไม่แน่ใจว่าเราจะเลือกจดทะเบียนที่ไหนดี ให้ได้ประโยชน์สูงสุด เลยคิดว่าจะจดที่ฮังการี เพื่อที่จะอยู่รอที่นี่เลย แถมไม่ต้องรอทางการเช็คใบทะเบียนสมรสจากต่างประเทศ ซึ่งใช้เวลานาน 1-2 เดือน เราเลยตัดสินใจโทรไปหาคุณเจมี่กับคาร่า ทางคุณเจมี่เป็นคนรับสาย แล้วบอกเราว่าเค้าสามารถให้เราเซ็นเอกสาร Notice of intended marriage (NOIM) ตอนเย็นวันนั้นเลย ทำผ่านซูม แล้วรอ 1 เดือน เลือกวันแต่งงานรอได้เลย
เนื่องจากเราใช้ private celebrant ขั้นตอนและวิธีจดทะเบียนสมรสจะง่ายกว่าไปทำพิธีที่ Council อันนั้นคนจะไปทำพิธีเยอะกว่า คิวรอนานกว่า 1 เดือนแน่นอน เอาละ เกริ่นมาซะนาน มาดูว่าจะแต่งงานที่บริสเบน ออสเตรเลีย ทำยังไงบ้าง
อันนี้ Celebrant ที่เราใช้บริการ
https://brisbanecitycelebrants.com.au/
สาวๆคนไหนอยู่บริสเบนอยากใช้บริการบ้างก็ติดต่อได้เลยจ้า อันนี้ไม่ได้ค่าคอมมิชชันใดๆ ประทับใจเลยบอกต่อ
เริ่มจากเรากรอกข้อมูลออนไลน์ตามลิ้งค์ที่เจมี่ส่งมาให้ ก็จะมีส่วนของเจ้าบ่าว ชื่อต้น ชื่อกลาง นามสกุล ข้อมูลชื่อพ่อแม่ ที่อยู่ แล้วก็เซ็นเอกสาร NOIM ปกติต้องเซ็นต่อหน้า Celebrant แต่เนื่องจากสถานกาณ์โควิด เลยทำผ่านซูมได้ โดยทั้งคู่จะต้องอยู่ในประเทศออสเตรเลียเท่านั้น ถึงจะเป็นเอกสารถูกต้องตามกฏหมาย พอเราเซ็นเสร็จ ของเราเลือกทำพิธีตามกฏหมาย (Only legal marriage) เท่านั้น ราคา 495 AUD พอเราชำระเงิน เราก็ขอ จม. จาก Celebrant เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมส่งไปให้ทางอิมมิเกรชั่น พิธีของเราเชิญแขกได้ 10 คน แต่เอาจริงเราเชิญแขก 3 คน (รวมพยานแล้ว 2 คน) พอสัก 1 อาทิตย์ก่อนที่จะถึงวันแต่ง เจมี่จะขอชื่อพยาน เพื่อไปพิมพ์บนใบทะเบียนสมรสฉบับ celebrant ถ้าเราอยากได้ฉบับ Official จาก Council หลังจากแต่งงานประมาณสองสัปดาห์ ถ้าอยากได้แบบด่วนก็จ่ายเพิ่ม เราสั่งมา 2 ฉบับแบบด่วนๆ พอมาถึงงานพิธี เจมี่จะให้สคริปท์มา เพื่อให้เราพูดตามในวันจริง ถ้าเราอยากมีคำสาบานของคู่เราก็ทำได้ แต่คู่เราไม่ทำ เราทำตามสคริปท์พื้นฐานเอา เค้าจะถามธีมสี ข้อห้ามทางศาสนาหรือความเชื่อใดๆ ที่มันไม่เป็นมงคลกับการแต่งงาน ซึ่งถือว่ามันเป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ทุกขั้นตอนในการติดต่อ สามารถติดต่อได้ง่าย ติดต่อได้ตลอดเวลา ได้ข้อมูลแบบละเอียด อ่านจนงงไปหมด ไม่มีกดดันใดๆ ให้เราใช้บริการ หรือรีบจอง แล้ววันงานแต่งเราก็ทำพิธีแบบเรียบง่าย ตรงตามที่เราต้องการ ความตื่นเต้นมันมีอยู่แล้ว แต่เค้าก็ช่วยให้พิธีราบรื่น ตื่นเต้นน้อยลง
พิธีวันแต่งงานเอาจริงๆ มีแค่ 15 นาทีเองมั้ง เจมีจะกล่าวเปิดงานว่าวันนี้เค้ายินดีมากๆ ที่จะมาเป็นสักขีพยานในการแต่งงานของเรา แล้วก็เรื่มให้เรากล่าวคำสาบานตามสคริปท์ ให้เจ้าสาวพูดก่อน แล้วตามด้วยเจ้าบ่าว ถึงตาเจ้าบ่าวพูด ก็พูดไปน้ำตาไหลไป ซึ้งใจที่ได้เราเป็นศรีภรรยา
พอเสร็จก็สวมแหวน แล้วเราก็เซ็นเอกสารทะเบียนสมรสพร้อมพยานทั้งสองคน จบพิธี ง่ายและไวมากๆ หลังจากงานแต่งปกติจะไปกินเลี้ยงต่อที่ร้านอาหาร แต่คนที่มาด้วยไม่ค่อยสะดวกเลยไปแวะทานกาแฟที่คาเฟ่แล้วเม้าท์มอยกันมากกว่า แล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน
หลังจากแต่งงาน 7-10 วัน ก็ได้รับทะเบียนสมรส เราก็มาเริ่มกระบวนการแจ้งว่าสามีเราแต่งงานแล้วที่ออสเตรเลีย โดยต้องบินไปแจ้งทางกงสุลฮังการี ที่ซิดนีย์ (+ กับขอวีซ่าเยี่ยมเยียนอีกรอบ) ซึ่งจะมาอัพเดทเป็นตอนต่อไปค่า
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.2 แต่งงานที่ออสเตรเลีย
สำหรับคนที่เพิ่งมาอ่าน ลองอ่านกระทู้แรกของเราได้ จะได้อรรถรสมากขึ้น
จากออสเตรเลีย...กว่าจะได้ย้ายมาฮังการี EP.1 วีซ่าเยี่ยมเยียน https://ppantip.com/topic/42317773
ย้อนเวลากลับไปนิดนึงตอนเรายังอยู่ที่ฮังการี เนื่องจากปัญหาต่างๆ ในบ้านที่เกิดขึ้น (ไม่ขอเล่ารายละเอียดเพราะค่อนข้างเซนซิทีฟ) แล้วก็ไม่มีคนที่จะมาดูแลแม่ แกป่วยเป็นอัลไซเมอร์ เรากับแฟนเลยตัดสินใจว่า ย้ายมาอยู่นี่เถอะ มาดูแลแม่ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่แกจะไม่สามารถจำอะไรได้อีก แกจะได้ไม่เหงา โดดเดี่ยว เพราะตอนที่แฟนอยู่ออสเตรเลีย แกอยู่บ้านคนเดียวตลอดเวลาสองปีกว่าๆ แถมตอนนี้อยุ่บ้านคนเดียวเริ่มลำบาก หลงๆ ลืมๆ
ทีนี้เรากับแฟนก็มาหาข้อมูลกัน ข้อมูลมีหลายแบบแต่ไม่ตรงกับคู่ของเราเลย ข้อมูลที่หามาจากฝั่งไทย จาก pantip ไม่ก็ Facebook page ต่างๆ มันมีแต่จดทะเบียนสมรสในไทยทั้งนั้น แล้วขอวีซ่า D (Family reunification) ไปรอ resident permit ที่ฮังการี ทีนี้พวกเราคิดว่าจดทะเบียนที่ฮังการีไปเลยน่าจะดีกว่า
เราติดต่อเอเจนท์คนไทยท่านนึงในฮังการี พี่เค้าก็ดีมาก ให้ข้อมูลการแต่งงานที่ฮังการี เอกสารที่ต้องใช้ ตอนนั้นเราตัดสินใจเตรียมเอกสารกับเอเจนท์คนนี้ เพราะว่าขั้นตอนการทำเอกสารใบโสด ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ แล้วไปประทับตราเอกสารที่กงสุลแจ้งวัฒนะและสถานทูตฮังการี มันใช้เวลาจองค่อนข้างนาน ใช้เวลา 1-2 เดือนแล้วแต่คิวอีก แล้วเรารีบ เลยให้เอเจนท์จัดการทำเอกสารให้แทน จ่ายตัง จองคิวล่วงหน้า แถมตอนนั้นเราอยู่ฮังการี เราต้องไปกงสุลไทยที่บูดาเปสต์เพื่อทำใบมอบอำนาจให้แม่ไปทำใบโสด ส่งไปรษณีย์กลับไทย เพื่อไปขอใบโสด เอาไปให้เอเจนท์ อยากอวดมากๆ ว่าเจ้าหน้าที่กงสุลไทย บูดาเปสต์ คือใจดีเหมือนนางฟ้า ข้อมูลครบ เป๊ะ แนะนำเราดีมากๆ ซึ้งใจ สุดๆ
เอเจนท์ไทยที่เราติดต่อทำเอกสารในไทย : Gevalin คุณเกฟ (Facebook: Gevalin Thidiseree, WhatsApp: +66992520676, Line: gevalicious) คุณเกฟสามารถแนะนำเอกสารวีซ่ามาเรียน ทำงาน แต่งงานของฮังการี โรมาเนีย ฯลฯ และอื่นๆ
ฝั่งแฟนเราก็โทรถามข้อมูลที่เขตที่เราอยู่เพื่อทำการจดทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ใช้ใบโสด ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ แปลเป็นภาษาฮังการี ทำไม่ยากแต่อาจจะใช้เวลานาน มันจะต้องทำการสมัครว่าเราจะแต่งงานกัน แล้วทางเขตจะรับเรื่องแล้วเช็คคุณสมบัติเราว่าแต่งงานได้มั้ย (ใช้ระยะเวลา 1-2 เดือน) ถ้าอนุมัติใบสมัครแล้ว เราถึงเลือกวันแต่งงานได้ ต้องมีพยานพร้อมล่ามด้วย เราต้องหาเอง วันแต่งงานที่จะเลือกก็เลือกได้ล่วงหน้า 1-2 เดือนอีก แถมเอกสารทะเบียนสมรสที่ได้มา ก็ต้องเอาไปสมัคร resident permit แล้วก็รอต่อไปอีกจนกว่าจะได้ ให้เรากลับไปที่ออสเตรเลีย ขอวีซ่า D มา ให้ติดต่อกับกงสุลฮังการีที่ซิดนีย์เอา แล้วทำวีซ่ามา ไม่น่ามีปัญหาหรอก
ปลาย กย. 2022 เราก็พากันกลับไปที่บริสเบน ออสเตรเลีย เคลียร์เรื่องวีซ่า D ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลายคน คนแรกคือ เจ้าหน้าที่กงสุลสวิส ที่มีหน้าที่ออกวีซ่าฮังการี ปรากฏว่า เค้ามีหน้าที่ออกวีซ่า C ให้ กรณีแบบเราเค้าขอเวลาปรึกษากงสุลฮังการีก่อน เพราะเคสเราเป็นคนไทย ที่ไม่มีวีซ่าถาวรหรือเป็นพลเมืองออสเตรเลีย ตามปกติเราต้องกลับไปไทย ไปขอวีซ่า D แต่ด้วยความที่เราอยู่ออสเตรเลียมานาน ไม่ได้กลับไทยและไม่สะดวกกลับไทย ไม่รู้จะทำยังไง เลยให้แฟนติดต่อกงสุลฮังการีในออสเตรเลีย แต่ติดต่อไม่ได้ เพราะเค้าทำงานเป็นเวลา ไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน เลยส่งอีเมล์ไปถามแทน ระหว่างรอก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ในกระทรวงต่างประเทศที่ฮังการี ได้คอนแทคมาจากหลานชายที่ทำงานในนั้น จนท.คนนี้ดีมากๆ เคยทำงานแผนกพิจารณาวีซ่าของฮังการี เลยให้ข้อมูลมาค่อนข้างเยอะ เค้าก็เช็คให้เหมือนกัน สรุปได้ว่า เคสเราไม่น่าจะทำวีซ่า D ได้ถ้าไม่กลับไทย และไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่เราก็โทรทางไกลไปถามที่เขตในฮังการี เจ้าหน้าที่ก็ว่า ทำได้สิ อ่ะ พูดไม่ค่อยจะตรงกันเลย สุดท้ายทางกงสุลฮังการีโทรกลับมาให้ข้อมูลว่า เราไม่สามารถทำวีซ่า D ได้แน่นอน พร้อมทั้งแนะนำว่าให้เราทั้งคู่จดทะเบียนสมรสไปเลยจะดีกว่า เพราะจะถือว่าเราเป็น spouse แล้วทางกงสุลจะทำเรื่องว่าแฟนเราแต่งงานแล้วที่ออสเตรเลีย พอเรากลับไปฮังการี จะได้มีเรื่องอยู่ในระบบว่ากำลังรอใบทะเบียนสมรสฉบับฮังการีอยู่ เราสามารถเข้าประเทศด้วยเชงเก้นวีซ่า C แล้วไปสมัคร resident permit ที่นู่นเอา ท่านกงสุลรับรองว่าจะไม่มีปัญหา.....สาธุ
พอเรารู้แบบนี้ก็รีบกันเลย ไปแต่งงานที่ฮังการีไม่ได้แล้ว อีกอย่างการแต่งงานจดทะเบียนที่ออสเตรเลียก็ต้องรออย่างน้อย 1 เดือน แถมเราสั่งเอเจนท์ไปทำเอกสารแล้ว เลยต้องติดต่อใหม่ ขอลดเอกสารที่ทำลง 1 ใบ นั่นก็คือใบโสดไม่ต้องไปรับรองเอกสารใดๆ แล้ว ในระหว่างนี้ ทาง Home affairs ออสเตรเลียก็ขอเอกสารเพิ่มสำหรับพิจารณาวีซ่าเราอีก ไหนจะต้องทำเอกสารแต่งงาน ติดต่อเอเจนท์ ไปซื้อแหวนแต่งงาน แล้วเราทำงานเลิกหกโมงเย็นทุกวัน หัวฟูมากๆ
ขอเตือนสาวๆ ไว้นิดนึง ประสบการณ์แต่งงานแบบไฟลนก้นของเรา เรามีปัญหาเรื่องการซื้อแหวนมาก จริงๆ เราอยากได้แหวนแบบ Wedding band แต่ร้านที่เราไปทำไม่สามารถแก้ไซส์ได้ภายใน 4 สัปดาห์ เราเลยอดซื้อแหวนเพชร ได้แหวนเกลี้ยงมาแทน ฮือออ เรารีบด้วยไม่ได้เช็คร้านอื่น คือถ้าเป็นที่ไทยอ่ะ สั่งแหวนแต่งงาน เค้าทำได้รวดเร็วทันใจ แต่ไม่ใช่ที่ออสเตรเลียนะคะ รอทำแหวนก็หมดไปแล้วสองเดือน แง
ในความยุ่งเหยิงของชีวิตตอนนั้น เราเองก็ยังโชคดีที่ก่อนหน้านี้ เราติดต่อ Celebrant เอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะกลับจากฮังการี เพราะตอนนั้นไม่แน่ใจว่าเราจะเลือกจดทะเบียนที่ไหนดี ให้ได้ประโยชน์สูงสุด เลยคิดว่าจะจดที่ฮังการี เพื่อที่จะอยู่รอที่นี่เลย แถมไม่ต้องรอทางการเช็คใบทะเบียนสมรสจากต่างประเทศ ซึ่งใช้เวลานาน 1-2 เดือน เราเลยตัดสินใจโทรไปหาคุณเจมี่กับคาร่า ทางคุณเจมี่เป็นคนรับสาย แล้วบอกเราว่าเค้าสามารถให้เราเซ็นเอกสาร Notice of intended marriage (NOIM) ตอนเย็นวันนั้นเลย ทำผ่านซูม แล้วรอ 1 เดือน เลือกวันแต่งงานรอได้เลย
เนื่องจากเราใช้ private celebrant ขั้นตอนและวิธีจดทะเบียนสมรสจะง่ายกว่าไปทำพิธีที่ Council อันนั้นคนจะไปทำพิธีเยอะกว่า คิวรอนานกว่า 1 เดือนแน่นอน เอาละ เกริ่นมาซะนาน มาดูว่าจะแต่งงานที่บริสเบน ออสเตรเลีย ทำยังไงบ้าง
อันนี้ Celebrant ที่เราใช้บริการ https://brisbanecitycelebrants.com.au/
สาวๆคนไหนอยู่บริสเบนอยากใช้บริการบ้างก็ติดต่อได้เลยจ้า อันนี้ไม่ได้ค่าคอมมิชชันใดๆ ประทับใจเลยบอกต่อ
เริ่มจากเรากรอกข้อมูลออนไลน์ตามลิ้งค์ที่เจมี่ส่งมาให้ ก็จะมีส่วนของเจ้าบ่าว ชื่อต้น ชื่อกลาง นามสกุล ข้อมูลชื่อพ่อแม่ ที่อยู่ แล้วก็เซ็นเอกสาร NOIM ปกติต้องเซ็นต่อหน้า Celebrant แต่เนื่องจากสถานกาณ์โควิด เลยทำผ่านซูมได้ โดยทั้งคู่จะต้องอยู่ในประเทศออสเตรเลียเท่านั้น ถึงจะเป็นเอกสารถูกต้องตามกฏหมาย พอเราเซ็นเสร็จ ของเราเลือกทำพิธีตามกฏหมาย (Only legal marriage) เท่านั้น ราคา 495 AUD พอเราชำระเงิน เราก็ขอ จม. จาก Celebrant เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมส่งไปให้ทางอิมมิเกรชั่น พิธีของเราเชิญแขกได้ 10 คน แต่เอาจริงเราเชิญแขก 3 คน (รวมพยานแล้ว 2 คน) พอสัก 1 อาทิตย์ก่อนที่จะถึงวันแต่ง เจมี่จะขอชื่อพยาน เพื่อไปพิมพ์บนใบทะเบียนสมรสฉบับ celebrant ถ้าเราอยากได้ฉบับ Official จาก Council หลังจากแต่งงานประมาณสองสัปดาห์ ถ้าอยากได้แบบด่วนก็จ่ายเพิ่ม เราสั่งมา 2 ฉบับแบบด่วนๆ พอมาถึงงานพิธี เจมี่จะให้สคริปท์มา เพื่อให้เราพูดตามในวันจริง ถ้าเราอยากมีคำสาบานของคู่เราก็ทำได้ แต่คู่เราไม่ทำ เราทำตามสคริปท์พื้นฐานเอา เค้าจะถามธีมสี ข้อห้ามทางศาสนาหรือความเชื่อใดๆ ที่มันไม่เป็นมงคลกับการแต่งงาน ซึ่งถือว่ามันเป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ทุกขั้นตอนในการติดต่อ สามารถติดต่อได้ง่าย ติดต่อได้ตลอดเวลา ได้ข้อมูลแบบละเอียด อ่านจนงงไปหมด ไม่มีกดดันใดๆ ให้เราใช้บริการ หรือรีบจอง แล้ววันงานแต่งเราก็ทำพิธีแบบเรียบง่าย ตรงตามที่เราต้องการ ความตื่นเต้นมันมีอยู่แล้ว แต่เค้าก็ช่วยให้พิธีราบรื่น ตื่นเต้นน้อยลง
พิธีวันแต่งงานเอาจริงๆ มีแค่ 15 นาทีเองมั้ง เจมีจะกล่าวเปิดงานว่าวันนี้เค้ายินดีมากๆ ที่จะมาเป็นสักขีพยานในการแต่งงานของเรา แล้วก็เรื่มให้เรากล่าวคำสาบานตามสคริปท์ ให้เจ้าสาวพูดก่อน แล้วตามด้วยเจ้าบ่าว ถึงตาเจ้าบ่าวพูด ก็พูดไปน้ำตาไหลไป ซึ้งใจที่ได้เราเป็นศรีภรรยา พอเสร็จก็สวมแหวน แล้วเราก็เซ็นเอกสารทะเบียนสมรสพร้อมพยานทั้งสองคน จบพิธี ง่ายและไวมากๆ หลังจากงานแต่งปกติจะไปกินเลี้ยงต่อที่ร้านอาหาร แต่คนที่มาด้วยไม่ค่อยสะดวกเลยไปแวะทานกาแฟที่คาเฟ่แล้วเม้าท์มอยกันมากกว่า แล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน
หลังจากแต่งงาน 7-10 วัน ก็ได้รับทะเบียนสมรส เราก็มาเริ่มกระบวนการแจ้งว่าสามีเราแต่งงานแล้วที่ออสเตรเลีย โดยต้องบินไปแจ้งทางกงสุลฮังการี ที่ซิดนีย์ (+ กับขอวีซ่าเยี่ยมเยียนอีกรอบ) ซึ่งจะมาอัพเดทเป็นตอนต่อไปค่า