อิสราเอลรายงานพบศพตัวประกันรายที่ 2 ใกล้โรงพยาบาลอัล-ชิฟา
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/210569
กองทัพอิสราเอลพบศพของตัวประกันชาวอิสราเอลรายที่ 2 ในอาคารใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
เมื่อเวลา 08.25 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (13.25 น. ตามเวลาประเทศไทย) กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF รายงานว่า พบศพของตัวประกันชาวอิสราเอลรายที่ 2 ในอาคารใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลระบุว่าเป็นหนึ่งในหน่วยบัญชาการของกลุ่มฮามาส
ถ้อยแถลงระบุว่า ศพดังกล่าวเป็นของ สิบโทหญิง
โนอา มาร์เซียโน ทหารวัย 19 ปีของกองทัพอิสราเอล โดยขณะนี้ได้มีการเคลื่อนย้ายศพของเธอกลับอิสราเอลแล้ว
IDF บอกว่า
มาร์เซียโนซึ่งถูกลักพาตัวไปหลังฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ถูกสังหารโดยกลุ่มฮามาส ขัดกับก่อนหน้านี้ในวันที่ 12 พ.ย. ที่กลุ่มฮามาสออกมาเผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงภาพตัวประกันหญิงรายหนึ่ง แล้วบอกว่าเธอเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล ซึ่งตัวประกันหญิงคนนั้นก็คือ
โนอา
คลิปดังกล่าวเป็นคลิปความยาวไม่ถึง 1 นาที โดยช่วงแรกของวิดีโอแสดงให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งพูดหน้ากล้องเพื่ออ่านข้อความสั้น ๆ เธอให้รายละเอียดเกี่ยวกับพ่อแม่ บ้านเกิด และบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งบอกว่าเธอมีอายุ 19 ปี
หลังจากคำพูดดังกล่าว วิดีโอก็แสดงให้เห็นภาพของสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นศพของผู้หญิงรายนี้ ตามมาด้วยวิดีโอที่อ้างว่าเป็นการเสียชีวิตของเธอเกิดจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน
รายงานยืนยันการเสียชีวิตของ
มาร์เซียโนเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) IDF พบศพหญิงชาวอิสราเอลวัย 65 ปีใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟาเช่นกัน โดยศพดังกล่าวเป็นของ
เยฮูดิต ไวส์ เป็นชาวชุมชนเกษตรเบเอรี
ยังไม่ชัดเจนว่า ศพของ
ไวส์และ
มาร์เซียโนที่ถูกพบนี้อยู่ด้วยกันหรือไม่ และไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นอนของพวกเธอ
เรียบเรียงจาก
CNN
พิธา ยกชัยชนะ ก้าวไกล พิสูจน์แนวคิดก้าวหน้าเป็นธรรม ก็ชนะเลือกตั้งได้
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7968765
ก้าวไกล เจ้าภาพจัดประชุมเครือข่ายพรรคการเมือง แนวสังคมประชาธิปไตยในเอเชียแปซิฟิก “พิธา” ยกชัยชนะของก้าวไกล พิสูจน์แนวคิดก้าวหน้าก็ชนะเลือกตั้งได้
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม “
SocDem Asia Pacific – Progressive Alliance
Conference 2023 : The Future of Democracy : Realizing People Power” (การประชุมเครือข่ายสังคมประชาธิปไตยเอเชียแปซิฟิก – พันธมิตรฝ่ายก้าวหน้า 2023 : อนาคตประชาธิปไตยและการทำให้อำนาจประชาชนปรากฏเป็นจริง)
โดยเป็นการประชุมร่วมของเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่พรรคก้าวไกลเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่เป็นสมาชิกเครือข่าย มีสมาชิกจากพรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม ได้แก่ มองโกเลีย มาเลเซีย อินเดีย เนปาล นิวซีแลนด์ สวีเดน ซิมบับเว บราซิล ตุรกี เดนมาร์ก ฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา
โดยนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นผู้กล่าวปาฐกถานำในการประชุม ซึ่งในช่วงหนึ่งของปาฐกถา นาย
พิธา กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคก้าวไกล คือ ข้อพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตย และความคิดที่ก้าวหน้าเป็นธรรม ก็สามารถชนะการเลือกตั้งได้
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 40% ทำการเมืองแบบที่ไม่ต้องใช้ทุนมหาศาลหรือกลุ่มทุนมาหนุนหลังล็อบบี้ โดยที่ไม่เสียความเป็นตัวตน
ทุกคุณค่าและนโยบายที่เรานำเสนอต่อประชาชน คือแนวคิดสังคมประชาธิปไตย คือความคิดที่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเป็นแบบบนลงล่างหรือขวาจัด และการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความเท่าเทียมเป็นธรรมเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันได้
นาย
พิธา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือพื้นที่ประชาธิปไตยทั่วโลกกำลังหดแคบลง แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ตนเพิ่งเดินทางกลับมา ตนได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Tyranny of the Minority ที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ความถดถอยของประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา ว่าคนส่วนน้อยรวมตัวกันเอาชนะเสียงส่วนมากได้ด้วยวิธีการใดบ้าง
นั่นทำให้ตนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีกติกาที่ฉ้อฉล ใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางการเมือง เสียงส่วนน้อยอย่าง สว. ที่เพียงไม่เข้าประชุมไม่กี่คนก็สามารถล้มแคนดิเดตที่มาจากการเลือกตั้งได้ การปกครองด้วยกฎหมายแต่ไม่มีนิติรัฐ ดูแต่ตัวบทแต่ไม่ดูเจตนารมณ์ เหมือนกับการที่ตนต้องถูกให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า คำถามคือเราจะสู้กับคนส่วนน้อยและการสถาปนาสถาบันของคนส่วนน้อยขึ้นมาแบบนี้ได้อย่างไร สำหรับตนแล้วคำตอบคือเราจะต้องชนะมากกว่านี้ ทั้งในการเลือกตั้งและในทางความคิด นี่คือเหตุผลที่เรามารวมตัวกันที่นี่ พวกเราทุกคนต้องการชนะมากกว่านี้ และนั่นคือเป้าหมายในอนาคตพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน ที่จะต้องชนะได้มากกว่า 251 เสียง เพื่อไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่มีแนวคิดสังคมประชาธิปไตยเป็นแนวความคิดหลักในประเทศไทยให้ได้ในที่สุด
“
เราต้องชนะทางความคิด เศรษฐกิจจากเบื้องล่าง การเติบโตแบบมีส่วนร่วม ขจัดการผูกขาด ทลายการรวมศูนย์อำนาจ นี่คือความคิดนำใหม่ที่เรากำลังสู้ให้ชนะ ในวันข้างหน้าชัยชนะของทุกคนก็คือชัยชนะของเราด้วย เราจะชนะไปด้วยกัน สร้างสังคมที่เป็นธรรมและก้าวหน้าไปด้วยกัน” นาย
พิธา กล่าว
พริษฐ์ หนุนรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ผนึกยื่นแก้ม.13 กม.ประชามติ ไม่กระทบไทม์ไลน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4287228
“พริษฐ์” ชงแก้ กม.ประชามติ เหลือเกณฑ์ออกมาใช้สิทธิและเห็นชอบ 25% หรือยกเลิกเกณฑ์ชั้นที่ 1 ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ป้องกันยุทศาสตร์นอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติ เชื่อหากฝ่ายค้าน-รัฐบาลร่วมยื่นแก้ ผ่าน 3 วาระฉลุย ไม่กระทบไทม์ไลน์ทำประชามติแก้รธน.
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับเงื่อนไขในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ ว่า ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้านและภาคส่วนอื่นๆ มีข้อห่วงใยเกี่ยวกับการ กฎหมายประชามติ ที่ต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double majority ที่บัญญัติในมาตรา 13 ของพ.ร.บ.ประชามติ ที่อาจไม่เป็นธรรมต่อการทำประชามติในทุกหัวข้อ ซึ่งเกณฑ์ชั้นที่ 1 คือจะต้องมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ ส่วนชั้นที่ 2 คือ ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์ ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงหากคนที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ถูกถาม แทนที่จะออกมาใช้สิทธิแต่ใช้วิธีนอนอยู่บ้าน เพื่อคว่ำประชามติแทน และหากบวกกับจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิก็จะไม่ถึงเกณฑ์ เสียงข้างมาก ชั้นแรก ก็จะทำให้กฎหมายประชามติตกไป
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า เห็นว่า ควรทบทวนตัวกติกานี้โดยเฉพาะชั้นแรก จึงเสนอทางเลือกในการแก้ไข 2 ประเด็นคือ ยกเลิกเกณฑ์ชั้นที่ 1 ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งบางประเทศ ไม่มีเกณฑ์ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น และประชามติ 2 ครั้งของประเทศไทย ในการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ก็ไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์สัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิ ส่วนอีกหนึ่งทางคือ ให้เขียนว่า คนออกมาใช้สิทธิและลงคะแนนเห็นชอบ เกิน 25% หรือ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะสามารถป้องกันยุทธศาสตร์การนอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติได้
สำหรับกระบวนการในการแก้ไขกฎหมายนั้น นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า วิธีในการแก้ไขกฎหมายคือ เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดคือให้รัฐบาลและฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 13 ถ้าดำเนินการยื่นเสนอไว้ เมื่อสภาฯเปิดสมัยประชุมช่วงเดือนธันวาคม ก็สามารถที่จะพิจารณาวาระแรกได้ทันที และเชื่อว่าจะสามารถผ่าน 3 วาระไปได้ โดยจะไม่กระทบต่อกรอบเวลาในการจัดทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ และเคาะว่าจะทำประชามติหรือไม่ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 เพราะเป็นการแก้ไขแค่มาตราเดียว
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากประเด็นเรื่อง มาตรา 13 เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นแล้ว ตนเห็นว่าไหนๆจะแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ ถ้าไม่กระทบกรอบเวลาในการพิจารณา อาจพิจารณาประเด็นอื่นควบคู่ไปด้วยเช่น จะทำอย่างไรให้กฎหมายประชามติรองรับการจัดทำประชามติวันเดียวกับการเลือกตั้งอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งส.ส. หรือเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ปัจจุบันมีข้อจำกัดที่อาจทำให้การดำเนินการด้านธุรการยุ่งยาก ถ้าแก้ไปด้วยก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้สามารถเลือกวันลงประชามติได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และอาจมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากขึ้นได้หากทำพร้อมกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ขอเสนอให้แก้ไขกรณีการเข้าชื่อของประชาชนเพื่อทำประชามติ 50,000 รายชื่อทางออนไลน์ได้ด้วย
ก้าวไกล แจงวุ่น หลังถูกแฉอีก ผู้ช่วยสส. มีทหารรับส่ง ระหว่างลงพื้นที่ภูเก็ต
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7968976
“ณัฐชา ก้าวไกล” แจงแล้ว หลังถูกแฉ ผู้ช่วย สส. มีทหารขับรถรับส่งถึงสนามบิน ระหว่างลงพื้นที่ภูเก็ต รับ ข้อมูลที่โพสต์ทำให้เข้าใจผิด ตำหนิผู้ช่วยไปแล้ว
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 จากกรณีนาย
แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เตรียมยื่นสอบ สส.ฝั่งธนบุรี พรรคก้าวไกล หลังพบว่า ผู้ช่วยสส. มีทหารขับรถรับส่งถึงสนามบิน ที่จ.ภูเก็ต
ล่าสุด ที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุภูเก็ต กรมกิจการผู้สูงอายุ นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อคืนนี้ตนเดินทางมาถึงภูเก็ต พร้อมกับ สส.ภูเก็ต ซึ่งมีรถในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ต้องให้ใครมารับ แต่ที่เป็นประเด็นขึ้นมาเพราะผู้ช่วยตนมีเพื่อนเป็นทหารที่มาจาก กทม. ถูกย้ายมาอยู่ภูเก็ต พอรู้ว่ามาก็เลยนัดเจอกัน
นาย
ณัฐชา กล่าวว่า ส่วนที่นาย
แทนคุณจะยื่นเรื่องนั้น ยื่นได้เลย ไม่มีประเด็นอะไร เราต่อสู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ตนเป็นอดีตพลทหารรับใช้ ฉะนั้นรู้ดีว่าความรู้สึกพลทหารรับใช้เป็นอย่างไร เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด
นาย
ณัฐชา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ผู้ช่วยสส.คนดังกล่าว เป็นผู้ช่วยของตนมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว สมัยนี้ก็เป็นผู้ช่วย วันนี้ชวนมาเป็นเพื่อนแต่มาเป็นเรื่องเสียก่อน ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร ซึ่งก็ดีที่ฝ่ายตรงข้ามหยิบยกเอามาพูด นำขึ้นมาเป็นประเด็น เพราะเราก็อยากเรียกร้องต่อสู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะตนก็เป็นอดีตทหารเกณฑ์ ไม่ชอบเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว
นาย
ณัฐชา กล่าวต่อว่า เมื่อวานได้พูดคุยกับน้องๆ เกี่ยวกับการถูกย้ายข้ามพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร เป็นการมาปรับทุกข์กันมากกว่า แต่การที่เอาไปพูดไปโพสต์ต่างๆ นานา ว่าเป็นการมาดูแลช่วยเหลือ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ยอมรับว่าตนไม่เห็นที่ผู้ช่วยโพสต์ แต่มาเห็นที่นาย
แทนคุณนำไปโพสต์แล้วมีคนส่งมาให้ ตนจึงตรวจสอบ และถามผู้ช่วยว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร ข้อมูลที่นำไปลงไม่ใช่เป็นข้อมูลที่เป็นความจริง และทำให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งก็ได้ต่อว่าไปแล้ว
JJNY : 5in1 พบศพตัวประกันรายที่ 2│พิธายกชัยชนะก้าวไกล│พริษฐ์ผนึกยื่นแก้ม.13│ก้าวไกลแจงวุ่น│‘ธนาธร’ไม่เห็นด้วย 5 แสนล.
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/210569
กองทัพอิสราเอลพบศพของตัวประกันชาวอิสราเอลรายที่ 2 ในอาคารใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
เมื่อเวลา 08.25 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (13.25 น. ตามเวลาประเทศไทย) กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF รายงานว่า พบศพของตัวประกันชาวอิสราเอลรายที่ 2 ในอาคารใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลระบุว่าเป็นหนึ่งในหน่วยบัญชาการของกลุ่มฮามาส
ถ้อยแถลงระบุว่า ศพดังกล่าวเป็นของ สิบโทหญิง โนอา มาร์เซียโน ทหารวัย 19 ปีของกองทัพอิสราเอล โดยขณะนี้ได้มีการเคลื่อนย้ายศพของเธอกลับอิสราเอลแล้ว
IDF บอกว่า มาร์เซียโนซึ่งถูกลักพาตัวไปหลังฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ถูกสังหารโดยกลุ่มฮามาส ขัดกับก่อนหน้านี้ในวันที่ 12 พ.ย. ที่กลุ่มฮามาสออกมาเผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงภาพตัวประกันหญิงรายหนึ่ง แล้วบอกว่าเธอเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล ซึ่งตัวประกันหญิงคนนั้นก็คือโนอา
คลิปดังกล่าวเป็นคลิปความยาวไม่ถึง 1 นาที โดยช่วงแรกของวิดีโอแสดงให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งพูดหน้ากล้องเพื่ออ่านข้อความสั้น ๆ เธอให้รายละเอียดเกี่ยวกับพ่อแม่ บ้านเกิด และบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งบอกว่าเธอมีอายุ 19 ปี
หลังจากคำพูดดังกล่าว วิดีโอก็แสดงให้เห็นภาพของสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นศพของผู้หญิงรายนี้ ตามมาด้วยวิดีโอที่อ้างว่าเป็นการเสียชีวิตของเธอเกิดจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน
รายงานยืนยันการเสียชีวิตของมาร์เซียโนเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) IDF พบศพหญิงชาวอิสราเอลวัย 65 ปีใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟาเช่นกัน โดยศพดังกล่าวเป็นของ เยฮูดิต ไวส์ เป็นชาวชุมชนเกษตรเบเอรี
ยังไม่ชัดเจนว่า ศพของไวส์และมาร์เซียโนที่ถูกพบนี้อยู่ด้วยกันหรือไม่ และไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นอนของพวกเธอ
เรียบเรียงจาก CNN
พิธา ยกชัยชนะ ก้าวไกล พิสูจน์แนวคิดก้าวหน้าเป็นธรรม ก็ชนะเลือกตั้งได้
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7968765
ก้าวไกล เจ้าภาพจัดประชุมเครือข่ายพรรคการเมือง แนวสังคมประชาธิปไตยในเอเชียแปซิฟิก “พิธา” ยกชัยชนะของก้าวไกล พิสูจน์แนวคิดก้าวหน้าก็ชนะเลือกตั้งได้
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม “SocDem Asia Pacific – Progressive Alliance
Conference 2023 : The Future of Democracy : Realizing People Power” (การประชุมเครือข่ายสังคมประชาธิปไตยเอเชียแปซิฟิก – พันธมิตรฝ่ายก้าวหน้า 2023 : อนาคตประชาธิปไตยและการทำให้อำนาจประชาชนปรากฏเป็นจริง)
โดยเป็นการประชุมร่วมของเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่พรรคก้าวไกลเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่เป็นสมาชิกเครือข่าย มีสมาชิกจากพรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม ได้แก่ มองโกเลีย มาเลเซีย อินเดีย เนปาล นิวซีแลนด์ สวีเดน ซิมบับเว บราซิล ตุรกี เดนมาร์ก ฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา
โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นผู้กล่าวปาฐกถานำในการประชุม ซึ่งในช่วงหนึ่งของปาฐกถา นายพิธา กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคก้าวไกล คือ ข้อพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตย และความคิดที่ก้าวหน้าเป็นธรรม ก็สามารถชนะการเลือกตั้งได้
นายพิธา กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 40% ทำการเมืองแบบที่ไม่ต้องใช้ทุนมหาศาลหรือกลุ่มทุนมาหนุนหลังล็อบบี้ โดยที่ไม่เสียความเป็นตัวตน
ทุกคุณค่าและนโยบายที่เรานำเสนอต่อประชาชน คือแนวคิดสังคมประชาธิปไตย คือความคิดที่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเป็นแบบบนลงล่างหรือขวาจัด และการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความเท่าเทียมเป็นธรรมเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันได้
นายพิธา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือพื้นที่ประชาธิปไตยทั่วโลกกำลังหดแคบลง แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ตนเพิ่งเดินทางกลับมา ตนได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Tyranny of the Minority ที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ความถดถอยของประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา ว่าคนส่วนน้อยรวมตัวกันเอาชนะเสียงส่วนมากได้ด้วยวิธีการใดบ้าง
นั่นทำให้ตนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีกติกาที่ฉ้อฉล ใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางการเมือง เสียงส่วนน้อยอย่าง สว. ที่เพียงไม่เข้าประชุมไม่กี่คนก็สามารถล้มแคนดิเดตที่มาจากการเลือกตั้งได้ การปกครองด้วยกฎหมายแต่ไม่มีนิติรัฐ ดูแต่ตัวบทแต่ไม่ดูเจตนารมณ์ เหมือนกับการที่ตนต้องถูกให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่
นายพิธา กล่าวต่อว่า คำถามคือเราจะสู้กับคนส่วนน้อยและการสถาปนาสถาบันของคนส่วนน้อยขึ้นมาแบบนี้ได้อย่างไร สำหรับตนแล้วคำตอบคือเราจะต้องชนะมากกว่านี้ ทั้งในการเลือกตั้งและในทางความคิด นี่คือเหตุผลที่เรามารวมตัวกันที่นี่ พวกเราทุกคนต้องการชนะมากกว่านี้ และนั่นคือเป้าหมายในอนาคตพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน ที่จะต้องชนะได้มากกว่า 251 เสียง เพื่อไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่มีแนวคิดสังคมประชาธิปไตยเป็นแนวความคิดหลักในประเทศไทยให้ได้ในที่สุด
“เราต้องชนะทางความคิด เศรษฐกิจจากเบื้องล่าง การเติบโตแบบมีส่วนร่วม ขจัดการผูกขาด ทลายการรวมศูนย์อำนาจ นี่คือความคิดนำใหม่ที่เรากำลังสู้ให้ชนะ ในวันข้างหน้าชัยชนะของทุกคนก็คือชัยชนะของเราด้วย เราจะชนะไปด้วยกัน สร้างสังคมที่เป็นธรรมและก้าวหน้าไปด้วยกัน” นายพิธา กล่าว
พริษฐ์ หนุนรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ผนึกยื่นแก้ม.13 กม.ประชามติ ไม่กระทบไทม์ไลน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4287228
“พริษฐ์” ชงแก้ กม.ประชามติ เหลือเกณฑ์ออกมาใช้สิทธิและเห็นชอบ 25% หรือยกเลิกเกณฑ์ชั้นที่ 1 ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ป้องกันยุทศาสตร์นอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติ เชื่อหากฝ่ายค้าน-รัฐบาลร่วมยื่นแก้ ผ่าน 3 วาระฉลุย ไม่กระทบไทม์ไลน์ทำประชามติแก้รธน.
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับเงื่อนไขในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ ว่า ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้านและภาคส่วนอื่นๆ มีข้อห่วงใยเกี่ยวกับการ กฎหมายประชามติ ที่ต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double majority ที่บัญญัติในมาตรา 13 ของพ.ร.บ.ประชามติ ที่อาจไม่เป็นธรรมต่อการทำประชามติในทุกหัวข้อ ซึ่งเกณฑ์ชั้นที่ 1 คือจะต้องมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ ส่วนชั้นที่ 2 คือ ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์ ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงหากคนที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ถูกถาม แทนที่จะออกมาใช้สิทธิแต่ใช้วิธีนอนอยู่บ้าน เพื่อคว่ำประชามติแทน และหากบวกกับจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิก็จะไม่ถึงเกณฑ์ เสียงข้างมาก ชั้นแรก ก็จะทำให้กฎหมายประชามติตกไป
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เห็นว่า ควรทบทวนตัวกติกานี้โดยเฉพาะชั้นแรก จึงเสนอทางเลือกในการแก้ไข 2 ประเด็นคือ ยกเลิกเกณฑ์ชั้นที่ 1 ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งบางประเทศ ไม่มีเกณฑ์ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น และประชามติ 2 ครั้งของประเทศไทย ในการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ก็ไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์สัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิ ส่วนอีกหนึ่งทางคือ ให้เขียนว่า คนออกมาใช้สิทธิและลงคะแนนเห็นชอบ เกิน 25% หรือ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะสามารถป้องกันยุทธศาสตร์การนอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติได้
สำหรับกระบวนการในการแก้ไขกฎหมายนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า วิธีในการแก้ไขกฎหมายคือ เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดคือให้รัฐบาลและฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 13 ถ้าดำเนินการยื่นเสนอไว้ เมื่อสภาฯเปิดสมัยประชุมช่วงเดือนธันวาคม ก็สามารถที่จะพิจารณาวาระแรกได้ทันที และเชื่อว่าจะสามารถผ่าน 3 วาระไปได้ โดยจะไม่กระทบต่อกรอบเวลาในการจัดทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ และเคาะว่าจะทำประชามติหรือไม่ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 เพราะเป็นการแก้ไขแค่มาตราเดียว
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากประเด็นเรื่อง มาตรา 13 เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นแล้ว ตนเห็นว่าไหนๆจะแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ ถ้าไม่กระทบกรอบเวลาในการพิจารณา อาจพิจารณาประเด็นอื่นควบคู่ไปด้วยเช่น จะทำอย่างไรให้กฎหมายประชามติรองรับการจัดทำประชามติวันเดียวกับการเลือกตั้งอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งส.ส. หรือเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ปัจจุบันมีข้อจำกัดที่อาจทำให้การดำเนินการด้านธุรการยุ่งยาก ถ้าแก้ไปด้วยก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้สามารถเลือกวันลงประชามติได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และอาจมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากขึ้นได้หากทำพร้อมกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ขอเสนอให้แก้ไขกรณีการเข้าชื่อของประชาชนเพื่อทำประชามติ 50,000 รายชื่อทางออนไลน์ได้ด้วย
ก้าวไกล แจงวุ่น หลังถูกแฉอีก ผู้ช่วยสส. มีทหารรับส่ง ระหว่างลงพื้นที่ภูเก็ต
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7968976
“ณัฐชา ก้าวไกล” แจงแล้ว หลังถูกแฉ ผู้ช่วย สส. มีทหารขับรถรับส่งถึงสนามบิน ระหว่างลงพื้นที่ภูเก็ต รับ ข้อมูลที่โพสต์ทำให้เข้าใจผิด ตำหนิผู้ช่วยไปแล้ว
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 จากกรณีนายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เตรียมยื่นสอบ สส.ฝั่งธนบุรี พรรคก้าวไกล หลังพบว่า ผู้ช่วยสส. มีทหารขับรถรับส่งถึงสนามบิน ที่จ.ภูเก็ต
ล่าสุด ที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุภูเก็ต กรมกิจการผู้สูงอายุ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อคืนนี้ตนเดินทางมาถึงภูเก็ต พร้อมกับ สส.ภูเก็ต ซึ่งมีรถในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ต้องให้ใครมารับ แต่ที่เป็นประเด็นขึ้นมาเพราะผู้ช่วยตนมีเพื่อนเป็นทหารที่มาจาก กทม. ถูกย้ายมาอยู่ภูเก็ต พอรู้ว่ามาก็เลยนัดเจอกัน
นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนที่นายแทนคุณจะยื่นเรื่องนั้น ยื่นได้เลย ไม่มีประเด็นอะไร เราต่อสู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ตนเป็นอดีตพลทหารรับใช้ ฉะนั้นรู้ดีว่าความรู้สึกพลทหารรับใช้เป็นอย่างไร เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด
นายณัฐชา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ผู้ช่วยสส.คนดังกล่าว เป็นผู้ช่วยของตนมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว สมัยนี้ก็เป็นผู้ช่วย วันนี้ชวนมาเป็นเพื่อนแต่มาเป็นเรื่องเสียก่อน ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร ซึ่งก็ดีที่ฝ่ายตรงข้ามหยิบยกเอามาพูด นำขึ้นมาเป็นประเด็น เพราะเราก็อยากเรียกร้องต่อสู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะตนก็เป็นอดีตทหารเกณฑ์ ไม่ชอบเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า เมื่อวานได้พูดคุยกับน้องๆ เกี่ยวกับการถูกย้ายข้ามพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร เป็นการมาปรับทุกข์กันมากกว่า แต่การที่เอาไปพูดไปโพสต์ต่างๆ นานา ว่าเป็นการมาดูแลช่วยเหลือ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ยอมรับว่าตนไม่เห็นที่ผู้ช่วยโพสต์ แต่มาเห็นที่นายแทนคุณนำไปโพสต์แล้วมีคนส่งมาให้ ตนจึงตรวจสอบ และถามผู้ช่วยว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร ข้อมูลที่นำไปลงไม่ใช่เป็นข้อมูลที่เป็นความจริง และทำให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งก็ได้ต่อว่าไปแล้ว