ผมขอนำข้อมูลจากในGoolgeมาวางเลยนะครับ
1.((หม้อหุงข้าวรู้ได้ยังไงว่าข้าวสุกแล้ว
โดยทั่วไปแล้วอุณหภูมิน้ำเดือดจะอยู่ที่ 100 องศา ตราบใดที่น้ำยังมีอยู่ น้ำจะดูดความร้อน แล้วคายออกมาเป็นไอน้ำตลอดเวลา ทำให้อุณหภูมิภายในหม้อ ไม่เกิน 100 องศาตลอดเวลา (ค่านี้ เปลี่ยนไปตามแรงดันของหม้อแต่ละยี่ห้อ)
จนกระทั่งน้ำระเหยหมด อุณหภูมิที่ก้นหม้อ จะค่อยๆ สูงขึ้นเพราะไม่มีน้ำช่วยดูดความร้อนอีกต่อไป จนตัวตัดไฟทำงาน เมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด หรือสามารถสรุปได้ว่า มันไม่รู้ว่าข้าวสุก แต่หม้อหุงข้าวรู้ว่าน้ำหมดจากความร้อนที่สูงขึ้นนั่นเอง))
2.เมื่อข้าวสุกได้ปริมาณน้ำที่เราเติมพอดีหุงข้าวสวยน้ำจะกลายเป็นไอน้ำ
และกลายเป็นไอรวมอยู่ในหม้อชั้นในซึ่งจะทำให้ข้าวสุกและอุณหภูมิสูงมากยิ่งขึ้น
อุณหภูมิที่สูงขึ้นมากๆนี้จะทำให้แท่งเหล็กเฟอร์ไรต์เสื่อมสภาพทำให้
แรงดึงดูดระหว่างแท่งแม่เหล็กกับแท่งเหล็กเฟอร์ไรต์รอ่อนลงทำไมวงจรตัดการทำงาน
((ภาพจาก :
http://www.eppo.go.th/images/Infromation_service/Publication/Publication/Pubication_1/7.pdf))
จากข้อความข้างต้นทั้งหมดสรุปได้คือความร้อนทำให้น้ำที่ใส่ในหม้อหุงข้าวเกิดเป็นไอน้ำมีผลทำให้ข้างสุก พอข้าวสุกเเล้วน้ำในหม้อไม่มีทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นระบบจึงตัดการทำงานทำไมเรารู้ว่าสุกเเล้วหรือที่บ้านๆเราเรียกว่า
ข้าวเด้งเเล้ว ถึงคำถามที่ผมจะถามเเล้วนะครับทำไมตอนเราหุงข้าวเเล้วใส่น้ำเยอะเกินข้าวถึงเเฉะก็ในเมื่อข้อมูลบอกว่าน้ำในหม้อระเหยเกิดเป็นไอภายในหม้อทำให้ข้าวสุกเเล้วจึงตัดการทำงานเพราะน้ำระเหยจนหมดทำให้ไม่มีน้ำเป็นตัวระบายความร้อน ความร้อนในหม้อสูงขึ้นมันเลยตัดการทำงานเเต่มันตัดการทำงานได้ไงทั้งๆที่ในหม้อข้างยังเเฉะเป็นน้ำอยู่เลยมันต้องต้มไปเรื่อยๆจนเละดิถึงจะถูกมันตัดการทำงานก่อนได้ยังไง
สงสัยเรื่องการทำงานของหม้อหุงข้าวครับ
1.((หม้อหุงข้าวรู้ได้ยังไงว่าข้าวสุกแล้ว
โดยทั่วไปแล้วอุณหภูมิน้ำเดือดจะอยู่ที่ 100 องศา ตราบใดที่น้ำยังมีอยู่ น้ำจะดูดความร้อน แล้วคายออกมาเป็นไอน้ำตลอดเวลา ทำให้อุณหภูมิภายในหม้อ ไม่เกิน 100 องศาตลอดเวลา (ค่านี้ เปลี่ยนไปตามแรงดันของหม้อแต่ละยี่ห้อ)
จนกระทั่งน้ำระเหยหมด อุณหภูมิที่ก้นหม้อ จะค่อยๆ สูงขึ้นเพราะไม่มีน้ำช่วยดูดความร้อนอีกต่อไป จนตัวตัดไฟทำงาน เมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด หรือสามารถสรุปได้ว่า มันไม่รู้ว่าข้าวสุก แต่หม้อหุงข้าวรู้ว่าน้ำหมดจากความร้อนที่สูงขึ้นนั่นเอง))
2.เมื่อข้าวสุกได้ปริมาณน้ำที่เราเติมพอดีหุงข้าวสวยน้ำจะกลายเป็นไอน้ำ
และกลายเป็นไอรวมอยู่ในหม้อชั้นในซึ่งจะทำให้ข้าวสุกและอุณหภูมิสูงมากยิ่งขึ้น
อุณหภูมิที่สูงขึ้นมากๆนี้จะทำให้แท่งเหล็กเฟอร์ไรต์เสื่อมสภาพทำให้
แรงดึงดูดระหว่างแท่งแม่เหล็กกับแท่งเหล็กเฟอร์ไรต์รอ่อนลงทำไมวงจรตัดการทำงาน
((ภาพจาก : http://www.eppo.go.th/images/Infromation_service/Publication/Publication/Pubication_1/7.pdf))
จากข้อความข้างต้นทั้งหมดสรุปได้คือความร้อนทำให้น้ำที่ใส่ในหม้อหุงข้าวเกิดเป็นไอน้ำมีผลทำให้ข้างสุก พอข้าวสุกเเล้วน้ำในหม้อไม่มีทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นระบบจึงตัดการทำงานทำไมเรารู้ว่าสุกเเล้วหรือที่บ้านๆเราเรียกว่า ข้าวเด้งเเล้ว ถึงคำถามที่ผมจะถามเเล้วนะครับทำไมตอนเราหุงข้าวเเล้วใส่น้ำเยอะเกินข้าวถึงเเฉะก็ในเมื่อข้อมูลบอกว่าน้ำในหม้อระเหยเกิดเป็นไอภายในหม้อทำให้ข้าวสุกเเล้วจึงตัดการทำงานเพราะน้ำระเหยจนหมดทำให้ไม่มีน้ำเป็นตัวระบายความร้อน ความร้อนในหม้อสูงขึ้นมันเลยตัดการทำงานเเต่มันตัดการทำงานได้ไงทั้งๆที่ในหม้อข้างยังเเฉะเป็นน้ำอยู่เลยมันต้องต้มไปเรื่อยๆจนเละดิถึงจะถูกมันตัดการทำงานก่อนได้ยังไง