แบบนี้คือการคุกคามทางเพศในที่ทำงานมั้ยคะ

สวัสดีค่ะ

ขอออกตัวก่อนเลยนะคะว่าเราไม่ชอบพี่คนนี้ ไม่เคยชอบและไม่มีวันจะชอบค่ะ แค่อายุก็ห่างกันเกือบ 20 ปีแล้ว เราแทบเป็นลูกเขาได้ด้วยซ้ำ

คือว่าเราทำงานในที่ทำงานกับพี่ผช.คนนี้มาได้เกือบจะปีนึงแล้วค่ะ แรกๆก็ปกติดี แกเป็นคนเฟรนลี่เข้าได้กับทุกคนอยู่แล้วด้วย มีถึงเนื้อถึงตัวบ้างแต่ก็แค่นิดหน่อยพอหยอกเล่น จนวันนึงเรากับพี่ผช.คนนั้นไปนั่งคุยกับพี่ผญต่างแผนกอีกคนนึงแล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆจนมาถึงเรื่องสเปคที่ชอบ แล้วเหมือนพี่ผญ.คนนั้นก็แซวๆว่า เออถ้างั้นพี่ผช.ก็คงชอบเราสิเพราะเราก็แนวสเปคเขาอยู่ เราคิดว่านี้คือจุดเปลี่ยนของทุกอย่างค่ะ

หลังจากนั้นมาไม่รู้ว่าเราคิดไปเองมั้ยแต่เหมือนพี่ผช.คนนั้นเริ่มพยายามเข้ามาหาเข้ามาคุยกับเรามากกว่าเดิมค่ะ ชอบเขามานั่งใกล้ๆ มาพูดใกล้ๆ คอยแตะเนื้อต้องตัวกว่าที่จำเป็น(ในความคิดเรา) จับเข่าจับขา แต่ชุดเราเป็นกางเกงค่ะ เลยไม่โดนเนื้อ

แล้วก็แรกๆไม่มี แต่หลังๆมีคุยไลน์มาว่าคิดถึงหนูนะ ว่างคุยมั้ยคะ หนูไม่อยู่พี่เหงาจัง อะไรทำนองนี้ เราคือเป็นคนแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานชัดเจน ยอมรับเลยว่าเป็นคนไม่ชอบคุยกับใครนอกเหนือความจำเป็น เราเลยไม่ตอบเลย โดยเฉพาะหลังเลิกงานและวันหยุด ทุกคนรู้พฤติกรรมเราเรื่องนี้ เราเลยใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ตอบพี่เขาเลยค่ะ ถ้าจะตอบก็คือตอบแบบเลี่ยงๆขำๆ ส่งสติกเกอร์หน้าบู๋ไปแทน ก็เลี่ยงมาได้จนถึงทุกวันนี้ มีเหตุการณ์ที่ว่าเราสั่งงานพี่เขา(เราตำแหน่งสูงกว่า)พี่เขาก็มีหยอกว่า ถ้าไม่ใช่หนู พี่ไม่ทำให้นะเนี่ย ซึ่งเราคิดว่ามันแปลกค่ะ เพราะที่เราสั่งมันคืองาน ไม่ใช่ฝากซื้อมะม่วงที่จะไม่ทำก็ได้

จนเมื่อไม่กี่วันก่อนเลยค่ะ พี่เขาเรียกเราไปหาแล้วก็ฝากเอาของไปให้ด้วย มันเป็นของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆเราเลยต้องเอาไปให้ค่ะ จริงๆพี่เขาพยายามเรียกเราให้เอาของไปให้ตั้งแต่เกือบ2ชม.ก่อนแล้ว แต่เราอ้างว่าเรายุ่งอยู่เลยยื้อเวลาได้จนเราเกือบจะเลิกงาน(มีความจริงอยู่นะคะ ยุ่งจริงๆ555) เพราะว่าเรารู้ว่าถ้าเราเอาของไปให้เขา เราจะอยู่กับพี่เขาแค่ 2ต่อ2 แล้วเขาก็จะพยายามยื้อให้เราคุยกับเขานานๆแน่นอน

ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริงๆค่ะ พอเราเอาของไปให้เขา เราก็พยายามคุยเรื่องงาน ตามความคืบหน้าของงาน ชี้นู้นชี้นี่ แล้วพอดีประตูห้องมันเปิดอยู่ ซึ่งมันเป็นที่ๆลูกค้าสามารถเดินผ่าน ควรปิดประตูไม่ให้ลูกค้าเห็น แต่ตอนนั้นเราชั่งใจมากเลยค่ะ มันมีลางสังหรว่าถ้าเราปิดประตู พี่เขาจะเข้าถึงตัวเราทันทีแน่นอน แต่มันต้องปิดค่ะ

ซึ่งพอเราปิดปุ๊บ พี่เขาก็เข้ามาดึงแขนเราทันทีค่ะ เหมือนจะเข้ามาอ้อนเพราะเรากำลังจะเลิกงานแล้ว แต่พี่เขายังต้องทำงานต่อค่ะ บอกว่าเดี๋ยวหนูก็จะกลับแล้ว อยู่เป็นเพื่อนพี่อีกแปบนึงสิ เราก็ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะเราไม่ชอบให้คนมาแตะตัว แต่ก็ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ดึงแขนออกมาพลางเดินไปที่ประตู พี่แกก็พุ่งเข้ามากอดเลยค่ะ มือนึงครอมไหล อีกมือนึงครอมเอว ยอมรับเลยว่าเราตกใจมาก ใจลงไปอยู่ตาตุ่ม คิดกับตัวเองว่าว่าแล้วเชียว ไม่น่าปิดประตูเลย เราก็พยายามดึงๆแบบค่อยๆพลางยื้อเดินไปที่ประตูต่อ พี่แกก็พูดล้อๆต่อว่าอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ตอนนั้นเราเครียดมากเลยค่ะ พยายามคิดว่าถ้าพี่แกจู่โจมใส่เราจะทำยังไงดี ระหว่างนี่เราไม่มองหน้าแกเลยค่ะ หันหน้าหนีโยกคอหนีตลอด เพราะเรารู้สึกว่าหน้าแกอยู่ใกล้ท้ายทอยเรามาก พอพี่แกถามว่าจะไปไหน ก็พอดีเรานึกขึ้นได้ค่ะว่าโรงอาหารเย็นเปิดแล้ว ก็เลยบอกว่าจะไปกินข้าวพร้อมกับยื้อกันมาจนถึงประตูพอดี พี่เขาก็ปล่อยเราค่ะ เราถอนหายใจในหัวแรงมาก โล่งอก รีบเปิดประตูออกไปข้างนอก รู้สึกวางใจเพราะมีกล้องวงจรปิดอยู่ พี่เขาก็ยังเดินตาม เราก็รีบกลับไปที่ออฟฟิสที่เราวางกระเป๋าอยู่พร้อมรักษาระยะห่างจากพี่เขาให้มากที่สุด พอเราหยิบกระเป๋าตัวเองได้เราก็รีบออกมาเลย ไม่สนว่ายังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ยอมไปยืนรอข้างนอกดีกว่า

พอเราพ้นระยะไม่ให้พี่เขามองเห็นเราแล้ว เรานี่ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่เลยค่ะ ยิ่งคิดยิ่งกลัว คิดว่าต่อไปนี้คงไม่กล้าอยู่กับพี่เขาอีก2ต่อ2 แต่คิดว่าคงเลี่ยงไม่ได้ด้วยงานที่เราทำอยู่มันจำเป็น

คือที่เล่ามาทั้งหมดเราก็พอมั่นใจแล้วค่ะว่าสำหรับเรามันคือคุกคาม แต่ด้วยความเราอยู่กับเพื่อนผญมาตลอดเกือบทั้งชีวิต เพิ่งมาใกล้ชิดกับผช.มากๆก็ตอนมาทำที่นี่ ไม่รู้ว่านี้คือผช.เขาเล่นกันปกติรึป่าวแล้วเราคิดไปเองว่าเขาคุกคาม แต่จริงๆแค่อยากเล่นด้วย

แล้วถ้ามันคือการคุกคามจริงๆ เราสามารถทำยังไงได้บ้างค่ะ ให้พี่เขารู้ว่าเราไม่สนใจ/ชอบเขา ให้เขาไปเล่นแบบนี้กับคนที่สนใจพี่เขาดีกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่