เราคบกับแฟนมา 4 เดือน เค๊าเป็นคนใจร้อน + เพอเฟคชันนิส + ต้องการความใกล้ชิดมาก
เค๊าไม่มีญาติพี่น้อง ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตั้งแต่อายุยังน้อย พอโตขึ้นมาก็ใช้ชีวิตกับแฟน (คนก่อนๆ)
ส่วนเรายังอยู่กับครอบครัว ดูแลพ่อแม่ ที่อายุมากขึ้น
เราทำธุรกิจส่วนตัว อยู่บ้านเป็นหลัก จะได้คอยดูแลพาพ่อแม่ หาหมอ หรือพาไปทำธุระปะปัง
เค๊าบอกเราบ่อยๆ ว่าไม่มีเวลาให้เค๊า เราก็พยายามปรับตัว ให้เวลากับเค๊ามากที่สุดเท่าที่เราให้ได้
เราไปหาที่บ้าน บางทีนอนค้าง เฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งหรือ 2 ครั้ง ขึ้นกับสถานการณ์ บางอาทิตย์ก็อยู่ด้วยกันทั้งวัน
มีไปทานข้าว เดินเล่น เรื่อยๆ ไปทริป (ตจว + ตปท) ด้วยกัน 3 ครั้ง ในระยะเวลา 4 เดือน
เคยพามาแนะนำให้แม่รู้จักแล้ว บอกเรื่องคบกันให้แม่ + พี่รับรู้
ส่วนใหญ่เราไปหาเค๊าที่บ้านมากกว่า เพราะสะดวกและมีความเป็นส่วนตัวกว่า
ช่วงปลายเดือนที่แล้ว พ่อเราต้องผ่าตัดสมองด่วน ในช่วงนั้นเรามีแพลนทริปกับเค๊าไว้ แต่ก็ยังคงไปตามเดิม
เพราะช่วงก่อนผ่าตัด เราเป็นคนพาเค๊ามา แอดมิท + ทำเรื่องต่างๆ ส่งเข้าห้องผ่าตัด จนเรียบร้อย
มีแม่และพี่ๆ รับช่วงดูแลต่อ หลังจากนั้นพ่อพักฟึ้นใน ไอซียู ซึ่งช่วงแรกที่ยังไม่ฟึ้นจากยาสลบ เป็นช่วงเราเดินทางพอดี
กลับมาแล้วพ่อย้ายมาห้องคนไข้ปกติ เรากับพี่ๆ ผลัดเวรกันมานอนเฝ้าพ่อที่ ร.พ. เป็นเวลาทั้งหมด 3 อาทิตย์
ช่วงนั้นเราไม่ได้เจอแฟนเลย แต่มีคุย / แชท กันทุกวัน ถามไถ่การกิน การนอน ทำงาน สัพเพเหระ ทั่วไป ...
+ อัพเดทอาการพ่อ เค๊ามีมาหาที่ห้อง ร.พ. ช่วงวันเราเฝ้าไข้ 3 ครั้ง เอาขนมมาให้ แต่ได้อยู่แป๊บเดียว เพราะเป้นช่วงดึกแล้ว
ช่วงนั้นเราเหนื่อยมาก เอาแลบท๊อปไปทำงานที่ ร.พ. กลางคืนไม่ได้หลับ เพราะพ่อตื่น + พยาบาลเข้ามา
ได้นอนบ้านวันไหน คือ หลับกันยาวๆ แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย
ตอนนี้พ่อเพิ่งย้ายออกมาพักที่ศูนย์ฟึ้นฟู มีผู้ดูแล แต่ครอบครัวเราสลับไปหาพ่อทุกวัน ยิ่งช่วงแรกๆ ที่ต้องปรับตัว
ต้องใช้เวลากับที่ศูนย์มากๆ มันทำให้เรายังจัดสรรเวลาไม่ลงตัว
แฟนเราเริ่มคุยน้อยลง ไม่ค่อยร่าเริง ถามคำตอบคำ เรารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
จนได้มาโทรคุยกัน แล้วเค๊าก็บอกว่าขอลดสถานะ และให้เหตุผลว่า เราไม่เคยมีเวลาให้เค๊า
เราให้ความสำคัญกับครอบครัวมากจนละเลยความรู้สึกเค๊า ว่าเค๊าเหงา ไม่มีคนคุย คนกอด
เค๊าต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน ทำกิจกรรมคนเดียว
เราไม่ปรับตัว ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เราเลยบอกเค๊าว่า เราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังใจ
แต่เค๊ากลับเลือกที่จะปล่อยมือเราไป แล้วเค๊าบอกว่าเราคือคนปล่อยเอง ตั้งแต่แรก
เราบอกว่าเราเข้าใจทุกอย่าง + ยอมรับ ในการตัดสินใจของเค๊า แต่เค๊าก็ยังคุย / แชทอยู่ เค๊าไม่อยากเสียเราไป
เพราะเรายังมีข้อดีอื่นๆ ที่ทำให้เค๊ารักเรา แต่ไม่อยากใช้สถานะคนรัก เพราะเรารักษามันไม่ได้
เค๊าบอกว่า ให้เรา focus เรื่องพ่อ + ครอบครัว เพราะเค๊าบอกว่า เราให้ทุกอย่างกับครอบครัว ความสุขของครอบครัว
คือ ลำดับแรกของเรา จนไม่มีชีวิตของตัวเอง
วันไหนที่เราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ความสำคัญกับตัวเค๊าเหมือนเป็นคนในครอบครัวเมื่อไหร่
ให้เวลาเค๊าได้ ค่อยมาคุยกันอีกที ซึ่งเรารู้จักเค๊าดี ถ้าไม่มีความชัดเจนให้เค๊า เค๊าจะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ
เราบอกเค๊าว่า ทำแบบนี้ เราทำใจยากกว่าบอกเลิก
เวลาคุย / แชทกับเค๊า เราไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ เพราะความรู้สึกลึกๆ ข้างใน มันยังเจ็บอยู่
ถูกแฟนบอกขอลดสถานะ ในช่วงที่ต้องดูแลพ่อที่ป่วย
เค๊าไม่มีญาติพี่น้อง ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตั้งแต่อายุยังน้อย พอโตขึ้นมาก็ใช้ชีวิตกับแฟน (คนก่อนๆ)
ส่วนเรายังอยู่กับครอบครัว ดูแลพ่อแม่ ที่อายุมากขึ้น
เราทำธุรกิจส่วนตัว อยู่บ้านเป็นหลัก จะได้คอยดูแลพาพ่อแม่ หาหมอ หรือพาไปทำธุระปะปัง
เค๊าบอกเราบ่อยๆ ว่าไม่มีเวลาให้เค๊า เราก็พยายามปรับตัว ให้เวลากับเค๊ามากที่สุดเท่าที่เราให้ได้
เราไปหาที่บ้าน บางทีนอนค้าง เฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งหรือ 2 ครั้ง ขึ้นกับสถานการณ์ บางอาทิตย์ก็อยู่ด้วยกันทั้งวัน
มีไปทานข้าว เดินเล่น เรื่อยๆ ไปทริป (ตจว + ตปท) ด้วยกัน 3 ครั้ง ในระยะเวลา 4 เดือน
เคยพามาแนะนำให้แม่รู้จักแล้ว บอกเรื่องคบกันให้แม่ + พี่รับรู้
ส่วนใหญ่เราไปหาเค๊าที่บ้านมากกว่า เพราะสะดวกและมีความเป็นส่วนตัวกว่า
ช่วงปลายเดือนที่แล้ว พ่อเราต้องผ่าตัดสมองด่วน ในช่วงนั้นเรามีแพลนทริปกับเค๊าไว้ แต่ก็ยังคงไปตามเดิม
เพราะช่วงก่อนผ่าตัด เราเป็นคนพาเค๊ามา แอดมิท + ทำเรื่องต่างๆ ส่งเข้าห้องผ่าตัด จนเรียบร้อย
มีแม่และพี่ๆ รับช่วงดูแลต่อ หลังจากนั้นพ่อพักฟึ้นใน ไอซียู ซึ่งช่วงแรกที่ยังไม่ฟึ้นจากยาสลบ เป็นช่วงเราเดินทางพอดี
กลับมาแล้วพ่อย้ายมาห้องคนไข้ปกติ เรากับพี่ๆ ผลัดเวรกันมานอนเฝ้าพ่อที่ ร.พ. เป็นเวลาทั้งหมด 3 อาทิตย์
ช่วงนั้นเราไม่ได้เจอแฟนเลย แต่มีคุย / แชท กันทุกวัน ถามไถ่การกิน การนอน ทำงาน สัพเพเหระ ทั่วไป ...
+ อัพเดทอาการพ่อ เค๊ามีมาหาที่ห้อง ร.พ. ช่วงวันเราเฝ้าไข้ 3 ครั้ง เอาขนมมาให้ แต่ได้อยู่แป๊บเดียว เพราะเป้นช่วงดึกแล้ว
ช่วงนั้นเราเหนื่อยมาก เอาแลบท๊อปไปทำงานที่ ร.พ. กลางคืนไม่ได้หลับ เพราะพ่อตื่น + พยาบาลเข้ามา
ได้นอนบ้านวันไหน คือ หลับกันยาวๆ แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย
ตอนนี้พ่อเพิ่งย้ายออกมาพักที่ศูนย์ฟึ้นฟู มีผู้ดูแล แต่ครอบครัวเราสลับไปหาพ่อทุกวัน ยิ่งช่วงแรกๆ ที่ต้องปรับตัว
ต้องใช้เวลากับที่ศูนย์มากๆ มันทำให้เรายังจัดสรรเวลาไม่ลงตัว
แฟนเราเริ่มคุยน้อยลง ไม่ค่อยร่าเริง ถามคำตอบคำ เรารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
จนได้มาโทรคุยกัน แล้วเค๊าก็บอกว่าขอลดสถานะ และให้เหตุผลว่า เราไม่เคยมีเวลาให้เค๊า
เราให้ความสำคัญกับครอบครัวมากจนละเลยความรู้สึกเค๊า ว่าเค๊าเหงา ไม่มีคนคุย คนกอด
เค๊าต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน ทำกิจกรรมคนเดียว
เราไม่ปรับตัว ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เราเลยบอกเค๊าว่า เราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังใจ
แต่เค๊ากลับเลือกที่จะปล่อยมือเราไป แล้วเค๊าบอกว่าเราคือคนปล่อยเอง ตั้งแต่แรก
เราบอกว่าเราเข้าใจทุกอย่าง + ยอมรับ ในการตัดสินใจของเค๊า แต่เค๊าก็ยังคุย / แชทอยู่ เค๊าไม่อยากเสียเราไป
เพราะเรายังมีข้อดีอื่นๆ ที่ทำให้เค๊ารักเรา แต่ไม่อยากใช้สถานะคนรัก เพราะเรารักษามันไม่ได้
เค๊าบอกว่า ให้เรา focus เรื่องพ่อ + ครอบครัว เพราะเค๊าบอกว่า เราให้ทุกอย่างกับครอบครัว ความสุขของครอบครัว
คือ ลำดับแรกของเรา จนไม่มีชีวิตของตัวเอง
วันไหนที่เราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ความสำคัญกับตัวเค๊าเหมือนเป็นคนในครอบครัวเมื่อไหร่
ให้เวลาเค๊าได้ ค่อยมาคุยกันอีกที ซึ่งเรารู้จักเค๊าดี ถ้าไม่มีความชัดเจนให้เค๊า เค๊าจะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ
เราบอกเค๊าว่า ทำแบบนี้ เราทำใจยากกว่าบอกเลิก
เวลาคุย / แชทกับเค๊า เราไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ เพราะความรู้สึกลึกๆ ข้างใน มันยังเจ็บอยู่