เนต้า เผยความพร้อมต้นปี 2567 ผลิตรถยนต์
อีวี NETA V จากโรงงานประเทศไทย ระบุนโยบายภาครัฐหนุนดันยอดรถยนต์ไฟฟ้าโตทะลุ 500%
วันที่ 29 ตุลาคม 2566 นายเป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัดเปิดเผยถึง ความคืบหน้าแผนงานตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA ในประเทศไทยเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ในไทยและอาเซียนว่ามีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % ทั้งในด้านโครงสร้างอาคาร เครื่องจักรสำหรับการไลน์การผลิต รวมไปถึงบุคลากร ในขณะที่ชิ้นส่วนการผลิตที่สำคัญของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแบตเตอรี่ ได้รับการรับรองคุณภาพและผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนต้า มั่นใจว่าจะสามารถเริ่มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA ได้ภายในต้นปี2567 โดยจะขึ้นไลน์ผลิตรถ NETA V เป็นรุ่นแรก
การสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA เพื่อเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องในแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกของเรา”
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 500% จากยอดจดทะเบียนรวม ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2565 ที่ผ่านมามีเพียง 9,580 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนรวม 9 เดือนแรกของปีนี้สูงถึง 49,997 คัน (มกราคม – กันยายน 2566)
การสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA เพื่อเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกของเรา ส่วนเนต้า ตั้งเป้าการขายปีนี้ไว้ที่ 13,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 20% จากภาพรวมของตลาดที่คาดว่าน่าจะสูงกว่า 60,000 คัน ซึ่งผลจากมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนภาคการลงทุนที่ทำให้เกิดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้สามารถพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้ระยะทางในการขับขี่ที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และเห็นถึงความคุ้มค่าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.prachachat.net/motoring/news-1425296
เนต้า ลั่นต้นปีหน้าผลิต NETA V จากโรงงานประเทศไทย
เนต้า เผยความพร้อมต้นปี 2567 ผลิตรถยนต์
อีวี NETA V จากโรงงานประเทศไทย ระบุนโยบายภาครัฐหนุนดันยอดรถยนต์ไฟฟ้าโตทะลุ 500%
วันที่ 29 ตุลาคม 2566 นายเป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัดเปิดเผยถึง ความคืบหน้าแผนงานตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA ในประเทศไทยเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ในไทยและอาเซียนว่ามีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % ทั้งในด้านโครงสร้างอาคาร เครื่องจักรสำหรับการไลน์การผลิต รวมไปถึงบุคลากร ในขณะที่ชิ้นส่วนการผลิตที่สำคัญของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแบตเตอรี่ ได้รับการรับรองคุณภาพและผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนต้า มั่นใจว่าจะสามารถเริ่มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA ได้ภายในต้นปี2567 โดยจะขึ้นไลน์ผลิตรถ NETA V เป็นรุ่นแรก
การสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA เพื่อเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องในแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกของเรา”
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 500% จากยอดจดทะเบียนรวม ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2565 ที่ผ่านมามีเพียง 9,580 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนรวม 9 เดือนแรกของปีนี้สูงถึง 49,997 คัน (มกราคม – กันยายน 2566)
การสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA เพื่อเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกของเรา ส่วนเนต้า ตั้งเป้าการขายปีนี้ไว้ที่ 13,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 20% จากภาพรวมของตลาดที่คาดว่าน่าจะสูงกว่า 60,000 คัน ซึ่งผลจากมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนภาคการลงทุนที่ทำให้เกิดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้สามารถพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้ระยะทางในการขับขี่ที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และเห็นถึงความคุ้มค่าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.prachachat.net/motoring/news-1425296