การเดินทางไปไกล ไม่ได้ทำให้ลืมใครบางคน...แต่ยืนยันว่าเราอยู่คนเดียวได้
มันคุ้มค่ามาก..สำหรับการรอคอยอะไรแบบนี้ ที่ไม่ใช่รอใครสักคน...#เมืองคอง #เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ด้านหลังของ ดอยหลวงเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของ เมืองคอง ชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาและนาข้าวที่อุดมสมบูรณ์ การไม่มีความเจริญของวัตถุเข้ามารบกวนทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเงียบสงบ
จากความสุขเล็ก ของคนชอบเดินทางคนเดียว ทำให้ยังรู้ว่ายังมีที่
เจอผู้คนคึกคักจากสถานีจอดรถที่ อ.เชียงดาว เป็นจุดเริ่มต้นความสุข และภาพความทรงจำของเราที่นี่
Day 1 เชียงดาว-บ้านธารชีวี บ้านต้นไม้ แม่แมะ
เราจองที่พักพร้อมรถมอเตอร์ไซค์ ที่สมิงเชียงดาวเก็ตเฮาท์ สะดวกสบายมาก เจ้าของก็น่ารักเป็นกันเองมากๆ
พอเข้าที่พัก ได้รถแล้ว ไม่รอรี รีบบิด ตรงไปยังถนนต้นไม้ ไปดูเส้นทางที่เราจะไปวันพรุ่งนี้เช้า
ใครผ่านมาถนนเส้น จะอดใจไหว ต้องแวะถ่ายรูปเช็คอิน กับถนนต้นไม้ สองข้างทางที่สวยมากๆ
บิดต่อไม่รอแล้วนะ......
มีมอไซค์แล้ว ไปไหนกะได้ เราเข้าไปที่ ค่าเฟ่กลางป่าบ้านแม่แมะ...#บ้านธารชีวี #บ้านต้นไม้ ตั้งอยู่ที่เดียวกันเลย
บรรยากาศ สดชื่อมากๆ มีลำธารใหลผ่านด้วย ธรรมชาติมากๆ
ระหว่างทาง จากถนนเส้นหลักเข้าไปนั้น ประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นถนนซีเมนต์ ไม่กว้างมากนัก ลัดเลาะไปตามเขา มีดินสไลด์ เป็นจุดๆ แต่ก็ไม่สามรถหยุดความตั้งใจจะไปได้ มีถอดใจเหมือนกันนะ 555 ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ต้องไปให้สุด ระหว่างทางนั้นมีเมฆฝนลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เร่งรีบมากขึ้น แต่ก็ไปถึงในที่สุด..
ระหว่างทาง จะเจอดินโคลน เป็ยจุดๆ ถนนค่อนข้างลื่น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็ยอย่างมาก
ไปถึงร้านก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว เราสั่งข้าวไข่เจียว กับเครื่องดื่มหนึ่งแก้ว แต่ 4 โมงครึ่งเขาเริ่มเครียลูกค้าแล้ว
หลังจากที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติแล้ว รีบบิดรถอกมาทันที เพราะมืดฟ้ามัวดินมาก...แต่ก็กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
วันนี้ เรานอนในเมืองเชียงดาวเลย
Day 2 -เชียงดาว-บ้านระเบียงดาว-เมืองคอง
ตื่นเช้ามากๆ ออกจากที่พัก 6.30 น. เพื่อไปถ่ายรูปที่ถนนต้นไม้อีกครั้ง ตอนเช้านี้อากาศดีมากๆ มีหมอกบางๆ ตามถนน ฟินมากๆ
ขับต่อไป ไม่ใกล้ไม่ไกล เราแวะจิบกาแฟ แลหมอก ที่ #บ้านระเบียงดาว เป็นทางผ่านที่เราจะไปเมืองคองพอดี
อ่อ...ก่อนถึงบ้านระเบียงดาว เราแวะจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท...
ชมบรรยากาศ สักพัก แล้วออกเดินทางต่อ ไปเมืองคอง
ระยะทางขึ้นเขาสลับกับทางดคเคี้ยวเป็นบางจุด ประมาณ สามสิบกว่ากิโลเมตร และพาเราก็มาพบกับ น้องควาย ตามข้างถนน รู้เลยว่าเราใกล้จะถึงแล้ว
เราก็ไม่รีบร้อนอะไร เข้าหมู่บ้านมาอย่างชิล พร้อมกับการทักทายด้วยรอยยิ้มของชาวบ้านริมสองทาง
และมีสะพานข้ามแม่น้ำคองคอยต้อนรับเราอย่างอบอุ่น
ผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน เรารู้สึกถึงความเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย
ลัดเลาะไปตามถนนในหมู่บ้าน พร้อมทานมื้อเช้ากันที่ บ้านนอกฮอกควายโฮมสเตย์
ท้องไม่ร้องแล้ว แต่อันตัวเรานั่นเรียกร้องหาสะพานแขวน ความทุลักทุเลจึงบังเกิด 55
วนอยู่สองรอบ แล้วไม่เจอ จึงตัดสินใจถามชาวบ้านข้างทาง
ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะลูก บิดไปอย่างมั่นใจ ไปจนสุดถนนคอนกรีต
อ้าว...ซ้ายมือเป็นป่าช้าว้ายยยย งั้นไปขาวละกัน ยังไม่สำนึกนะ 55 อ้าวมีแต่ป่า ไปสักพักเป็นป่าข้าวโพด เห้ย!! มันใช่หรอ แต่ยังไปต่อนะ
ทางเริ่มแคบลง จึงตัดสินใจ หว่ายรถกลับ...จนมาถึงทางแยก เอ้าลองดู ตัดสินใจขับผ่านเข้าไปในป่าช้า มันมีทางเข้าไปอยู่ แต่ทางโคลนแฉะๆ
มีแต่รอยเท้าควาย บิดเร่งความเร็ว อยากจะให้ผ่านไปมันไปให้ได้ แต่ไปไม่ถึง ล้อรถฟรีจ้าาาา ติดอยู่ในโคลนกับกองขี้ควาย เลยเข็นรถออกมา
ระหว่างนั้น มีคุณลุงขับมอไซค์ มาตามหา...
ลุง...ป้าให้ลุงมาตามหาเรา เห็นเราเลี้ยวไปผิดทาง
ลุง...จะไปสะพานแขวนใช่ไหมลูก
เรา...ครับลุง
ลุง...ลงเนินตรงป่าช้าไปอีกนิดก็ถึงแล้ว
เรา...มันมีทางไปไหมครับลุง มีแต่ป่า
ลุง...มีทางไป จอดรถไว้ แล้วเดินก็ได้
เรา...ครับ ขอบคุณครับคุณลุง
---เราคาดไม่ถึงจริงๆ กับการที่จะมีคนไม่รู้จัก มาตามหาเราด้วยความเป็นห่วงแบบนี้ ชาวบ้านที่นี่มีน้ำใจ จิตใจดีมากๆ ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับการช่วยเหลือคนแปลกหน้าคนนี้ ซาบซึ้งในความมีน้ำใจในครั้งนี้มากๆครับ
เมื่อสนทนากันจบ ไม่รอช้าเราเดินมาตามทางที่คุณลุงบอก ผ่านพงหญ้ามาเราก็เจอสะพานแขวนจริงๆ
เชื่อว่านักท่องเที่ยวน้อยคนที่จะมาที่นี่ ดูจากเส้นทางที่มาแล้ว ใครที่จะมาที่นี่ต้องอาศัยชาวบ้านคอยบอกทางมานะครับ
เพราะในแผนที่ไม่มีเส้นทางบอกถึง
หลังจากแอดเวนเจอร์ ทางบกมาแล้ว...ไปทางน้ำต่อ 55 เอาให้สุดไปเลย
ขับรถผ่านมาเห็นป้าย ล่องแพ จึงแวะเข้าไปถาม
ดูเวลาแล้วยังเหลือเลยตัดสินใจ ไปล่องแพเลย
เขาจะมีรถไปส่งเราที่ต้นทาง จุดที่เราไปติดต่อเป็นจุดปลายทางแล้ว
ระยะทางล่องแพ ประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ในแม่น้ำแม่แตง คนละเส้นกับแม่น้ำคอง
วันที่ล่องอากาศกำลังดี ไม่ร้อนมาก
วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยังไม่ถูกปรุงแต่งมากนัก เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย สงบ ชาวบ้านที่นี่ใจดี เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมาก ๆ
พออิ่มหน่ำสำราญแล้ว เราก็เข้าที่พักที่เราจองไว้ คือ ฮักเมืองคองโฮมสเตย์ อยู่ติดริมน้ำ ตรงสะพานข้ามแม่น้ำคองพอดี สะดวกสะบายมากๆ
จึงเอนกายพักผ่อน พอตกเย็นวิญญาณแห่งนักสำรวจก็เข้าสิงอีกครั้ง เราเดินเล่นลัดเลาะไปน้ำริมน้ำคอง ตามหาน้องควายกันต่อ
สำหรับเย็นนี้ ก็ไม่ได้จบ ที่อาหารมื้อเย็นเพียงเท่านั้น เมื่อมีการแบ่งปันความสัมพันธ์กันเกิดขึ้น จากคนที่ไม่รู้จักกัน มาพักบ้านพักหลังใกล้เรา
เป็นครอบครัวที่มาจากลำพูน การสนทนา พูดคุยกัน และคำถามรอบสุดท้ายก็คือ 55 ทำไม่มาคนเดียวหรอ !! คำตอบขอสงวนไว้ในวงเมาท์มอยละกัน 55
ก็การมาแบบนี้มันฮีลใจมากๆสำหรับเรา ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่แรกกับการมาคนเดียวแบบนี้...ไม่มีใครบำบัดใจเราได้เท่าธรรมชาติแล้วล่ะ เนาะๆ ^^
พบค่ำ ลมเย็นเริ่มพัดผ่านมา ประกอบกับเสียงน้ำใหลผ่านหน้าบ้านพัก ที่ไม่มีเสียงอื่นมารบกวนการพักผ่อนของเราเลย
Day 3 เมืองคอง-เชียงดาว
ตื่นเช้ามา กับสายหมอกบางๆ อากาศสบายๆ ฉ่ำปอดมากๆ
เราอิ่มท้องกันด้วย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง กับซาลาเปาของป้า ที่ขายอยู่ตรงสะพาน
และแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องโบกมือลา เมืองคองที่สะพานข้ามแม่น้ำแห่งนี้
เพื่อนๆ ที่มาจะไม่หลงรักที่แห่งนี้ไม่ได้เลย ชอบมากๆ
ก่อนลาเธอจับมือกับฉัน ไม่ว่านานเท่าไหร่เรายังจะคิดถึงกัน...
การร่ำลา เป็นสิ่งที่คู่กับการเดินทางเสมอเนอะ แต่สิ่งสวยงามเมื่อยามจากกัน จะถูกเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำเสมอ
ดีใจที่เราได้พบกัน...และฉันจะคิดถึงเธอเสมอ...
....ฮักนะ เมืองคอง...
เชียงดาว-เมืองคอง 3 วัน 2 คืน
เจอผู้คนคึกคักจากสถานีจอดรถที่ อ.เชียงดาว เป็นจุดเริ่มต้นความสุข และภาพความทรงจำของเราที่นี่
Day 1 เชียงดาว-บ้านธารชีวี บ้านต้นไม้ แม่แมะ
เราจองที่พักพร้อมรถมอเตอร์ไซค์ ที่สมิงเชียงดาวเก็ตเฮาท์ สะดวกสบายมาก เจ้าของก็น่ารักเป็นกันเองมากๆ
พอเข้าที่พัก ได้รถแล้ว ไม่รอรี รีบบิด ตรงไปยังถนนต้นไม้ ไปดูเส้นทางที่เราจะไปวันพรุ่งนี้เช้า
บิดต่อไม่รอแล้วนะ......
มีมอไซค์แล้ว ไปไหนกะได้ เราเข้าไปที่ ค่าเฟ่กลางป่าบ้านแม่แมะ...#บ้านธารชีวี #บ้านต้นไม้ ตั้งอยู่ที่เดียวกันเลย
บรรยากาศ สดชื่อมากๆ มีลำธารใหลผ่านด้วย ธรรมชาติมากๆ
ระหว่างทาง จากถนนเส้นหลักเข้าไปนั้น ประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นถนนซีเมนต์ ไม่กว้างมากนัก ลัดเลาะไปตามเขา มีดินสไลด์ เป็นจุดๆ แต่ก็ไม่สามรถหยุดความตั้งใจจะไปได้ มีถอดใจเหมือนกันนะ 555 ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ต้องไปให้สุด ระหว่างทางนั้นมีเมฆฝนลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เร่งรีบมากขึ้น แต่ก็ไปถึงในที่สุด..
ไปถึงร้านก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว เราสั่งข้าวไข่เจียว กับเครื่องดื่มหนึ่งแก้ว แต่ 4 โมงครึ่งเขาเริ่มเครียลูกค้าแล้ว
หลังจากที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติแล้ว รีบบิดรถอกมาทันที เพราะมืดฟ้ามัวดินมาก...แต่ก็กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
วันนี้ เรานอนในเมืองเชียงดาวเลย
Day 2 -เชียงดาว-บ้านระเบียงดาว-เมืองคอง
ตื่นเช้ามากๆ ออกจากที่พัก 6.30 น. เพื่อไปถ่ายรูปที่ถนนต้นไม้อีกครั้ง ตอนเช้านี้อากาศดีมากๆ มีหมอกบางๆ ตามถนน ฟินมากๆ
ขับต่อไป ไม่ใกล้ไม่ไกล เราแวะจิบกาแฟ แลหมอก ที่ #บ้านระเบียงดาว เป็นทางผ่านที่เราจะไปเมืองคองพอดี
อ่อ...ก่อนถึงบ้านระเบียงดาว เราแวะจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท...
ระยะทางขึ้นเขาสลับกับทางดคเคี้ยวเป็นบางจุด ประมาณ สามสิบกว่ากิโลเมตร และพาเราก็มาพบกับ น้องควาย ตามข้างถนน รู้เลยว่าเราใกล้จะถึงแล้ว
และมีสะพานข้ามแม่น้ำคองคอยต้อนรับเราอย่างอบอุ่น
ลัดเลาะไปตามถนนในหมู่บ้าน พร้อมทานมื้อเช้ากันที่ บ้านนอกฮอกควายโฮมสเตย์
วนอยู่สองรอบ แล้วไม่เจอ จึงตัดสินใจถามชาวบ้านข้างทาง
อ้าว...ซ้ายมือเป็นป่าช้าว้ายยยย งั้นไปขาวละกัน ยังไม่สำนึกนะ 55 อ้าวมีแต่ป่า ไปสักพักเป็นป่าข้าวโพด เห้ย!! มันใช่หรอ แต่ยังไปต่อนะ
ทางเริ่มแคบลง จึงตัดสินใจ หว่ายรถกลับ...จนมาถึงทางแยก เอ้าลองดู ตัดสินใจขับผ่านเข้าไปในป่าช้า มันมีทางเข้าไปอยู่ แต่ทางโคลนแฉะๆ
มีแต่รอยเท้าควาย บิดเร่งความเร็ว อยากจะให้ผ่านไปมันไปให้ได้ แต่ไปไม่ถึง ล้อรถฟรีจ้าาาา ติดอยู่ในโคลนกับกองขี้ควาย เลยเข็นรถออกมา
ระหว่างนั้น มีคุณลุงขับมอไซค์ มาตามหา...
ลุง...ป้าให้ลุงมาตามหาเรา เห็นเราเลี้ยวไปผิดทาง
ลุง...จะไปสะพานแขวนใช่ไหมลูก
เรา...ครับลุง
ลุง...ลงเนินตรงป่าช้าไปอีกนิดก็ถึงแล้ว
เรา...มันมีทางไปไหมครับลุง มีแต่ป่า
ลุง...มีทางไป จอดรถไว้ แล้วเดินก็ได้
เรา...ครับ ขอบคุณครับคุณลุง
---เราคาดไม่ถึงจริงๆ กับการที่จะมีคนไม่รู้จัก มาตามหาเราด้วยความเป็นห่วงแบบนี้ ชาวบ้านที่นี่มีน้ำใจ จิตใจดีมากๆ ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับการช่วยเหลือคนแปลกหน้าคนนี้ ซาบซึ้งในความมีน้ำใจในครั้งนี้มากๆครับ
เชื่อว่านักท่องเที่ยวน้อยคนที่จะมาที่นี่ ดูจากเส้นทางที่มาแล้ว ใครที่จะมาที่นี่ต้องอาศัยชาวบ้านคอยบอกทางมานะครับ
เพราะในแผนที่ไม่มีเส้นทางบอกถึง
ขับรถผ่านมาเห็นป้าย ล่องแพ จึงแวะเข้าไปถาม
ดูเวลาแล้วยังเหลือเลยตัดสินใจ ไปล่องแพเลย
เขาจะมีรถไปส่งเราที่ต้นทาง จุดที่เราไปติดต่อเป็นจุดปลายทางแล้ว
ระยะทางล่องแพ ประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ในแม่น้ำแม่แตง คนละเส้นกับแม่น้ำคอง
วันที่ล่องอากาศกำลังดี ไม่ร้อนมาก
จึงเอนกายพักผ่อน พอตกเย็นวิญญาณแห่งนักสำรวจก็เข้าสิงอีกครั้ง เราเดินเล่นลัดเลาะไปน้ำริมน้ำคอง ตามหาน้องควายกันต่อ
เป็นครอบครัวที่มาจากลำพูน การสนทนา พูดคุยกัน และคำถามรอบสุดท้ายก็คือ 55 ทำไม่มาคนเดียวหรอ !! คำตอบขอสงวนไว้ในวงเมาท์มอยละกัน 55
ก็การมาแบบนี้มันฮีลใจมากๆสำหรับเรา ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่แรกกับการมาคนเดียวแบบนี้...ไม่มีใครบำบัดใจเราได้เท่าธรรมชาติแล้วล่ะ เนาะๆ ^^
พบค่ำ ลมเย็นเริ่มพัดผ่านมา ประกอบกับเสียงน้ำใหลผ่านหน้าบ้านพัก ที่ไม่มีเสียงอื่นมารบกวนการพักผ่อนของเราเลย
ตื่นเช้ามา กับสายหมอกบางๆ อากาศสบายๆ ฉ่ำปอดมากๆ
เราอิ่มท้องกันด้วย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง กับซาลาเปาของป้า ที่ขายอยู่ตรงสะพาน