เดิมทีคิดว่าเข้าใจ แต่ดูทีวีเมื่อวาน... กลายเป็นไม่เข้าใจซะละ แต่พยายามเรียบเรียงนะ
เดิมทีเข้าใจว่ามันเทียบเท่าคูปอง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่คูปอง สมมุตินะ ประเทศX ประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินให้ประชาชน แต่แทนที่จะแจกเป็นแบงค์ตามปกติ เค้าก็แจกเสมือนเป็นแบงค์ที่ติดไมโครชิพ ทีนี้ แบงค์ที่มีตำหนินี้เปลี่ยนมือที่ไหน เวลาไหน คอมพิวเตอร์จะเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมดผ่านระบบ block chain ซึ่งประกันข้อมูลไม่สูญหาย สามารถแกะรอยการเปลี่ยนมือทั้งหมดได้ตลอดเวลา จนกว่าเงินโทเคน จะคืนคลังแล้วถูกแลกเป็นเงินปกติ
งงปะ เราจะต่อนะ
ต่อที่1 สมมตินายA ทำงานกรุงเทพได้รับแจกเงินโทเคนที่ว่า ในเวลา6เดือน นายA ต้องหาทางกลับภูมิลำเนา เช่นลำปาง พอนายA ถึงบ้านปุ๊บ นายA ใช้เงินโทเคน ซื้อยกทรง หลายไซส์ หลายแบบ หมดทั้งหมื่นนึงเลย เอาไปทำไรไม่รู้ได้
ต่อที่2 ส่วนคนขายสมมุติว่าเป็นโรงงานขายเอง เจ้าของโรงงานได้เงินโทเคนไป แน่นอนว่า 1 จ่ายหนี้ไม่ได้ 2 จ่ายเงินเดือนพนักงานก็ไม่ได้ ทำได้แค่เอาเงินโทเคนไปซื้อวัสดุ มาผลิต แน่นอนว่า วัสดุที่ใช้มากที่สุด ก็คือ ฟองน้ำ อะซื้อฟองน้ำมาตุนไว้
ต่อที่3 โรงงานขายฟองน้ำ เจ้าของโรงงานได้เงินโทเคนมา ตกเย็นนำไปซื้อ ไม้เทนนิส แล้วเดินทางข้ามจังหวัดในตอนกลางคืนกลับมาอีกทีตอนเช้า บอกเส้นทางและเวลาที่ใช้ได้ทั้งหมด ถ้าเติมน้ำมันที่ปั๊มด้วยโทเคน แบบนี้เป็นต้น
ต่อที่4 โรงงานไม้เทนนิส.. ไปเรื่อยๆ
ล้วนถูกเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด สามารถนำไปใช้ปรับปรุงการเก็บภาษีในปีต่อไปให้ได้เต็มเม็ด หรือ ข้อมูลพฤติกรรมระบุตัวบุคคลได้ระดับ national research ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา มันขายได้นะ มีคนแย่งซื้อแน่ เผลอๆมีกำไรอีกต่างหาก ยืมเงินสถาบันการเงินมาแล้วขายข้อมูลกำไรหลายเด้อ หลังครบ 6 เดือน รัฐบาลก็จะแถลงผลการดำเนินงาน แต่หลังม่าน big data ready for sale จ้า
แล้วแจกเป็นเงินบาทหรือคูปองต่างกันยังไง แจกแบบไหนก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่าง เพียงแต่มันตามรอยเส้นทางการเงินไม่ได้ ข้อมูลที่รัฐบาลใคร่อยากรู้ ก็จะเหลือเพียงต่อที่1 เท่านั้น นอกนั้นตามรอยอีกไม่ได้
แล้วการแจกเงินแบบนี้ หรือ ไม่ว่าแจกเงินแบบไหน ในเวลานี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน ตรงนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ดีใจแระ เท่านั้น
แจกเงินหมื่น แจกไปสิแต่ทำไมต้องเป็นเงินโทเคน?
เดิมทีเข้าใจว่ามันเทียบเท่าคูปอง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่คูปอง สมมุตินะ ประเทศX ประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินให้ประชาชน แต่แทนที่จะแจกเป็นแบงค์ตามปกติ เค้าก็แจกเสมือนเป็นแบงค์ที่ติดไมโครชิพ ทีนี้ แบงค์ที่มีตำหนินี้เปลี่ยนมือที่ไหน เวลาไหน คอมพิวเตอร์จะเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมดผ่านระบบ block chain ซึ่งประกันข้อมูลไม่สูญหาย สามารถแกะรอยการเปลี่ยนมือทั้งหมดได้ตลอดเวลา จนกว่าเงินโทเคน จะคืนคลังแล้วถูกแลกเป็นเงินปกติ
งงปะ เราจะต่อนะ
ต่อที่1 สมมตินายA ทำงานกรุงเทพได้รับแจกเงินโทเคนที่ว่า ในเวลา6เดือน นายA ต้องหาทางกลับภูมิลำเนา เช่นลำปาง พอนายA ถึงบ้านปุ๊บ นายA ใช้เงินโทเคน ซื้อยกทรง หลายไซส์ หลายแบบ หมดทั้งหมื่นนึงเลย เอาไปทำไรไม่รู้ได้
ต่อที่2 ส่วนคนขายสมมุติว่าเป็นโรงงานขายเอง เจ้าของโรงงานได้เงินโทเคนไป แน่นอนว่า 1 จ่ายหนี้ไม่ได้ 2 จ่ายเงินเดือนพนักงานก็ไม่ได้ ทำได้แค่เอาเงินโทเคนไปซื้อวัสดุ มาผลิต แน่นอนว่า วัสดุที่ใช้มากที่สุด ก็คือ ฟองน้ำ อะซื้อฟองน้ำมาตุนไว้
ต่อที่3 โรงงานขายฟองน้ำ เจ้าของโรงงานได้เงินโทเคนมา ตกเย็นนำไปซื้อ ไม้เทนนิส แล้วเดินทางข้ามจังหวัดในตอนกลางคืนกลับมาอีกทีตอนเช้า บอกเส้นทางและเวลาที่ใช้ได้ทั้งหมด ถ้าเติมน้ำมันที่ปั๊มด้วยโทเคน แบบนี้เป็นต้น
ต่อที่4 โรงงานไม้เทนนิส.. ไปเรื่อยๆ
ล้วนถูกเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด สามารถนำไปใช้ปรับปรุงการเก็บภาษีในปีต่อไปให้ได้เต็มเม็ด หรือ ข้อมูลพฤติกรรมระบุตัวบุคคลได้ระดับ national research ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา มันขายได้นะ มีคนแย่งซื้อแน่ เผลอๆมีกำไรอีกต่างหาก ยืมเงินสถาบันการเงินมาแล้วขายข้อมูลกำไรหลายเด้อ หลังครบ 6 เดือน รัฐบาลก็จะแถลงผลการดำเนินงาน แต่หลังม่าน big data ready for sale จ้า
แล้วแจกเป็นเงินบาทหรือคูปองต่างกันยังไง แจกแบบไหนก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่าง เพียงแต่มันตามรอยเส้นทางการเงินไม่ได้ ข้อมูลที่รัฐบาลใคร่อยากรู้ ก็จะเหลือเพียงต่อที่1 เท่านั้น นอกนั้นตามรอยอีกไม่ได้
แล้วการแจกเงินแบบนี้ หรือ ไม่ว่าแจกเงินแบบไหน ในเวลานี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน ตรงนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ดีใจแระ เท่านั้น