สวัสดีค่ะ คือเราอยากปรึกษาทุกคนจากหลายๆมุมมองค่ะ ปัจจุบันเราอายุ15 เรียนม.3ห้องเรียนพิเศษที่หลายคนบอกว่าดีที่สุดในโปรแกรมห้องเรียนพิเศษแล้ว อยู่ในจังหวัดเล็กๆ ถือว่าเป็นรร.ที่ดีที่สุดของจังหวัดเลยค่ะ ขอแยกออกเป็น2หัวข้อนะคะ คือครอบครัว และสังคมในห้องเรียน
1.ครอบครัว
คือช่วงประถมด้วยความที่ว่าเราเรียนรร.ของเทศบาลห้องพิเศษทำให้จำนวนคนในห้องน้อยมากๆ การเรียนการสอนเลยครอบคลุมกว่าปกติ พอใกล้จบป.6 พ่อเราตั้งใจจะให้เราเข้ารร.จุฬาฯ แต่เปลี่ยนใจก่อนเพราะกลัวเราเครียด เลยได้มาอยู่ห้องพิเศษรร.นี้ ก่อนวันสอบ พ่อเราพูดกับเราว่า ถ้าสอบติดท็อป15จะพาไปจัดฟันทันทีเลย เพราะเรามีปัญหาฟันค่อนข้างเยอะ พอผลออก เราก็ติดท็อป15จริงๆแต่ก็ไม่ได้จัดจนเราขึ้นม.1เทอม2 เราคุนกับพ่อเรื่องนี้จนทะเลาะกันเป็นปีกว่าก็ได้จัดก็ม.2เทอม2แล้ว พ่อเราค่อนข้างหัวโบราณนิดหน่อย แล้วก็เป็นคนไม่ค่อยยอมคน อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เหมือนกับว่า ตัวเองเป็นใหญ่ไรงี้ค่ะ ทุกคนในบ้านเลยต้องยอมพ่อ เราก็โดนจนชินแล้วค่ะ แต่บางเรื่องเรารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ เราขอความช่วยเหลือจากเขาไม่ได้เพราะเขาไม่ฟังเรา ตอนเราดิ่งมากๆ พ่อก็ฟังเราอยู่บ้างนะคะ แต่เหมทอนพูดปลอบไปแล้วก็ลืม เช่นบอกไม่คาดหวังเรื่องเกรด ตั้งใจเรียนก็พอ แต่พอเกรดเราออกก็มาตำหนิ คือเกรดเราไม่ได้แย่นะ มันดีขึ้นทุกปี เกรด4เกือบทุกวิชา แต่เราอ่อนคณิต เขาเลยจะชอบมาจี้เราเรื่องวิชานี้จนเรากดดันมากๆ ส่วนแม่ก็ชอบเปรียบเทียบเรากับน้อง แล้วก็ปฏิบัติกับเรากับน้องต่างกันมากๆ จนเราก็รู้สึกน้อยใจว่า เรามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ เราเคยคุยกับคคอบครัวเรื่องนี้นะคะ แต่พูดกี่ครั้งเขาก็ไม่ฟังเราเลย จนเราก็เหนื่อยเหมือนกัน
2.สังคมในห้องเรียน
เราอยู่ห้องเรียนพิเศษที่ค่าเทอมค่อนข้างสูงแต่สำหรับเรามันไม่คุ้มเลยค่ะ เราเข้ามาเพราะพ่อล้วนๆ ใจจริงเราอยากอีกโปรแกรมนึงเพราะเราชอบและสนใจจริงๆ
เราเข้ามาเราหวังแค่ว่าเราจะอยู่แบบสงบสุขจนจบ แต่เรื่อวมันก็เกิดตั้งแต่ม.1เลย คือช่วงม.1เราทะเลาะกับพ่อหนักมากค่ะ เขายึดเครื่องสื่อสารเราไปหมดจนเราเข้าเรียนออนไลน์ไม่ได้ พอเทอม2เราถึงพึ่งได้เรียนแบบเข้าใจจริงๆ ช่วงม.1เราเคยไปหาจิตแพทย์นะคะแต่กว่าจะได้ไปก็ทะเลาะกันอยู่นาน เราได้ไปหาแค่2ครั้ง จากนั้นก็ไม่มีใครพาไปอีกเลย ช่วงม.1(เป็นปัญหาของเพื่อนคนอื่นที่ทำเราเดือดร้อนไปด้วย) คือมีเพื่อนจากกลุ่มนึงเขามาอยู่กับกลุ่มเราแล้วก็บอกว่าเพราะเขาโดนเมินเหมือนเป็นเศษ แล้วก็มีอีกคนตามมาด้วย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเล่าเรื่องเสียๆหายๆให้เรากับเพื่อนอีกคนฟัง ทำให้เรากับเพท่อนมองคนกบุ่มนั้นไม่ดีไปด้วย จากนั้นเพื่อน2คนนั้นก็ไปอยู่ด้วยกันเองและสนิทกันมากจน1ในนั้นไปสนิทกับเพื่อนใหม่ 2คนเลยทะเลาะกันแล้วในห้องก็เริ่มนินทากันเอง พอขึ้นม.2ก็ปัญหาคล้ายๆเดิมเลยค่ะ ทีนี้มันเริ่มหนักตรงที่ เพื่อนในห้องนินทากันเอง ขนาดคนที่ไม่สุงสิงกับใครนั่งเฉยๆก็โดนหาว่าหยิ่ง พอขึ้นม.3ยังไม่ถึงอาทิตย์เพื่อนคนเดิมตอนแรกที่ออกจากกลุ่มเก่าเขากลับมาอยู่กลุกล่มกับเราแล้วก็เริ่มนินทาเพื่อนกลุ่มเก่าแล้วก็ใส่ร้ายหนักมากๆถึงขั้นที่ขั้นที่ขนาดคนอื่นฟังยังคิดว่ามันไม่ใช่เพื่อนที่พูดถึงเลย สรุปก็ใส่ร้ายจริงๆค่ะ ช่วงที่โดนคนในห้องนินทาก็โดนแบนสักพักแล้วก็เป็นเหมือนเดิม แล้วเราก็ดันไปมีปัญหากับเขาคือเราไปทักคนคุยเพื่อนคนนั้นว่าคุยอะไรกับ...อ่ะ ซึ่งปกติเราก็ทักเพื่อนแบบนี้ เข่นเห็นเพื่อนคุยกันเราก็เดินเข้าไปทัก แล้วทีนี้ดหมือนคนคุยคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนคนนั้นเอาเรื่องของเขาทาเล่าให้เราฟัง วันต่อมาเพื่อนคนนั้นก็เดินมาหาเรื่องเราเลย คือเราก็งงว่ามันเกิดไรขึ้น แล้วก็ทะเลาะกันไปวันนึง คือเขาไม่ยอมคุยกับเราตรงๆสักทีเราก็ไม่รู้เป็นอะไร สรุปคือเราต้องขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนเพื่อนอีกคนมาเล่าให้ฟัง แต่เราขอโทษฝ่ายเดียวแต่เขาไม่ขอโทษที่มาหาเรื่องเรา เราก็ปล่อยไปจนสัปดาห์ก่อนพึ่งเปิดเทอมวันแรกแล้วมันเป็นเวรทำความสะอาด เรากับเพื่อนคนนั้นก็อยู่เวรด้วยกัน แล้วคือด้วยความที่ว่ามันเป็นวันแรกขยะก็ไม่มี โต๊ะก็ปกติ ฝุ่นก็น้อย ที่เปื้อนก็มีแค่กระดานเราเลยจัดโต๊ะนิดหน่อยแล้วก็ลบกระดานก่อนจะกลับเพราะเรารู้สึกไม่สบายเลยขอกลับก่อน แล้วเขาก็ด่ากับนินทาเราให้ได้ยินเลยทั้งที่เรายังไม่ไป สักพักเขาก็ทักมาด่าเราที่เราไม่ช่วย คือเวรมันไม่ได้มีแค่เรากับเขามันมีคนอื่นด้วยแต่เชามาด่าเราเพราะเราเคยทะเลาะกับเขา แล้วเขาก็ด่าเรายับโดยที่ไม่ฟังเราเลย คือมันควรจะแบ่งเวรกันแต่เขาเลือกที่จะทำคนเดียว ซึ่งปกติเราก็จัดโต๊ะลบกระดานก่อนแล้วค่อยไปกวาด พอเราจะช่วยเขาก็ไม่ให้ แล้ววันนั้นเพื่อนนั่งเล่นกันเต็มไปหมด เราเลยไม่กล้าไปกวาดเพราะเราก็ไม่ได้สนิทด้วย แต่เพื่อนคนนั้นเขาไม่ฟังใครเบยจริงๆค่ะ ต่อให้เขาผิดเขาก็ไม่ยอมรับจริงๆ เพราะเป็นหลายรอบแล้ว คือเขาสามารถมาคุยกับเราดีๆได้ แต่เขาเลือกที่จะทำแบบนี้ เราก็ไม่โอเคเหมือนกัน รอบนี้เราอาจผิดที่เราไม่ได้อยู่ช่วยเขา แต่เราออกมาก่อนเพราะเราไม่สบายแล้วต้องไปหาหมอซึ่งเราบอกเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่ฟังเรา สรุปก็ตัดเพื่อนกันค่ะ เรื่องสังคมในห้อง เราพูดได้เลยว่าสังคมที่เรามันแย่มากๆจริงๆ มันเป็นสังคมที่ต่างกดกันไปกันมา จะเป็นที่1ในทุกเรื่องให้ได้ และมีปัญหากันตลอด โปรแกรมเรามี2ห้อง อีกห้องนึงเขาก็ปกติแต่ทำไมมันมีแค่ห้องเราที่มันมีปัญหา เราเคยขอพ่อย้ายห้องหรือรร.แล้วค่ะพ่อบอกให้ทนๆไป จนเรารู้สึกว่า ถ้าเรายังอยู่แบบนี้เราได้ตายก่อนจบม.3แน่ๆ เราดิ่งมากๆ เราเหนื่อยมากๆที่เราต้องมาเจอแบบนี้ เรามีเพื่อนอยู่ห้องอื่นนะคะ แต่ไม่สนิทมากทแต่ก็คุยกันได้ดี แล้วเราก็กลับมาทบทวนตัวเองหลายรอบมากๆว่าสรุปเรามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ เราผิดขนาดนั้นเลยหรอ เราควรทำยังไงดี เราเครียดมากๆเราเลยค่ะ
สังคมที่อยู่มันเลวร้ายจริงๆหรือเรามันแย่เอง
1.ครอบครัว
คือช่วงประถมด้วยความที่ว่าเราเรียนรร.ของเทศบาลห้องพิเศษทำให้จำนวนคนในห้องน้อยมากๆ การเรียนการสอนเลยครอบคลุมกว่าปกติ พอใกล้จบป.6 พ่อเราตั้งใจจะให้เราเข้ารร.จุฬาฯ แต่เปลี่ยนใจก่อนเพราะกลัวเราเครียด เลยได้มาอยู่ห้องพิเศษรร.นี้ ก่อนวันสอบ พ่อเราพูดกับเราว่า ถ้าสอบติดท็อป15จะพาไปจัดฟันทันทีเลย เพราะเรามีปัญหาฟันค่อนข้างเยอะ พอผลออก เราก็ติดท็อป15จริงๆแต่ก็ไม่ได้จัดจนเราขึ้นม.1เทอม2 เราคุนกับพ่อเรื่องนี้จนทะเลาะกันเป็นปีกว่าก็ได้จัดก็ม.2เทอม2แล้ว พ่อเราค่อนข้างหัวโบราณนิดหน่อย แล้วก็เป็นคนไม่ค่อยยอมคน อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เหมือนกับว่า ตัวเองเป็นใหญ่ไรงี้ค่ะ ทุกคนในบ้านเลยต้องยอมพ่อ เราก็โดนจนชินแล้วค่ะ แต่บางเรื่องเรารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ เราขอความช่วยเหลือจากเขาไม่ได้เพราะเขาไม่ฟังเรา ตอนเราดิ่งมากๆ พ่อก็ฟังเราอยู่บ้างนะคะ แต่เหมทอนพูดปลอบไปแล้วก็ลืม เช่นบอกไม่คาดหวังเรื่องเกรด ตั้งใจเรียนก็พอ แต่พอเกรดเราออกก็มาตำหนิ คือเกรดเราไม่ได้แย่นะ มันดีขึ้นทุกปี เกรด4เกือบทุกวิชา แต่เราอ่อนคณิต เขาเลยจะชอบมาจี้เราเรื่องวิชานี้จนเรากดดันมากๆ ส่วนแม่ก็ชอบเปรียบเทียบเรากับน้อง แล้วก็ปฏิบัติกับเรากับน้องต่างกันมากๆ จนเราก็รู้สึกน้อยใจว่า เรามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ เราเคยคุยกับคคอบครัวเรื่องนี้นะคะ แต่พูดกี่ครั้งเขาก็ไม่ฟังเราเลย จนเราก็เหนื่อยเหมือนกัน
2.สังคมในห้องเรียน
เราอยู่ห้องเรียนพิเศษที่ค่าเทอมค่อนข้างสูงแต่สำหรับเรามันไม่คุ้มเลยค่ะ เราเข้ามาเพราะพ่อล้วนๆ ใจจริงเราอยากอีกโปรแกรมนึงเพราะเราชอบและสนใจจริงๆ
เราเข้ามาเราหวังแค่ว่าเราจะอยู่แบบสงบสุขจนจบ แต่เรื่อวมันก็เกิดตั้งแต่ม.1เลย คือช่วงม.1เราทะเลาะกับพ่อหนักมากค่ะ เขายึดเครื่องสื่อสารเราไปหมดจนเราเข้าเรียนออนไลน์ไม่ได้ พอเทอม2เราถึงพึ่งได้เรียนแบบเข้าใจจริงๆ ช่วงม.1เราเคยไปหาจิตแพทย์นะคะแต่กว่าจะได้ไปก็ทะเลาะกันอยู่นาน เราได้ไปหาแค่2ครั้ง จากนั้นก็ไม่มีใครพาไปอีกเลย ช่วงม.1(เป็นปัญหาของเพื่อนคนอื่นที่ทำเราเดือดร้อนไปด้วย) คือมีเพื่อนจากกลุ่มนึงเขามาอยู่กับกลุ่มเราแล้วก็บอกว่าเพราะเขาโดนเมินเหมือนเป็นเศษ แล้วก็มีอีกคนตามมาด้วย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเล่าเรื่องเสียๆหายๆให้เรากับเพื่อนอีกคนฟัง ทำให้เรากับเพท่อนมองคนกบุ่มนั้นไม่ดีไปด้วย จากนั้นเพื่อน2คนนั้นก็ไปอยู่ด้วยกันเองและสนิทกันมากจน1ในนั้นไปสนิทกับเพื่อนใหม่ 2คนเลยทะเลาะกันแล้วในห้องก็เริ่มนินทากันเอง พอขึ้นม.2ก็ปัญหาคล้ายๆเดิมเลยค่ะ ทีนี้มันเริ่มหนักตรงที่ เพื่อนในห้องนินทากันเอง ขนาดคนที่ไม่สุงสิงกับใครนั่งเฉยๆก็โดนหาว่าหยิ่ง พอขึ้นม.3ยังไม่ถึงอาทิตย์เพื่อนคนเดิมตอนแรกที่ออกจากกลุ่มเก่าเขากลับมาอยู่กลุกล่มกับเราแล้วก็เริ่มนินทาเพื่อนกลุ่มเก่าแล้วก็ใส่ร้ายหนักมากๆถึงขั้นที่ขั้นที่ขนาดคนอื่นฟังยังคิดว่ามันไม่ใช่เพื่อนที่พูดถึงเลย สรุปก็ใส่ร้ายจริงๆค่ะ ช่วงที่โดนคนในห้องนินทาก็โดนแบนสักพักแล้วก็เป็นเหมือนเดิม แล้วเราก็ดันไปมีปัญหากับเขาคือเราไปทักคนคุยเพื่อนคนนั้นว่าคุยอะไรกับ...อ่ะ ซึ่งปกติเราก็ทักเพื่อนแบบนี้ เข่นเห็นเพื่อนคุยกันเราก็เดินเข้าไปทัก แล้วทีนี้ดหมือนคนคุยคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนคนนั้นเอาเรื่องของเขาทาเล่าให้เราฟัง วันต่อมาเพื่อนคนนั้นก็เดินมาหาเรื่องเราเลย คือเราก็งงว่ามันเกิดไรขึ้น แล้วก็ทะเลาะกันไปวันนึง คือเขาไม่ยอมคุยกับเราตรงๆสักทีเราก็ไม่รู้เป็นอะไร สรุปคือเราต้องขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนเพื่อนอีกคนมาเล่าให้ฟัง แต่เราขอโทษฝ่ายเดียวแต่เขาไม่ขอโทษที่มาหาเรื่องเรา เราก็ปล่อยไปจนสัปดาห์ก่อนพึ่งเปิดเทอมวันแรกแล้วมันเป็นเวรทำความสะอาด เรากับเพื่อนคนนั้นก็อยู่เวรด้วยกัน แล้วคือด้วยความที่ว่ามันเป็นวันแรกขยะก็ไม่มี โต๊ะก็ปกติ ฝุ่นก็น้อย ที่เปื้อนก็มีแค่กระดานเราเลยจัดโต๊ะนิดหน่อยแล้วก็ลบกระดานก่อนจะกลับเพราะเรารู้สึกไม่สบายเลยขอกลับก่อน แล้วเขาก็ด่ากับนินทาเราให้ได้ยินเลยทั้งที่เรายังไม่ไป สักพักเขาก็ทักมาด่าเราที่เราไม่ช่วย คือเวรมันไม่ได้มีแค่เรากับเขามันมีคนอื่นด้วยแต่เชามาด่าเราเพราะเราเคยทะเลาะกับเขา แล้วเขาก็ด่าเรายับโดยที่ไม่ฟังเราเลย คือมันควรจะแบ่งเวรกันแต่เขาเลือกที่จะทำคนเดียว ซึ่งปกติเราก็จัดโต๊ะลบกระดานก่อนแล้วค่อยไปกวาด พอเราจะช่วยเขาก็ไม่ให้ แล้ววันนั้นเพื่อนนั่งเล่นกันเต็มไปหมด เราเลยไม่กล้าไปกวาดเพราะเราก็ไม่ได้สนิทด้วย แต่เพื่อนคนนั้นเขาไม่ฟังใครเบยจริงๆค่ะ ต่อให้เขาผิดเขาก็ไม่ยอมรับจริงๆ เพราะเป็นหลายรอบแล้ว คือเขาสามารถมาคุยกับเราดีๆได้ แต่เขาเลือกที่จะทำแบบนี้ เราก็ไม่โอเคเหมือนกัน รอบนี้เราอาจผิดที่เราไม่ได้อยู่ช่วยเขา แต่เราออกมาก่อนเพราะเราไม่สบายแล้วต้องไปหาหมอซึ่งเราบอกเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่ฟังเรา สรุปก็ตัดเพื่อนกันค่ะ เรื่องสังคมในห้อง เราพูดได้เลยว่าสังคมที่เรามันแย่มากๆจริงๆ มันเป็นสังคมที่ต่างกดกันไปกันมา จะเป็นที่1ในทุกเรื่องให้ได้ และมีปัญหากันตลอด โปรแกรมเรามี2ห้อง อีกห้องนึงเขาก็ปกติแต่ทำไมมันมีแค่ห้องเราที่มันมีปัญหา เราเคยขอพ่อย้ายห้องหรือรร.แล้วค่ะพ่อบอกให้ทนๆไป จนเรารู้สึกว่า ถ้าเรายังอยู่แบบนี้เราได้ตายก่อนจบม.3แน่ๆ เราดิ่งมากๆ เราเหนื่อยมากๆที่เราต้องมาเจอแบบนี้ เรามีเพื่อนอยู่ห้องอื่นนะคะ แต่ไม่สนิทมากทแต่ก็คุยกันได้ดี แล้วเราก็กลับมาทบทวนตัวเองหลายรอบมากๆว่าสรุปเรามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ เราผิดขนาดนั้นเลยหรอ เราควรทำยังไงดี เราเครียดมากๆเราเลยค่ะ