วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 206 เปรตโจ้


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
วันนั้นผมนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน ผมคิดว่าจะไม่ขับรถอีก
เพราะถ้าขับแล้วดันเจออะไรที่ข้ามมิติมา
มันอาจเกิดอุบัติเหตุได้ 

พอกลับถึงบ้าน พี่สุดาเดินมาบอกผม
"ดร.สาลินีมาหาค่ะ"
ผมเดินเข้าบ้าน พอถึงห้องรับแขก
เห็นสาลินีนั่งรออยู่ เมื่อเธอเห็นผม เธอลุกขึ้นยืน

"นั่งลงเถอะ"
เธอนั่งลง ผมก็นั่งลงใกล้ ๆ เธอ
"พี่ย้ายมหาลัยเหรอคะ"
"ครับ"
"แล้วก็เปลี่ยนวิชาที่สอนด้วย"
"ครับ"
"ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะคะ"
"พี่ว่าตอนนี้พี่สนใจเรื่องที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์มากขึ้น
พี่ก็เลยอยากเปลี่ยนวิชาที่สอน"
"ไม่เห็นมีใครเขาทำกันเลยนี่คะ แพทย์หลายคนก็ไปทำกิจกรรม
กับธรรมกาย ทันตแพทย์กับนักวิทยาศาสตร์บางคนก็
ขึ้นถ้ำนาคา บางคนก็บูชาพญานาค
ไม่เห็นเขาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลยนี่คะ"

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเข้าใจสาลินีดี
อุปสรรครักของเรา นอกจากแนวคิดของเราสองคนแล้ว
ยังมีครอบครัวของสาลินีอีก ทั้งพ่อกับแม่ของสาลินี
เป็นผู้มากบารมีในสังคม ดังนั้นคุณสมบัติของลูกเขย
จะต้องดีเด่นมาก ๆ แต่ทุกวันนี้ผมติดดินมาก
จนห่างไกลความเป็นลูกเขยที่ดีของครอบครัวสาลินี

"แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ขับรถล่ะคะ พี่นั่งแท็กซี่ทำไม
ทำอย่างนี้แล้ว มันจะดีต่ออนาคตของเราเหรอคะ"
ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร จะพูดความจริงก็ไม่ได้
สาลินีไม่มีวันเข้าใจ และก็อาจจะรับไม่ได้ด้วย

"พี่ก็เลือกใช้วิธีเดิมคือเงียบ แต่การเงียบก็ไม่ได้ช่วยอะไรนี่คะ"

หลังจากนั้น เธอคงทนผมไม่ได้ จึงขอตัวกลับไปก่อน

ผมขึ้นไปที่ห้องชั้นสอง ทุกวันนี้ผมนอนที่ห้องน้องเพี้ยน
ห้องค่อนข้างกว้างดีเหมือนกัน มันยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า

คืนนี้คล้าย ๆ กับคืนก่อน ๆ มันจะมีผู้ชายคนหนึ่งมายืนพิง
หน้าต่าง พิจารณาก็รู้ว่าเขาคือผี ห้องผมอยู่ชั้นสอง
ถ้าเขายืนพิงห้องผม เขาก็ต้องตัวสูงมาก 

เป็นผีแน่ ๆ ไม่ใช่คน คืนนี้ผมลองเชื้อเชิญเขามานอนในห้องผม
เขาก็มานะ เหมือนหายตัวจากตรงนั้น มานอนในห้องเฉยเลย

ผมพยายามสื่อสารทางจิตกับเขา
มันก็พอได้ 
ผมสื่อจิตถามเขาก่อน

"นายเป็นไงบ้าง"
"นายเป็นมนุษย์เหรอ ทำไมถึงมองเห็นฉัน แล้วคุยกับฉันได้"
"เป็นมนุษย์ครับ แต่คุยได้"
"แปลกดีเนอะ"
"แล้วนายเป็นใคร"
"น่าจะเปรตนะเพราะฉันตัวสูงมาก แล้วก็ผอมมาก"
"แต่นายยังหน้าตาใช้ได้อยู่นะ"
"ก็คงเป็นเปรตประเภทหนึ่ง"
"นายชื่ออะไร"
"เรียกฉันว่าเปรตโจ้"
"รอแปปนะ"
ผมส่งจิตถึงผู้มีอภิญญาแห่งป่านูเปีย ขอให้ทุกคนส่งผลบุญให้เปรตโจ้

ไม่นานนักเปรตโจ้ก็ดูดีขึ้นมาก 
"โห นายคือเทวดารึเปล่าเนี่ย"
"ไม่ใช่ ยังเป็นมนุษย์ แต่มีเครือข่ายดี
พวกเขาจะคอยส่งผลบุญให้นาย"
"นายมีเพื่อนดีโคตร ๆ พวกเขาไม่รู้เหรอว่า
เวลาส่งผลบุญให้คนอื่น พวกเขาก็ต้องเสียพลังนะ"
"ถ้าเป็นคนที่ป่านูเปียเนี่ย ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก
เขานั่งสมาธิกันทั้งวัน แล้วยังทำวิปัสสนาได้ดีอีกด้วย"
"ป่านูเปียอยู่ที่ไหนครับ"
"จักรวาลที่ 971 ของเรานี่จักรวาลที่ 452 นะ"
"อืม พวกนายละเอียดกันดีเนอะ มีพิกัดที่ชัดเจนด้วย"
"พรุ่งนี้นายมาที่มหาลัยด้วยสิ ช่วงบ่ายเราจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ"
"ได้ ๆๆๆ โอเคเลย"

วันรุ่งขึ้นช่วงบ่าย ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัย
ผมกับท่านอธิการบดียืนอยู่ที่ชั้น 2 และยังมีเปรตโจ้ด้วย
แต่ไม่มีใครมองเห็น
ท่านอธิการฯได้ให้คนมาทุบพื้นไปแล้ว บ่ายนี้เริ่มต้นด้วยการขุด
ท่านอธิการฯสั่งให้คนงานขุดไปเรื่อย ๆ ถือว่าขุดลึกมาก ๆ
พอขุดถึงระดับหนึ่ง จึงเจอโครงกระดูกจำนวนมาก
ท่านอธิการบดีแจ้งว่าท่านจะไปโทรคุยกับตำรวจ
ท่านให้ผมเฝ้าสถานที่ไว้ พอท่านกับคนงานออกไปหมด
วิญญาณทุกคนได้ปรากฏตัวให้เห็น
ทุกวิญญาณมีสภาพน่าเกลียดน่ากลัวมาก
ผมต้องสื่อสารทางจิตกับกลุ่มผู้มีอภิญญาแห่งหนานนูเปีย
รบกวนให้พวกเขาแผ่เมตตาให้กับวิญญาณกลุ่มนี้
จนทั้งหมดมีสภาพดีขึ้น
พวกเขาเปล่งเสียงพร้อมกันว่า
"ขอขอบคุณองค์อินทรคุปต์"

คืนนั้น ผมกับเปรตโจ้คุยกันถึงวิญญาณกลุ่มนั้น
เปรตโจ้ถามผมว่า "แล้ววิญญาณกลุ่มนั้นจะเป็นยังไงต่อ"
"ฉันได้ปรึกษาผู้ปฏิบัติธรรมที่หนานนูเปียแล้ว เขาได้สื่อสารกับ
วิญญาณทุกดวงแล้วว่าพวกเขาต้องทำอย่างไร ส่วนนายก็
อยู่กับฉันไปก่อน"
"นายเก่งนะ"
"ไม่หรอก เพียงแต่ฉันมีเครือข่ายที่ดี อีกไม่นานฉันจะพานายไปที่ป่านูเปียด้วย"
"นายว่ามันไปยากไม่ใช่เหรอ"
"ครั้งแรกอ่ะ ยากมาก เกือบตายเลย
แต่พอได้อภิญญาแบบทะลุทะลวง มันก็จะง่ายขึ้น
พอได้อภิญญา อะไร ๆ ก็ง่ายไปหมด"

ตอนนั้นผมกับเปรตโจ้ รู้สึกเหมือนกันว่ามีอะไรบางอย่าง
อยู่หน้าบ้าน พอผมกับเปรตโจ้เดินไปดูจากชั้นสอง 
เราเห็นวิญญาณอยู่หน้าบ้านหลายร้อยหลายพันวิญญาณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่