ก็ถ้าคนเราต้องดับกายทำลายขันธ์ในพระพุทธศาสนา เรายังคงต้องเดินทางกันต่อไปเว้นแต่ สิ้นสุดที่พระนิพพาน หลุดพ้นจากการ วนกลับมาเกิดอีก ก็ด้วยบุญที่ตนกระทำ กับกรรมไม่ดีที่ก่อไว้ อยากเป็นอะไรแล้วแต่ใจของตน เส้นทางไปมีอย่างไร อะไรบ้าง ลองสดับกันครับ
ขอขอบคุณเพจ: JohannesburgMeditation Center ที่ได้ช่วยรวบรม ช่วยทำภาพให้เข้าใจง่ายๆครับ ไปติดตามกันเลย
...............................................
🌺👉เปิด ๗ เส้นทางชีวิตหลังความตาย👈🌺
ชีวิตหลังความตายหรือปรโลก...นับเป็นหนึ่งในสัจธรรมหรือความจริงที่เที่ยงแท้ เป็นของสากลที่ทุกคนไปได้และทุกคนต้องไปในวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน มีอยู่ด้วยกัน ๗ เส้นทางสายหลัก คือ...
.
สายที่ ๑ พระนิพพาน
สายที่ ๒ พรหมโลก
สายที่ ๓ สวรรค์ หรือ เทวภูมิ
สายที่ ๔ มนุษยโลก หรือ มนุสสภูมิ
สายที่ ๕ เดรัจฉานภูมิ
สายที่ ๖ เปรตภูมิ-อสุรกายภูมิ
สายที่ ๗ นรกหรือนิรยภูมิ
.
🚩๒.พระนิพพาน
ไปด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนากรรมฐาน
ทางไปสู่พระนิพพาน คือ การสิ้นสุดการเกิด ซึ่งผู้ที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางสายนี้ได้ก็ด้วยการบำเพ็ญบุญบารมีอันเต็มเปี่ยมสมบูรณ์แบบตามความปรารถนาและเป้าหมายของแต่ละท่านและสำคัญที่สุดคือการเจริญภาวนา และสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลจนเป็นพระอรหันต์จึงจะสิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิด
ตัวอย่าง : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์และพระอรหันต์ที่เข้าพระนิพพานไปแล้วทั้งหลาย เป็นต้น
🚩๒.พรหมโลก
ไปด้วยอำนาจแห่งสมถกรรมฐาน
ทางไปเป็นพรหมและอรูปพรหม คือ ผู้ที่ทำสมาธิจนได้ฌานในขั้นต่างๆ ก็จะเกิดในชั้นของพรหมและอรูปพรหมต่างๆ ตามแต่อำนาจของฌานที่ได้เข้าถึงสภาวธรรมนั้นๆ
ตัวอย่าง : อาฬารดาบสและอุทกดาบส ครูบาอาจารย์ของพระพุทธเจ้าก่อนที่จะบรรลุ
อาฬารดาบส ไปบังเกิดเป็นอรูปพรหมชั้นอากิญจัญญายตนะ เพราะบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งเป็นอรูปฌานที่ ๓
ส่วนอุทกดาบสบังเกิดเป็นอรูปพรหมชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ชึ่งเป็นอรูปฌานที่ ๔
🚩๓.สวรรค์ หรือ เทวภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลโดยเฉพาะทำทาน, รักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาและมีหิริ-โอตตัปปะ
ทางไปเป็นเทวดา คือ ผู้ที่มีหิริ-โอตตัปปะ คือความละอายต่อบาปและเกรงกลัวต่อผลของบาป ประกอบกับมีการสั่งสมการทำบุญทำทานหรือจาคะเข้าร่วมเป็นหลักจึงจะเกิดในชั้นเทวภูมิได้
ตัวอย่าง : นางวิสาขามหาอุบาสิกาทำมหากุศลยิ่งใหญ่ในสมัยพุทธกาล เมื่อถึงเวลาละโลกไปในวัย ๑๒๐ ปีได้ไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
🚩4.มนุษยโลก หรือ มนุสสภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งศีล ๕ และกุศลกรรมบถ ๑๐
ทางไปเป็นมนุษย์ คือ ผู้ที่มีเบญจศีล และเบญจธรรม หรือใช้ชีวิตเจริญอยู่ในกุศลกรรมบถ ๑๐ และบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เท่านั้น จึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้
ตัวอย่าง : โอกาสที่มนุษย์เมื่อละโลกไปแล้วจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งยากมากๆ มีส่วนน้อยมาก เท่ากับเขาโคเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกันมนุษย์ที่ละโลกไปแล้วไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วน เหมือนขนโค เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดมาแล้วมักจะประมาทมัวเมาในชีวิต
มีตัวอย่างหนึ่งคืออานนทเศรษฐีเป็นเศรษฐีผู้ตระหนี่มาก เมื่อตายไปเกิดเป็นลูกจัณฑาลที่มีหน้าตาดุจปีศาจคลุกฝุ่นชีวิตลำบากยากเข็ญต้องมาเป็นขอทาน
🚩๕.เดรัจฉานภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมบถและโมหะคือความหลง
ทางไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน คือ ผู้ที่มีโมหะหรือความหลงและประกอบด้วยความเห็นผิด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นบุญ หรือเป็นบาป
ตัวอย่าง : พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย นับตั้งแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นต้นไป แม้จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็จะไม่เกิดเป็นสัตว์ที่เล็กกว่านกกระจาบ และไม่เกิดเป็นสัตว์ที่ใหญ่กว่าช้าง
โตไทยยพราหมณ์เศรษฐีขี้เหนียวมากสอนลูกหลานและคนรอบข้างให้ตระหนี่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นสุนัขในบ้านของตนเอง
🚩๖.เปรตภูมิ-อสุรกายภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมบถและโลภะคือความโลภ
ทางไปเป็นเปรต และอสุรกาย คือ ผู้ที่มีโลภะ และประกอบด้วยความเห็นผิด คือไม่เชื่อเรื่องบุญ-บาป ประพฤติทุจริตด้วยการปล้น จี้ คดโกง บาปกรรมนี้หรือใจเกาะติดกับอารมณ์นี้ก่อนตาย ผู้นั้นย่อมเกิดเป็นเปรต หรืออสุรกาย อกุศลที่จะนำสู่ทางสายนี้มักเกิดจากการผิดศีลข้อที่ ๒, ๓ และ ๔
ตัวอย่าง : ภรรยาของช่างหูกตระหนี่มาก มีมิจฉาทิฏฐิแรงด่าทอสามีอย่างรุนแรงที่สามีทำบุญกับพระสงฆ์ทำให้นางตายไปเป็นเปรตเปลือยกายขี้เหร่หิวโหยตลอดเวลา
🚩๗.นรกหรือนิรยภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมบถและโทสะคือความโกรธ
ทางไปสู่นรก คือ ผู้ที่มีโทสะ และประกอบด้วยความเห็นผิด คิดว่าบาป-บุญไม่มี จนทำให้เกิดทุจริตกรรม ทำผิดศีลข้อที่ ๑ คือ ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ทำให้สัตว์นั้นต้องตายลง เช่น ฆ่าคนเพื่อการล้างแค้นซึ่งเป็นไปด้วยอำนาจของความโกรธ หากจิตจับอารมณ์นี้ก่อนตาย แน่นอนว่าผู้นั้นเมื่อตายแล้วย่อมต้องเกิดเป็นสัตว์นรก
ตัวอย่าง : พระนางมัลลิกาทำบุญทำทานมากมาย แต่ในยามละโลก แทนที่ใจจะนึกถึงเรื่องบุญ กลับนึกถึงกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้คือล่วงศีลข้อ ๓ กับสุนัข และล่วงศีลข้อ ๔ โกหกพระสวามี ทำให้ใจเศร้าหมอง ตายไปเกิดในอเวจีมหานรกอยู่ ๗ วัน พอเข้าวันที่ ๘ พระนางมัลลิกา บุญส่งผลก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต
🌺☀️ในพระพุทธพจน์หลายๆ แห่งที่แสดงว่าคนเราเมื่อทำอกุศลกรรมแล้ว เมื่อถึงเวลาละโลก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต ตรงข้ามเมื่อคนที่ทำกุศลกรรมแล้ว เมื่อถึงคราวละโลกย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ใน วัตถูปมสูตรว่า
"จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตเศร้าหมอง หวังได้ว่าไปสู่ทุคติ
จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง หวังได้ว่าไปสู่สุคติ"
.............................................
🌺สรุป☀️👉เรื่องสังสารวัฏที่แสนยาวนาน อันหาเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุดไม่ได้ รวมถึงการเวียนว่ายตายเกิดที่เราต่างได้เคยเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน และยังเคยเกิดในภพภูมิต่างๆ หรือชีวิตในปรโลกหรือชีวิตหลังความตาย แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ
แต่ไม่ควรสรุปว่า สิ่งที่เรามองไม่เห็น แปลว่าสิ่งนั้นไม่มี ทางที่ดีควรเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อน ซึ่งมี ๒ วิธี
วิธีที่ ๑ ไปรู้ไปเห็นตอนเป็นด้วยการฝึกเจริญสมาธิภาวนาให้เข้าถึงธรรมะภายใน คือเห็นด้วยกายตรัสรู้ธรรม และ
วิธีที่ ๒ รอจนไปรู้ไปเห็นตอนที่ตายไปแล้ว คือเห็นหลังจากจิตหลุดออกมาจากกายหยาบแล้ว หรือแม้บางท่านจะไม่เชื่อจริง ๆ ก็ขอให้เผื่อเหนียวไว้ก่อน แต่สำหรับผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ก็ควรจะเชื่อผู้รู้อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้เป็นบรมครูของมนุษย์และเทวดา ชีวิตก็จะมีความสุข ความเจริญและปลอดภัยมีชัยชนะไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน คือ เสร็จสิ้นภารกิจของการเวียนว่ายตายเกิดของตนเองและไม่ต้องมาเกิดอีกในที่สุด.
🔰ที่มา :
1.ปุคคลสูตร, สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 26 ข้อ 441 หน้า 521
2.อรรถกถาสุปปวาสสูตร ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 44 หน้า 233
3.วัตถูปมสูตร, มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์, ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 17 ข้อ 92 หน้า 433
4.บรรยายธรรมสรุปโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา 5.หนังสือ "ตายแล้วไปไหน" ภาคสุคติและทุคติ
🌺👉เปิด ๗ เส้นทางชีวิตหลังความตาย👈🌺 ข้อคิดจากภาพยนต์เรื่อง "สัปเหร่อ"
ขอขอบคุณเพจ: JohannesburgMeditation Center ที่ได้ช่วยรวบรม ช่วยทำภาพให้เข้าใจง่ายๆครับ ไปติดตามกันเลย
...............................................
🌺👉เปิด ๗ เส้นทางชีวิตหลังความตาย👈🌺
ชีวิตหลังความตายหรือปรโลก...นับเป็นหนึ่งในสัจธรรมหรือความจริงที่เที่ยงแท้ เป็นของสากลที่ทุกคนไปได้และทุกคนต้องไปในวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน มีอยู่ด้วยกัน ๗ เส้นทางสายหลัก คือ...
.
สายที่ ๑ พระนิพพาน
สายที่ ๒ พรหมโลก
สายที่ ๓ สวรรค์ หรือ เทวภูมิ
สายที่ ๔ มนุษยโลก หรือ มนุสสภูมิ
สายที่ ๕ เดรัจฉานภูมิ
สายที่ ๖ เปรตภูมิ-อสุรกายภูมิ
สายที่ ๗ นรกหรือนิรยภูมิ
.
🚩๒.พระนิพพาน
ไปด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนากรรมฐาน
ทางไปสู่พระนิพพาน คือ การสิ้นสุดการเกิด ซึ่งผู้ที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางสายนี้ได้ก็ด้วยการบำเพ็ญบุญบารมีอันเต็มเปี่ยมสมบูรณ์แบบตามความปรารถนาและเป้าหมายของแต่ละท่านและสำคัญที่สุดคือการเจริญภาวนา และสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลจนเป็นพระอรหันต์จึงจะสิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิด
ตัวอย่าง : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์และพระอรหันต์ที่เข้าพระนิพพานไปแล้วทั้งหลาย เป็นต้น
🚩๒.พรหมโลก
ไปด้วยอำนาจแห่งสมถกรรมฐาน
ทางไปเป็นพรหมและอรูปพรหม คือ ผู้ที่ทำสมาธิจนได้ฌานในขั้นต่างๆ ก็จะเกิดในชั้นของพรหมและอรูปพรหมต่างๆ ตามแต่อำนาจของฌานที่ได้เข้าถึงสภาวธรรมนั้นๆ
ตัวอย่าง : อาฬารดาบสและอุทกดาบส ครูบาอาจารย์ของพระพุทธเจ้าก่อนที่จะบรรลุ
อาฬารดาบส ไปบังเกิดเป็นอรูปพรหมชั้นอากิญจัญญายตนะ เพราะบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งเป็นอรูปฌานที่ ๓
ส่วนอุทกดาบสบังเกิดเป็นอรูปพรหมชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ชึ่งเป็นอรูปฌานที่ ๔
🚩๓.สวรรค์ หรือ เทวภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลโดยเฉพาะทำทาน, รักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาและมีหิริ-โอตตัปปะ
ทางไปเป็นเทวดา คือ ผู้ที่มีหิริ-โอตตัปปะ คือความละอายต่อบาปและเกรงกลัวต่อผลของบาป ประกอบกับมีการสั่งสมการทำบุญทำทานหรือจาคะเข้าร่วมเป็นหลักจึงจะเกิดในชั้นเทวภูมิได้
ตัวอย่าง : นางวิสาขามหาอุบาสิกาทำมหากุศลยิ่งใหญ่ในสมัยพุทธกาล เมื่อถึงเวลาละโลกไปในวัย ๑๒๐ ปีได้ไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
🚩4.มนุษยโลก หรือ มนุสสภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งศีล ๕ และกุศลกรรมบถ ๑๐
ทางไปเป็นมนุษย์ คือ ผู้ที่มีเบญจศีล และเบญจธรรม หรือใช้ชีวิตเจริญอยู่ในกุศลกรรมบถ ๑๐ และบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เท่านั้น จึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้
ตัวอย่าง : โอกาสที่มนุษย์เมื่อละโลกไปแล้วจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งยากมากๆ มีส่วนน้อยมาก เท่ากับเขาโคเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกันมนุษย์ที่ละโลกไปแล้วไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วน เหมือนขนโค เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดมาแล้วมักจะประมาทมัวเมาในชีวิต
มีตัวอย่างหนึ่งคืออานนทเศรษฐีเป็นเศรษฐีผู้ตระหนี่มาก เมื่อตายไปเกิดเป็นลูกจัณฑาลที่มีหน้าตาดุจปีศาจคลุกฝุ่นชีวิตลำบากยากเข็ญต้องมาเป็นขอทาน
🚩๕.เดรัจฉานภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมบถและโมหะคือความหลง
ทางไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน คือ ผู้ที่มีโมหะหรือความหลงและประกอบด้วยความเห็นผิด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นบุญ หรือเป็นบาป
ตัวอย่าง : พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย นับตั้งแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นต้นไป แม้จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็จะไม่เกิดเป็นสัตว์ที่เล็กกว่านกกระจาบ และไม่เกิดเป็นสัตว์ที่ใหญ่กว่าช้าง
โตไทยยพราหมณ์เศรษฐีขี้เหนียวมากสอนลูกหลานและคนรอบข้างให้ตระหนี่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นสุนัขในบ้านของตนเอง
🚩๖.เปรตภูมิ-อสุรกายภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมบถและโลภะคือความโลภ
ทางไปเป็นเปรต และอสุรกาย คือ ผู้ที่มีโลภะ และประกอบด้วยความเห็นผิด คือไม่เชื่อเรื่องบุญ-บาป ประพฤติทุจริตด้วยการปล้น จี้ คดโกง บาปกรรมนี้หรือใจเกาะติดกับอารมณ์นี้ก่อนตาย ผู้นั้นย่อมเกิดเป็นเปรต หรืออสุรกาย อกุศลที่จะนำสู่ทางสายนี้มักเกิดจากการผิดศีลข้อที่ ๒, ๓ และ ๔
ตัวอย่าง : ภรรยาของช่างหูกตระหนี่มาก มีมิจฉาทิฏฐิแรงด่าทอสามีอย่างรุนแรงที่สามีทำบุญกับพระสงฆ์ทำให้นางตายไปเป็นเปรตเปลือยกายขี้เหร่หิวโหยตลอดเวลา
🚩๗.นรกหรือนิรยภูมิ
ไปด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมบถและโทสะคือความโกรธ
ทางไปสู่นรก คือ ผู้ที่มีโทสะ และประกอบด้วยความเห็นผิด คิดว่าบาป-บุญไม่มี จนทำให้เกิดทุจริตกรรม ทำผิดศีลข้อที่ ๑ คือ ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ทำให้สัตว์นั้นต้องตายลง เช่น ฆ่าคนเพื่อการล้างแค้นซึ่งเป็นไปด้วยอำนาจของความโกรธ หากจิตจับอารมณ์นี้ก่อนตาย แน่นอนว่าผู้นั้นเมื่อตายแล้วย่อมต้องเกิดเป็นสัตว์นรก
ตัวอย่าง : พระนางมัลลิกาทำบุญทำทานมากมาย แต่ในยามละโลก แทนที่ใจจะนึกถึงเรื่องบุญ กลับนึกถึงกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้คือล่วงศีลข้อ ๓ กับสุนัข และล่วงศีลข้อ ๔ โกหกพระสวามี ทำให้ใจเศร้าหมอง ตายไปเกิดในอเวจีมหานรกอยู่ ๗ วัน พอเข้าวันที่ ๘ พระนางมัลลิกา บุญส่งผลก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต
🌺☀️ในพระพุทธพจน์หลายๆ แห่งที่แสดงว่าคนเราเมื่อทำอกุศลกรรมแล้ว เมื่อถึงเวลาละโลก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต ตรงข้ามเมื่อคนที่ทำกุศลกรรมแล้ว เมื่อถึงคราวละโลกย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ใน วัตถูปมสูตรว่า
"จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตเศร้าหมอง หวังได้ว่าไปสู่ทุคติ
จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง หวังได้ว่าไปสู่สุคติ"
.............................................
🌺สรุป☀️👉เรื่องสังสารวัฏที่แสนยาวนาน อันหาเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุดไม่ได้ รวมถึงการเวียนว่ายตายเกิดที่เราต่างได้เคยเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน และยังเคยเกิดในภพภูมิต่างๆ หรือชีวิตในปรโลกหรือชีวิตหลังความตาย แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ
แต่ไม่ควรสรุปว่า สิ่งที่เรามองไม่เห็น แปลว่าสิ่งนั้นไม่มี ทางที่ดีควรเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อน ซึ่งมี ๒ วิธี
วิธีที่ ๑ ไปรู้ไปเห็นตอนเป็นด้วยการฝึกเจริญสมาธิภาวนาให้เข้าถึงธรรมะภายใน คือเห็นด้วยกายตรัสรู้ธรรม และ
วิธีที่ ๒ รอจนไปรู้ไปเห็นตอนที่ตายไปแล้ว คือเห็นหลังจากจิตหลุดออกมาจากกายหยาบแล้ว หรือแม้บางท่านจะไม่เชื่อจริง ๆ ก็ขอให้เผื่อเหนียวไว้ก่อน แต่สำหรับผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ก็ควรจะเชื่อผู้รู้อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้เป็นบรมครูของมนุษย์และเทวดา ชีวิตก็จะมีความสุข ความเจริญและปลอดภัยมีชัยชนะไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน คือ เสร็จสิ้นภารกิจของการเวียนว่ายตายเกิดของตนเองและไม่ต้องมาเกิดอีกในที่สุด.
🔰ที่มา :
1.ปุคคลสูตร, สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 26 ข้อ 441 หน้า 521
2.อรรถกถาสุปปวาสสูตร ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 44 หน้า 233
3.วัตถูปมสูตร, มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์, ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 17 ข้อ 92 หน้า 433
4.บรรยายธรรมสรุปโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา 5.หนังสือ "ตายแล้วไปไหน" ภาคสุคติและทุคติ