สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านค่ะ ในกระทู้นี้จะเป็นการรีวิวเรื่องการเที่ยวกับทัวร์ และเป็นการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการเดินทางไว้เก็บเป็นความทรงจำส่วนหนึ่ง
ของการเที่ยวญี่ปุ่น ดินแดนในฝันที่ใครๆก็อยากเที่ยวสักครั้งหนึ่งในชีวิต
***คำเตือน กระทู้ซีรี่ย์นี้มีการบรรยายค่อนข้างมากและประกอบด้วยภาคต่อหลายตอน บรรยายผ่านมุมมองของเจ้าของกระทู้ โดยมิได้มีเจตนาว่าร้ายหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลใดค่ะ***
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/42290370
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/42291103
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 3
เรื่องมีอยู่ว่าการเที่ยวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากบ้านแฟน ซึ่งสาวความย้อนไปเริ่มที่พ่อแฟนอยากเที่ยวญี่ปุ่น >>> ญาติๆของแฟนปกติที่มีการจัดเที่ยวประจำปีก็เห็นดีเห็นงามด้วย (ซึ่งบ้านเขารวยมาก) >>> แฟนรับบทเป็นผู้จัดการเรื่องทุกอย่าง (ติดต่อประสานงานหาทัวร์และช่วยดูแลทุกคนที่ไม่เคยออกนอกประเทศ) >>> แฟนไม่อยากลำบากคนเดียว เลยได้ลากอิชั้นไปเอี่ยวด้วยอีกคน
และนั่นคือจุดเรื่องต้นทริปนี้ค่ะ
1. การวางแผนจองทัวร์
ปกติเราและแฟนจะไปเที่ยวด้วยกันสองคน แต่เราเป็นตัวหลักที่คอยวางแผนการเดินทางและทำแพลนเพื่อเที่ยวเอง แต่ในรอบนี้นับๆหัวสมาชิกที่ร่วมเดินทางทั้งหมดทั้งสิ้น คือ 13 ชีวิต!!! ที่ประกอบด้วยผู้สูงวัยที่เดินเหินไม่คล่อง ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นน้าๆป้าๆ และวัยรุ่นประถม-มัธยม
จะให้วางแผนเที่ยวเอง พาเที่ยว ในประเทศที่เราก็ไม่เคยไปก็กระไรอยู่...
เมื่อฝั่งบ้านแฟนบอกว่า ขอแค่เป็นช่วงที่เด็กๆปิดเทอม แต่ไม่ใช่ปีใหม่ ก็ได้หมด และไม่จำกัดงบ(?)
ดังนั้น เรา จึงเริ่มเสนอแพลนไปให้หาซื้อเป็นทัวร์ และช่วยกันกับแฟน สกรีนทัวร์ไปให้แก๊งค์ญาติๆ ของแฟน 3-4 ทัวร์ (เน้นเที่ยวทุกวันแบบไม่มีวันฟรีเดย์เพื่อคุมงบและลดความยุ่งยากของเราๆที่ต้องแพลนเผื่อไปอีก) ซึ่งมติสุดท้ายก็หวยลงที่บริษัททัวร์มัชรูมทราเวล (Mushroom travel)
สำหรับเกณฑ์ที่เราและแฟนใช้ในการเลือกทัวร์คือ ความน่าเชื่อถือ (มีรีวิวจากพันทิป และข้อมูลจากกลุ่มเที่ยวญี่ปุ่นในเฟสบุ๊ค) ร่วมกับแผนการเดินทาง
แต่ๆๆ คนที่ฟันธงเลือกทัวร์นี้ คือคุณน้าท่านหนึ่งของบ้านแฟน ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักที่ออกค่าทัวร์ทั้งหมด (ซึ่งไม่ได้ร่วมเดินทางด้วยทริปนี้) เลือกแพ็คเกจเที่ยวด้วยหลักการที่ว่า
"ถ้าอยากสบายก็อยู่บ้านเอา ในเมื่อไปเที่ยวทั้งทีต้องเอาให้มันคุ้มๆไปเลย"
(ส่วนตัว เราและแฟนนั้นอยากเที่ยวที่น้อยๆและไม่ย้ายเมืองเยอะ แต่เราไม่อาจค้านสปอนเซอร์หลักได้เลยค่ะ 555)
ชื่อทัวร์ TOKYO FUJI NAGOYA TAKAYAMA 6DAYS 5NIGHTS BY XJ **ซุปตาร์HELLO WELCOME AUTUMN TO U**
ใบปะหน้าของโปรแกรมทัวร์ TOKYO FUJI NAGOYA TAKAYAMA
ใบเตรียมตัวการเดินทางและกำหนดการนัดหมายจากทางทัวร์
ช่วงเวลาเดินทางที่เลือกคือ 12-17 ตุลาคม 2566 ซึ่งเส้นทางของทัวร์นี้คือการเที่ยวจุดแลนด์มาร์คยอดฮิตในญี่ปุ่นค่ะ
วันที่ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ ประเทศไทย - ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ – – เมืองซาวาระ – เมืองนาริตะ
วันที่ 2 กรุงโตเกียว – วัดอาซากุสะ – ช้อปปิ้งถนนนากามิเสะ – ถ่ายรูปโตเกียวสกายทรีริมแม่นํ้าสุมิดะ – จ ังหวัดไซตามะ – ย่านเมืองเก่าคาวาโกเอะ – เมืองนากาโน่
วันที่ 3 เมืองนากาโน่ – คามิโคจิ– หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ – เมืองกุโจฮาจิมัง – เมืองนาโกย่า – ชอปปิ้งซาคาเอะ
วันที่ 4 เมืองนาโกย่า – หุบเขาโครังเค – จังหวัดชิซูโอกะ – นิฮงไดระ ยูเมะ เทอร์เรซ – นํ้าตกชราอิโตะ – เมืองยามานาชิ – หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก – ออนเซ็น + ขาปูยักษ์
วันที่ 5 จุดชมวิวชั้น 5 ภูเขาไฟฟูจิ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ) – พิธีชงชาญี่ปุ่น – กรุงโตเกียว – ชมแมวยักษ์3มิติพร้อมชอปปิ้งย่านชินจูกุ – ย่านโอไดบะ – ห้างไดเวอร์ ซิตี้– เมืองนาริตะ
วันที่ 6 ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
2. การเตรียมตัว
2.1 พาสปอร์ต
หลังจากจ่ายมัดจำเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพาสมาชิกบางส่วนไปต่ออายุ และทำพาสปอร์ตใหม่ เพราะพาสปอร์ตที่ใช้เดินทางได้ต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป
2.2 แลกเงิน
ในสมัยนี้จะมีบัตรทราเวลการ์ด (Travel card) ที่สามารถกดแลกเงินไว้ล่วงหน้าได้ แต่ด้วยความที่เป็นทัวร์ครั้งแรกและกลัวไม่มีเวลาหาที่กดเงิน เราเลยตัดสินใจแลกเป็นเงินสดส่วนใหญ่ที่ร้าน Superrich สีเขียว และอีกส่วนหนึ่งแลกใส่บัตรเอาไว้ (และด้วยอาถรรพ์บางประการ สุดท้ายในทีม 13 ชีวิตนั้น ก็มีแค่แฟนเราคนเดียวที่มีบัตรทราเวลการ์ดค่ะ)
Rate ที่แลกได้ อยู่ที่ 1 yen = 0.2435
2.3 ซิมการ์ด/Wi-Fi pocket
ในส่วนนี้ด้วยแรงผีผลัก ส่งผลให้เรากับแฟนตัดสินใจเลือกเช่า Wi-Fi pocket เพราะคิดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ และคิดว่าส่วนใหญ่เที่ยวแบบทัวร์ ที่อยู่ด้วยกันตลอด จึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ ค่ะ
2. พบปะสมาชิกและเริ่มออกเดินทางได้
ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เช่นความตื่นเต้นของท่าน สว ในทีม และความอยากมาส่งของคนทางบ้าน ในที่สุดทุกคนก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมหน้าได้ในที่สุด
ส่วนทัวร์เป็นทัวร์ที่บริษัท TTN เป็นผู้จัดการรับผิดชอบ เดินทางโดยสายการบิน Airasia X ที่บริษัทเห็ดทราเวลรับหน้าเป็นคนขายของ ไกด์นำทัวร์ในครั้งนี้ชื่อคุณตู่ (แน่นอนว่ามีเด็กๆในทัวร์เรียกว่าลุงตู่ อยู่เช่นกัน) ยืนรอต้อนรับคณะทัวร์ เก็บเงินค่าไกด์ 1,500 บาท ถ่ายรูปทุกคนกับป้ายเห็ดทราเวลและให้แท็กติดกระเป๋าพร้อมกับใบสำหรับยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น
ไกด์ช่วยเรื่องการเช็คอินและนำลูกทัวร์บินจากไทยไปยังญี่ปุ่นพร้อมๆกับทุกคน 5 ชม. (มารู้ทีหลังว่าไกด์เพิ่งเดินทางกลับมาจากทัวร์ก่อนหน้าเมื่อวาน แล้วก็ลุยต่ออีกทัวร์เลย สู้ชีวิตมากค่ะพี่)
ในคณะทัวร์มีจำนวนทั้งสิ้น 30 กว่าชีวิต แบ่งคร่าวๆเป็นสองครอบครัวใหญ่ คือฝั่งของ จขกท. 13 ชีวิต + บ้าน 14 ชีวิต (ซึ่งมีเด็กวัยประถม 2 คน และท่าน สว. ที่ใช้รถเข็น 2 ชีวิต) + ท่านสว. วัยเดินไหวพร้อมผู้ดูแล 2 ชีวิต + ครอบครัวแม่ยายลูก 4 ชีวิต + คู่ชายหญิงวัยสี่สิบปลาย 2 ชีวิต ถือว่าเป็นกลุ่มคละวัยได้หลากหลายมากเลยค่ะ
DAY 1: เที่ยวเมืองซาวาระ (SAWARA)
เมื่อพ้นด่านตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น ไกด์ก็ได้พาขึ้นรถบัสนำเที่ยว นำทุกคนไปเที่ยวเมืองซาวาระ จังหวัดชิบะ สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆสนามบินนาริตะ เที่ยวแบบยังไม่ทันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใดๆ แต่โชคดีที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
ท่ามกลางบรรยากาศแบบเมืองเก่า ไฮไลท์แนะนำของที่นี่คือ สะพานจาจา ที่มีช่องน้ำไหลออกมาจากตรงกลาง และถ้ามีเวลามากพอเราสามารถนั่งเรือชมบรรยายกาศริมสองข้างทางได้เลยค่ะ
แต่เนื่องจากเรามากับคณะทัวร์จะมีข้อจำกัดด้านเวลา หลังจากยืนดูน้ำไหลประมาณ 5 นาที ไกด์ก็ปล่อยอิสระให้เดินเล่นแถวๆนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงได้
เราเลยเดินตะลอนเก็บภาพบรรยากาศบ้านเมืองในช่วงเย็น นั่นทำให้เราได้พบความประทับใจแรกของการมาเยือนญี่ปุ่น
นั่นก็คือไอศครีมนมและไอศครีมชาเขียวนั่นเองงง
ร้านไอศครีมโดยคุณป้าท่านหนึ่ง เป็นร้านเล็กๆใกล้ป้ายรถเมล์ มีขายทั้งแบบถ้วยและแบบโคน ราคาตก 100 บาทไทย/ถ้วย แต่ตอนนั้นกินแล้วได้ความรู้สึกว๊าวสุด หอมนม หอมชาเขียว เหมือนมาถึงญี่ปุ่นแล้วในนาทีนั้นเลยค่ะ
จากนั้นก็ถึงคราวมื้อเย็นวันแรกที่ญี่ปุ่น มาที่ร้าน Stamina Taro (すたみな太郎)
เป็นบุฟเฟ่ต์เนื้อปิ้งย่าง ยากินิคุ แบบจำกัดเวลา 1 ชั่วโมง แต่มีหมู ปลาหมึกและไลน์อาหารอื่นๆ เช่น ซูชิ ของทอด อาหารพร้อมทาน และสลัดบาร์ด้วยค่ะ ในแก๊งค์ญาติแฟนไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ผิดกับเราที่ชอบเนื้อวัวมากและรู้สึกว่าเนื้อเขาดีเลยทีเดียว (เนื้อนิ่ม ไขมันแทรกในเนื้อ ไม่มีกลิ่นคาว) แต่ที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าชอบมากคือของหวานร้านนี้ ทั้งไอศครีม เค้กและพุดดิ้งหอมนุ่มอร่อยมากๆ
รับประทานอาหารเย็นเสร็จก็มุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พักในคืนแรกชื่อ The Hedistar Hotel Narita
เป็นโรงแรมสามดาว มีห้องพักสำหรับ 2 คน และ 3 คน ทั้งยังมีบริการอาหารเช้าให้ในตัวถือว่าค่อนข้างสะดวกสำหรับกลุ่มทัวร์เลยทีเดียว ขนาดห้องพอมีพื้นที่สำหรับการกางกระเป๋าเดินทางขนาด 28 นิ้วบนพื้นได้หนึ่งใบ (แต่ก็จะไม่มีทางเดินเอาค่ะ 555)
พอขนกระเป๋าลงจากรถก็เจอกับกลุ่มทัวร์คนไทยกลุ่มอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ไกด์เสริมให้ว่าบริษัท TTN ได้เหมาเอาไว้ มีกลุ่มทัวร์ 6-7 ทัวร์ด้วยกันเลยจะมีความคึกคักระดับหนึ่งค่ะ
ด้านทำเลโรงแรมถือว่าค่อนข้างออกมานอกตัวเมือง สถานที่ให้เดินเล่นใกล้เคียงจะมีห้างอิออน (AEON mall) และร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven แน่นอนว่าในความตื่นเต้นของคืนวันแรกทุกคนต่างเดินสำรวจบริเวณใกล้เคียง และช๊อปปิ้งขนมของฝากเบากันไป 1 ยกได้ค่ะ
[CR] เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 1
ของการเที่ยวญี่ปุ่น ดินแดนในฝันที่ใครๆก็อยากเที่ยวสักครั้งหนึ่งในชีวิต
***คำเตือน กระทู้ซีรี่ย์นี้มีการบรรยายค่อนข้างมากและประกอบด้วยภาคต่อหลายตอน บรรยายผ่านมุมมองของเจ้าของกระทู้ โดยมิได้มีเจตนาว่าร้ายหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลใดค่ะ***
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/42290370
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/42291103
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับ ทัวร์ และครอบครัวของเขา ตอนที่ 3
เรื่องมีอยู่ว่าการเที่ยวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากบ้านแฟน ซึ่งสาวความย้อนไปเริ่มที่พ่อแฟนอยากเที่ยวญี่ปุ่น >>> ญาติๆของแฟนปกติที่มีการจัดเที่ยวประจำปีก็เห็นดีเห็นงามด้วย (ซึ่งบ้านเขารวยมาก) >>> แฟนรับบทเป็นผู้จัดการเรื่องทุกอย่าง (ติดต่อประสานงานหาทัวร์และช่วยดูแลทุกคนที่ไม่เคยออกนอกประเทศ) >>> แฟนไม่อยากลำบากคนเดียว เลยได้ลากอิชั้นไปเอี่ยวด้วยอีกคน
และนั่นคือจุดเรื่องต้นทริปนี้ค่ะ
1. การวางแผนจองทัวร์
ปกติเราและแฟนจะไปเที่ยวด้วยกันสองคน แต่เราเป็นตัวหลักที่คอยวางแผนการเดินทางและทำแพลนเพื่อเที่ยวเอง แต่ในรอบนี้นับๆหัวสมาชิกที่ร่วมเดินทางทั้งหมดทั้งสิ้น คือ 13 ชีวิต!!! ที่ประกอบด้วยผู้สูงวัยที่เดินเหินไม่คล่อง ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นน้าๆป้าๆ และวัยรุ่นประถม-มัธยม
จะให้วางแผนเที่ยวเอง พาเที่ยว ในประเทศที่เราก็ไม่เคยไปก็กระไรอยู่...
เมื่อฝั่งบ้านแฟนบอกว่า ขอแค่เป็นช่วงที่เด็กๆปิดเทอม แต่ไม่ใช่ปีใหม่ ก็ได้หมด และไม่จำกัดงบ(?)
ดังนั้น เรา จึงเริ่มเสนอแพลนไปให้หาซื้อเป็นทัวร์ และช่วยกันกับแฟน สกรีนทัวร์ไปให้แก๊งค์ญาติๆ ของแฟน 3-4 ทัวร์ (เน้นเที่ยวทุกวันแบบไม่มีวันฟรีเดย์เพื่อคุมงบและลดความยุ่งยากของเราๆที่ต้องแพลนเผื่อไปอีก) ซึ่งมติสุดท้ายก็หวยลงที่บริษัททัวร์มัชรูมทราเวล (Mushroom travel)
สำหรับเกณฑ์ที่เราและแฟนใช้ในการเลือกทัวร์คือ ความน่าเชื่อถือ (มีรีวิวจากพันทิป และข้อมูลจากกลุ่มเที่ยวญี่ปุ่นในเฟสบุ๊ค) ร่วมกับแผนการเดินทาง
แต่ๆๆ คนที่ฟันธงเลือกทัวร์นี้ คือคุณน้าท่านหนึ่งของบ้านแฟน ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักที่ออกค่าทัวร์ทั้งหมด (ซึ่งไม่ได้ร่วมเดินทางด้วยทริปนี้) เลือกแพ็คเกจเที่ยวด้วยหลักการที่ว่า "ถ้าอยากสบายก็อยู่บ้านเอา ในเมื่อไปเที่ยวทั้งทีต้องเอาให้มันคุ้มๆไปเลย"
(ส่วนตัว เราและแฟนนั้นอยากเที่ยวที่น้อยๆและไม่ย้ายเมืองเยอะ แต่เราไม่อาจค้านสปอนเซอร์หลักได้เลยค่ะ 555)
วันที่ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ ประเทศไทย - ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ – – เมืองซาวาระ – เมืองนาริตะ
วันที่ 2 กรุงโตเกียว – วัดอาซากุสะ – ช้อปปิ้งถนนนากามิเสะ – ถ่ายรูปโตเกียวสกายทรีริมแม่นํ้าสุมิดะ – จ ังหวัดไซตามะ – ย่านเมืองเก่าคาวาโกเอะ – เมืองนากาโน่
วันที่ 3 เมืองนากาโน่ – คามิโคจิ– หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ – เมืองกุโจฮาจิมัง – เมืองนาโกย่า – ชอปปิ้งซาคาเอะ
วันที่ 4 เมืองนาโกย่า – หุบเขาโครังเค – จังหวัดชิซูโอกะ – นิฮงไดระ ยูเมะ เทอร์เรซ – นํ้าตกชราอิโตะ – เมืองยามานาชิ – หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก – ออนเซ็น + ขาปูยักษ์
วันที่ 5 จุดชมวิวชั้น 5 ภูเขาไฟฟูจิ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ) – พิธีชงชาญี่ปุ่น – กรุงโตเกียว – ชมแมวยักษ์3มิติพร้อมชอปปิ้งย่านชินจูกุ – ย่านโอไดบะ – ห้างไดเวอร์ ซิตี้– เมืองนาริตะ
วันที่ 6 ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
2. การเตรียมตัว
2.1 พาสปอร์ต
หลังจากจ่ายมัดจำเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพาสมาชิกบางส่วนไปต่ออายุ และทำพาสปอร์ตใหม่ เพราะพาสปอร์ตที่ใช้เดินทางได้ต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป
2.2 แลกเงิน
ในสมัยนี้จะมีบัตรทราเวลการ์ด (Travel card) ที่สามารถกดแลกเงินไว้ล่วงหน้าได้ แต่ด้วยความที่เป็นทัวร์ครั้งแรกและกลัวไม่มีเวลาหาที่กดเงิน เราเลยตัดสินใจแลกเป็นเงินสดส่วนใหญ่ที่ร้าน Superrich สีเขียว และอีกส่วนหนึ่งแลกใส่บัตรเอาไว้ (และด้วยอาถรรพ์บางประการ สุดท้ายในทีม 13 ชีวิตนั้น ก็มีแค่แฟนเราคนเดียวที่มีบัตรทราเวลการ์ดค่ะ)
Rate ที่แลกได้ อยู่ที่ 1 yen = 0.2435
2.3 ซิมการ์ด/Wi-Fi pocket
ในส่วนนี้ด้วยแรงผีผลัก ส่งผลให้เรากับแฟนตัดสินใจเลือกเช่า Wi-Fi pocket เพราะคิดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ และคิดว่าส่วนใหญ่เที่ยวแบบทัวร์ ที่อยู่ด้วยกันตลอด จึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ ค่ะ
2. พบปะสมาชิกและเริ่มออกเดินทางได้
ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เช่นความตื่นเต้นของท่าน สว ในทีม และความอยากมาส่งของคนทางบ้าน ในที่สุดทุกคนก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมหน้าได้ในที่สุด
ส่วนทัวร์เป็นทัวร์ที่บริษัท TTN เป็นผู้จัดการรับผิดชอบ เดินทางโดยสายการบิน Airasia X ที่บริษัทเห็ดทราเวลรับหน้าเป็นคนขายของ ไกด์นำทัวร์ในครั้งนี้ชื่อคุณตู่ (แน่นอนว่ามีเด็กๆในทัวร์เรียกว่าลุงตู่ อยู่เช่นกัน) ยืนรอต้อนรับคณะทัวร์ เก็บเงินค่าไกด์ 1,500 บาท ถ่ายรูปทุกคนกับป้ายเห็ดทราเวลและให้แท็กติดกระเป๋าพร้อมกับใบสำหรับยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น
ไกด์ช่วยเรื่องการเช็คอินและนำลูกทัวร์บินจากไทยไปยังญี่ปุ่นพร้อมๆกับทุกคน 5 ชม. (มารู้ทีหลังว่าไกด์เพิ่งเดินทางกลับมาจากทัวร์ก่อนหน้าเมื่อวาน แล้วก็ลุยต่ออีกทัวร์เลย สู้ชีวิตมากค่ะพี่)
ในคณะทัวร์มีจำนวนทั้งสิ้น 30 กว่าชีวิต แบ่งคร่าวๆเป็นสองครอบครัวใหญ่ คือฝั่งของ จขกท. 13 ชีวิต + บ้าน 14 ชีวิต (ซึ่งมีเด็กวัยประถม 2 คน และท่าน สว. ที่ใช้รถเข็น 2 ชีวิต) + ท่านสว. วัยเดินไหวพร้อมผู้ดูแล 2 ชีวิต + ครอบครัวแม่ยายลูก 4 ชีวิต + คู่ชายหญิงวัยสี่สิบปลาย 2 ชีวิต ถือว่าเป็นกลุ่มคละวัยได้หลากหลายมากเลยค่ะ
DAY 1: เที่ยวเมืองซาวาระ (SAWARA)
เมื่อพ้นด่านตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น ไกด์ก็ได้พาขึ้นรถบัสนำเที่ยว นำทุกคนไปเที่ยวเมืองซาวาระ จังหวัดชิบะ สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆสนามบินนาริตะ เที่ยวแบบยังไม่ทันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใดๆ แต่โชคดีที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
ท่ามกลางบรรยากาศแบบเมืองเก่า ไฮไลท์แนะนำของที่นี่คือ สะพานจาจา ที่มีช่องน้ำไหลออกมาจากตรงกลาง และถ้ามีเวลามากพอเราสามารถนั่งเรือชมบรรยายกาศริมสองข้างทางได้เลยค่ะ
แต่เนื่องจากเรามากับคณะทัวร์จะมีข้อจำกัดด้านเวลา หลังจากยืนดูน้ำไหลประมาณ 5 นาที ไกด์ก็ปล่อยอิสระให้เดินเล่นแถวๆนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงได้
เราเลยเดินตะลอนเก็บภาพบรรยากาศบ้านเมืองในช่วงเย็น นั่นทำให้เราได้พบความประทับใจแรกของการมาเยือนญี่ปุ่น
นั่นก็คือไอศครีมนมและไอศครีมชาเขียวนั่นเองงง
ร้านไอศครีมโดยคุณป้าท่านหนึ่ง เป็นร้านเล็กๆใกล้ป้ายรถเมล์ มีขายทั้งแบบถ้วยและแบบโคน ราคาตก 100 บาทไทย/ถ้วย แต่ตอนนั้นกินแล้วได้ความรู้สึกว๊าวสุด หอมนม หอมชาเขียว เหมือนมาถึงญี่ปุ่นแล้วในนาทีนั้นเลยค่ะ
จากนั้นก็ถึงคราวมื้อเย็นวันแรกที่ญี่ปุ่น มาที่ร้าน Stamina Taro (すたみな太郎)
เป็นบุฟเฟ่ต์เนื้อปิ้งย่าง ยากินิคุ แบบจำกัดเวลา 1 ชั่วโมง แต่มีหมู ปลาหมึกและไลน์อาหารอื่นๆ เช่น ซูชิ ของทอด อาหารพร้อมทาน และสลัดบาร์ด้วยค่ะ ในแก๊งค์ญาติแฟนไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ผิดกับเราที่ชอบเนื้อวัวมากและรู้สึกว่าเนื้อเขาดีเลยทีเดียว (เนื้อนิ่ม ไขมันแทรกในเนื้อ ไม่มีกลิ่นคาว) แต่ที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าชอบมากคือของหวานร้านนี้ ทั้งไอศครีม เค้กและพุดดิ้งหอมนุ่มอร่อยมากๆ
รับประทานอาหารเย็นเสร็จก็มุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พักในคืนแรกชื่อ The Hedistar Hotel Narita
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้