[CR] เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต 5 วัน 3 คืน กับทัวร์ด้วยตัวคนเดียว

ปล.เนื่องจากหน้าแรกของกระทู้นี้มันเขียนยาวจนเกินไปจึงขออนุญาตเขียนย้อนหลังตั้งแต่ คห.22 เป็นต้นไปขออภัยในความไม่สะดวก
     สวัสดีค่ะทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การรีวิวและเล่าประสบการณ์ในการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรหในชีวิตของเราเองค่ะ ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัว ชื่ออ๋อมแอ๋ม ทำงานเป็นพนักงานราชการแห่งหนึ่ง ความฝันทั้งชีวิตคือการที่เราได้ไปญี่ปุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "โตเกียว" นั่นเอง กระทู้นี้เราจะมาเล่าประสบการณ์รวมถึงการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวตามแบบฉบับไปกับทัวร์ด้วยตัวคนเดียวกัน 5 วัน 3 คืนงบ 35,999 บาทค่ะ
     เราขอเกริ่นเรื่องราวทั้งหมดลงในกระทู้นี้เลย คือเรามีความคิดที่อยากจะไปต่างประเทศมากๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งอยากไปเที่ยวมากเป็นพิเศษด้วยความที่ฐานะทางบ้านก็กลางๆไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก พออยู่พอกินแบบพอเพียงตามอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 เราเคยแสวงหาด้วยการส่งชิงโชคของแบรนด์ๆนึงที่เป็นชาเขียวบ้าง ส่งของรายการค่ายเพลงบ้าง ฯลฯ คือสรุป แห้วจ้า!!! ไม่ได้ผ่านการคัดเลือก แต่ๆๆๆๆ พอเราได้มีงานประจำที่เป็นหลักเป็นแหล่งแล้วแรกๆก็ไม่เท่าไหร่จนมาถึงช่วงโควิดปีที่แล้วอยู่ดีๆก็นึกอยากจะไปญี่ปุ่น ทางเราก็เก็บเงินทีละนิดๆจนได้ตัดสินใจไปกับทัวร์เพราะเนื่องจากถ้าใครได้ไปต่างประเทศครั้งแรกผู้หลักผู้ใหญ่เขาจะให้ทางเราไปกับทัวร์เพราะเขามองว่า "เราไม่ได้เป็นคนของแถวนี้นะที่จะรู้จักหมดทุกที่" เอาละวะ เราก็ตัดสินใจที่จะไปกับบริษัททัวร์ซึ่งเราเลือกใช้บริการของบริษัท unithaitrip ซึ่งเขาดูแลดีมากๆในเรื่องของโปรต่างๆ ก็ตอนแรกเราอยากไปช่วงซากุระแต่สุดท้ายพระเจ้ามองว่า "เจ้าเป็นคนขี้หนาวใช่ไหม เจ้าต้องไปเจอหิมะแล้วจะรู้ว่าไม่ได้หนาวอย่างที่เจ้าคิด" ก็เลยเลือกไปในช่วงหลังวันเกิดเลย 1-5 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา

Day 1 BKK-NRT
               วันแรกของการเดินทางไปยังกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นนั้น เราออกจากบ้านราวๆบ่ายสามโมงเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเข้าไปทานข้าว เดินเล่น รอ check in เขาเกตกัน เราใช้วิธีเดินทางด้วยนั่งรถไฟสายสีแดงจากบางบำหรุ-ดอนเมือง แล้วหลังจากนั้นก็นั่งรถรับ-ส่ง ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพาะเรามองว่ามันฟรี ฮาๆ พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนนั้นราวๆ เกือบ 18.00 แล้ว ระหว่างนี้เราก็เดินเล่น ถ่ายรูปเล่น หาซื้อของใช้พวกแปรงสีฟัน ยาสีฟัน powerbank ตัวเดิมมันพังเพราะทำมาม่าหกใส่ก็เลยต้องไปซื้อตัวใหม่เลย พอหลังจากเดินเล่นดู youtube คุยกับคนสนิทเสร็จประมาณ 20.00 พี่ไกด์ก็โทรเรียกนัดเจอที่หน้าเค้าต์เตอร์ check in เพื่อไปรับป้ายติดกระเป๋าจากนั้นก็จะแจกใบ ตม. ใบกรมศุลกากรพร้อมกับปากกาไปยังพวกเราและก็จ่ายค่าไกด์ 1500 บาท พอหลังจากที่เราจ่ายเสร็จก็เข้าไป check in ทันที บรรยากาศคือคนแน่นมาก!!!! พอหลังจากทำภารกิจเสร็จสับก็เข้าสู่ duty free พร้อมกับตามหาขาหมูสรุปกินพิซซ่าแทนเพราะว่าไม่มีขาย เซ็งสิ ระหว่างกินก็โทรหาแม่ live กับคนสนิท และก็พอใกล้จะเดินทางก็เตรียมตัวล้างหน้า แปรงฟัน ใส่รีเทนเนอร์เพื่อเตรียมนอนบนเครื่อง แต่สุดท้ายพอไปถึงบนเครื่องแล้วพบว่า เรานอนไม่ค่อยสบายเลย!!! เพราะเราสูง 175 นอนก็ไม่สบายตัว แอร์ก็หนาวมาก ให้นึกถึงนครชัยแอร์ก็แล้วกัน ซึ่งเราบินกับสายการบิน Air Asia X บอกเลยรอบหน้าต้องพิจารณาใหม่อีกรอบว่าจะยังไงแต่ก็ยังดีที่ว่างอีก 2 ที่ไม่มีคนนั่งเราก็เลยนอนราบสบายๆ แต่ก็ไม่สบายอยู่ดี หลังจากที่เรานอนหลับบ้างไม่หลับบ้างก็ดูเวลาบนมือถือก็ถึงเวลาเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า แปรงฟัน มาส์กหน้าก่อนลงเครื่อง และก็แต่งหน้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบินนาริตะ และในระหว่างที่เราได้คุยกับแอร์โฮสเตสเราก็ถามแอร์โฮสเตสว่า "เราจะได้เห็นฟูจิไหมคะ" แอร์โฮสเตสตอบว่า "เดี๋ยวรอประกาศจากทางกัปตันนักบินนะคะ" สักพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงประกาศจากทางกัปตันนักบินว่า "ท่านผู้โดยสารครับ ตอนนี้เครื่องบินกำลังผ่านไปยังภูเขาไฟฟูจิแล้วนะครับ" ทางเราก็เจอฟูจิติดหน้าต่างพอดีเลยถ่ายรูปเยอะมากเหมือนกันและก็ช่วยคนอื่นถ่ายรูปให้ด้วย อยากให้ทุกคนได้รูปกลับไปทุกคน
ได้เห็นแสงแรกของดินแดนอาทิตย์อุทัยที่สวยสดและงดงาม
   
ภาพนี้เราได้เจอยอดภูเขาไฟฟูจิด้วย
Welcome to Japan.🇯🇵

Day 2 NRT-ทานข้าวเที่ยง-วัดอาซากุสะ-gotemba premium outlets-Toki no Somika illumination.

      หลังจากที่เครื่องบินได้ทำการลงจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็รีบเก็บกระเป๋าและสัมภาระเพื่อเข้าสู่สนามบิน ตอนนั้นเขาก็จะมีเจ้าหน้าที่ให้โชว์ qr code การกรอกลงทะเบียน visit japan และหลังจากนั้นเขาจะสอบถามว่ามีอาการถึงขั้นโควิดไหม เราก็ตอบตรงๆเลยว่า "ไม่ค่ะ" แล้วหลังจากนั้นก็เข้าไปสู่ขั้นตอนในการเข้า ตม. ตอนเข้าไปจำความรู้สึกได้เลยว่าก่อนจะถึงคิวเราเราได้คุยกับพระเจ้าว่าช่วยผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และแล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะเรายิ้มด้วยความมั่นอกมั่นใจว่ามาเที่ยวจริงๆ แล้วเราทักทายโอฮะโยฯ ของเขาไป เขาติดสติ๊กเกอร์เสร็จ สแกนใบหน้าและก็ออกมาเลย ด่านกรมศุลากรเราไม่ได้เอาอะไรมาเลย ออกจากด่านทุกด่านเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปเปลี่ยนมาทาลิปแดงแบบไม่อายใครหลังจากที่เราทำธุระอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะทัวร์ก็ออกเดินทางพามาทานอาหารเที่ยงอากาศตอนนั้น 3 องศา แต่ก็หนาวเท่ากับอยู่บนดอยนั่นแหละ
ออกมาก็ลมแรงแล้วฮะ
คิดถึงวัยเด็กที่ชอบซื้อ Qoo มากินทุกวัน
First launch time in Japan.
     ร้านที่เราจะมาทานกันในวันแรกของการมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น ร้านนี้มีดาราและก็บุคคลที่มีชื่อเสียงมารับประทานกันเยอะมาก ซึ่งภายในร้านจะเป็นการทานแบบบุฟเฟ่ต์ซึ่งจะมีทั้งชูชิ ของหวาน ของคาว ของทานเล่น รวมไปถึงเนื้อย่าง หมูย่างด้วย
บรรยากาศในร้านเป็นบรรยากาศที่ดูโมเดิร์น อาหารของที่นี่มีความหลากหลายมาก
ที่นี่ก็มีทาโกะยากิให้ทานด้วย เชื่อไหม? เราตักไปหลายรอบ!!!!
นอกจากนี้ยังมีทั้งไส้กรอก แฮม ฯลฯ
นี่ทานคนเดียวนะบอกก่อนเลย🤣
วิวสวยมากๆ ทานไปดูวิวไปเลย
   
Sensoji Temple :Asakusa
        วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวและสัญลักษณ์อันโดดเด่นของวัดแห่งนี้นั่นก็คือ "โคมยักษ์สีแดง" เขาว่ากันว่าถ้าใครไปแตะใต้โคมแดงยักษ์ที่ข้างใต้จะมีลายแกะสลักรูปมังกรนั้นจะถือว่าได้โชคลาภกลับไป และก็ตรงจุดนี้นี่แหละเป็นจุดที่หลายๆคนนิยมมาถ่ายรูปเพราะเป็น landmark หลักของกรุงโตเกียวก็ว่าได้นอกจากนี้แล้วภายในวัดก็จะมีแหล่งของกินและของที่ระลึกที่วางขายบนถนนนากามิเสะที่ได้เห็นคิตตี้ version อาซากุสะ ถ้าใครได้ไปช่วงหน้าหนาวก็จะได้เห็นคนใส่ชุดกิโมโนแบบ full stream กันเลยทีเดียว ข้างในสุดเราไม่ได้เดินเข้าไปเพราะว่าทางเราเป็นคริสเตียนเราไม่ไหว้ขอพรเพราะมันผิดข้อเชื่อของทางคริสเตียน ในบัญญัติให้นับถือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ห้ามมีรูปเคารพ สำคัญมากๆ เราก็เลยถ่ายรูปเล่นๆ พร้อมกับได้เจอทั้งเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษากัน เจอชาวต่างประเทศ ฯลฯ ตอนนั้นใกล้จะจัดเทศกาลปาถั่วเขาจะไม่มีอะไรประดับตรงลานถนนนะ
ทางเข้าชั้นกลางที่คนก็ถ่ายเยอะเช่นกัน
         หน้าวัดที่มีคนถ่ายเยอะมากแต่แสงที่นี่สวยมากๆ และก็ทำให้เรารู้สึกคลายหนาวไปเยอะเลยหลังจากที่เราได้ไปถ่ายรูปเล่นตรงบริเวณภายในวัด Sensoji ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปและเดินเล่นกันต่อบนถนน Nakamise กันต่อค่ะ ที่นี่มีคิตตี้ของแท้ที่คนไทยชอบแซวๆกันว่า "คิตตี้ปลอมใช่ไหม" เราในฐานะที่เป็นเซียน Sanrio บอกตรงๆล้าน% ว่าแท้แน่นอนค่ะ ญี่ปุ่นเขาไม่มาขายของปลอมนะคะ
ถนนคนเดินที่มีแต่ของละลายทรัพย์และของสะสมระรานตาเต็มไปหมด
ที่นี่มีของที่ระลึกขายเยอะมาก มีคิตตี้ใส่ชุดกิโมโนและก็ตลกมากที่คนไทยชอบไปแอบแซวว่า "วัดอาซากุสะขายคิตตี้ของปลอม" เหรอ??? แท้นะ
ที่ห้อยมือถือ(กุญแจ)คิตตี้ วาดรูปคิตตี้ได้น่ารักๆซะด้วย 540 เยน
ถ่ายแอคอยู่นั่นแหละ
มาญี่ปุ่นถ้าอยากเป็น GAL ต้องชูสองนิ้วสิ ไม่นั้นจะมาไม่ถึง ฮาๆ
          หลังจากที่ได้ถ่ายรูปตรงถนน Nakamise เสร็จแล้วเราก็ข้ามถนนเพื่อเข้าไปถ่ายรูปตรงบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะ ซึ่งถ้าได้ไปในช่วงซากุระบานก็จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดฮิตที่มีคนไปถ่ายรูปและไปทานปิ๊กนิกกันที่นั่นกัน ซึ่งจุดที่จะต้องไปถ่ายให้ได้นั่นก็คือ "หน้า Tokyo Sky Tree และตึกอาซาฮี" นั่นเองค่ะ มันได้ feel ที่แบบเย็นสบายๆและก็ดูสงบๆยังไงก็ไม่รู้ มันชิคมากเลยแหละ 
รูปนี้คุณลุงชาวญี่ปุ่นถ่ายให้นะจ๊ะ
ชื่อภาพ:รอคิตตี้ที่ท่าเรือ
จะมาถ่าย MV หรือมาถ่ายอะไรคราบ ฮาๆ
รับบทเป็นมาเฟีย??? เพลง:อย่าปิดแผ่นฝ้าด้วยฝ่า... ไปเขียนกันเองนะ
เดี๋ยวเขียนต่อในเม้นต์ย่อยนะคะ

ชื่อสินค้า:   เที่ยวต่างประเทศ ญี่ปุ่น บันทึกนักเดินทาง โตเกียว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่