สวัสดีค่ะ ก่อนที่จะตอบ เราอยากให้มาดูเรื่องราวของเราหน่อยนะคะ คือครอบครัวเรา พ่อ กับ แม่ เขาเลิกกันเพราะงั้น ตั้งแต่จำความได้เราอยู่กับย่ามาตลอด ในตอนที่เราอยู่ขึ้น ป.1 ย่าก็ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อที่ อ่างทอง ก็ทำนาอะไรไป ตอนนั้นเราเด็ก เราไปไหนไม่ได้เพราะต่างที่ต่างถิ่น จนเราจบ ม.ต้น เราก็ออกไปไหนไม่ได้ เราเป็นคนเชื่อฟังผู้ใหญ่อยู่ในกรอบ สั่งอะไรเราก็ทำ ไม่นอกลู่นอกทาง ส่วนพ่อก็ไม่ใส่เราสักเท่าไหร่ เหมือนแค่ให้เงินไปเรียนก็จบ (แต่ต้องตื่นมาขอให้ทันนะถ้าตื่นมาขอไม่ทันวันนั้นก็ไม่มีตังค์ไปกินข้าวกินขนมที่โรงเรียน) แล้วเวลาขอบางครั้งเขาก็ชักสีหน้าใส่ ส่วนย่าก็คอยห้ามไม่ให้ไปไหน(เพราะเขาเป็นห่วง) จนพอขึ้น ม.ปลาย เราได้เจอเพื่อน ได้ออกไปไหนมาไหนได้ เพราะแม่เลี้ยงเขาบอกให้พ่อปล่อยๆเราบ้างเราโตแล้ว ตอนนั้นเราสนุก เราได้รู้จักคำว่าอิสระ แต่ก็อยู่ได้แค่ 2 ปี หลังจบ ม. 5 นั้น ชีวิตเราก็อึกอัดที่สุด พ่อเลิกกับแม่เลี้ยงคนนั้น แต่ไปเจอผู้หญิงไหม่ ในเวลาเดียวกันพวกเราก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ กทม. มาอยู่กับลุง ส่วนพ่ออยู่ได้ 3 -4 เดือนก็ทะเลาะกับลุงแล้วทิ้งเรากับยายไว้กับลุงแล้วหายไปเลย โผ่มาได้ 2-3 วันก็หายไปอีก กลับมาที่เรื่องของเรา เรามาต่อ ม.6 ที่ กทม. เราไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลย กลับจากโรงเรียนมาลุงก็เอาแต่ให้ทำงาน ไม่มีเวลาได้พัก ไม่มีเวลาได้เล่น ช่วงเทอมแรกที่ย้ายมาไหม่ เราก็ได้ไปช่วยงานลุง ลุงเราทำงานขายของ ทำทุกวัน ส่วนเราไปเรียนกลับมาก็มาช่วย ทุกวัน ไปไหนไม่ได้จนเริ่มเหนื่อย เริ่มไม่สนใจเรียนมาสายบ้าง โดดเรียนบ้าง จนเทอม 2 ลุงยิ่งให้เราทำหนักขึ้น ให้เราขายของอีกร้านหนึ่งเป็นร้านของเราเอง ตอนนั้นคือ กลับจากโรงเรียนก็มาขายของตัวเองหยั้น 4 ทุ่ม เราเหนื่อยทำตัวขี้เกียจวันไหนก็เอาเราไปเปรียบเทียบกับเด็กพิการ หรือ เด็กที่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่ประถม ตอนนั้นการเรียนเราก็ไม่สนใจ ไม่สนเลย ไปเรียนก็ได้นอนหลับเวลาว่าง หรือโดดบางวิชา จนเรียนตามเพื่อนไม่ทัน ช่วงนั้นมีเรียนออนไลน์ ลุงก็ยังให้ไปทำงานละเรียนออนไลน์ไปขายของไป เรารู้เลยว่าเราทำไม่ได้ เราเลยไม่เข้าเรียนออนไลน์เลย แต่สุดท้ายก็รอดม. 6 มาได้ ต่อมาไม่นานที่เราจบ ลุงให้เราหยุดเรียน บอกว่าค่อยไปต่อมหาลัยตอนอื่นแล้วให้เราเริ่มหาทำงานจริงจัง ตอนนั้น เราทั้งคิดไม่ออก ทำไรไม่ถูก เขาก็เอาแต่บงการชีวิต จนเราเริ่มชิน งานเริ่มลงตัว เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองได้ แต่เราก็มีย่าที่คอยอยู่กับเรา ส่วนลุงก็เริ่มไม่มาจุกจิกจู้จี้เราแล้ว เหมือนได้อิสระมานิดๆ แต่เราก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี เราใช้ชีวิตแบบนี้มาได้ 3 ปี ตั้งแต่ อายุ 19 จนถึง 21 ปี แล้วพ่อเราก็กลับมา เราโกรธเขาที่หายไปเลย ไม่มารับชอบอะไรเราเลย เราเริ่มต่อต้านเราตั้งแต่เขากลับมา เขามาเริ่มมาบงการชีวิตเรา เห็นเราทำงานแต่ไม่มีอะไรเป็นชั้นเป็นอันเลยมาบงการเรา เราเลยให้เขามาช่วยเรานิดๆหน่อยๆ แล้ววันหนึ่งเราก็ป่วย เราเลยให้เขาทำแทนเราไปเลย เราพักไข้ได้ 2-3 วัน เขาก็ให้เรามาทำงาน ตอนนั้นเราทำนิดหน่อยเราก็ไม่ทำแล้วให้เขาทำต่อ เขาเริ่มบ่น เริ่มว่าเราขี้เกียจ ว่ายายว่าทำไมถึงสอนให้เราขี้เกียจแบบนี้ ในความคิดเราคือ แล้วเราจะขยันให้เห็นเพื่ออะไร เราไม่ชอบเลย ต่อมายายมาขอบอกขยันให้มันดูหน่อยเถอะ มันจะได้มีแรงอยากช่วย เราเลยทำอะไรเองไม่พึงเขาเขามาช่วยได้ 2 วัน ละไม่มาช่วยเราอีกเลย เราเลยบอกยายว่า นี้หรอยายที่ยายบอกว่าถ้าขยันแล้วเขาอยากช่วย .. เราทำงานเองไม่พึงพ่อได้ 3-4 วัน เราก็อยากพักสักวัน เราบอกยายว่า พรุ่งนี้เราหยุด พ่อเขาเลยอาสาจะขาย เราเลยไม่เกียงอะไร วันต่อมาเขาให้เราไปเปิดร้าน จัดร้านให้ เราแบบ ห้ะ!! แบบนี้เราจะหยุดทำไม เลยเถียงเขาไป ยายก็บอกว่าแค่ไปจัดร้านให้แค่นี้เอง เราเลยไปแค่เปิดร้าน จัดของให้เขามาจัดเอง พอเป็นแบบนั้นเขาก็ว่าเราไม่ช่วย แล้วบอกว่าถ้าเราทำตัวแบบนี้แล้วเขาจะมาช่วยเราทำไม เราก็บอกไม่ได้ขอ ที่ผ่านมาเราก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีเขา จากนั้นเขาก็เดินหนี ย่าเราก็เข้าข้างเขา(ทุกครั้งที่เขาว่าเราหรือทะเลาะกับเราย่าเราก็เห็นด้วยตลอด) มันทำให้เรารู้สึกน้อยใจ อยู่ไปทำไมถ้าเรามันแย่ในสายตาเขา ทำดีไม่เคยชม ตอนนั้นคิดได้แค่ว่าไม่อยากอยู่ เราหยิบมีมาปาดข้อมือต่อหน้าย่า เลือดหยดเต็มพื้น หลังจากนั้นย่าเขาก็ปรับตัวไม่เข้าข้างพ่อ หมอบอกให้เราอย่างเพิ่งยกของหนัก ผ่านไปได้ อาทิตเดียว พ่อเขาก็มาใช้ให้เราไปทำงาน บอกแผลแค่นี้ต้องอดทน เขาไม่เปลี่ยนไปเลย อยากผลักไสเขาไปไกล แต่ยังไงเขาก็พ่อ 😢😢😢
ปัญหาครอบครัว ควรแก้ยังไงดีค่ะ?