เรื่องเล่าของคนเคยเจอผี ตอนที่ 2

เริ่มว่างก็เลยมาเล่ากันต่อค่ะ  
ตั้งแต่ที่เรารู้ว่ามีผู้หญิงผูกคอตายที่บ้าน  ลืมบอกไปว่า she ผูกคอตายเพราะผิดหวังในเรื่องความรัก น่าสงสารจัง มิน่าเถึงว่าเราก็ออกหน้าตาดี๊ดี มีคนมาจีบตลอด  หัวกระไดไม่แห้งว่างั้น แต่...แต่ รักใครก็จะคบไม่ได้นาน ก็ต้องมีอันเลิกกันไป เฮ้ออออออ

ปกติเราไปนอนเบียดกับน้องชาย และพี่ชายที่ชั้น 2  ใครจะกล้านอนคนเดียว โดนอำเกือบทุกคืน    พอเราเริ่มเรียนมหาลัย ก็มีลูกพี่ลูกน้องเป็นเด็กผู้หญิงมาขออาศัยอยู่ด้วยสักพัก   ระหว่างรอซื้อบ้านใหม่  เราเลยย้ายกลับมานอนห้องตัวเองที่ชั้น 3 เพราะมีน้องมานอนเป็นเพื่อนแล้ว  เย้ๆๆๆ คืนแรกที่นอนก็โดนรับน้องซะล่ะ หุ...หุ...หุ  เราจำไม่ได้ว่า ช่วงเที่ยงคืน หรือตีหนึ่ง ระหว่างที่นอนหลับกันอยู่ มีเสียงเคาะประตู 2-3 ครั้ง สำหรับเราคือ....ชินแล้วจ้า แต่น้องสิไม่ชิน ถามเราว่าพี่คะได้ยินเสียงเคาะประตูไหมคะ  เราก็ตอบสั้นๆว่า อื้มมมม  แล้วเลยก็โชว์พราวไปเปิดประตู  ให้รู้เจ๊อ่ะ ใจถึงพึ่งได้ ไม่กลัวๆๆๆๆ  พอเปิดประตูก็ มีแต่ความว่างเปล่า น้องก็แอบทำหน้าเหวอเล็กน้อย ถึงปานกลาง แล้วบทสนทนาต่างๆก็จบ แยกย้ายกันนอน เราก็ได้แต่หวังว่าน้องคงจะเข้าโหมดเคยชินในไม่ช้า  น้องมาอยู่ด้วยไม่นานก็จากไป เราเลยไปสถิตย์อยู่ ชั้น 2 ที่ห้องพี่ชาย-น้องชายเช่นเดิม  

ต่อมาน้องชายก็ entrance ติดที่ ม.สงขลา มาทิ้งพี่สาวไปอีก  ตอนนี้ก็เหลือแต่พี่ชายที่วันๆไม่ค่อยจะกลับบ้าน ติดสาวนะสิ เราเลยต้องกลับไปนอนห้องตัวเองที่ชั้น 3 หลังๆก็โดนผีอำน้อยลงบ้าง  เริ่มดูแลเราบ้าง คืนไหนนอนไม่ปิดไฟ ก็ช่วยปิดให้น่ารักเกิ๊นนนนน  มีครั้งหนึ่งเคยทำต่างหูเพชรหายไป 1 ข้าง กลัวแม่ด่ามากๆ คิดๆเครียดๆจนเผลอหลับไปแล้วก็ได้ยินเสียงว่าของที่หายอยู่มหาลัย แถวกึ่งหลับกึ่งตื่น พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราก็รีบไปมหาลัยแต่เช้า เดินหาแถวบันไดซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเจอ ต่างหูเพชรเม็ดน้อยนึ่ง พอเดินขึ้นไปถึงบันไดที่ต่อระหว่างชั้น 2 กับ 3 ตาเหลือบไปมองที่มุม เห็นอะไรแว๊บวับๆ เจอะ..เจอต่างหูจ้า  เราได้แต่อุทานเบาๆ โอ้แม่เจ้าาาาาพี่ผีช่วยชีวิตไม่โดนแม่ด่าแล้วววว

วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเราเรียนปีสุดท้าย และเทอมสุดท้ายยยยที่มหาลัย ในที่สุดก็ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค๊าซะที  อายุมากกว่าเรา 1 ปี เรียนจบและทำงานแล้ว คุณแฟนก็จะมาหาที่บ้านวันเสาร์ อาทิตย์ วันนั้นเป็นบ่ายวันเสาร์คุณแฟนไปเตะบอลกับเพื่อนมา พอมาถึงที่บ้านเราก็บ่นเหนื่อยและเพลียมาก เราเลยบอกให้ขึ้นไปนอนห้องนอนรับแขกชั้น 2 ส่วนตัวเรานั่งดู tv. อยู่ข้างล่าง คุณแฟนขึ้นไปไม่ถึง 10 นาทีเผ่นแน่บลงมาข้างล่างทันที  คุณแฟนบอก
นอนๆอยู่ก็เหมือนมีคนเอาหน้ามาใกล้ๆ  ครั้งแรกก็นึกว่าฝัน พออีกครั้งลืมตาขึ้นมาดู แล้วเตียงที่นอนฝั่งนั้นก็ยุบลงไป อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องโกยเถอะโยม ตั้งวันนั้นคุณแฟนก็ไม่เคยขอมานอนเล่นอีกเลย

คืนวันก่อนรับปริญญา แก็งค์เพื่อนสนิทที่มหาลัย 5-6 คนก็ขอมานอนที่บ้านเรา จะติดรถเราไปงานพิธีรับปริญญาแต่เช้ามืด เพราะเราเป็นคนเดียวที่มีรถขับ
พี่ผีมักออกมาต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียนเสมอ มาเคาะห้องกันรัวๆ อีเพื่อนก็กรี๊ดกราดกันไป เพื่อนๆบอกว่าครั้งเดียวเข็ดไม่มาอีกแล้ว พอกันทีไม่ได้หลับได้นอน ยังถามเราอีกว่าอยุ่ไปได้ยังไง เราก็บอกเพื่อนว่าอยู่มันไปแบบนี้แหล่ะ555

หลังจากเรียนจบก็ไปทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ ตอนนั้นความรักก็ระหองระแหง ในที่สุดก็อกหักอีกครั้ง แต่เรื่องเงิน หรือเรื่องโชคต่างๆตรงข้ามมากๆ
อย่างนี้เองเค้าถึงบอกกันว่าคนเราถ้า lucky in game จะไม่ lucky in love  ปีนั้นที่เข้าไปบรษัทแจกโบนัท 12 เดือนจ้าาาา เป็นที่ฮือฮามากๆๆเพราะเป็นครั้งแรกที่แจกเยอะขนาดนี้ และคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากนั้นอีก 2-3 ปีก็เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง

พออกหักก็ไม่อยากอยู่แล้วเมืองไทย go inter ดีกว่าเรา พอดีลูกป้าก็กำลังจะไปเรียนต่อพอดีเลยได้ไปด้วยกันที่ BOSTON ช่วงแรกไปอยู่ Dorm ก็ไม่มีอะไร  พอเริ่มปีกกล้าขาแข็งก็ชวนน้องออกไปหา apartment อยู่กันดีกว่าถูกว่าอยู่ที่ Dorm ในที่สุดก็ได้ที่ถูกและดี เป็น apartment ที่อยู่ติดกับสุสาน
ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ คือ เนื่องจากได้ห้องใหม่ ก็ต้องไปหา furniture ใหม่ ก็จะไปซื้อมือสองต่อจากพวกที่จะกลับประเทศตัวเอง
เลยเหมามาหมด ทีวี โต๊ะ ชั้นวาง เตียง ตอนเลือกตาก็ไปสะดุดกับภาพ ภาพหนึ่งเหมือนต้องมนต์ เจ้าของบอกว่า ยกให้เพราะเหมา fur ไปเยอะ ภาพนี้แถมๆๆให้นะ  ของฟรีมีหรือจะพลาด พอกลับมาก็ขนของพร้อมภาพ มาตกแต่งห้อง ตรงหัวเตียงเรามีเครื่อง heater เราเอาภาพวางบนนั้น จากนั้นก็ทำอาหารเลี้ยงเพื่อนที่อุตส่าห์ช่วยขนของ  เพื่อนต่างชาติคนนั้นมองภาพนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  แล้วก็บอกกับเราว่า ภาพนี้มันแปลกๆนะ เราบอกเพื่อนว่าคิดไปเอง มันเหมาะกับห้องสีขาวแบบนี้แหล่ะ   ภาพเป็นเหมือนสีแดงสาดไปทั่ว พองานเลี้ยงเลิกราก็แยกย้ายกลับบ้าน  คืนนั้น......เตียงเราติดกับกำแพงและหัวเตียงก็รูปภาพ ประมาณตี 2-3 ก็เหมือนมีบางอย่างมานอนอยู่ข้างๆ ในใจก็คิดว่าไม่ใช่น้องแน่ เพราะเธออ้วนอยู่เตียงตรงข้าม ตัดสินใจเอาว่ะแล้วหันกลับ ก็ไม่เจออะไร แค่ขอไปนอนเตียงน้องด้วยคน  พอเช้าก็รีบโทรหาเพื่อนต่างชาติ แล้วเล่าให้ฟัง มันบอกเตือน you แล้วนะแต่ไม่เชื่อเอง เพื่อนบอกให้เอารูปหันหน้าเข้ากำแพง แล้วให้เอาเกลือโรยรอบๆไว้ก่อน  พอเอารูปหันเข้ากำแพง เชียยยยยแล้วไง ความจริงก็ปรากฏว่ามันภาพวาดตั้งแต่ปี 1927  แล้วเขียนภาษาอังกฤษแบบโบราณ ตอนแรกแปลไม่ออก เปิด dictionary ก็ไม่มี เลยไปถามครู มันแปลว่า "สุสาน"    เพื่อนต่างชาติพอเห็นภาพเก่า เป็นของ antiques บังเกิดความงกเล็กๆเห็นว่าภาพน่าจะมีราคากะจะเก็บไว้เอง เราบอกยกให้  เอาไปเลยจ้าภาพเก่า option พร้อมผี   แล้วไงล่ะเอาไปได้แค่คืนเดียวบอกไม่ไหวจะเคลียร์ โดนจัดหนักจัดเต็มไม่ได้นอนเลย ทั้งหลอกทั้งกัดตามตัว โรยเกลือก็เอาไม่อยู่ เลยเอาภาพโยนทิ้งไปกลางดึกคืนนั้นเลย 

เที่ยวสนุกอยู่ได้ไม่นานแม่ก็อยากให้กลับเมืองไทยแล้วเพราะค่าเงินมันขึ้นเป็น 1 us = 50 บาท แล้วน้องก็จะกลับแล้วเพราะยังเข้ามหาลัยที่โน่นไม่ได้ ส่วนเรากำลังจะเข้าเรียน ทางมหาลัยเลยบอกจะรอ 1 ปี ถ้าเปลี่ยนใจก็มาเรียนได้เลย 

กลับได้พัก 1 อาทิตย์ก็มีงานทำทันทีเป็นบริษัทน้ำมันต่างชาติ  ต้องการมาลุยธุรกิจปั๊มน้ำมันในเมืองไทย ตัองการแค่จบป.ตรี และพูดภาษาอังกฤษ บวกกับมีเส้นสายเล็กๆ ไปสัมภาษณ์ก็รับเลย เพื่อนใหม่ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานเจ้าของปั๊ม หรือนร.นอก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายวัยรุ่นวัยคะนองกันทั้งนั้น ไม่ค่อยมองเราเป็นผู้หญิงซักเท่าไร ก็ห้าวเกิน ส่วนใหญ่เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานจะมารวมตัวที่ปั๊มของเราแล้วนั่งรถไปตะลุยผับที่พัทยากัน เพื่อนเป็นคนขับ ส่วนเรานั่งด้านหลังติดกระจก ช่วงที่ขับไปเป็นเวลาโพล้เพล แล้วสมัยนั้นทางยังไม่สะดวกสบายเท่านี้  ข้างทางยังมีต้นไม้เยอะแยะ  ระหว่างที่พวกเราก็จะร้องเพลงเฮฮากันไป สายตาเราก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงผมยาวแล้วมือก็ชี้ไปข้างหน้า เรามองตามที่มือชี้ไป แล้วตะโกนว่า...เชี่ยยยยแล้ว.เบรคคคคคคค เดี๋ยวนี้  เพื่อนทุกคนในรถตกใจ โชคดีที่คนขับเบรคทัน ไม่มีใครในรถเห็นว่ามีรถบรรทุกจอดอยู่ข้างหน้า ไม่งั้นคงสาหัสทั้งคัน ที่สำคัญ รถของกรู 

พอกลับมาเมืองไทยเพื่อนเก่าก็ชวนไปเที่ยว คิดถึงๆๆๆ ก็ไปพัทยาอีกกกก แต่คราวนี้เอารถเพื่อนไป แล้วไปพักที่...รร. Ambassador ก่อนจะเลี้ยวเข้ารร. เจอแมวดำวิ่งตัดหน้ารถ (ไม่ธรรมดา) แล้วไปแบบ walk-in ไม่ได้จองมาล่วงหน้า ห้องส่วนใหญ่เต็มเหลือแต่ในส่วนของ garden wing สมัยนั้นขึ้นชื่อว่า wing นี้ผีดุสุด  คิดรึจะรอด หึ...หึ...หึ  ในห้องจะนอนกัน 3 คนเบียดกันบนเตียง ตามสูตรที่เราจะต้องขอนอนกลาง พอเริ่มจะนอนกัน เราเป็นคนที่นอนหลับเร็วมากหัวถึงหมอนก็สลบ ส่วนเพื่อนๆก็คงยังเคลิ้มๆกันอยู่ งวดนี้หวยออกที่...ผีแมวดำที่วิ่งตัดหน้ารถไปจ้า  มานอนตัวอ้วนดำบนตัวเรา เราก็ดิ้นๆจนเพื่อนรู้สึก  เอามาจับตัว  เราบอกเจอผีแมวดำให้เเล้ว  เพื่อนก็ไม่ถามอะไรต่อเป็นอันรู้กัน นอนต่อเถอะยิ้ม ไม่ต้องเล่าพวกกรูกลัวววว.....แล้วมาเล่าใหม่น้าาา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่