ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
หลังจากที่ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เป็นช่วงประจวบเหมาะพอดิบพอดีในชีวิตของผม ที่ได้งานทำโดยไม่ต้องออกไปหางานที่ไหนเลย
มีรุ่นพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ได้โทรศัพท์มาหาผม พร้อมกับพูดจาเชิญชวนให้ผมไปทำงานแทนที่พี่เค้า ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กชายแห่งหนึ่ง
พี่เค้าให้เหตุผลว่า จะลาออกเพื่อกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด
ผมเป็นคนไม่อะไรมาก คิดว่าพี่คงเดือดร้อนจริง ๆ นั่นแหละ คงต้องรีบกลับบ้านด่วน และช่วงนั้นผมก้ยังไม่มีงานทำ กำลังหางานอยู่พอดี
ผมตอบรับทำงานในทันที และคิดในใจแค่ดูแลเด็ก งานง่าย ๆ สบาย ๆ เงินเดือนก็ดีในระดับหนึ่ง ไม่เอาผมก็บ้าแล้ว
การสัมภาษณ์งานผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งอาทิตย์หลังจากสัมภาษณ์งานผมก็ได้เริ่มทำงานเลย เนื่องจากผมเป็นคนรักเด็ก การทำงานจึงสนุก และไม่ได้เกิดปัญหาอะไรกับตัวผมมากนัก ยิ่งผมเล่นกีต้าร์เป็น ร้องเพลงสนุก แก๊งค์เด็ก ๆ จึงติดผมมาก
วันเวลาผ่านไปได้สามเดือนกว่า ๆ ผมได้รับการบรรจุเข้าทำงานอย่างเต็มตัว แต่หน้าที่ใหม่ก็ถูกเพิ่มเข้ามา คนที่ได้รับการบรรจุจะต้องผลัดเวรกันมานอนกับเด็กน้อยเหล่านี้ในเวลากลางคืนเวรละ 1 อาทิตย์
และชีวิตผม ก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าเวร
การนอนเวรคืนแรกของผมก็มาถึง ผมพกความมั่นใจมาเต็มร้อย เพราะเป็นคนไม่กลัวผี ไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรเหล่านี้เลย และคุ้นชินกับเด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว
ในเวลา 3 ทุ่ม ไฟทุกดวงถูกปิด ห้องพักของเด็ก ๆ จะเป็นห้องโถงกว้าง นอนกันบนเตียงสองชั้น ส่วนห้องพักของผมเป็นห้องเล็กแยกออกมา แต่ก็อยู่ติดกับห้องพักของเด็ก ๆ เนื่องจากห้องพักครูต้องใช้เวียนกัน 1 สัปดาห์ต่อคน ในห้องพักครูจึงมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ และเบาะรองนอนอยู่มุม ๆ หนึ่งในห้องเท่านั้น
หลังจากที่ผมหลับไปได้สักพัก ผมฝันเห็นตัวของผมเองนอนอยู่ในห้องพักห้องนี้ แต่รอบตัวของผม กลับมีกลุ่มเด็กรูปร่างเหมือนเด็กน้อยปกติทั่วไป
ในฝันผมมองเห็นใบหน้าชัดเจน แต่ใบหน้าเหล่านั้น ผมกลับไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เด็กกลุ่มนั้น วิ่งวนรอบที่นอนของผม วิ่งเล่นหัวเราะกันเสียงดัง และเด็กเหล่านั้น วิ่งกรูเข้ามาลากที่นอนของผมวิ่งวนไปวนมาในห้องอย่างบ้าคลั่ง
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะตกใจกับความฝันที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าที่นอนที่ผมนอนหลับอยู่ ตอนนี้มันได้ย้ายตัวของมันมาอยู่ตรงกลางห้องได้อย่างน่าแปลกใจ โดยที่ผ้าปูผ้าห่มยังคงอยู่ในสภาพที่ดี และตามปกติตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่ได้เป็นคนนอนดิ้น ผมไม่เคยนอนดิ้นเลย
ผมคิดในใจ นี่มันแปลกมาก ๆ ผมนอนดิ้นจริง ๆ หรือเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้กันแน่ แต่นี่เป็นคืนแรก ผมได้แต่ทำใจดีสู้เสือ คิดปลอบใจตัวเองว่าแค่นอนดิ่นเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องคิดมาก
รุ่งเช้า พี่ ๆ ในที่ทำงานต่างเดินตรงเข้ามาสอบถามกับผมว่า "เมื่อคืนเจออะไรแปลก ๆ บ้างไหม"
ผมส่ายหัวเเรง พร้อมกับหัวเราะออกมา "ไม่เจออะไรนะครับพี่"
ทุกคนต่างทำหน้าผิดหวัง ราวกับว่า ลึก ๆ แล้ว ต้องการฟังเรื่องอะไรบางอย่างที่พวกตนก็เคยพบเจอมา
วันนั้นผมทำงานตามปกติ แต่ช่วงหัวค่ำ เรื่องแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้น หลังจากที่ส่งเด็กเข้านอนเสร็จ ผมก็กลับเข้าในห้องพักของผม สักพักเดียว
ผมได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นกันดังสนั่นหวั่นไหวอยู่นอกห้อง
ด้วยความแปลกใจ ผมจึงกะจะเดินออกไปดู ตั้งใจไว้ว่าจะว่ากล่าวตักเตือนสักหน่อยเพราะนี่มันเป็นเวลาพักผ่อนหลับนอนของทุกคนแล้ว
มือของผมยังถือลูกบิดค้างเอาไว้ เสียงภายนอกยังคงดังสนั่น มีทั้งเสียงวิ่ง เสียงหัวเราะ เสียงเด็กตะโกนคุยกัน
แต่ ! ! ! ทันทีที่ผมเปิดประตูออกไปเพียงเสี้ยววินาที ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ราวกับไม่เคยมีอะไรวุ่นวายในห้องมาก่อน
และที่สำคัญที่สุด มันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เด็กทุกคนนอนหลับสนิท ไม่มีใครแอบลงมาวิ่งเล่นกัน
แต่ถ้าเด็กมันวิ่งเล่นกันจริง ๆ ผมต้องเห็นหลังไว ๆ วิ่งเข้าไปบนที่นอนอย่างแน่นอน
ตอนนั้นผมยังทำใจดีสู้เสือ ทำเป็นไม่คิดอะไร
ผมกลับเข้าห้องพักครู อาบน้ำเตรียมตัวนอน แต่เมื่อผมปิดไฟนอนไปได้สักพัก ผมกลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ สะอึกสะอื้น และเสียงนั้นมันดังอยู่ในห้องที่ผมนอนนี่แหละครับ แสงไฟหรี่ ๆ จากภายนอกทำให้ห้องไม่มืดมากนัก ผมลืมตาขึ้นมาดูปรากฏว่า
ผมเห็นเด็กผู้ชายหัวเกรียน ยืนหันหน้าเข้าหากำแพง ร้องไห้สะอื้นอยู่ตรงมุมห้อง
ผมตกใจมากแต่ยังคงมีสติ ตอนนั้นคิดเพียงแค่ว่า เด็กคงป่วย คงไม่สบาย แต่ไม่กล้ามาขอความช่วยเหลือเพราะเห็นผมนอนหลับอยู่
ผมรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที ปรากฏว่า เด็กคนนั้นแหกปากกรีดร้องเสียงดังราวกับเสียงของผู้หญิง และเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของผม
ผมตกใจ หน้าชา ตัวชา ยืนนิ่งก้าวขาไม่ออก เมื่อได้สติกลับคืนมา
ผมลุกไปปลุกเด็กที่นอนอยู่ด้านนอก ขอให้เด็กมานอนเป็นเพื่อนหน่อย ผมขอเด็กมา 3 คน เอาให้เต็มห้องไปเลย
รุ่งเช้า พี่ ๆ ในที่ทำงานยังคงเข้ามารุมถามผมว่า เมื่อคืนผมเจออะไรไหม
ผมที่อยู่ในอาการตื่นกลัวและสงสัย จึงได้เล่าทุกอย่าที่พบเจอมาให้พี่ที่ทำงานฟัง ว่าเมื่อคืน "ผมเจอเต็ม ๆ"
พี่ที่ทำงานทุกคนหัวเราะร่า สนุกสนาน พร้อมกับบอกอีกว่า ทุกคนที่นี่เคยเจอมากันหมด
"เป็นวิญญาณเด็ก ๆ หนะ ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการป่วย ด้วยโรคที่สมัยนั้นยังไม่มียารักษา และบางส่วนก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต"
พี่ ๆ พาผมไปที่ห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง
ปรากฏว่า ในนั้นมีโกฏิเก็บกระดูกของเด็กที่เคยตายอยู่ที่นั่นวางเอาไว้เต็มไปหมด
ผมล้มทั้งยืน เพราะรูปถ่ายหน้าโกฏิมันเป็นกลุ่มเด็กที่ผมเห็นในฝันตอนวันแรก ผมจำหน้าเด็กกลุ่มนี้ได้ดีเลย
พี่ที่ทำงานพยุงผมขึ้น และพูดกับผมว่า "ทุก ๆ ปี จะมีการทำบุญครั้งใหญ่ให้เด็กเหล่านี้ตลอด แต่ผมเพิ่งมาอยู่จึงยังไม่เคยเห็นการทำบุญในห้องนี้"
ผมกลับมานั่งคิดดูผมก็รู้สึกแปลกใจ ผมอยู่มาตั้งหลายเดือนทำไมผมไม่เคยสังเกตุเห็นห้องนี้เลย หรือบางทีอาจจะมีอะไรมาบังตาทำให้ผมมองไม่เห็นห้องนี้
ผมมารู้เอาทีหลังว่ารุ่นพี่คนที่ชวนผมมาทำงานที่นี่ มันไม่ได้กลับบ้านตามที่มันบอกผม
แต่รุ่นพี่มันเจอผีเหมือนที่ผมเจอ มันเลยกลัวจนต้องลาออกจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ แต่ด้วยความขี้เกรงใจของมัน มันเลยหาคนมาทำงานแทน
ซึ่งคนที่ซวยที่สุดนั่นก็คือผมนั้นเอง
ผีเด็กที่ศูนย์รับเลี้ยง
หลังจากที่ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เป็นช่วงประจวบเหมาะพอดิบพอดีในชีวิตของผม ที่ได้งานทำโดยไม่ต้องออกไปหางานที่ไหนเลย
มีรุ่นพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ได้โทรศัพท์มาหาผม พร้อมกับพูดจาเชิญชวนให้ผมไปทำงานแทนที่พี่เค้า ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กชายแห่งหนึ่ง
พี่เค้าให้เหตุผลว่า จะลาออกเพื่อกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด
ผมเป็นคนไม่อะไรมาก คิดว่าพี่คงเดือดร้อนจริง ๆ นั่นแหละ คงต้องรีบกลับบ้านด่วน และช่วงนั้นผมก้ยังไม่มีงานทำ กำลังหางานอยู่พอดี
ผมตอบรับทำงานในทันที และคิดในใจแค่ดูแลเด็ก งานง่าย ๆ สบาย ๆ เงินเดือนก็ดีในระดับหนึ่ง ไม่เอาผมก็บ้าแล้ว
การสัมภาษณ์งานผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งอาทิตย์หลังจากสัมภาษณ์งานผมก็ได้เริ่มทำงานเลย เนื่องจากผมเป็นคนรักเด็ก การทำงานจึงสนุก และไม่ได้เกิดปัญหาอะไรกับตัวผมมากนัก ยิ่งผมเล่นกีต้าร์เป็น ร้องเพลงสนุก แก๊งค์เด็ก ๆ จึงติดผมมาก
วันเวลาผ่านไปได้สามเดือนกว่า ๆ ผมได้รับการบรรจุเข้าทำงานอย่างเต็มตัว แต่หน้าที่ใหม่ก็ถูกเพิ่มเข้ามา คนที่ได้รับการบรรจุจะต้องผลัดเวรกันมานอนกับเด็กน้อยเหล่านี้ในเวลากลางคืนเวรละ 1 อาทิตย์
และชีวิตผม ก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าเวร
การนอนเวรคืนแรกของผมก็มาถึง ผมพกความมั่นใจมาเต็มร้อย เพราะเป็นคนไม่กลัวผี ไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรเหล่านี้เลย และคุ้นชินกับเด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว
ในเวลา 3 ทุ่ม ไฟทุกดวงถูกปิด ห้องพักของเด็ก ๆ จะเป็นห้องโถงกว้าง นอนกันบนเตียงสองชั้น ส่วนห้องพักของผมเป็นห้องเล็กแยกออกมา แต่ก็อยู่ติดกับห้องพักของเด็ก ๆ เนื่องจากห้องพักครูต้องใช้เวียนกัน 1 สัปดาห์ต่อคน ในห้องพักครูจึงมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ และเบาะรองนอนอยู่มุม ๆ หนึ่งในห้องเท่านั้น
หลังจากที่ผมหลับไปได้สักพัก ผมฝันเห็นตัวของผมเองนอนอยู่ในห้องพักห้องนี้ แต่รอบตัวของผม กลับมีกลุ่มเด็กรูปร่างเหมือนเด็กน้อยปกติทั่วไป
ในฝันผมมองเห็นใบหน้าชัดเจน แต่ใบหน้าเหล่านั้น ผมกลับไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เด็กกลุ่มนั้น วิ่งวนรอบที่นอนของผม วิ่งเล่นหัวเราะกันเสียงดัง และเด็กเหล่านั้น วิ่งกรูเข้ามาลากที่นอนของผมวิ่งวนไปวนมาในห้องอย่างบ้าคลั่ง
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะตกใจกับความฝันที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าที่นอนที่ผมนอนหลับอยู่ ตอนนี้มันได้ย้ายตัวของมันมาอยู่ตรงกลางห้องได้อย่างน่าแปลกใจ โดยที่ผ้าปูผ้าห่มยังคงอยู่ในสภาพที่ดี และตามปกติตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่ได้เป็นคนนอนดิ้น ผมไม่เคยนอนดิ้นเลย
ผมคิดในใจ นี่มันแปลกมาก ๆ ผมนอนดิ้นจริง ๆ หรือเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้กันแน่ แต่นี่เป็นคืนแรก ผมได้แต่ทำใจดีสู้เสือ คิดปลอบใจตัวเองว่าแค่นอนดิ่นเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องคิดมาก
รุ่งเช้า พี่ ๆ ในที่ทำงานต่างเดินตรงเข้ามาสอบถามกับผมว่า "เมื่อคืนเจออะไรแปลก ๆ บ้างไหม"
ผมส่ายหัวเเรง พร้อมกับหัวเราะออกมา "ไม่เจออะไรนะครับพี่"
ทุกคนต่างทำหน้าผิดหวัง ราวกับว่า ลึก ๆ แล้ว ต้องการฟังเรื่องอะไรบางอย่างที่พวกตนก็เคยพบเจอมา
วันนั้นผมทำงานตามปกติ แต่ช่วงหัวค่ำ เรื่องแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้น หลังจากที่ส่งเด็กเข้านอนเสร็จ ผมก็กลับเข้าในห้องพักของผม สักพักเดียว
ผมได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นกันดังสนั่นหวั่นไหวอยู่นอกห้อง
ด้วยความแปลกใจ ผมจึงกะจะเดินออกไปดู ตั้งใจไว้ว่าจะว่ากล่าวตักเตือนสักหน่อยเพราะนี่มันเป็นเวลาพักผ่อนหลับนอนของทุกคนแล้ว
มือของผมยังถือลูกบิดค้างเอาไว้ เสียงภายนอกยังคงดังสนั่น มีทั้งเสียงวิ่ง เสียงหัวเราะ เสียงเด็กตะโกนคุยกัน
แต่ ! ! ! ทันทีที่ผมเปิดประตูออกไปเพียงเสี้ยววินาที ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ราวกับไม่เคยมีอะไรวุ่นวายในห้องมาก่อน
และที่สำคัญที่สุด มันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เด็กทุกคนนอนหลับสนิท ไม่มีใครแอบลงมาวิ่งเล่นกัน
แต่ถ้าเด็กมันวิ่งเล่นกันจริง ๆ ผมต้องเห็นหลังไว ๆ วิ่งเข้าไปบนที่นอนอย่างแน่นอน
ตอนนั้นผมยังทำใจดีสู้เสือ ทำเป็นไม่คิดอะไร
ผมกลับเข้าห้องพักครู อาบน้ำเตรียมตัวนอน แต่เมื่อผมปิดไฟนอนไปได้สักพัก ผมกลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ สะอึกสะอื้น และเสียงนั้นมันดังอยู่ในห้องที่ผมนอนนี่แหละครับ แสงไฟหรี่ ๆ จากภายนอกทำให้ห้องไม่มืดมากนัก ผมลืมตาขึ้นมาดูปรากฏว่า
ผมเห็นเด็กผู้ชายหัวเกรียน ยืนหันหน้าเข้าหากำแพง ร้องไห้สะอื้นอยู่ตรงมุมห้อง
ผมตกใจมากแต่ยังคงมีสติ ตอนนั้นคิดเพียงแค่ว่า เด็กคงป่วย คงไม่สบาย แต่ไม่กล้ามาขอความช่วยเหลือเพราะเห็นผมนอนหลับอยู่
ผมรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที ปรากฏว่า เด็กคนนั้นแหกปากกรีดร้องเสียงดังราวกับเสียงของผู้หญิง และเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของผม
ผมตกใจ หน้าชา ตัวชา ยืนนิ่งก้าวขาไม่ออก เมื่อได้สติกลับคืนมา
ผมลุกไปปลุกเด็กที่นอนอยู่ด้านนอก ขอให้เด็กมานอนเป็นเพื่อนหน่อย ผมขอเด็กมา 3 คน เอาให้เต็มห้องไปเลย
รุ่งเช้า พี่ ๆ ในที่ทำงานยังคงเข้ามารุมถามผมว่า เมื่อคืนผมเจออะไรไหม
ผมที่อยู่ในอาการตื่นกลัวและสงสัย จึงได้เล่าทุกอย่าที่พบเจอมาให้พี่ที่ทำงานฟัง ว่าเมื่อคืน "ผมเจอเต็ม ๆ"
พี่ที่ทำงานทุกคนหัวเราะร่า สนุกสนาน พร้อมกับบอกอีกว่า ทุกคนที่นี่เคยเจอมากันหมด
"เป็นวิญญาณเด็ก ๆ หนะ ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการป่วย ด้วยโรคที่สมัยนั้นยังไม่มียารักษา และบางส่วนก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต"
พี่ ๆ พาผมไปที่ห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง
ปรากฏว่า ในนั้นมีโกฏิเก็บกระดูกของเด็กที่เคยตายอยู่ที่นั่นวางเอาไว้เต็มไปหมด
ผมล้มทั้งยืน เพราะรูปถ่ายหน้าโกฏิมันเป็นกลุ่มเด็กที่ผมเห็นในฝันตอนวันแรก ผมจำหน้าเด็กกลุ่มนี้ได้ดีเลย
พี่ที่ทำงานพยุงผมขึ้น และพูดกับผมว่า "ทุก ๆ ปี จะมีการทำบุญครั้งใหญ่ให้เด็กเหล่านี้ตลอด แต่ผมเพิ่งมาอยู่จึงยังไม่เคยเห็นการทำบุญในห้องนี้"
ผมกลับมานั่งคิดดูผมก็รู้สึกแปลกใจ ผมอยู่มาตั้งหลายเดือนทำไมผมไม่เคยสังเกตุเห็นห้องนี้เลย หรือบางทีอาจจะมีอะไรมาบังตาทำให้ผมมองไม่เห็นห้องนี้
ผมมารู้เอาทีหลังว่ารุ่นพี่คนที่ชวนผมมาทำงานที่นี่ มันไม่ได้กลับบ้านตามที่มันบอกผม
แต่รุ่นพี่มันเจอผีเหมือนที่ผมเจอ มันเลยกลัวจนต้องลาออกจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ แต่ด้วยความขี้เกรงใจของมัน มันเลยหาคนมาทำงานแทน
ซึ่งคนที่ซวยที่สุดนั่นก็คือผมนั้นเอง