JJNY : 5in1 พิธาเสนอ4ข้อ ช่วยเหลือแรงงาน│วิโรจน์ จี้ผบ.ทร.ตอบ│‘โรม’ อัดส.ว.│ตะวันออกกลางเดือด ดันราคาน้ำมันดิบ│จีนกร้าว

พิธา เสนอ 4 ข้อ ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล แจงไม่ได้ก้าวก่ายงานรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7907699
 
 
 
พิธา แจงไม่ต้องการสร้างความสับสน ย้ำช่วยประสานงานเฉพาะหน้า สนับสนุนภารกิจรัฐบาล เสนอ 4 ข้อเรียกร้องช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล
 
วันที่ 9 ต.ค.2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ว่า 

จากกรณีที่เกิดเหตุปะทะรุนแรงในอิสราเอลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ต.ค. และทางผมได้ประชาสัมพันธ์อีเมลสำหรับญาติเพื่อช่วยรวบรวมส่งข้อมูลประสานงาน “เฉพาะหน้า” กับทางการไทยและอิสราเอลเพื่อดูแลความปลอดภัย 
 ผมได้ประสานส่งข้อมูลกับทางการไทยทันทีหลังเปิดรับอีเมลตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.แล้วโดยส่งข้อมูลให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และในวันนี้จะส่งอีเมลเพิ่มเติมไปยังกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน โดยข้อมูลทั้งหมดเป็นตารางแบบออนไลน์ แยกชื่อ อีเมล หลักฐานระบุตัวตน และเบอร์โทรของญาติสำหรับติดต่อกลับ โดยอัปเดตข้อมูลในตารางแบบ Realtime ทันที่ทีมงานเปิดอ่านข้อความอีเมลและนำข้อมูลมากรอกในตาราง(เฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับอีเมล)
 
จนถึงเวลา 12.00 น.วันนี้ ทางผมได้รวบรวมแล้วทั้งสิ้น 228 กรณี แบ่งได้ดังนี้
-คนไทยที่เชื่อได้ว่าถูกจับเป็นตัวประกัน 9 กรณี
-คนไทยอยู่ในเขตสู้รบ ต้องการความช่วยเหลือ 72 กรณี
-กรณีที่ญาติติดต่อไม่ได้ และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน 140 กรณี
-คนไทยอยู่นอกเขตสู้รบ 7 กรณี
ทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่อช่วยเป็นสื่อกลางในการประสาน “ชั่วคราว” เพราะในช่วงแรกที่เกิดเหตุ คนไทยในอิสราเอลอาจไม่ได้รับทราบช่องทางการติดต่อสื่อสารและได้ติดต่อมาทางพรรค สส.สุเทพ อู่อ้น และผมเป็นจำนวนมาก หลากหลายช่องทาง เนื่องจากคุณสุเทพได้เคยประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลต่อเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งครั้งล่าสุดเมื่อพฤษภาคม 2021 หรือ 2 ปีที่แล้ว
 
บัดนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานได้จัดช่องทางการสื่อสารกับพี่น้องแรงงานไทยในอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่าหลังจากนี้การติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างคนไทยในอิสราเอลกับทางการไทยจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผมยินดีสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล และไม่มีเจตนาจะสร้างความสับสนในภาวะแบบนี้แต่อย่างใด
 
สำหรับกรณีที่ทางการไทยได้เปิดให้คนไทยในอิสราเอลสามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงต้องการอพยพกลับประเทศไทยนั้น ผมได้หารือกับทาง สส.สหัสวัต คุ้มคง และเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน พรรคก้าวไกล โดยมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้
 
1.คนงานต้องได้รับสิทธิประโยชน์จาก กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ที่คนงานจ่ายสมทบก่อนเดินทางไปทำงาน กรณีต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดการเป็นสมาชิกกองทุนเนื่องจากประสบปัญหาจากภัยสงคราม ตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการบริหารกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ พ.ศ. 2549
 
2.เนื่องจากมีคนงานที่ยังคงมีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินเพื่อให้ได้เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลยังคงกังวลที่จะเดินทางกลับไทยหรืออพยพไปที่ปลอดภัยอื่น เพราะอาจทำให้สัญญาจ้างงานสิ้นสุดลงได้ ทำให้ตกงานแต่ยังมีหนี้สินที่ไปกู้ยืมมาก่อนเพื่อมาทำงาน
 
ดังนั้น จึงเสนอให้รัฐบาลต้องเจรจาวางเงื่อนไขการอพยพคนงานไทยที่ไปทำงานผ่าน โครงการความร่วมมือไทย – อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand – Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) หรือโครงการความร่วมมืออื่นๆ หากสงครามยุติลงให้คนงานที่ถูกอพยพในสภาวะสงครามสามารถกลับไปทำงานได้ตามเดิม
 
3.เสนอให้รัฐบาลเจรจาผ่อนผันหรือดูแลแนะนำประเด็นหนี้สินของคนงาน
 
4.กรณีคนงานไทยที่เข้าไปทำงานโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน หรือคนงานที่ลักลอบทำงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายเสนอให้รัฐบาลดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน และหากคนงานประเภทนี้ต้องการกลับขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ
 
สุดท้ายนี้ ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมขอยืนเคียงข้างและช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบเหตุเดือดร้อน และผมขอสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลไทยในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้ปลอดภัยด้วย

https://twitter.com/Pita_MFP/status/1711295482113429617



วิโรจน์ จี้ ผบ.ทร.ตอบ พร้อมรับผิดชอบไหม หากทัพเรือทำไอโอผิดกม. ซัด อย่าให้ซ้ำรอย GT200
https://www.matichon.co.th/politics/news_4223346

วิโรจน์ จี้ ผบ.ทร.ตอบ พร้อมรับผิดชอบหรือไม่ หาก ทัพเรือทำไอโอผิดกม. ซัด อย่าให้ซ้ำรอย GT200
 
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. แถลงนโยบายรับตำแหน่งเตรียมกำกับดูแลการทำประชาสัมพันธ์ และปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ของกองทัพเรือ โดยระบุว่า

ยิ่งทำ IO ยิ่งทำให้กองทัพตกต่ำไปกันใหญ่ ความโปร่งใสเท่านั้นที่จะกู้ศรัทธากองทัพได้

โดยระบุว่า 

จากกรณีที่ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม อดีต ผบ.กองเรือยุทธการ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ คนล่าสุด ได้แถลงนโยบายรับตำแหน่ง โดยจะทำหน้าที่กำกับดูแลงานประชาสัมพันธ์ และการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO: Information Operation) ด้วยตัวเอง เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกที่ดีต่อกองทัพเรือ
 
เบื้องต้นต้องความเข้าใจให้ตรงกันก่อน หากการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารที่ ผบ.ทร.พูดถึง เป็นการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสต่อประชาชน ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ก็พร้อมสนับสนุนการทำงานของกองทัพเรือ และเหล่าทัพอื่นๆ อย่างเต็มที่
 
แต่ถ้าหากการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารที่ว่า เป็นการ Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ เผยแพร่ข้อมูลด้านเดียว เพื่อหวังสร้างภาพให้แก่กองทัพ หรือหวังลวงให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามกับการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่เหมาะสม หรือซ้ำร้าย คือ การปฏิบัติการในลักษณะยุยง ปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ถ้าเป็นแบบนี้ ผมก็อยากจะแนะนำว่าอย่าได้ทำเลย เพราะในระยะยาว มีแต่จะบั่นทอนความไว้วางใจของประชาชน ทำลายเกียรติภูมิของกองทัพ จนไม่อาจกู้ศรัทธากลับมาได้
 
ผมไม่ได้เห็นแย้งกับ ผบ.ทร. ที่แบ่งกลุ่มประชาชนออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก 10% คือ คนที่มีทัศนคติเชิงลบต่อกองทัพ 80% เป็นกลุ่มคนกลางๆ และอีก 10% เป็นกลุ่มที่อยู่ฝักฝ่ายเดียวกับกองทัพอยู่แล้ว
 
การทำ IO กับประชาชน อาจจะทำให้กองทัพสำคัญผิด เพราะจะทำให้กลุ่ม 10% ที่อยู่ในฝักฝ่ายเดียวกันกับกองทัพรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น จนกองทัพหลงคิดไปเองว่า มีประชาชนสนับสนุนกองทัพเพิ่มขึ้น แต่ 10% ก็จะยังคงเป็น 10% อยู่วันยังค่ำครับ เพียงแต่ 10% แค่ฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้นเอง ในขณะเดียวกันประชาชนในกลุ่ม 80% ที่ทราบในภายหลังว่ากองทัพปฏิบัติการ IO กับประชาชน ก็จะยิ่งรู้สึกหมดศรัทธา และรู้สึกแย่กับกองทัพ ซึ่งจะทำให้กลุ่มประชาชนที่มีทัศนคติเชิงลบต่อกองทัพมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จาก 10% ก็อาจจะกลายเป็น 10%+80% = 90% ในที่สุด
 
ยิ่งกลุ่ม 10% ที่อยู่ฝักฝ่ายเดียวกับกองทัพ ถูกปฏิบัติการ IO ยุยงปลุกปั่นมากๆ เข้า จากความเห็นต่าง ก็จะกลายเป็นความขัดแย้ง จากความขัดแย้ง ก็จะกลายเป็นการคุกคามตอบโต้คนเห็นต่าง ทีนี้ก็จะยิ่งสร้างภาพลักษณ์ความเป็นอันธพาล ให้แก่กองทัพ และจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพตกต่ำมากขึ้น
 
กรณีที่มีการขึ้นสไลด์ว่า ผบ.ทร.จะเข้ามากำกับดูแลปฏิบัติการ IO ด้วยตนเอง ก็ต้องถามยืนยันว่า หากปฏิบัติการ IO นั้น เข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ผบ.ทร.ก็พร้อมรับผิดทั้งทางแพ่ง และทางอาญาใช่หรือไม่ และจะไม่ซ้ำรอยกับกรณี GT200 ที่ไม่มีนายทหารระดับสูงคนใดกล้าหาญออกมารับผิดชอบใช่ไหม
 
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการปฏิบัติการ IO ผมขอแนะนำให้ ผบ.ทร.ย้อนกลับอ่าน “คู่มือราชการสนาม ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ (รส.100-20) ที่ได้ย้ำเอาไว้ว่าการปฏิบัติการการสร้างข่าวลวง และข่าวเท็จในการใส่ร้ายป้ายสี นั้นจะต้องใช้กับฝ่ายตรงข้าม ในสภาวะสงครามเท่านั้น และในคู่มือ ยังเน้นอีกด้วยว่า ห้ามมิให้ใช้การปฏิบัติการดังกล่าวกับฝ่ายพลเรือน ซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกัน กองทัพจึงไม่สามารถนำเงินภาษีของประชาชน มาปฏิบัติการ IO กับประชาชนได้
 
ผบ.ทร.ที่เคยเป็นถึงอดีต ผบ.กองเรือยุทธการ ถ้าได้อ่านคู่มือราชการสนาม รส.100-20 คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก ถ้ากองทัพปฏิบัติการ IO กับประชาชนก็เท่ากับว่ากองทัพมองประชาชนเป็นศัตรู เป็นฝ่ายตรงข้าม หากเริ่มต้นก็มองประชาชนอย่างนี้แล้วจะให้ประชาชนรู้สึกดีต่อกองทัพได้อย่างไร
ผมเข้าใจดีว่า สิ่งที่ ผบ.ทร.ต้องการ คือการทำให้ประชาชนกลับมามีความเชื่อมั่น และไว้วางใจในกองทัพ ซึ่งเป็นความตั้งใจดีที่ผมเห็นด้วย แต่ความเชื่อใจของประชาชน จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อกองทัพมีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา จนประชาชนสิ้นข้อสงสัย ไม่ใช่การปฏิบัติการ IO ที่ลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ ภายใต้แดนสนธยา ที่ลึกลับดำมืด ตรวจสอบอะไรไม่ได้ แล้วอยู่ดีๆ ขยะใต้พรม เงินทอน และการคอร์รัปชั่น ก็โผล่ขึ้นมาประจานตัวมันเอง

ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมา เวลาที่คณะกรรมาธิการการทหารเชิญนายทหารระดับบังคับบัญชามาชี้แจงข้อสงสัย ก็มักจะไม่ได้รับความร่วมมือ ไม่มาชี้แจง เอกสารก็ไม่ตอบ บางทีก็ส่งเพียงนายทหารใต้บังคับบัญชามานั่งเฉยๆ โดยไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรต่อคณะกรรมาธิการเลย พฤติกรรมที่เหล่านี้ ล้วนบั่นทอนความน่าเชื่อถือของกองทัพมาไปเรื่อยๆ จนประชาชนหมดศรัทธา ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ทางกองทัพเรือ และเหล่าทัพต่างๆ จะให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการการทหารในชุดที่ผมได้รับเกียรติให้เป็นประธาน
 
ผมยืนยันได้ว่า ความร่วมมือที่เหล่าทัพให้กับคณะกรรมาธิการการทหารจะเป็นกลไกสำคัญที่จะกู้ศรัทธา และเรียกคืนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกองทัพให้กลับมาได้อย่างมีนัยสำคัญ
 
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02FT6My847fzK6kq3wTJTw2oVnLsGAvVnQzzS5AAWqEEg9GCC9Yg92NACXA4eEoACul&id=100057196910314 
 


‘โรม’ อัด ส.ว.ป้อง ‘อุปกิต’ หลังมีมติไม่อนุญาตออกหมายเรียก ปมพัวพันคดียาเสพติด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4223296

‘โรม’ อัด ส.ว.ป้อง ‘อุปกิต’ หลังมีมติไม่อนุญาตออกหมายเรียก ปมพัวพันคดียาเสพติด ถาม หากผิดจะรับผิดชอบอย่างไร หวัง ผบ.ตร.คนใหม่ ดำเนินการตรงไปตรงมา
 
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมวุฒิสภา มีมติ 174:7 เสียง ไม่อนุญาตให้มีการออกหมายเรียกตัว และส่งตัว นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ไปทำการสอบสวน ในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญาว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่นายอุปกิตดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. ทั้งนี้ ถือเป็นคดีที่มีน้ำหนัก ที่จะเชื่อได้ว่า ส.ว.อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ เนื่องจากก่อนที่ศาลจะมีการพิจารณาออกหมายจับ จะต้องมีการนำเสนอพยานหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งหากศาลเห็นว่าสามารถออกหมายจับได้ ก็แสดงว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง แต่ที่ไม่ออกหมายจับอาจเป็นเพราะมีการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในการแทรกแซงการออกหมายจับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่