Giant2014
จักรยานเสือภูเขาแบรนด์ Giant รุ่นปี2014 ดัดแปลงเป็นจักรยานไฟฟ้า ใส่ HUB มอเตอร์ขนาด 350 วัตต์ ชุดควบคุม 36V. 14 Amp. และแบตเตอรี่ขนาด 450 watt./Hrs. 2 ก้อน จากการคำนวน จักรยานไฟฟ้าคันนี้จะวิ่งได้ระยะทาง 70 กม.โดยไม่ต้องปั่นเลย แต่ด้วยกระเป๋าสำภาระ 4ใบหนักไม่ต่ำกว่า 30 กก. ทำให้มันเดินทางได้สั้นลงเกือบครึ่ง นั่นหมายความว่า จะต้องปั่นช่วยมันอีกเกือบ 30 กม.เพื่อให้ได้ระยะทาง 70 กม. ซึ่งเป็นระยะทางที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้
เส้นทาง
มีเส้นทางที่ไกล้ที่สุดของการทัวร์ครั้งนี้คือ 55 กม. แต่ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและอรรถรสของการได้เสพความสวยงามของชนบทสองข้างทาง ในการเดินทางครั้งนี้จะใช้เส้นทางเล็ก ๆ ที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน หรือวัดแต่ละวัด เริ่มจาก วัดนาสมอ วัดเขาปิ่นทอง วัดหนองไผ่ วัดเขาทะลุ วัดเบิกไพร (อำเภอจอมบึง) วัดหนองศรีนวล วัดทุ่งแหลม (อำเภอสวนผึ้ง) สิ้นสุดปลายทางที่ เดอะแค๊มป์ ตระนาวศรี รวมแล้วเป็นระยะทาง 70 กม.
เดอะแค๊มป์ ตระนาวศรี
ลานกางเต๊นท์เอกชน อยู่ระหว่างทางจากสวนผึ้งไปบ่อหวี ห่างจากตัวอำเภอสวนผึ้งไป 4.5 กม ผมเคยมากางเต๊นท์เมื่อปีที่แล้ว เดอะแค๊มป์ ตระนาวศรี จะเป็นปลายสุดของการเดินทางครั้งนี้
….เรื่องราวของการเดินทาง…
สองข้างทางที่คุ้นเคย...
ผมเริ่มออกเดินทางประมาณ 9:00 ตามเส้นทางที่ตั้งไว้ใน GPS แต่ที่จริงแล้ว 20 กิโลเมตรแรกไม่จำเป็นต้องใช้ GPS เลย สองข้างทางที่คุ้นเคย ผมปั่นผ่านร้านขายพิซ่าที่เคยปั่นมาแวะชิม
“ครั้งนี้ไม่ได้แวะนะครับ” ตะโกนบอกไป เมื่อเห็นเจ้าของร้านนั่งยิ้มทักทายอยู่
“ไม่เป็นไรครับพี่ เดินทางปลอดภัยครับ” เจ้าของร้านตอบกลับ
ผมผ่านวัดหลายวัด หมู่บ้านหลายหมู่บ้าน รวมถึง แก๊งหมาเจ้าถิ่นหลายแก๊ง จนถึงวัดเบิกไพร เส้นทางจากนี้ไปผมก็ไม่คุ้นแล้ว ผมต้องใช้ GPS นำทาง
แบตก้อนแรกหมดแล้วถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตก้อนที่ 2
บทเรียน…
จักรยานไฟฟ้า ผมออกแบบไว้ให้สายแบตเตอรี่ทั้งสองก้อนอยู่ติดกัน เวลาเปลี่ยนจะได้ไม่ต้องยกแบตเตอรี่มาสลับกันเพียงสลับสายไฟก็ได้แล้ว หลังจากแบตก้อนแรกหมด ผมหยุดรถ สลับสายแบตเป็นแบตก้อนที่2 หลังจากสลับสายเปิดหน้าปัดดูระดับไฟ พลังงานในแบตเตอรีก้อนที่ 2 มีไม่ถึง10เปอร์เซ็นต์ !!!
จริงหรือ? เมื่อคืนผมลืมชาร์ตแบตก้อนที่ 2 หรือ ?
เมื่อเช้าจำได้ว่าเช็กแบตเต็มทั้ง 2 ก้อนแล้วนะ ก่อนออกเดินทาง.
หรือผมลืมชาร์ทจริงๆ ขี้ลืมขนาดนี้เชียวหรือ?
แล้วทำไงต่อ ?
เหลือระยะทางอีก 38 กม. แต่แบตทั้ง 2 ก้อนไม่มีไฟเลย ต้องปั่นอย่างเดียว บ่ายโมงกว่าแล้ว 38กม.กับแดดตอนบ่ายโมง กับจักรยานที่ต้องแบกสัมภาระ30 กก. กับนักปั่นสมัครเล่นที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาเกือบปีแล้ว. ก็ได้แต่คิดในทางที่ดีว่า นักปั่นคนอื่นเค้าปั่นกันวันละร้อยกิโลเค้ายังทำกันได้ ไม่มีทางอื่นแล้ว อย่างไรก็ต้องไปให้ถึง เดอะแค๊มป์ตระนาวศรี ก่อนสี่โมงเย็น
ที่จริงก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด…
หลังจากที่ทำใจยอมรับแล้วว่าอย่างไรก็ต้องใช้พลังขาเพียงอย่างปั่นจักรยาน 38 กม.ให้ถึงที่หมายในวันนี้ให้ได้ ก็เริ่มปรับความคิด คิดแง่ดี…อย่างน้อยก็มีเวลา 5 ชั่วโมงกว่าจะมืด ใช้ความเร็ว 7กม./ชม.ก็ยังได้ นึกถึงนักปั่นฝรั่งเศษที่เคยเจอกันที่ชุมพร ปั่นจากฝรั่งเศษไปที่สิงคโปร์ สังเกตุว่าเค้าจะเปลี่ยนเกียร์บ่อยมาก เอาเทคนิคนั้นมาใช้ น่าจะช่วยได้บ้าง และมันก็ช่วยได้จริง ๆ การขยันเปลี่ยนเกียร์ให้สมดุลกับความเร็วรอบขามันช่วยได้จริง ๆ. การปั่นด้วยพลังขาอย่างเดียวไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด.
ถึงที่หมาย…
“สวนผึ้ง 2 กม.”... ป้ายเขียนบอกไว้ข้างทาง
นั่นหมายความว่า อีก 6 กม.จะถึงที่หมาย
มองเส้นทางที่ทอดยาวไปสุดสายตาเห็นรถวิ่งตัดถนนอยู่ริบ ๆ
ตรงนั้นต้องเป็นตัวอำเภอสวนผึ้งแน่ ๆ ตรงนั้นจะต้องมีเซเว่นอีเรเว่น ในเซเว่นจะมีน้ำเย็น ๆให้ดื่ม จะมีข้าวผัดกระเพรากล่องให้ผมกิน สวรรค์อยู่ที่นั่น อีกนิดเดียว
แต่อย่ารีบ เดี๋ยวตะคิวจะถามหาอีก ระหว่างทางเจอมาสองครั้งแล้ว พยายามประคองตัวไปให้ถึง
แล้วผมก็มาถึงตัวอำเภอสวนผึ้ง สิ่งแรกมองหาคืนร้านเซเว่น หลังจากเติมพลังจากเซเว่นแล้วผมปั่นไปอีก 4.5 กม.ถึงที่หมายเวลาประมาณ 4 โมงเย็น …ผมโชคดีที่ถึงที่หมายก่อนฝนตก
บทเรียนซัำซ้อน…
หลังจากถึงที่หมาย ได้ที่กางเต๊นท์แล้ว สิ่งแรกที่ผมทำคือนำแบตเตอรี่ไปชาร์ท
ผมเสียบที่ชาร์ทเข้ากับแบตเตอรี่ ไฟสัญญาณที่เครื่องชาร์ทบอกว่าแบตก้อนที่ผมกำลังชาร์ทอยู่มีไฟเต็ม 100% …เป็นไปไม่ได้ !!
ก็เมื่อกลางวันตอนเปลี่ยนแบต หน้าจอที่แฮนด์รถยังบอกว่าแบตเหลือ 0%อยู่เลย
หรือว่าเครื่องชาร์ทแบตมันเสีย ?
‘ ทำไมซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้’ …. นึกในใจ
ถ้าเครื่องชาร์ทแบตเสีย พรุ่งนี้ต้องปั่นกลับบ้าน 70 กม. เป็นไปไม่ได้ !!!
เครียด..
นึกเอะใจ ลองเอาแบตก้อนที่ 2 มาชาร์ท
อ้าวชาร์ทได้นี่ แสดงว่าเครื่องชาร์ทไม่เสียซิ
งั้นแสดว่าแบตก้อนที่1 ก็มีไฟเต็มตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วซิ
งั้นเมื่อตอนกลางวันที่คิดว่าสลับสายเปลี่ยนแบต ก็แค่ถอดขั้วสายไฟแล้วใส่เข้าไปกับขั้วแบตอันเดิมนะซี… งั้นที่ปั่นมา 38 กม.ขาเป็นตะคิว 2 ครั้ง มันคืออะไร เราสะเพร่าหรือ เสียบไฟกับแบตก้อนเดิมหรือ !!!.
เซ็ง สุด ๆ เลย.
ที่ The camp tanaosri...
หลังจากกางฟายชีท กางเต็นท์เรียบร้อย ฝนก็ตกลงมา เบียร์กระป๋องที่ซื้อจากร้านเซเว่นปากทางถูกนำมาเปิดฝาดื่มพร้อมมันฝรั่งถุงใหญ่ เสียงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มใหญ่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เสียงเม็ดฝนที่กระทบฟายชีทดังขึ้นเป็นระยะ ๆ บางครั้งก็แรงขึ้น บางครั้งก็เบาลง เม็ดฝนบางหยดผ่านฟายชีทเข้ามาในบริเวณที่กางเต้นท์ได้ บรรยากาศอย่างนี้ ผมเคยสัมผัสเมื่อปีทีแล้ว ที่นี่ หลังจากใช้เวลาอยู่กับตัวเองพักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา
“พี่ณรงค์ ฟายชีทพี่กันน้ำได้มั้ย ไปกางเต็นท์ข้างในโน่นมั้ย มีที่กางหลบฝนอยู่นะ” ..เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาว เข้าใจว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ เอ่ยปากยื่นข้อเสนอ
“ยังได้อยู่ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยย้ายไป ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณและปฎิเสธไป
“เอางั้นนะพี่ ถ้าไงก็ต้องการย้าย ก็ย้ายเลยนะพี่” …เธอย้ำถึงความมีน้ำใจก่อนเดินกลับไป
….คืนนี้ผมนอนปวดกล้ามเนื้อขาทั้งคืน รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวนิดหน่อยอาจเป็นเพราะใช้กำลังขาเกินไป กังวลนิดหน่อยว่าถ้าเป็นไข้จะทำอย่างไร แต่คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยดี
เดินทางกลับ…
เช้าวันต่อมา หลังจากดริฟกาแฟดื่ม กับแซนด์วิส อาหารเช้าแบบง่าย ๆ อาบน้ำ เก็บเต็นท์ ผมเดินทางกลับ กำลังเดินทางอกจากที่กางเต๊นท์ เห็นรถเก๋งสีขาวขับสวนมาในระยะใกล้
“พี่ณรงค์ กินกาไฟอะไรมั้ย” คนในรถเปิดกระจกพร้อมกับคำถามอย่างเป็นกันเอง
“เดี๋ยวออกไป ผ่านร้านพี่แวะกินกาแฟได้เลยนะ พี่เอาอะไร อเมริกาโน่มัย”
“เออะ..อ๋อ ได้ครับ” แล้วเธอก็ขับรถผ่านไป
ตอนแรกงง แต่นึกได้ว่าเป็นน้องผู้หญิงคนที่เสนอให้ไปกางเต็นหลบฝนในที่พักเมื่อคืน อ้อเจ้าของที่พักเค้ามีน้ำใจให้กาแฟสดแก้วหนึ่ง …รู้สึกดี
10:00 เดินทางออกจาก The Camp Tanaosri ตามเส้นทางเมื่อวาน แต่ย้อนกลับ ก่อนถึงตัวอำเภอแวะทานกระเพราราดข้าวข้างทาง ขณะนั่งกินข้าว
“พี่มาจากไหนครับเนี่ยะ” เสียงถามจากโต๊ะข้าง ๆ
“จากตัวเมืองราชบุรีครับ”...ไม่รู้ผมจะโกหกเค้าไปทำไม
“ตรงไหนครับ ผมก็อยู่ตัวเมืองราชบุรี”...อ้าวซวยละซี
ดีนะที่ผมบอกที่อยู่เพื่อนไป เอาตัวรอดได้
“พี่ปั่นจักรยานอย่างนี้พี่ไม่กลัวหรือครับ”....จบประเด็นแรกมีประเด็นที่สองขึ้นมาอีก
“รถบรรทุกใหญ่ ๆ พวกโจร พวกติดยาอะไรเงี่ยะ” …ชายแปลกหน้า ถามต่อ
“ผมไม่เคยเจอเรื่อง ร้าย ๆ นะ ผมเจอแต่เรื่องดี ๆ”..ผมตอบ
“อย่างเมื่อกี้ผมสั่งกระเพราหมูสับ แม่ค้ายังทำให้ผมล้นจานเลย แล้วถามว่าอิ่มมั้ย ถ้าผมไม่ปั่นจักรยานมา แม่ค้าคงไม่มีน้ำใจกับผมอย่างนี้หรอก” ผมตอบคำถามชายแปลกหน้า สายตาเหลือบมองไปที่แม่ค้า เห็นแม่ค้ายิ้ม
หลังกินข้าวอิ่มบอกลาแม่ค้าและชายหนุ่มแปลกหน้า
“เดินทางปลอดภัยนะพี่”....ชายแปลกหน้าอวยพรให้
รวดเดียว 70 กม. ขากลับไม่มีอะไรทำให้ผิดแผน แบตเตอรรี่ 2 ก้อนได้ถูกใช้งานทั้ง 2 ก้อน ระหว่างทาง ผ่านแก๊งเด็ก 3-4 คน มีเด็กคนหนึ่งตะโกนว่า
“ลุงผมไปด้วย…ไอ้พวกนี้มันรังแกผม”
“ไปซิ…” ผมตอบ
“ลุงไปไหน” เด็กถาม
“ลูงไปขั้วโลกใต้…ไปมั้ย”...ไม่มีเสียงตอบจากเด็กคนนั้น
…ทั้งหมดเป็นการเดินทางด้วยจักรยาน 2วัน 1 คืน 140 กม.
ค่าใช้จ่าย 416 บาท พร้อมกับเรื่องเล่าที่ได้จากการเดินทางนำมาเล่าสู่กันอ่าน…ครับ
จักรยานเสือภูเขาดัดแปลงใส่ไฟฟ้า พาหนะสำหรับการเดินทางครั้งนี้
ถึงที่พัก The Camp Tanaosri
เดินทางกลับ
วิวสองข้างทาง
ฝนตกหลังจากกางเต๊นท์เสร็จพอดี
จักรยานทัวริ่ง 2วัน1คืน 140กม. ปลายทางที่สวนผึ้ง
จักรยานเสือภูเขาแบรนด์ Giant รุ่นปี2014 ดัดแปลงเป็นจักรยานไฟฟ้า ใส่ HUB มอเตอร์ขนาด 350 วัตต์ ชุดควบคุม 36V. 14 Amp. และแบตเตอรี่ขนาด 450 watt./Hrs. 2 ก้อน จากการคำนวน จักรยานไฟฟ้าคันนี้จะวิ่งได้ระยะทาง 70 กม.โดยไม่ต้องปั่นเลย แต่ด้วยกระเป๋าสำภาระ 4ใบหนักไม่ต่ำกว่า 30 กก. ทำให้มันเดินทางได้สั้นลงเกือบครึ่ง นั่นหมายความว่า จะต้องปั่นช่วยมันอีกเกือบ 30 กม.เพื่อให้ได้ระยะทาง 70 กม. ซึ่งเป็นระยะทางที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้
เส้นทาง
มีเส้นทางที่ไกล้ที่สุดของการทัวร์ครั้งนี้คือ 55 กม. แต่ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและอรรถรสของการได้เสพความสวยงามของชนบทสองข้างทาง ในการเดินทางครั้งนี้จะใช้เส้นทางเล็ก ๆ ที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน หรือวัดแต่ละวัด เริ่มจาก วัดนาสมอ วัดเขาปิ่นทอง วัดหนองไผ่ วัดเขาทะลุ วัดเบิกไพร (อำเภอจอมบึง) วัดหนองศรีนวล วัดทุ่งแหลม (อำเภอสวนผึ้ง) สิ้นสุดปลายทางที่ เดอะแค๊มป์ ตระนาวศรี รวมแล้วเป็นระยะทาง 70 กม.
เดอะแค๊มป์ ตระนาวศรี
ลานกางเต๊นท์เอกชน อยู่ระหว่างทางจากสวนผึ้งไปบ่อหวี ห่างจากตัวอำเภอสวนผึ้งไป 4.5 กม ผมเคยมากางเต๊นท์เมื่อปีที่แล้ว เดอะแค๊มป์ ตระนาวศรี จะเป็นปลายสุดของการเดินทางครั้งนี้
….เรื่องราวของการเดินทาง…
สองข้างทางที่คุ้นเคย...
ผมเริ่มออกเดินทางประมาณ 9:00 ตามเส้นทางที่ตั้งไว้ใน GPS แต่ที่จริงแล้ว 20 กิโลเมตรแรกไม่จำเป็นต้องใช้ GPS เลย สองข้างทางที่คุ้นเคย ผมปั่นผ่านร้านขายพิซ่าที่เคยปั่นมาแวะชิม
“ครั้งนี้ไม่ได้แวะนะครับ” ตะโกนบอกไป เมื่อเห็นเจ้าของร้านนั่งยิ้มทักทายอยู่
“ไม่เป็นไรครับพี่ เดินทางปลอดภัยครับ” เจ้าของร้านตอบกลับ
ผมผ่านวัดหลายวัด หมู่บ้านหลายหมู่บ้าน รวมถึง แก๊งหมาเจ้าถิ่นหลายแก๊ง จนถึงวัดเบิกไพร เส้นทางจากนี้ไปผมก็ไม่คุ้นแล้ว ผมต้องใช้ GPS นำทาง
แบตก้อนแรกหมดแล้วถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตก้อนที่ 2
บทเรียน…
จักรยานไฟฟ้า ผมออกแบบไว้ให้สายแบตเตอรี่ทั้งสองก้อนอยู่ติดกัน เวลาเปลี่ยนจะได้ไม่ต้องยกแบตเตอรี่มาสลับกันเพียงสลับสายไฟก็ได้แล้ว หลังจากแบตก้อนแรกหมด ผมหยุดรถ สลับสายแบตเป็นแบตก้อนที่2 หลังจากสลับสายเปิดหน้าปัดดูระดับไฟ พลังงานในแบตเตอรีก้อนที่ 2 มีไม่ถึง10เปอร์เซ็นต์ !!!
จริงหรือ? เมื่อคืนผมลืมชาร์ตแบตก้อนที่ 2 หรือ ?
เมื่อเช้าจำได้ว่าเช็กแบตเต็มทั้ง 2 ก้อนแล้วนะ ก่อนออกเดินทาง.
หรือผมลืมชาร์ทจริงๆ ขี้ลืมขนาดนี้เชียวหรือ?
แล้วทำไงต่อ ?
เหลือระยะทางอีก 38 กม. แต่แบตทั้ง 2 ก้อนไม่มีไฟเลย ต้องปั่นอย่างเดียว บ่ายโมงกว่าแล้ว 38กม.กับแดดตอนบ่ายโมง กับจักรยานที่ต้องแบกสัมภาระ30 กก. กับนักปั่นสมัครเล่นที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาเกือบปีแล้ว. ก็ได้แต่คิดในทางที่ดีว่า นักปั่นคนอื่นเค้าปั่นกันวันละร้อยกิโลเค้ายังทำกันได้ ไม่มีทางอื่นแล้ว อย่างไรก็ต้องไปให้ถึง เดอะแค๊มป์ตระนาวศรี ก่อนสี่โมงเย็น
ที่จริงก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด…
หลังจากที่ทำใจยอมรับแล้วว่าอย่างไรก็ต้องใช้พลังขาเพียงอย่างปั่นจักรยาน 38 กม.ให้ถึงที่หมายในวันนี้ให้ได้ ก็เริ่มปรับความคิด คิดแง่ดี…อย่างน้อยก็มีเวลา 5 ชั่วโมงกว่าจะมืด ใช้ความเร็ว 7กม./ชม.ก็ยังได้ นึกถึงนักปั่นฝรั่งเศษที่เคยเจอกันที่ชุมพร ปั่นจากฝรั่งเศษไปที่สิงคโปร์ สังเกตุว่าเค้าจะเปลี่ยนเกียร์บ่อยมาก เอาเทคนิคนั้นมาใช้ น่าจะช่วยได้บ้าง และมันก็ช่วยได้จริง ๆ การขยันเปลี่ยนเกียร์ให้สมดุลกับความเร็วรอบขามันช่วยได้จริง ๆ. การปั่นด้วยพลังขาอย่างเดียวไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด.
ถึงที่หมาย…
“สวนผึ้ง 2 กม.”... ป้ายเขียนบอกไว้ข้างทาง
นั่นหมายความว่า อีก 6 กม.จะถึงที่หมาย
มองเส้นทางที่ทอดยาวไปสุดสายตาเห็นรถวิ่งตัดถนนอยู่ริบ ๆ
ตรงนั้นต้องเป็นตัวอำเภอสวนผึ้งแน่ ๆ ตรงนั้นจะต้องมีเซเว่นอีเรเว่น ในเซเว่นจะมีน้ำเย็น ๆให้ดื่ม จะมีข้าวผัดกระเพรากล่องให้ผมกิน สวรรค์อยู่ที่นั่น อีกนิดเดียว
แต่อย่ารีบ เดี๋ยวตะคิวจะถามหาอีก ระหว่างทางเจอมาสองครั้งแล้ว พยายามประคองตัวไปให้ถึง
แล้วผมก็มาถึงตัวอำเภอสวนผึ้ง สิ่งแรกมองหาคืนร้านเซเว่น หลังจากเติมพลังจากเซเว่นแล้วผมปั่นไปอีก 4.5 กม.ถึงที่หมายเวลาประมาณ 4 โมงเย็น …ผมโชคดีที่ถึงที่หมายก่อนฝนตก
บทเรียนซัำซ้อน…
หลังจากถึงที่หมาย ได้ที่กางเต๊นท์แล้ว สิ่งแรกที่ผมทำคือนำแบตเตอรี่ไปชาร์ท
ผมเสียบที่ชาร์ทเข้ากับแบตเตอรี่ ไฟสัญญาณที่เครื่องชาร์ทบอกว่าแบตก้อนที่ผมกำลังชาร์ทอยู่มีไฟเต็ม 100% …เป็นไปไม่ได้ !!
ก็เมื่อกลางวันตอนเปลี่ยนแบต หน้าจอที่แฮนด์รถยังบอกว่าแบตเหลือ 0%อยู่เลย
หรือว่าเครื่องชาร์ทแบตมันเสีย ?
‘ ทำไมซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้’ …. นึกในใจ
ถ้าเครื่องชาร์ทแบตเสีย พรุ่งนี้ต้องปั่นกลับบ้าน 70 กม. เป็นไปไม่ได้ !!!
เครียด..
นึกเอะใจ ลองเอาแบตก้อนที่ 2 มาชาร์ท
อ้าวชาร์ทได้นี่ แสดงว่าเครื่องชาร์ทไม่เสียซิ
งั้นแสดว่าแบตก้อนที่1 ก็มีไฟเต็มตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วซิ
งั้นเมื่อตอนกลางวันที่คิดว่าสลับสายเปลี่ยนแบต ก็แค่ถอดขั้วสายไฟแล้วใส่เข้าไปกับขั้วแบตอันเดิมนะซี… งั้นที่ปั่นมา 38 กม.ขาเป็นตะคิว 2 ครั้ง มันคืออะไร เราสะเพร่าหรือ เสียบไฟกับแบตก้อนเดิมหรือ !!!.
เซ็ง สุด ๆ เลย.
ที่ The camp tanaosri...
หลังจากกางฟายชีท กางเต็นท์เรียบร้อย ฝนก็ตกลงมา เบียร์กระป๋องที่ซื้อจากร้านเซเว่นปากทางถูกนำมาเปิดฝาดื่มพร้อมมันฝรั่งถุงใหญ่ เสียงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มใหญ่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เสียงเม็ดฝนที่กระทบฟายชีทดังขึ้นเป็นระยะ ๆ บางครั้งก็แรงขึ้น บางครั้งก็เบาลง เม็ดฝนบางหยดผ่านฟายชีทเข้ามาในบริเวณที่กางเต้นท์ได้ บรรยากาศอย่างนี้ ผมเคยสัมผัสเมื่อปีทีแล้ว ที่นี่ หลังจากใช้เวลาอยู่กับตัวเองพักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา
“พี่ณรงค์ ฟายชีทพี่กันน้ำได้มั้ย ไปกางเต็นท์ข้างในโน่นมั้ย มีที่กางหลบฝนอยู่นะ” ..เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาว เข้าใจว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ เอ่ยปากยื่นข้อเสนอ
“ยังได้อยู่ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยย้ายไป ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณและปฎิเสธไป
“เอางั้นนะพี่ ถ้าไงก็ต้องการย้าย ก็ย้ายเลยนะพี่” …เธอย้ำถึงความมีน้ำใจก่อนเดินกลับไป
….คืนนี้ผมนอนปวดกล้ามเนื้อขาทั้งคืน รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวนิดหน่อยอาจเป็นเพราะใช้กำลังขาเกินไป กังวลนิดหน่อยว่าถ้าเป็นไข้จะทำอย่างไร แต่คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยดี
เดินทางกลับ…
เช้าวันต่อมา หลังจากดริฟกาแฟดื่ม กับแซนด์วิส อาหารเช้าแบบง่าย ๆ อาบน้ำ เก็บเต็นท์ ผมเดินทางกลับ กำลังเดินทางอกจากที่กางเต๊นท์ เห็นรถเก๋งสีขาวขับสวนมาในระยะใกล้
“พี่ณรงค์ กินกาไฟอะไรมั้ย” คนในรถเปิดกระจกพร้อมกับคำถามอย่างเป็นกันเอง
“เดี๋ยวออกไป ผ่านร้านพี่แวะกินกาแฟได้เลยนะ พี่เอาอะไร อเมริกาโน่มัย”
“เออะ..อ๋อ ได้ครับ” แล้วเธอก็ขับรถผ่านไป
ตอนแรกงง แต่นึกได้ว่าเป็นน้องผู้หญิงคนที่เสนอให้ไปกางเต็นหลบฝนในที่พักเมื่อคืน อ้อเจ้าของที่พักเค้ามีน้ำใจให้กาแฟสดแก้วหนึ่ง …รู้สึกดี
10:00 เดินทางออกจาก The Camp Tanaosri ตามเส้นทางเมื่อวาน แต่ย้อนกลับ ก่อนถึงตัวอำเภอแวะทานกระเพราราดข้าวข้างทาง ขณะนั่งกินข้าว
“พี่มาจากไหนครับเนี่ยะ” เสียงถามจากโต๊ะข้าง ๆ
“จากตัวเมืองราชบุรีครับ”...ไม่รู้ผมจะโกหกเค้าไปทำไม
“ตรงไหนครับ ผมก็อยู่ตัวเมืองราชบุรี”...อ้าวซวยละซี
ดีนะที่ผมบอกที่อยู่เพื่อนไป เอาตัวรอดได้
“พี่ปั่นจักรยานอย่างนี้พี่ไม่กลัวหรือครับ”....จบประเด็นแรกมีประเด็นที่สองขึ้นมาอีก
“รถบรรทุกใหญ่ ๆ พวกโจร พวกติดยาอะไรเงี่ยะ” …ชายแปลกหน้า ถามต่อ
“ผมไม่เคยเจอเรื่อง ร้าย ๆ นะ ผมเจอแต่เรื่องดี ๆ”..ผมตอบ
“อย่างเมื่อกี้ผมสั่งกระเพราหมูสับ แม่ค้ายังทำให้ผมล้นจานเลย แล้วถามว่าอิ่มมั้ย ถ้าผมไม่ปั่นจักรยานมา แม่ค้าคงไม่มีน้ำใจกับผมอย่างนี้หรอก” ผมตอบคำถามชายแปลกหน้า สายตาเหลือบมองไปที่แม่ค้า เห็นแม่ค้ายิ้ม
หลังกินข้าวอิ่มบอกลาแม่ค้าและชายหนุ่มแปลกหน้า
“เดินทางปลอดภัยนะพี่”....ชายแปลกหน้าอวยพรให้
รวดเดียว 70 กม. ขากลับไม่มีอะไรทำให้ผิดแผน แบตเตอรรี่ 2 ก้อนได้ถูกใช้งานทั้ง 2 ก้อน ระหว่างทาง ผ่านแก๊งเด็ก 3-4 คน มีเด็กคนหนึ่งตะโกนว่า
“ลุงผมไปด้วย…ไอ้พวกนี้มันรังแกผม”
“ไปซิ…” ผมตอบ
“ลุงไปไหน” เด็กถาม
“ลูงไปขั้วโลกใต้…ไปมั้ย”...ไม่มีเสียงตอบจากเด็กคนนั้น
…ทั้งหมดเป็นการเดินทางด้วยจักรยาน 2วัน 1 คืน 140 กม.
จักรยานเสือภูเขาดัดแปลงใส่ไฟฟ้า พาหนะสำหรับการเดินทางครั้งนี้
ฝนตกหลังจากกางเต๊นท์เสร็จพอดี