ในเช้าวันที่อากาศสดใส ปีเตอร์ วัตสัน เด็กชายผู้ชื่นชอบการส่องกล้องมองนกเป็นชีวิตจิตใจ
กลับต้องมาถูกรังแกจากเด็กใจร้ายสองคนที่ชื่อเออร์นี่และเรย์มอนด์ ....
อย่างที่ผมเกริ่นไว้ในกระทู้ก่อนหน้านี้ที่ผมรีวิวเรื่อง The Wonderful Story of Henry Sugar
นี่คือ 1 ใน ซีรีส์เรื่องสั้นของรูออล ดาห์ล นักเขียนชื่อดังชาวเวลส์ ผู้สร้างผลงานที่เรารู้จักกันดีอย่าง Charlie and the Chocolate Factory
โดยเวส จะสร้างหนังที่มาจากเรื่องสั้นของดาห์ล อีก 2 เรื่องและนำเสนอต่อในวีคนี้ โดยอีก 2 เรื่องที่เหลือคือ "The Ratcatcher" และ "Poison"
"The Swan" นำแสดงโดย นำแสดงโดย Rupert Friend ในบทของคนเล่าเหตุการณ์ (และเป็น 1 ในคนที่อยู่เหตุการณ์นั้น)
รวมถึง Ralph Fiennes ซึ่งจะออกมาปรากฎตัวในทุกเรื่องของซีรี่ย์เรื่องสั้นนี้ในบทของรูออล ดาห์ล ซึ่งก็คือผู้แต่งนั่นเอง
การใช้เทคนิคการเล่าเรื่องตรงหน้ากล้องแบบเดียวกับที่เห็นใน The Wonderful Story of Henry Sugar
ทำให้ The Swan เป็นเรื่องราวที่น่าดึงดูดใจได้ง่าย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวเพียง 17 นาที
แต่เป็น 17 นาทีที่ผู้ชมจะไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้พักเลยสักนิดเดียว...
เพราะนี่คือการเดินทางอันแสนสาหัส หนักหน่วง และเลวร้ายอย่างยิ่งที่มันจะพึงเกิดได้กับเด็กชายตัวเล็กๆผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยสักนิด ..
ผมบอกเลยว่า หนังสั้นเรื่องนี้ควรจำกัดเรต ไม่สมควรให้เด็กชม..
เอาจริงๆ หนังของเวส แอนเดอร์สัน ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหลายเรื่อง และส่วนมากเด็กที่เป็นตัวเอกนั้นมักจะมีปมปัญหาทั้งทางครอบครัว
ไม่ก็บุคลิกนิสัยส่วนบุคคล ซึ่งส่งผลให้โดนรังแก โดนกลั่นแกล้ง และยิ่งมาเจอบันทึกของรูออล ดาห์ล ในเรื่อง The Swan นี่ยิ่งไปกันใหญ่ ..
เพราะนี่คือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างจินตนาการของดาห์ลและความคิดสร้างสรรค์ของแอนเดอร์สัน..
มันคือความเจ็บปวดของเด็กชายในโลกสีพาสเทล... หนังที่ผมถือว่า Dark ที่สุดแล้วในงานกำกับของเขา
เรื่องราวส่วนใหญ่เล่าให้นักแสดงรูเพิร์ต เฟรนด์ (ผู้บรรยายหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้) เดินเตร่ไปรอบๆ กับโครงสร้างที่คล้ายเขาวงกต
โดยเซตฉากให้เป็นทุ่งข้าวสาลี เขาวงกตเหล่านี้ช่วยจัดกรอบหน้าจอ ขจัดสิ่งรบกวนสมาธิ
และช่วยให้ผู้ชมอย่างเรามุ่งเน้นความสนใจไปที่สิ่งที่กำลังพูดแต่เพียงอย่างเดียว
บางครั้ง ฉากต่างๆ จะถูกย้ายไปรอบๆ และจะมีทางออกลับใช้เพื่อช่วยย้ายเรื่องราวจากฉากหนึ่งไปยังอีกฉากหนึ่ง
ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดูแล้วเนียนตา โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมุมกล้องแต่อย่างใด และทันทีที่บางสิ่งแม้เพียงเล็กน้อยที่เข้ามาในฉากนั้น
ก็สามารถทำให้อารมณ์ของคนดูเปลี่ยนไปได้ในทันที
อย่างที่บอกไว้นะครับ นี่คือหนังสั้นที่เนื้อหาหนักและเต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างยิ่ง
ผมดูจบแล้วมันมีแต่ความหม่นหมอง.. เจ็บปวด เศร้าใจ.. แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
มีเด็กอีกมากที่เป็นปีเตอร์และเคยพบกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นตัวเขามาแล้ว.. (เอาจริงๆนะ ผมก็เคยเจอแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่โหดเท่า)
และก็ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้เลย...
แต่ที่มันสะเทือนใจที่สุดก็คือ นี่คือบันทึกความทรงจำของรูออล ดาห์ล ที่เจ้าตัวเผยไว้ว่า ..มันคือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง......
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== The Swan (2023) เรื่องเล่าของเด็กชาย..ที่ถูกรังแก ==
ในเช้าวันที่อากาศสดใส ปีเตอร์ วัตสัน เด็กชายผู้ชื่นชอบการส่องกล้องมองนกเป็นชีวิตจิตใจ
กลับต้องมาถูกรังแกจากเด็กใจร้ายสองคนที่ชื่อเออร์นี่และเรย์มอนด์ ....
อย่างที่ผมเกริ่นไว้ในกระทู้ก่อนหน้านี้ที่ผมรีวิวเรื่อง The Wonderful Story of Henry Sugar
นี่คือ 1 ใน ซีรีส์เรื่องสั้นของรูออล ดาห์ล นักเขียนชื่อดังชาวเวลส์ ผู้สร้างผลงานที่เรารู้จักกันดีอย่าง Charlie and the Chocolate Factory
โดยเวส จะสร้างหนังที่มาจากเรื่องสั้นของดาห์ล อีก 2 เรื่องและนำเสนอต่อในวีคนี้ โดยอีก 2 เรื่องที่เหลือคือ "The Ratcatcher" และ "Poison"
"The Swan" นำแสดงโดย นำแสดงโดย Rupert Friend ในบทของคนเล่าเหตุการณ์ (และเป็น 1 ในคนที่อยู่เหตุการณ์นั้น)
รวมถึง Ralph Fiennes ซึ่งจะออกมาปรากฎตัวในทุกเรื่องของซีรี่ย์เรื่องสั้นนี้ในบทของรูออล ดาห์ล ซึ่งก็คือผู้แต่งนั่นเอง
การใช้เทคนิคการเล่าเรื่องตรงหน้ากล้องแบบเดียวกับที่เห็นใน The Wonderful Story of Henry Sugar
ทำให้ The Swan เป็นเรื่องราวที่น่าดึงดูดใจได้ง่าย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวเพียง 17 นาที
แต่เป็น 17 นาทีที่ผู้ชมจะไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้พักเลยสักนิดเดียว...
เพราะนี่คือการเดินทางอันแสนสาหัส หนักหน่วง และเลวร้ายอย่างยิ่งที่มันจะพึงเกิดได้กับเด็กชายตัวเล็กๆผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยสักนิด ..
ผมบอกเลยว่า หนังสั้นเรื่องนี้ควรจำกัดเรต ไม่สมควรให้เด็กชม..
เอาจริงๆ หนังของเวส แอนเดอร์สัน ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหลายเรื่อง และส่วนมากเด็กที่เป็นตัวเอกนั้นมักจะมีปมปัญหาทั้งทางครอบครัว
ไม่ก็บุคลิกนิสัยส่วนบุคคล ซึ่งส่งผลให้โดนรังแก โดนกลั่นแกล้ง และยิ่งมาเจอบันทึกของรูออล ดาห์ล ในเรื่อง The Swan นี่ยิ่งไปกันใหญ่ ..
เพราะนี่คือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างจินตนาการของดาห์ลและความคิดสร้างสรรค์ของแอนเดอร์สัน..
มันคือความเจ็บปวดของเด็กชายในโลกสีพาสเทล... หนังที่ผมถือว่า Dark ที่สุดแล้วในงานกำกับของเขา
เรื่องราวส่วนใหญ่เล่าให้นักแสดงรูเพิร์ต เฟรนด์ (ผู้บรรยายหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้) เดินเตร่ไปรอบๆ กับโครงสร้างที่คล้ายเขาวงกต
โดยเซตฉากให้เป็นทุ่งข้าวสาลี เขาวงกตเหล่านี้ช่วยจัดกรอบหน้าจอ ขจัดสิ่งรบกวนสมาธิ
และช่วยให้ผู้ชมอย่างเรามุ่งเน้นความสนใจไปที่สิ่งที่กำลังพูดแต่เพียงอย่างเดียว
บางครั้ง ฉากต่างๆ จะถูกย้ายไปรอบๆ และจะมีทางออกลับใช้เพื่อช่วยย้ายเรื่องราวจากฉากหนึ่งไปยังอีกฉากหนึ่ง
ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดูแล้วเนียนตา โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมุมกล้องแต่อย่างใด และทันทีที่บางสิ่งแม้เพียงเล็กน้อยที่เข้ามาในฉากนั้น
ก็สามารถทำให้อารมณ์ของคนดูเปลี่ยนไปได้ในทันที
อย่างที่บอกไว้นะครับ นี่คือหนังสั้นที่เนื้อหาหนักและเต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างยิ่ง
ผมดูจบแล้วมันมีแต่ความหม่นหมอง.. เจ็บปวด เศร้าใจ.. แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
มีเด็กอีกมากที่เป็นปีเตอร์และเคยพบกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นตัวเขามาแล้ว.. (เอาจริงๆนะ ผมก็เคยเจอแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่โหดเท่า)
และก็ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้เลย...
แต่ที่มันสะเทือนใจที่สุดก็คือ นี่คือบันทึกความทรงจำของรูออล ดาห์ล ที่เจ้าตัวเผยไว้ว่า ..มันคือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง......
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===