คือโดยศีลพรหมจรรย์ของนักบวชมันก็ละกามทางกายทางวาจาอยู่แล้ว
แต่ในการปฏิบัติทางใจนั้นมีหลักการเฉพาะสำหรับกามราคะกิเลสหรือเปล่าครับ
เช่นต้องเจริญวิปัสสนาญาณชนิดใด ในสภาวะอารมณ์อะไร ใช้อะไรเป็นนิมิต เป็นต้น
ถึงทำให้ถอนรากกามราคะแบบไม่เสื่อมถอยอีก
สงสัยว่าถ้าพระอนาคามีท่านกลับพบสิ่งยั่วยวนกามกิเลสแล้ว ท่านจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหรือเปล่าครับ
มีอะไรเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าการละกามนี้ละได้เด็ดขาดแล้ว ไม่ถอยกลับไปเป็นพระสกิทาคามี
เคยอ่านชาดกเรื่องนึงที่มีพรหมจุติเป็นโอรสกษัตริย์ แล้วติดนิสัยพรหมมาคือไม่ฝักใฝ่กามราคะอะไรเลย
จนพระราชบิดากังวลเลยจับผู้หญิงยัดเยียดให้ จนพระโอรสติดใจเปลี่ยนมาคลั่งใคล้กามคุณ ต้องคว้าดาบไปไล่ฟันผู้ชายในเมือง
(ใครนึกชื่อเรื่องออกว่าชาดกอะไรขอบคุณมากครับ)
คือแปลว่ากามคุณนั้นมีพลังอำนาจมาก แม้แต่พรหมส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่พรหมสุทธาวาสก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกามใช่ไหม
พระอนาคามีใช้ญาณอะไรละกามราคะ
แต่ในการปฏิบัติทางใจนั้นมีหลักการเฉพาะสำหรับกามราคะกิเลสหรือเปล่าครับ
เช่นต้องเจริญวิปัสสนาญาณชนิดใด ในสภาวะอารมณ์อะไร ใช้อะไรเป็นนิมิต เป็นต้น
ถึงทำให้ถอนรากกามราคะแบบไม่เสื่อมถอยอีก
สงสัยว่าถ้าพระอนาคามีท่านกลับพบสิ่งยั่วยวนกามกิเลสแล้ว ท่านจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหรือเปล่าครับ
มีอะไรเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าการละกามนี้ละได้เด็ดขาดแล้ว ไม่ถอยกลับไปเป็นพระสกิทาคามี
เคยอ่านชาดกเรื่องนึงที่มีพรหมจุติเป็นโอรสกษัตริย์ แล้วติดนิสัยพรหมมาคือไม่ฝักใฝ่กามราคะอะไรเลย
จนพระราชบิดากังวลเลยจับผู้หญิงยัดเยียดให้ จนพระโอรสติดใจเปลี่ยนมาคลั่งใคล้กามคุณ ต้องคว้าดาบไปไล่ฟันผู้ชายในเมือง
(ใครนึกชื่อเรื่องออกว่าชาดกอะไรขอบคุณมากครับ)
คือแปลว่ากามคุณนั้นมีพลังอำนาจมาก แม้แต่พรหมส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่พรหมสุทธาวาสก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกามใช่ไหม