เทศกาลไหว้พระจันทร์จะเกิดขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวช่วงกันยายนเรียบร้อยแล้ว
เทศกาลไหว้พระจันทร์มีมาเป็นเวลาช้านานตั้งแต่ยุคสังคมเกษตรกรรม โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ จะเกี่ยวข้องกับฤดูกาลอย่างชัดเจน เพราะในช่วงเวลานี้ได้แสดงรอยต่อว่า ฤดูกาลกำลังผ่านจากฤดูค่อนไปทางร้อนสู่ฤดูที่หนาวเย็นหรือพระอาทิตย์กำลังย้ายจากอัฒจักรข้างเหนือ (เมษ - กันย์) ไปสู่อัฒจักรข้างใต้ (ตุลย์-มีน) คือ พระอาทิตย์เคลื่อนผ่าน จุดศารทวิษุวัต (จุดตุลย์) ไปเรียบร้อยแล้ว
มนุษย์ในซีกโลกฝั่งเหนือกำลังจะประสบกับความยากลำบากจากช่วงฤดูหนาวจัดที่กำลังมาถึง โดยเฉพาะสูงผ่าน 30° เหนือขึ้นไป ยิ่งหนาวเย็นมาก
วันไหว้พระจันทร์ จึงเป็นเครื่องเตือนใจว่า พวกเขาต้องระมัดระวังตัว รวบรวมสมาชิกในครอบครัว ทรัพยากร อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และปรับปรุงบ้านที่มุงบังให้ปลอดภัย เพื่อให้รอดพ้นจากฤดูที่หนาวเย็นครั้งนี้ไปให้ได้
ฉะนั่นก่อนเข้าถึงฤดูหนาวจัดประมาณ 1 ควอเตอร์ นักโหราศาสตร์โบราณซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความรู้ จึงกำหนดให้ผู้นำและประชาชนพากันไหว้พระจันทร์และเตรียมตัวเองให้รับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึง
ดวงจันทร์ในทางโหราศาสตร์ เปรียบประหนึ่งเป็นแม่ของแผ่นดิน หรือเป็นตัวแทนของโลกได้ด้วย เพราะสิ่งที่สอดรับเกาะกับโลก ราวกับเป็นก่อนเนื้องอกของโลก ก็นับอนุมาณเป็นโลกได้ด้วย
มนุษย์สมัยโบราณใกล้ชิดกับธรรมชาติ มากกว่าหน้าจอมือถือ และคอมพิวเตอร์ พวกเขาจึงมีเวลาให้ศึกษาตนเองและธรรมชาติรอบตัวมากกว่า ทั้งเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณ เมื่ออธิบายเหตุผลของปรากฏการณ์ไม่ได้
การไหว้ ให้ความเคารพดวงจันทร์ ก็คือการเคารพธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ธรรมชาติได้ตอบสนองในเชิงบวกต่อการดำรงชีวิตของตนเองให้อยู่รอดปลอดภัย
ความคิดอัตตานำไปสู่ความมี-ความเป็นของผีชนเผ่าและเทพเจ้า
เมื่อมีความคิดแบบอัตตาก็ใส่เทพเจ้าลงไปในดวงจันทร์ เกิดเป็น เทพจันทรา เทพอาทิตย์ เทพประจำดวงดาวต่างๆ ซึ่งเป็นความเชื่อโบราณที่สืบทอดมาจากยุคเมโสโปรเตเมียโบราณและกระจัดกระจายไปยังนักบวช ผู้รู้ ผู้นำ และสู่ประชาชนทั่วโลก
ภายหลังก็ปรับพวกเทพเหล่านี้ให้เป็นผีประจำชาเผ่าของตนเอง เผ่าใดยิ่งใหญ่ขึ้นมาก็ยกผีชนเผ่าขึ้นเป็นพระเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว เผ่าใดอ่อนแอผีชนเผ่าของตนก็หายไป
และในพื้นที่ใดเคารพความเชื่อของผู้อื่น ก็ไม่ทำลายผีเผ่าคนอื่น แต่ปรับให้เป็นพื้นที่มีเทพเจ้าหลายองค์ (อันนี้ดีหน่อย ไม่ทำลายความเชื่อของคนอื่น แต่ให้อยู่ร่วมกัน) อย่างในเมืองจีนมีเทพเจ้า (ผีชนเผ่า) นับล้านองค์
ซึ่งต่างจากบางชนเผ่า จับไปคนไปเผาทั้งเป็น อ้างว่าเป็นพ่อมดหมอผี
อย่างในยุโรปยุคกลางถ้ามองไป มีลัทธิความเชื่อหนึ่ง ที่ทำลายชีวิตมนุษย์ไปมากมายเพราะความเชื่อว่า ผีชนเผ่าของตนยิ่งใหญ่ที่สุด ใครเถียงก็จับไปทรมาน ฆ่า เผา ประนามว่าเป็นแม่มด เป็นต้น
แต่จริงๆ ผีนั้นมาจากเอเชียกลางผ่านการค้าการเดินทางไปสู่ห้องบรรทมของแม่กษัตริย์ชาวโรมัน จนทำลายวัฒนธรรมความเชื่อของผี และเทพท้องถิ่นไปเสียสิ้น
เทศกาลไหว้พระจันทร์ จะอาศัยช่วงเวลาที่ดวงจันทร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์จากมุมมองของคนบนโลก เกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์มีแสงสว่างสดใสเต็มดวง ในทางโหราศาสตร์ถืออนุมานว่าเป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์มีพลังอำนาจแสดงออกได้สูงสุด และหากเป็นระยะที่ดวงจันทร์ใกล้โลกมากที่สุด (super Full Moon) ถือว่ามีกำลังมากที่สุด
ดวงจันทร์ที่แข็งแรงมีกำลังมากที่สุด หมายถึง เหล่าประชาชนคนธรรมดาสามัญ, เด็ก, และสตรี, คนท้องมีสุขภาพสมบูรณ์ อิ่มเอิบ จิตใจดี
สำหรับนักโหราศาสตร์รุ่นใหม่ ที่สนใจโหราศาสตร์ภาคสากล อันเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เชื่อเพราะครูบอกอย่างเดียว จะสามารถขยายความหมายของโหราศาสตร์โบราณได้อย่างชัดเจนและมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ตามความเป็นจริงได้มากขึ้น
นักโหราศาสตร์ต้องพิจารณาฤดูกาลบนโลกตามความเป็นจริง แล้วนำมาปรับใช้กับวิถีชีวิตของมนุษย์ หากเข้าใจในสิ่งนี้จะเป็นนักโหราศาสตร์ที่ทำนายได้อย่างแม่นยำ เหมือนที่เขาเขียนในหนังสือนิยายสามก๊กเรื่อง ขงเบ้งเรียกลมและจิวยี่เผาทัพโจโฉ ซึ่งแท้จริงมันก็คือวิชาโหราศาสตร์เรื่องฤดูกาลท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมนั่นเอง จิวยี่รู้ บงเข้งรู้ ซัวมอก็รู้ เพียงแต่ในการสงครามเป็นเรื่องของการชิงไหวชิงพริบตามช่วงเวลา และนิยายก็เขียนยกให้ขงเบ้งเป็นตัวเอก ดุจเทวดา*
ควรไหว้พระจันทร์ตอนไหน?
ในประเทศไทยโดยทั่วไป นับที่จังหวัดลพบุรี ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำแหน่งพุงของราชอาณาจักรสยาม ควรไหว้วันที่ 29 กันยายน 2566 ระหว่าง 15:03 น. - 15:51 น. ให้เน้นขอพรด้านทรัพย์สินสมบัติเป็นหลัก เพื่อครอบครัวอยู่ดีกินดี หาเงินง่าย โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ช่วงมุม 75° ผลไม้เป็นทรงสามเหลี่ยมดูอุดมสมบูรณ์อวบอิ่ม ทรงคล้ายน้ำเต้า จะให้ผลตามหลักอนุมานอุปมาของโหราศาสตร์ และสอดคล้องภาวะของโลกในขณะนั้น
* บทส่งท่ายที่ออกนอกเรื่อง
แต่ในความเห็นของผู้เขียน ขงเบ้งเป็นคนขาดวิสัยทัศน์อันยาวไกล มีความสามารถเพียงแก้ปัญหาด้วยไหวพริบได้เป็นครั้งเป็นคราว ภายหลังสิ้นอายุไม่นาน ก็ปรากฏว่าไม่มีคนเก่งสายงานต่อ เนื่องจากไม่หาไว้เยอะๆ แบบที่โจโฉทำ
ทั้งขงเบ้งไม่วางงานเมืองให้ต่ออายุราชวงศ์ฮั่นอย่างถูกต้องโดยการยกผู้มีความสามารถมาปกครอง แต่กลับสนับสนุนให้คนปัญญาอ่อน อย่างเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นพระราชา
ซึ่งโดยแท้จริงเล่าปี่มีบุตรชายหลายคน และมีหลานที่สืบสายเลือดราชวงศ์ฮั่นที่เป็นคนเอาถ่านอยู่
สำหรับ เรื่องสามก๊ก ผู้เขียนยกย่อง สุมาอี้ สุมาสู สุมาเจียว ว่าเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ยาวไกลที่ดีที่สุด เพราะตั้งราชวงศ์จิ้นได้ และปกครองต่อมาได้ อีกหลายร้อยปี
ที่มาบทความ:
☉เอกโหรา♃ - ekhora.com
☉เอกโหรา♃ -เทศกาลไหว้พระจันทร์ในเชิงโหราศาสตร์ฟ้าจริง
เทศกาลไหว้พระจันทร์จะเกิดขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวช่วงกันยายนเรียบร้อยแล้ว
เทศกาลไหว้พระจันทร์มีมาเป็นเวลาช้านานตั้งแต่ยุคสังคมเกษตรกรรม โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ จะเกี่ยวข้องกับฤดูกาลอย่างชัดเจน เพราะในช่วงเวลานี้ได้แสดงรอยต่อว่า ฤดูกาลกำลังผ่านจากฤดูค่อนไปทางร้อนสู่ฤดูที่หนาวเย็นหรือพระอาทิตย์กำลังย้ายจากอัฒจักรข้างเหนือ (เมษ - กันย์) ไปสู่อัฒจักรข้างใต้ (ตุลย์-มีน) คือ พระอาทิตย์เคลื่อนผ่าน จุดศารทวิษุวัต (จุดตุลย์) ไปเรียบร้อยแล้ว
มนุษย์ในซีกโลกฝั่งเหนือกำลังจะประสบกับความยากลำบากจากช่วงฤดูหนาวจัดที่กำลังมาถึง โดยเฉพาะสูงผ่าน 30° เหนือขึ้นไป ยิ่งหนาวเย็นมาก
วันไหว้พระจันทร์ จึงเป็นเครื่องเตือนใจว่า พวกเขาต้องระมัดระวังตัว รวบรวมสมาชิกในครอบครัว ทรัพยากร อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และปรับปรุงบ้านที่มุงบังให้ปลอดภัย เพื่อให้รอดพ้นจากฤดูที่หนาวเย็นครั้งนี้ไปให้ได้
ฉะนั่นก่อนเข้าถึงฤดูหนาวจัดประมาณ 1 ควอเตอร์ นักโหราศาสตร์โบราณซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความรู้ จึงกำหนดให้ผู้นำและประชาชนพากันไหว้พระจันทร์และเตรียมตัวเองให้รับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึง
ดวงจันทร์ในทางโหราศาสตร์ เปรียบประหนึ่งเป็นแม่ของแผ่นดิน หรือเป็นตัวแทนของโลกได้ด้วย เพราะสิ่งที่สอดรับเกาะกับโลก ราวกับเป็นก่อนเนื้องอกของโลก ก็นับอนุมาณเป็นโลกได้ด้วย
มนุษย์สมัยโบราณใกล้ชิดกับธรรมชาติ มากกว่าหน้าจอมือถือ และคอมพิวเตอร์ พวกเขาจึงมีเวลาให้ศึกษาตนเองและธรรมชาติรอบตัวมากกว่า ทั้งเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณ เมื่ออธิบายเหตุผลของปรากฏการณ์ไม่ได้
การไหว้ ให้ความเคารพดวงจันทร์ ก็คือการเคารพธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ธรรมชาติได้ตอบสนองในเชิงบวกต่อการดำรงชีวิตของตนเองให้อยู่รอดปลอดภัย
ความคิดอัตตานำไปสู่ความมี-ความเป็นของผีชนเผ่าและเทพเจ้า
เมื่อมีความคิดแบบอัตตาก็ใส่เทพเจ้าลงไปในดวงจันทร์ เกิดเป็น เทพจันทรา เทพอาทิตย์ เทพประจำดวงดาวต่างๆ ซึ่งเป็นความเชื่อโบราณที่สืบทอดมาจากยุคเมโสโปรเตเมียโบราณและกระจัดกระจายไปยังนักบวช ผู้รู้ ผู้นำ และสู่ประชาชนทั่วโลก
ภายหลังก็ปรับพวกเทพเหล่านี้ให้เป็นผีประจำชาเผ่าของตนเอง เผ่าใดยิ่งใหญ่ขึ้นมาก็ยกผีชนเผ่าขึ้นเป็นพระเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว เผ่าใดอ่อนแอผีชนเผ่าของตนก็หายไป
และในพื้นที่ใดเคารพความเชื่อของผู้อื่น ก็ไม่ทำลายผีเผ่าคนอื่น แต่ปรับให้เป็นพื้นที่มีเทพเจ้าหลายองค์ (อันนี้ดีหน่อย ไม่ทำลายความเชื่อของคนอื่น แต่ให้อยู่ร่วมกัน) อย่างในเมืองจีนมีเทพเจ้า (ผีชนเผ่า) นับล้านองค์
ซึ่งต่างจากบางชนเผ่า จับไปคนไปเผาทั้งเป็น อ้างว่าเป็นพ่อมดหมอผี
อย่างในยุโรปยุคกลางถ้ามองไป มีลัทธิความเชื่อหนึ่ง ที่ทำลายชีวิตมนุษย์ไปมากมายเพราะความเชื่อว่า ผีชนเผ่าของตนยิ่งใหญ่ที่สุด ใครเถียงก็จับไปทรมาน ฆ่า เผา ประนามว่าเป็นแม่มด เป็นต้น
แต่จริงๆ ผีนั้นมาจากเอเชียกลางผ่านการค้าการเดินทางไปสู่ห้องบรรทมของแม่กษัตริย์ชาวโรมัน จนทำลายวัฒนธรรมความเชื่อของผี และเทพท้องถิ่นไปเสียสิ้น
เทศกาลไหว้พระจันทร์ จะอาศัยช่วงเวลาที่ดวงจันทร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์จากมุมมองของคนบนโลก เกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์มีแสงสว่างสดใสเต็มดวง ในทางโหราศาสตร์ถืออนุมานว่าเป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์มีพลังอำนาจแสดงออกได้สูงสุด และหากเป็นระยะที่ดวงจันทร์ใกล้โลกมากที่สุด (super Full Moon) ถือว่ามีกำลังมากที่สุด
ดวงจันทร์ที่แข็งแรงมีกำลังมากที่สุด หมายถึง เหล่าประชาชนคนธรรมดาสามัญ, เด็ก, และสตรี, คนท้องมีสุขภาพสมบูรณ์ อิ่มเอิบ จิตใจดี
สำหรับนักโหราศาสตร์รุ่นใหม่ ที่สนใจโหราศาสตร์ภาคสากล อันเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เชื่อเพราะครูบอกอย่างเดียว จะสามารถขยายความหมายของโหราศาสตร์โบราณได้อย่างชัดเจนและมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ตามความเป็นจริงได้มากขึ้น
นักโหราศาสตร์ต้องพิจารณาฤดูกาลบนโลกตามความเป็นจริง แล้วนำมาปรับใช้กับวิถีชีวิตของมนุษย์ หากเข้าใจในสิ่งนี้จะเป็นนักโหราศาสตร์ที่ทำนายได้อย่างแม่นยำ เหมือนที่เขาเขียนในหนังสือนิยายสามก๊กเรื่อง ขงเบ้งเรียกลมและจิวยี่เผาทัพโจโฉ ซึ่งแท้จริงมันก็คือวิชาโหราศาสตร์เรื่องฤดูกาลท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมนั่นเอง จิวยี่รู้ บงเข้งรู้ ซัวมอก็รู้ เพียงแต่ในการสงครามเป็นเรื่องของการชิงไหวชิงพริบตามช่วงเวลา และนิยายก็เขียนยกให้ขงเบ้งเป็นตัวเอก ดุจเทวดา*
ควรไหว้พระจันทร์ตอนไหน?
ในประเทศไทยโดยทั่วไป นับที่จังหวัดลพบุรี ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำแหน่งพุงของราชอาณาจักรสยาม ควรไหว้วันที่ 29 กันยายน 2566 ระหว่าง 15:03 น. - 15:51 น. ให้เน้นขอพรด้านทรัพย์สินสมบัติเป็นหลัก เพื่อครอบครัวอยู่ดีกินดี หาเงินง่าย โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ช่วงมุม 75° ผลไม้เป็นทรงสามเหลี่ยมดูอุดมสมบูรณ์อวบอิ่ม ทรงคล้ายน้ำเต้า จะให้ผลตามหลักอนุมานอุปมาของโหราศาสตร์ และสอดคล้องภาวะของโลกในขณะนั้น
* บทส่งท่ายที่ออกนอกเรื่อง
แต่ในความเห็นของผู้เขียน ขงเบ้งเป็นคนขาดวิสัยทัศน์อันยาวไกล มีความสามารถเพียงแก้ปัญหาด้วยไหวพริบได้เป็นครั้งเป็นคราว ภายหลังสิ้นอายุไม่นาน ก็ปรากฏว่าไม่มีคนเก่งสายงานต่อ เนื่องจากไม่หาไว้เยอะๆ แบบที่โจโฉทำ
ทั้งขงเบ้งไม่วางงานเมืองให้ต่ออายุราชวงศ์ฮั่นอย่างถูกต้องโดยการยกผู้มีความสามารถมาปกครอง แต่กลับสนับสนุนให้คนปัญญาอ่อน อย่างเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นพระราชา
ซึ่งโดยแท้จริงเล่าปี่มีบุตรชายหลายคน และมีหลานที่สืบสายเลือดราชวงศ์ฮั่นที่เป็นคนเอาถ่านอยู่
สำหรับ เรื่องสามก๊ก ผู้เขียนยกย่อง สุมาอี้ สุมาสู สุมาเจียว ว่าเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ยาวไกลที่ดีที่สุด เพราะตั้งราชวงศ์จิ้นได้ และปกครองต่อมาได้ อีกหลายร้อยปี
ที่มาบทความ: ☉เอกโหรา♃ - ekhora.com