สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะปรึกษาครับ
เดือนที่แล้วผมมีอาการเหมือนกับการเป็นจิตเภทครับ ที่ผมรู้อาการนี้เพราะว่าผมเคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นคิดว่าคนที่บ้านจะวางยา หรือฆ่าผม
อาการที่เพิ่งเกิดขึ้นมีดังต่อไปนี้ครับ
(1) ผมไปซื้อ course นวดหน้ามา หมดเงินไป 100K รู้สึกผิดมาก รู้สึกว่าต้องเก็บเป็นความลับจากครอบครัว
(2) คืนนั้นผมจะต้องไป present เปเปอร์ที่เกาหลี
(3) คุณอากลับมาที่บ้าน ได้ยินคุณอาเดินไปข้างหลังบ้าน แล้วเหมือนจะซุบซิบกับคุณพ่อ ผมเหมือนได้ยินว่าต้องเป็นเรื่องของผมแน่ ๆ เลย
(4) อาการเริ่มมาครับ เริ่มมีอาการเครียด ๆ ผมเดินทางไปถึงสนามบิน เพื่อที่จะเดินทางไปเกาหลี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่ไป เพราะกลัวอาการทางจิตจะกลับมา
(5) ผมมานอนบ้าน อาการเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จน ผมขอพ่อว่าอยากจะไปหาหมอจิตเวช ตอนนั้นรู้สึกมีอาการหูแว่ว แบบได้ยินวิทยุพูดเกี่ยวกับสถามบิน Incheon ที่เกาหลีใต้ ทุกอย่างดูเหมือนจะ surreal ไปหมด เช่น พอไปหาหมอจิตเวช ได้ยินพยายามบอกว่าให้ผม "นั้ง" ชั่งน้ำหนักแทนที่จะยืนชั่ง ตอนพ่อคุยกับทางโรงพยาบาลจิตเวช ผมก็ไม่เชื่อว่าพ่อคุยอยู่จริง ๆ ถึงกับดึงมือถือพ่อมาฟังดูว่าพูดอยู่กับพนักงานจริงไหม (สรุปว่าพูด)
(6) ไปหาหมอ หมอก็ให้ยามาแล้วก็ให้กลับบ้าน บอกว่าถ้าไม่ดีขึ้นต้อง admit ซึ่งผม admit ไม่ได้เพราะงานของผมเรียงรายอยู่เต็มไมหมด และเป็นงานที่ผมจะต้องเข้าไปคุยกับทีม คุยกับลูกค้า ไป lecture ตัวเป็น ๆ ส่งงาน online ไม่ได้
(7) ผมกลับมาบ้านแล้วรู้สึกว่าคนที่บ้านเล่มสงครามประสาทกับผม คือที่บ้านมีคุณพ่อ กับคุณอาอยู่ เขาก็จะมาถามผมว่าผมคิดอะไรอยู่ (ตอนนั้นความเชื่อมโยงในหัวผมมันมั่วไปหมดแล้ว) แล้วให้พูดออกมา แล้วรูสึกว่าเขาเอาสิ่งที่ผมพูดออกไปมาทำร้ายผมอีกทีหนึ่ง เช่น ผมสารภาพไปว่าผมซื้อ course ทำหน้าไป 100K เขาก็แบบ พูดลั่นบ้านเลย ก็พูดแบบไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรนะ แต่พูดเสียงดังมากเหมือนจะประจานผมให้คนทั้งบ้าน และคนข้างบ้านได้ยิน
(8) ผมกลับเข้านอน ผมนอนกับพ่อ คอยดูแลเขาครับ ผมรู้สึกว่าผมเริ่มที่จะ sensitive กับเสียงโทรศัพท์ เวลาพ่อพูดอะไรในห้อง ผมจะกลัวว่าพ่อเปิดโทรศัพท์อยู่ เพื่อที่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับพ่ออยู่ด้วย
(9) ผมคิดว่าคนที่บ้านต้องการที่จะทำลายงานที่ผมทำอยู่ เพื่อที่จะทำให้ผมเป็นเบี้ยล่างเขาตลอดไป
วันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมา ตื่นมาเหมือนกับจิตใจได้พักผ่อนครับ อาการทางจิตลดน้อยลง เดินมาอาบน้ำ คุณอาก็คุยด้วย พอคุณอาคุยด้วย เหมือนอาการทางจิตเริ่มกลับมา ผมเลยตัดสินใจ แบกกระเป๋าที่ผมจัดเพื่อที่จะไปเกาหลีออกมาจากบ้านเลย
เย็นวันนั้น ผมนัดเจอกันหมอจิตเวชคนใหม่ (คือผมไม่รู้สึก trust หมอคนเก่าเท่าไร รักษาผมมาเป็น 5-6 ปี แล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไร) หมอใหม่ก็ให้ยามา แล้วก็บอกว่างานที่มีอาทิตย์หน้าควรงดไปก่อน
แต่ผมไม่เชื่อครับ ผมรู้สึกว่าพอผมออกมาจากบ้าน อาการผมก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ไปทำงานได้ (ผมมีงานอัดวีดีโอ 1 งาน และ lecture อีก 2 งาน และประชุม หาลูกค้าอีกหลายงาน)
ผมย้ายออกมาอยู่คอนโดได้หนึ่งเดือนแล้วละครับ ตอนนี้อยู่คอนโดเพื่อน เดียวสิ้นเดือนนี้จะย้ายไปอยู่คอนโดที่ใกล้ ๆ บ้านนิดหนึ่ง จริง ๆ ผมก็อยากจะกลับบ้านนะครับ คนที่บ้านก็แก่แล้ว พ่อผมอายุ 80+ แล้ว แต่ถ้าผมกลับไปแล้วผมเจอกลัวจะเจอกันสถานการณ์เก่า ๆ ที่ทำให้อาการผมกลับมาอีก แล้วงานผมจะพัง
ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ คนที่บ้านก็ห่วงนะครับ แต่งานผมก็ห่วงเหมือนกันครับ
อาการเหมือนจิตเภท ผมควรกลับบ้านดีไหม
เดือนที่แล้วผมมีอาการเหมือนกับการเป็นจิตเภทครับ ที่ผมรู้อาการนี้เพราะว่าผมเคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นคิดว่าคนที่บ้านจะวางยา หรือฆ่าผม
อาการที่เพิ่งเกิดขึ้นมีดังต่อไปนี้ครับ
(1) ผมไปซื้อ course นวดหน้ามา หมดเงินไป 100K รู้สึกผิดมาก รู้สึกว่าต้องเก็บเป็นความลับจากครอบครัว
(2) คืนนั้นผมจะต้องไป present เปเปอร์ที่เกาหลี
(3) คุณอากลับมาที่บ้าน ได้ยินคุณอาเดินไปข้างหลังบ้าน แล้วเหมือนจะซุบซิบกับคุณพ่อ ผมเหมือนได้ยินว่าต้องเป็นเรื่องของผมแน่ ๆ เลย
(4) อาการเริ่มมาครับ เริ่มมีอาการเครียด ๆ ผมเดินทางไปถึงสนามบิน เพื่อที่จะเดินทางไปเกาหลี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่ไป เพราะกลัวอาการทางจิตจะกลับมา
(5) ผมมานอนบ้าน อาการเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จน ผมขอพ่อว่าอยากจะไปหาหมอจิตเวช ตอนนั้นรู้สึกมีอาการหูแว่ว แบบได้ยินวิทยุพูดเกี่ยวกับสถามบิน Incheon ที่เกาหลีใต้ ทุกอย่างดูเหมือนจะ surreal ไปหมด เช่น พอไปหาหมอจิตเวช ได้ยินพยายามบอกว่าให้ผม "นั้ง" ชั่งน้ำหนักแทนที่จะยืนชั่ง ตอนพ่อคุยกับทางโรงพยาบาลจิตเวช ผมก็ไม่เชื่อว่าพ่อคุยอยู่จริง ๆ ถึงกับดึงมือถือพ่อมาฟังดูว่าพูดอยู่กับพนักงานจริงไหม (สรุปว่าพูด)
(6) ไปหาหมอ หมอก็ให้ยามาแล้วก็ให้กลับบ้าน บอกว่าถ้าไม่ดีขึ้นต้อง admit ซึ่งผม admit ไม่ได้เพราะงานของผมเรียงรายอยู่เต็มไมหมด และเป็นงานที่ผมจะต้องเข้าไปคุยกับทีม คุยกับลูกค้า ไป lecture ตัวเป็น ๆ ส่งงาน online ไม่ได้
(7) ผมกลับมาบ้านแล้วรู้สึกว่าคนที่บ้านเล่มสงครามประสาทกับผม คือที่บ้านมีคุณพ่อ กับคุณอาอยู่ เขาก็จะมาถามผมว่าผมคิดอะไรอยู่ (ตอนนั้นความเชื่อมโยงในหัวผมมันมั่วไปหมดแล้ว) แล้วให้พูดออกมา แล้วรูสึกว่าเขาเอาสิ่งที่ผมพูดออกไปมาทำร้ายผมอีกทีหนึ่ง เช่น ผมสารภาพไปว่าผมซื้อ course ทำหน้าไป 100K เขาก็แบบ พูดลั่นบ้านเลย ก็พูดแบบไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรนะ แต่พูดเสียงดังมากเหมือนจะประจานผมให้คนทั้งบ้าน และคนข้างบ้านได้ยิน
(8) ผมกลับเข้านอน ผมนอนกับพ่อ คอยดูแลเขาครับ ผมรู้สึกว่าผมเริ่มที่จะ sensitive กับเสียงโทรศัพท์ เวลาพ่อพูดอะไรในห้อง ผมจะกลัวว่าพ่อเปิดโทรศัพท์อยู่ เพื่อที่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับพ่ออยู่ด้วย
(9) ผมคิดว่าคนที่บ้านต้องการที่จะทำลายงานที่ผมทำอยู่ เพื่อที่จะทำให้ผมเป็นเบี้ยล่างเขาตลอดไป
วันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมา ตื่นมาเหมือนกับจิตใจได้พักผ่อนครับ อาการทางจิตลดน้อยลง เดินมาอาบน้ำ คุณอาก็คุยด้วย พอคุณอาคุยด้วย เหมือนอาการทางจิตเริ่มกลับมา ผมเลยตัดสินใจ แบกกระเป๋าที่ผมจัดเพื่อที่จะไปเกาหลีออกมาจากบ้านเลย
เย็นวันนั้น ผมนัดเจอกันหมอจิตเวชคนใหม่ (คือผมไม่รู้สึก trust หมอคนเก่าเท่าไร รักษาผมมาเป็น 5-6 ปี แล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไร) หมอใหม่ก็ให้ยามา แล้วก็บอกว่างานที่มีอาทิตย์หน้าควรงดไปก่อน
แต่ผมไม่เชื่อครับ ผมรู้สึกว่าพอผมออกมาจากบ้าน อาการผมก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ไปทำงานได้ (ผมมีงานอัดวีดีโอ 1 งาน และ lecture อีก 2 งาน และประชุม หาลูกค้าอีกหลายงาน)
ผมย้ายออกมาอยู่คอนโดได้หนึ่งเดือนแล้วละครับ ตอนนี้อยู่คอนโดเพื่อน เดียวสิ้นเดือนนี้จะย้ายไปอยู่คอนโดที่ใกล้ ๆ บ้านนิดหนึ่ง จริง ๆ ผมก็อยากจะกลับบ้านนะครับ คนที่บ้านก็แก่แล้ว พ่อผมอายุ 80+ แล้ว แต่ถ้าผมกลับไปแล้วผมเจอกลัวจะเจอกันสถานการณ์เก่า ๆ ที่ทำให้อาการผมกลับมาอีก แล้วงานผมจะพัง
ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ คนที่บ้านก็ห่วงนะครับ แต่งานผมก็ห่วงเหมือนกันครับ