พนัส อดีตคณบดีนิติฯ มธ. ชี้ช่องแก้ รธน.เอาผิดคนทำรัฐประหาร’57 ก่อกบฏ เชื่อมีผลย้อนหลังได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4184565
พนัส อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มธ. ชี้ช่องแก้รัฐธรรมนูญ เอาผิดคนทำรัฐประหาร’57 ฐานก่อกบฏ เชื่อมีผลย้อนหลังได้
เมื่อวันที่ 17 กันยายน นาย
พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ระบุทางเฟซบุ๊ก
Panat Tasneeyanond ถึงข้อแนะนำในการแก้รัฐธรรมนูญ หากยกเลิกมาตรา 279 วรรค 2 รัฐธรรมนูญ 2560 เพียงอย่างเดียว จะทำให้การรัฐประหาร 2557 มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายทันที สามารถเอาผิดฐานก่อกบฏได้
นาย
พนัสระบุว่า มาตรา 279 วรรค 2 รธน.2560
“
บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2559 ว่าเป็นการชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้ง การกระทําที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว ให้ถือว่าการนั้นและการกระทํานั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้และกฎหมาย”
ถ้ายกเลิกวรรคนี้เพียงวรรคเดียว ย่อมมีผลทำให้การรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อันเป็นความผิดฐานกบฎ ตาม ป.อาญา ม.113
อย่างไรก็ดี เมื่อมีผู้สอบถามว่า ถ้าแก้ไขได้จะมีผลย้อนหลังได้ใช่หรือไม่ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์มองว่า “
ผมคิดว่าย้อนหลังได้ครับ” ขณะเดียวกันยังตอบบางคอมเมนต์ด้วยว่า ไม่น่าจะยากอะไร แค่ไปช่วยกันแจ้งความดำเนินคดีกับ
ประยุทธ์กับพวกฐานกบฎ เหมือนที่ตุรกีเขาเอาหัวหน้า รปห.เมื่อปี 1980 มาฟัองให้ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตได้ ทั้งๆ ที่มีอายุถึง 90 แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า หากรัฐธรรมนูญ 2550 ที่รองรับการรัฐประหาร 2549 เลิกไปแล้ว จะเอาผิดคนทำรัฐประหาร 2549 ได้หรือไม่
นาย
พนัสระบุว่า อันนี้แหละที่ผมอยากให้ช่วยกันคิด เพราะ รธน.2550 ไม่มี ม.279 เหมือน รธน.2560 ทันทีที่มีการยกเลิก รธน.2550 เมื่อ 22 พ.ค.2557 ผู้ที่ทำรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.2549 น่าจะถูกฟ้องดำเนินคดีได้เลย
https://www.facebook.com/t.panat/posts/7089228464422522
“พิธา” โฟนอินชาวโคราช ประกาศพร้อมเป็นนายก สลายขั้วขัดแย้งสีเสื้อ
https://www.matichon.co.th/region/news_4184837
“พิธา” โฟนอินชาวโคราช ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ สลายขั้วขัดแย้งสีเสื้อ
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่โรงแรมดิอิมพีเรียล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ศูนย์ประสานพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โคราช จัดกิจกรรมนัดหมายสมาชิก ก.ก.พบปะแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็นกับ ส.ส. ก.ก. 3 เขต จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย เขต 1 นาย
ฉัตร สุภัทรวณิชย์ เขต 2 นาย
ปิยชาติ รุจิพรวศิน และเขต 3 นาย
ศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ และรับฟังนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้า ก.ก.โฟนอินกับชาวโคราชกว่า 100 คน
นาย
พิธากล่าวว่า ขอขอบคุณการทำงานอย่างหนักในช่วงก่อน 14 พฤษภาคม ทำให้เราสามารถเจาะไข่แดง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโคราช ได้ ส.ส. 3 เขต ในฐานะที่เราเป็นพรรคใหม่เป็นพรรคที่ถูกบดขยี้และถูกยุบพรรคมา ตนในฐานะเป็นผู้นำสู่ศึกการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกรวมทั้งผู้สมัครหลายคนเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ได้รับเลือก ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจ ภารกิจในการเดินหน้าต่อไป ต้องทำงานการเมืองเชิงรุก เพื่อเป็นพรรคของมวลชนมีกำลังขับเคลื่อน นำเสนอกฎหมายก้าวหน้าให้ประชาชนมีส่วนร่วม สำหรับจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีกว่า 70,000 คน และมีผู้สมัครเฉลี่ย 8-9,000 รายต่อเดือน คาดปลายปีจะมีสมาชิกร่วมแสนคน ทำให้ก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากที่สุด
ทั้งนี้ประสบการณ์การหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดระยอง แสดงให้เห็นว่าการเมืองมีการปรับฐานคะแนนความนิยม สำหรับแฟนการเมืองที่รู้สึกผิดหวังแล้วรู้สึกอกหัก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วแพ้การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ได้เดินเข้ามาหาตนแล้วบอกว่าจะเลือกก้าวไกล เพราะไม่ต้องการเสื้อเหลือง หรือ กปปส. มีความเกลียดชังในระบบคอร์รัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ และทุนผูกขาด ต้องการบุคคลที่เข้ามาต่อสู้กับระบบเหล่านี้ ต้องเป็นคนอย่างรังสิมันต์ โรม และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ขณะเดียวกันพี่น้องคนเสื้อแดงได้มาพูดคุยให้เหตุผลเลือก ก.ก.ไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร แต่เพราะต้องการต่อสู้กับสองมาตรฐานและเกลียดชังการรัฐประหาร มีความรู้สึกพรรคการเมืองพรรคเดียวสามารถต่อสู้กับการทำรัฐประหารรักษาให้ความเป็นคนเท่ากัน คือพรรคก้าวไกลเท่านั้น
ดังนั้นบุคคลเหล่านี้ต้องการหาแพลตฟอร์มทางการเมืองที่สานต่ออุดมการณ์ ซึ่งทุกสายตาจ้องมองมาที่พรรคก้าวไกล การรับสมัครสมาชิกต้องให้ความสำคัญและเดินหน้าโอบรับประชาชนทุกคนที่มีแนวคิดและนโยบายในทิศทางเดียวกับเรา การจะสลายขั้วความขัดแย้งในประเทศไทยได้อย่างแท้จริงคือการคืนความศรัทธาให้กับนักการเมือง คืนความศรัทธาให้ระบบรัฐสภา ตนพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทุกคน
ด้านนาง
ภัทรกาญจน์ ทองแดง ผู้ประสานงาน ก.ก.โคราช เปิดเผยว่า ก่อนจะมีการประชุมวิสามัญประจำปีในวันที่ 24 กันยายน ตนรับภารกิจสำคัญให้ดูแลเกี่ยวกับการขยายเครือข่าย จัดกิจกรรมให้สมาชิกมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือนำเสนออยากให้เป็นไปในทิศทางใดหรือต้องการให้จัดกิจกรรมที่สนับสนุนสมาชิกได้รับความรู้อย่างเช่น การร้องเรียนกฎหมายหรือประเด็นวาระแก้ปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อนในท้องถิ่น นำไปทำเป็นนโยบายของพรรคหรือนำไปเป็นวาระของการแก้ปัญหาเป็นรูปธรรมต่อไป
‘รสนา’ ลั่น คนใช้เบนซินเย็นไม่ไหวแล้ว วอน นายกฯ สั่งหยุดเอาเปรียบเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอุ้มดีเซลได้แล้ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4184688
“รสนา” ลั่น คนใช้เบนซินใจเย็นไม่ไหวแล้ว วอน นายกฯ สั่งหยุดเอาเปรียบเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชดเชยดีเซลได้แล้ว
เมื่อวันที่ 16 กันยายน นางสาว
รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันเบนซินที่มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใจความว่า
“น้ำมันเบนซินปรับขึ้นราคารัวๆ แบบนี้ แสดงว่าปล่อยลอยตัวตามราคาตลาดโลกแบบ 100% จึงไม่สมควรเก็บเงินคนใช้เบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเลย
วัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันคือเก็บเงินคนใช้น้ำมันช่วงราคาน้ำมันราคาต่ำเพื่อออมไว้ชดเชยราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มเมื่อราคาน้ำมันราคาสูงขึ้นตามการปรับตัวของตลาดโลกให้มีเสถียรภาพ ไม่เปลี่ยนแปลงถี่เกินไป
แต่ปรากฏว่ากลไกกองทุนน้ำมันมีแต่เก็บเงินจากคนใช้เบนซิน แต่ไม่เคยนำเงินที่คนเบนซินออมเก็บสะสมไว้ในกองทุนน้ำมันมาชดเชยให้ราคาน้ำมันเบนซินต่ำลงเมื่อราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแบบรัวๆ แต่อย่างไร
กลายเป็นว่ากองทุนน้ำมันมีไว้ขูดรีดคนใช้น้ำมันเบนซินมาชดเชยดีเซล มาชดเชยราคาเอทานอลที่ตั้งไว้สูงลิบที่ไม่เคยถูกตรวจสอบว่าราคา 29.10 บาท/ลิตร คิดมาได้อย่างไรที่ไม่มีการปรับขึ้นลงตามราคาตลาดมาตลอด 2 ปีได้อย่างไร เป็นความไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรมต่อคนใช้น้ำมันเบนซินอย่างยิ่ง
นายกฯเศรษฐาบอกว่า คนใช้น้ำมันเบนซิน มีสิทธิ์ลดราคาแน่ แต่ขอให้ใจเย็นๆ ?!!
ขอเรียนท่านนายกฯว่า
คนใช้เบนซินไม่ใช่ต้องรอรับความเมตตาลดราคาจากท่าน และคนใช้เบนซินใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว แค่ขอให้ท่านสั่งการให้หยุดเอาเปรียบคนใช้เบนซิน หยุดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ถ้าจะปล่อยลอยตัวน้ำมันเบนซินตามราคาตลาดโลกแบบ 100% แบบนี้ โดยไม่เอาเงินออมของคนใช้เบนซินมาชดเชยราคาให้เขา
ขอให้ท่านสั่งผู้ค้าน้ำมันหยุดเก็บค่าการตลาดเกิน 2 บาท/ลิตร
แค่ท่านสั่งการให้หยุดเอาเปรียบจากกลไกที่ไม่เป็นธรรมจากผู้ค้าน้ำมัน ประชาชนก็เบาตัวลงเยอะ โดยไม่ต้องรอรัฐบาลมาชดเชยราคา แบบล้วงกระเป๋าซ้ายมาชดเชยกระเป๋าขวา ซึ่งเป็นเงินของประชาชนทั้งสิ้น โดยรัฐบาลไม่แตะผลกำไรเกินสมควรของผู้ค้าน้ำมันแม้แต่น้อย ใช่หรือไม่?
ขอให้หยุดเอาภาระราคาเอทานอลที่สูงกว่าน้ำมันเบนซินมาเติมให้แพงขึ้น หยุดเก็บเงินคนใช้เบนซินเข้ากองทุนน้ำมัน เพราะคนใช้เบนซินไม่เคยได้สิทธิเอาเงินที่สะสมในกองทุนน้ำมันมาชดเชยเวลาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแม้แต่สตางค์เดียว
ท่านอย่าเพียงแต่ขอให้คนใช้เบนซินใจเย็นๆ แต่ขอให้ท่านนายกฯช่วยใจร้อนๆขึ้นหน่อย และสั่งการให้หยุดกลไกตลาดโลภที่เอาเปรียบคนใช้น้ำมันเบนซินก็เพียงพอแล้ว
รสนา โตสิตระกูล
16 กันยายน 2566
#คนใช้เบนซินใจเย็นไม่ไหว
#หยุดเอาภาระให้คนใช้เบนซินแบก
#หยุดราคาเอทานอลแพงกว่าตลาดโลก
#หยุดเก็บเงินคนใช้เบนซินเข้ากองทุนน้ำมัน”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02sykrm4MxhLbpxC8qPEQ9u4W9nbk4B4gyKd8yxVwByYBxtKXqU23SJ2uApVLXUCwel&id=100044690642442
ส.อ.ท. จับตาแหล่งเงินใช้ลุยเงินดิจิทัล 1 หมื่น หากกู้ดันหนี้สาธารณะแน่
https://www.matichon.co.th/economy/news_4184795
ส.อ.ท. จับตาแหล่งเงินใช้ลุยเงินดิจิทัล 1 หมื่น หากกู้ดันหนี้สาธารณะแน่
นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ว่า ถือเป็นเรื่องปกติเมื่อรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการใดก็ตามจะต้องใช้เงิน เกิดภาระทางการคลัง และย่อมมีผลต่อหนี้สาธารณะของประเทศ แต่หากไม่กระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่ได้ในเวลานี้ เพราะช่วงนี้จำเป็นต้องกระตุ้น อาทิ นโนยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินในดิจิทัลวอเลลต หรือเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อราย ให้กับประชาชนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5.6 แสนล้านบาท เป็นกระชากโดยการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นให้เครื่องติด เกิดหมุนเวียนอย่างน้อย 3-4 รอบ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีความคิดเห็นมากมายจากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับเรื่องเงินดิจิทัล อยากให้รัฐบาลนำความคิดเห็นต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม หรือบล็อกเชนให้มีความสมบูรณ์ และให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
“
การใช้เงินจำนวนมากย่อมเป็นภาระต่อหนี้สาธารณะ แต่ต้องดูว่าการจัดสรรที่มาของแหล่งเงินมาจากไหน เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจน หากกู้ก็มีหนี้ตามมา จากโดยปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะกว่า 60% กว่า และมีการขยายกรอบไปถึง 70%” นาย
เกรียงไกรกล่าว
JJNY : 5in1 ชี้ช่องเอาผิดก่อกบฏ│“พิธา”โฟนอิน│คนใช้เบนซินเย็นไม่ไหวแล้ว│ส.อ.ท.จับตาแหล่งเงิน│ไต้หวันเผยฝูงบินรบจีนบินรอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4184565
พนัส อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มธ. ชี้ช่องแก้รัฐธรรมนูญ เอาผิดคนทำรัฐประหาร’57 ฐานก่อกบฏ เชื่อมีผลย้อนหลังได้
เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ระบุทางเฟซบุ๊ก Panat Tasneeyanond ถึงข้อแนะนำในการแก้รัฐธรรมนูญ หากยกเลิกมาตรา 279 วรรค 2 รัฐธรรมนูญ 2560 เพียงอย่างเดียว จะทำให้การรัฐประหาร 2557 มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายทันที สามารถเอาผิดฐานก่อกบฏได้
นายพนัสระบุว่า มาตรา 279 วรรค 2 รธน.2560
“บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2559 ว่าเป็นการชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้ง การกระทําที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว ให้ถือว่าการนั้นและการกระทํานั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้และกฎหมาย”
ถ้ายกเลิกวรรคนี้เพียงวรรคเดียว ย่อมมีผลทำให้การรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อันเป็นความผิดฐานกบฎ ตาม ป.อาญา ม.113
อย่างไรก็ดี เมื่อมีผู้สอบถามว่า ถ้าแก้ไขได้จะมีผลย้อนหลังได้ใช่หรือไม่ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์มองว่า “ผมคิดว่าย้อนหลังได้ครับ” ขณะเดียวกันยังตอบบางคอมเมนต์ด้วยว่า ไม่น่าจะยากอะไร แค่ไปช่วยกันแจ้งความดำเนินคดีกับประยุทธ์กับพวกฐานกบฎ เหมือนที่ตุรกีเขาเอาหัวหน้า รปห.เมื่อปี 1980 มาฟัองให้ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตได้ ทั้งๆ ที่มีอายุถึง 90 แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า หากรัฐธรรมนูญ 2550 ที่รองรับการรัฐประหาร 2549 เลิกไปแล้ว จะเอาผิดคนทำรัฐประหาร 2549 ได้หรือไม่
นายพนัสระบุว่า อันนี้แหละที่ผมอยากให้ช่วยกันคิด เพราะ รธน.2550 ไม่มี ม.279 เหมือน รธน.2560 ทันทีที่มีการยกเลิก รธน.2550 เมื่อ 22 พ.ค.2557 ผู้ที่ทำรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.2549 น่าจะถูกฟ้องดำเนินคดีได้เลย
https://www.facebook.com/t.panat/posts/7089228464422522
“พิธา” โฟนอินชาวโคราช ประกาศพร้อมเป็นนายก สลายขั้วขัดแย้งสีเสื้อ
https://www.matichon.co.th/region/news_4184837
“พิธา” โฟนอินชาวโคราช ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ สลายขั้วขัดแย้งสีเสื้อ
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่โรงแรมดิอิมพีเรียล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ศูนย์ประสานพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โคราช จัดกิจกรรมนัดหมายสมาชิก ก.ก.พบปะแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็นกับ ส.ส. ก.ก. 3 เขต จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย เขต 1 นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ เขต 2 นายปิยชาติ รุจิพรวศิน และเขต 3 นายศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ และรับฟังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้า ก.ก.โฟนอินกับชาวโคราชกว่า 100 คน
นายพิธากล่าวว่า ขอขอบคุณการทำงานอย่างหนักในช่วงก่อน 14 พฤษภาคม ทำให้เราสามารถเจาะไข่แดง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโคราช ได้ ส.ส. 3 เขต ในฐานะที่เราเป็นพรรคใหม่เป็นพรรคที่ถูกบดขยี้และถูกยุบพรรคมา ตนในฐานะเป็นผู้นำสู่ศึกการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกรวมทั้งผู้สมัครหลายคนเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ได้รับเลือก ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจ ภารกิจในการเดินหน้าต่อไป ต้องทำงานการเมืองเชิงรุก เพื่อเป็นพรรคของมวลชนมีกำลังขับเคลื่อน นำเสนอกฎหมายก้าวหน้าให้ประชาชนมีส่วนร่วม สำหรับจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีกว่า 70,000 คน และมีผู้สมัครเฉลี่ย 8-9,000 รายต่อเดือน คาดปลายปีจะมีสมาชิกร่วมแสนคน ทำให้ก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากที่สุด
ทั้งนี้ประสบการณ์การหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดระยอง แสดงให้เห็นว่าการเมืองมีการปรับฐานคะแนนความนิยม สำหรับแฟนการเมืองที่รู้สึกผิดหวังแล้วรู้สึกอกหัก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วแพ้การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ได้เดินเข้ามาหาตนแล้วบอกว่าจะเลือกก้าวไกล เพราะไม่ต้องการเสื้อเหลือง หรือ กปปส. มีความเกลียดชังในระบบคอร์รัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ และทุนผูกขาด ต้องการบุคคลที่เข้ามาต่อสู้กับระบบเหล่านี้ ต้องเป็นคนอย่างรังสิมันต์ โรม และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ขณะเดียวกันพี่น้องคนเสื้อแดงได้มาพูดคุยให้เหตุผลเลือก ก.ก.ไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร แต่เพราะต้องการต่อสู้กับสองมาตรฐานและเกลียดชังการรัฐประหาร มีความรู้สึกพรรคการเมืองพรรคเดียวสามารถต่อสู้กับการทำรัฐประหารรักษาให้ความเป็นคนเท่ากัน คือพรรคก้าวไกลเท่านั้น
ดังนั้นบุคคลเหล่านี้ต้องการหาแพลตฟอร์มทางการเมืองที่สานต่ออุดมการณ์ ซึ่งทุกสายตาจ้องมองมาที่พรรคก้าวไกล การรับสมัครสมาชิกต้องให้ความสำคัญและเดินหน้าโอบรับประชาชนทุกคนที่มีแนวคิดและนโยบายในทิศทางเดียวกับเรา การจะสลายขั้วความขัดแย้งในประเทศไทยได้อย่างแท้จริงคือการคืนความศรัทธาให้กับนักการเมือง คืนความศรัทธาให้ระบบรัฐสภา ตนพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทุกคน
ด้านนางภัทรกาญจน์ ทองแดง ผู้ประสานงาน ก.ก.โคราช เปิดเผยว่า ก่อนจะมีการประชุมวิสามัญประจำปีในวันที่ 24 กันยายน ตนรับภารกิจสำคัญให้ดูแลเกี่ยวกับการขยายเครือข่าย จัดกิจกรรมให้สมาชิกมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือนำเสนออยากให้เป็นไปในทิศทางใดหรือต้องการให้จัดกิจกรรมที่สนับสนุนสมาชิกได้รับความรู้อย่างเช่น การร้องเรียนกฎหมายหรือประเด็นวาระแก้ปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อนในท้องถิ่น นำไปทำเป็นนโยบายของพรรคหรือนำไปเป็นวาระของการแก้ปัญหาเป็นรูปธรรมต่อไป
‘รสนา’ ลั่น คนใช้เบนซินเย็นไม่ไหวแล้ว วอน นายกฯ สั่งหยุดเอาเปรียบเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอุ้มดีเซลได้แล้ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4184688
“รสนา” ลั่น คนใช้เบนซินใจเย็นไม่ไหวแล้ว วอน นายกฯ สั่งหยุดเอาเปรียบเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชดเชยดีเซลได้แล้ว
เมื่อวันที่ 16 กันยายน นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันเบนซินที่มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใจความว่า
“น้ำมันเบนซินปรับขึ้นราคารัวๆ แบบนี้ แสดงว่าปล่อยลอยตัวตามราคาตลาดโลกแบบ 100% จึงไม่สมควรเก็บเงินคนใช้เบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเลย
วัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันคือเก็บเงินคนใช้น้ำมันช่วงราคาน้ำมันราคาต่ำเพื่อออมไว้ชดเชยราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มเมื่อราคาน้ำมันราคาสูงขึ้นตามการปรับตัวของตลาดโลกให้มีเสถียรภาพ ไม่เปลี่ยนแปลงถี่เกินไป
แต่ปรากฏว่ากลไกกองทุนน้ำมันมีแต่เก็บเงินจากคนใช้เบนซิน แต่ไม่เคยนำเงินที่คนเบนซินออมเก็บสะสมไว้ในกองทุนน้ำมันมาชดเชยให้ราคาน้ำมันเบนซินต่ำลงเมื่อราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแบบรัวๆ แต่อย่างไร
กลายเป็นว่ากองทุนน้ำมันมีไว้ขูดรีดคนใช้น้ำมันเบนซินมาชดเชยดีเซล มาชดเชยราคาเอทานอลที่ตั้งไว้สูงลิบที่ไม่เคยถูกตรวจสอบว่าราคา 29.10 บาท/ลิตร คิดมาได้อย่างไรที่ไม่มีการปรับขึ้นลงตามราคาตลาดมาตลอด 2 ปีได้อย่างไร เป็นความไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรมต่อคนใช้น้ำมันเบนซินอย่างยิ่ง
นายกฯเศรษฐาบอกว่า คนใช้น้ำมันเบนซิน มีสิทธิ์ลดราคาแน่ แต่ขอให้ใจเย็นๆ ?!!
ขอเรียนท่านนายกฯว่า
คนใช้เบนซินไม่ใช่ต้องรอรับความเมตตาลดราคาจากท่าน และคนใช้เบนซินใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว แค่ขอให้ท่านสั่งการให้หยุดเอาเปรียบคนใช้เบนซิน หยุดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ถ้าจะปล่อยลอยตัวน้ำมันเบนซินตามราคาตลาดโลกแบบ 100% แบบนี้ โดยไม่เอาเงินออมของคนใช้เบนซินมาชดเชยราคาให้เขา
ขอให้ท่านสั่งผู้ค้าน้ำมันหยุดเก็บค่าการตลาดเกิน 2 บาท/ลิตร
แค่ท่านสั่งการให้หยุดเอาเปรียบจากกลไกที่ไม่เป็นธรรมจากผู้ค้าน้ำมัน ประชาชนก็เบาตัวลงเยอะ โดยไม่ต้องรอรัฐบาลมาชดเชยราคา แบบล้วงกระเป๋าซ้ายมาชดเชยกระเป๋าขวา ซึ่งเป็นเงินของประชาชนทั้งสิ้น โดยรัฐบาลไม่แตะผลกำไรเกินสมควรของผู้ค้าน้ำมันแม้แต่น้อย ใช่หรือไม่?
ขอให้หยุดเอาภาระราคาเอทานอลที่สูงกว่าน้ำมันเบนซินมาเติมให้แพงขึ้น หยุดเก็บเงินคนใช้เบนซินเข้ากองทุนน้ำมัน เพราะคนใช้เบนซินไม่เคยได้สิทธิเอาเงินที่สะสมในกองทุนน้ำมันมาชดเชยเวลาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแม้แต่สตางค์เดียว
ท่านอย่าเพียงแต่ขอให้คนใช้เบนซินใจเย็นๆ แต่ขอให้ท่านนายกฯช่วยใจร้อนๆขึ้นหน่อย และสั่งการให้หยุดกลไกตลาดโลภที่เอาเปรียบคนใช้น้ำมันเบนซินก็เพียงพอแล้ว
รสนา โตสิตระกูล
16 กันยายน 2566
#คนใช้เบนซินใจเย็นไม่ไหว
#หยุดเอาภาระให้คนใช้เบนซินแบก
#หยุดราคาเอทานอลแพงกว่าตลาดโลก
#หยุดเก็บเงินคนใช้เบนซินเข้ากองทุนน้ำมัน”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02sykrm4MxhLbpxC8qPEQ9u4W9nbk4B4gyKd8yxVwByYBxtKXqU23SJ2uApVLXUCwel&id=100044690642442
ส.อ.ท. จับตาแหล่งเงินใช้ลุยเงินดิจิทัล 1 หมื่น หากกู้ดันหนี้สาธารณะแน่
https://www.matichon.co.th/economy/news_4184795
ส.อ.ท. จับตาแหล่งเงินใช้ลุยเงินดิจิทัล 1 หมื่น หากกู้ดันหนี้สาธารณะแน่
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ว่า ถือเป็นเรื่องปกติเมื่อรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการใดก็ตามจะต้องใช้เงิน เกิดภาระทางการคลัง และย่อมมีผลต่อหนี้สาธารณะของประเทศ แต่หากไม่กระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่ได้ในเวลานี้ เพราะช่วงนี้จำเป็นต้องกระตุ้น อาทิ นโนยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินในดิจิทัลวอเลลต หรือเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อราย ให้กับประชาชนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5.6 แสนล้านบาท เป็นกระชากโดยการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นให้เครื่องติด เกิดหมุนเวียนอย่างน้อย 3-4 รอบ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีความคิดเห็นมากมายจากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับเรื่องเงินดิจิทัล อยากให้รัฐบาลนำความคิดเห็นต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม หรือบล็อกเชนให้มีความสมบูรณ์ และให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
“การใช้เงินจำนวนมากย่อมเป็นภาระต่อหนี้สาธารณะ แต่ต้องดูว่าการจัดสรรที่มาของแหล่งเงินมาจากไหน เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจน หากกู้ก็มีหนี้ตามมา จากโดยปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะกว่า 60% กว่า และมีการขยายกรอบไปถึง 70%” นายเกรียงไกรกล่าว