อดีตเลขาฯสมช.ชี้อุบาย ทำพท.เจอสนิมกัดกินเนื้อใน ขาดพลังหนุนหลัง ดันนโยบายหาเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183018
อดีตเลขาฯสมช. ชี้อุบายพวกสืบทอดอำนาจ ทำพท.เจอสนิมกัดกินเนื้อใน ขาดพลังประชาชน หนุนหลังทำนโยบายหาเสียง
เมื่อวันที่ 16 กันยายน พล.ท.
ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่าจากปรากฎการณ์กำเนิดรัฐบาลข้ามขั้ว จึงอธิบายความเป็นฉากทัศน์หนึ่งได้ว่า ขบวนการสืบทอดอำนาจได้ใช้เพทุบายให้พรรคเพื่อไทยใช้การเสียสัตย์กับประชาชนเป็นเครื่องมือไปยับยั้งพรรคก้าวไกลไม่ให้เป็นรัฐบาล ขณะเดียวกันการเสียสัตย์นั้น ยังถูกใช้ไปเป็นสารตั้งต้นสร้างสนิมเนื้อในตนเกาะกินพรรคเพื่อไทยควบคู่ไปด้วย จนพรรคเพื่อไทยจะค่อยๆถูกสนิมกัดกร่อนจนขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชนในท้ายที่สุด
วันนี้ ภาพจากสนิมได้เริ่มปรากฎแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาพคณะรัฐมนตรีที่ไม่โดนใจประชาชน นโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาไม่ตรงกับการหาเสียง โดยเฉพาะนโยบายด้านความมั่นคง การปฏิรูปกองทัพเป็นทหารอาชีพ การยกเลิกเกณฑ์ทหาร การลดจำนวนนายพล การยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกและการแก้ไขปัญหาความรุนแรงจชต.ที่จะให้พลเรือนมานำแทนทหาร เพราะเมื่อรัฐบาลข้ามขั้วยำเกรงอำนาจเก่ายอมจำนนตั้งทีมงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาจากพวกอำนาจนิยม และเป็นคนของขบวนการสืบทอดอำนาจ นโยบายดังกล่าวมัน จะเป็นจริงได้หรือไม่
“
เพราะต้องยอมรับปัจจัยแห่งความสำเร็จของนโยบายฯที่กล่าวมานั้น คือต้องมีประชาชนหนุนหลังอย่างท่วมท้น ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่มี แต่ถ้าได้รัฐบาลที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีพลังอำนาจประชาชนหนุนหลังอย่างท่วมท้นจะสามารถขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วโดนใจประชาชนแน่นอน คำกล่าวที่ว่ากาลเวลาพิสูจน์คน เป็นสัจธรรมเสมอ พรรคการเมืองที่ยึดมั่นประชาธิปไตยและหัวใจคือประชาชนต้องแสดงออกให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเป็นเช่นนั้นจริง ฉะนั้นเลิกหน้ามืดไปสยบยอมหลงกลอำนาจเก่า จงหวนกลับมาเคารพเสียงประชาชน ประชาชนเขาพอจะเมตตาให้อภัยต่อการเสียสัตย์ได้แน่ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือต้องกลับมาจัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนนั่นเอง” พล.ท.
ภราดร กล่าว
กองทุนราษฎรประสงค์ แจ้งรายรับ-จ่าย ยอดคงเหลือ 7.1 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183009
กองทุนราษฎรประสงค์ แจ้งรายรับ-จ่าย ยอดคงเหลือ 7.1 ล้าน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ‘
กองทุนราษฎรประสงค์‘ เผยแพร่ข้อมูลรายงานการรับ-จ่ายของกองทุนราษฎรประสงค์ ระหว่างวันที่ 9-16 กันยายน 2566 โดยมียอดเงินคงเหลือในบัญชี เมื่อเวลา 07.15 น. ของวันที่ 16 กันยายนอยู่ที่ 7,149,180.53 บาท
ทั้งนี้ เมื่อ 14 กันยายนที่ผ่านมา กองทุนฯ ได้ชี้แจงประเด็นคำถามกรณีการยื่นประกันตัวนาย
สมบัติ ทองย้อย ผู้ต้องหา มาตรา 112 ว่า ในวันที่ 12 กันยายน กองทุนราษฎรประสงค์ได้รับการแจ้งขอเบิกเงิน 600,000 บาท จากศูนย์ทนายความฯ เพื่อนำไปใช้วางประกันชั้นฎีกาให้แก่นาย
สมบัติ ทองย้อย ในคดีของศาลอาญากรุงเทพใต้ และกองทุนฯได้แจ้งตอบรับยืนยันอนุมัติกลับไปในวันเดียวกัน ทำให้ต่อมาในวันที่ 13 กันยายน 66 จึงได้มีการยื่นประกันด้วยวงเงินดังกล่าวของกองทุนฯ โดยผู้ประกันคนเดิมที่กองทุนฯ มอบหมายให้เป็นผู้ประกันของคุณสมบัติตลอดมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์
อย่างไรก็ดี ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่พิจารณาคำร้องขอประกันนี้ แต่แจ้งว่าจะส่งคำร้องไปให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะต้องใช้เวลาราว 2-3 วัน จึงทำให้นาย
สมบัติต้องถูกส่งเข้าเรือนจำในระหว่างนี้ ดังนั้นการที่คุณสมบัติต้องเข้าเรือนจำในครั้งนี้จึงเป็นเพราะยังต้องรอผลจากศาลว่าจะให้ประกันหรือไม่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินวางประกัน และหากว่าศาลฎีกาอนุญาตให้ประกัน เงินที่ใช้วางประกันก็จะเป็นเงินของกองทุนราษฎรประสงค์โดยผ่านผู้ประกันคนเดิมซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ศาลไม่ให้ประกัน โดยเกรงว่าจะมีการหลบหนี
สมาคมผู้ค้าปลีก ให้การบ้านรัฐบาล เร่งกระตุ้นการใช้จ่าย
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/366308
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยถึงมาตรการลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ถือว่าเป็นมาตรการที่ออกมาถูกทาง หลังจากนี้ต้องโฟกัสว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดและเข้าถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมแนะให้รัฐบาลเดินหน้าพูดคุยกับภาคเอกชน เพื่อให้มาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เกิดผลต่อระบบเศรษฐกิจเพิ่มเงินในระบบได้ 3-5 เท่า
ขณะเดียวกันฝากการบ้านรัฐบาลให้เดินหน้ากระตุ้นให้คนมีกำลังซื้อเกิดการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่วนคนที่ต้องการความช่วยเหลือ มองว่ามาตรการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เป็นมาตรการที่จะเข้ามาตอบโจทย์การเพิ่มกำลังซื้อให้ เชื่อว่าน่าจะดันให้จีดีพีไทย เติบโตได้ 5% ตามเป้าหมายในปีหน้า นอกจากนี้การที่ประเทศไทยเป็นประเทศเปิดเสรีการค้า อาจทำให้สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด กระทบต่อแบรนด์สินค้าของผู้ประกอบการรายย่อยของไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงควรสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์สินค้าไทยให้แข่งขันได้
ส่วนเรื่องวีซ่าฟรี เสนอให้รัฐบาลทำการบ้านให้มากกว่าการดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ แต่ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เกิดการใช้จ่ายให้มากขึ้น โดยหวังว่า รัฐบาลจะไปดูเรื่องภาษีสินค้าไลฟ์สไตล์ ให้เกิดความเหมาะสม แข่งขันได้ ก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น ยกตัวอย่าง นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภูเก็ต ก็อาจทำให้ภูเก็ต เป็นจังหวัดฟรีโซนปลอดภาษี ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของภูเก็ตเติบโตได้อย่างมาก และอาจขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ได้ด้วย ทั้งนี้หลังจากรัฐบาลทำงานเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็อาจจะมีการเข้าพบเพื่อหารือเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
รับชมทางยูทูบที่ :
https://youtu.be/ZVHYnydypng
JJNY : ชี้อุบายพท.เจอสนิมกัดกิน│กองทุนราษฎรประสงค์ แจ้งรายรับ-จ่าย│ส.ผู้ค้าปลีกให้การบ้านรบ.│จีนคว่ำบาตรบ.อาวุธสหรัฐ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183018
อดีตเลขาฯสมช. ชี้อุบายพวกสืบทอดอำนาจ ทำพท.เจอสนิมกัดกินเนื้อใน ขาดพลังประชาชน หนุนหลังทำนโยบายหาเสียง
เมื่อวันที่ 16 กันยายน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่าจากปรากฎการณ์กำเนิดรัฐบาลข้ามขั้ว จึงอธิบายความเป็นฉากทัศน์หนึ่งได้ว่า ขบวนการสืบทอดอำนาจได้ใช้เพทุบายให้พรรคเพื่อไทยใช้การเสียสัตย์กับประชาชนเป็นเครื่องมือไปยับยั้งพรรคก้าวไกลไม่ให้เป็นรัฐบาล ขณะเดียวกันการเสียสัตย์นั้น ยังถูกใช้ไปเป็นสารตั้งต้นสร้างสนิมเนื้อในตนเกาะกินพรรคเพื่อไทยควบคู่ไปด้วย จนพรรคเพื่อไทยจะค่อยๆถูกสนิมกัดกร่อนจนขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชนในท้ายที่สุด
วันนี้ ภาพจากสนิมได้เริ่มปรากฎแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาพคณะรัฐมนตรีที่ไม่โดนใจประชาชน นโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาไม่ตรงกับการหาเสียง โดยเฉพาะนโยบายด้านความมั่นคง การปฏิรูปกองทัพเป็นทหารอาชีพ การยกเลิกเกณฑ์ทหาร การลดจำนวนนายพล การยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกและการแก้ไขปัญหาความรุนแรงจชต.ที่จะให้พลเรือนมานำแทนทหาร เพราะเมื่อรัฐบาลข้ามขั้วยำเกรงอำนาจเก่ายอมจำนนตั้งทีมงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาจากพวกอำนาจนิยม และเป็นคนของขบวนการสืบทอดอำนาจ นโยบายดังกล่าวมัน จะเป็นจริงได้หรือไม่
“เพราะต้องยอมรับปัจจัยแห่งความสำเร็จของนโยบายฯที่กล่าวมานั้น คือต้องมีประชาชนหนุนหลังอย่างท่วมท้น ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่มี แต่ถ้าได้รัฐบาลที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีพลังอำนาจประชาชนหนุนหลังอย่างท่วมท้นจะสามารถขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วโดนใจประชาชนแน่นอน คำกล่าวที่ว่ากาลเวลาพิสูจน์คน เป็นสัจธรรมเสมอ พรรคการเมืองที่ยึดมั่นประชาธิปไตยและหัวใจคือประชาชนต้องแสดงออกให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเป็นเช่นนั้นจริง ฉะนั้นเลิกหน้ามืดไปสยบยอมหลงกลอำนาจเก่า จงหวนกลับมาเคารพเสียงประชาชน ประชาชนเขาพอจะเมตตาให้อภัยต่อการเสียสัตย์ได้แน่ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือต้องกลับมาจัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนนั่นเอง” พล.ท.ภราดร กล่าว
กองทุนราษฎรประสงค์ แจ้งรายรับ-จ่าย ยอดคงเหลือ 7.1 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183009
กองทุนราษฎรประสงค์ แจ้งรายรับ-จ่าย ยอดคงเหลือ 7.1 ล้าน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ‘กองทุนราษฎรประสงค์‘ เผยแพร่ข้อมูลรายงานการรับ-จ่ายของกองทุนราษฎรประสงค์ ระหว่างวันที่ 9-16 กันยายน 2566 โดยมียอดเงินคงเหลือในบัญชี เมื่อเวลา 07.15 น. ของวันที่ 16 กันยายนอยู่ที่ 7,149,180.53 บาท
ทั้งนี้ เมื่อ 14 กันยายนที่ผ่านมา กองทุนฯ ได้ชี้แจงประเด็นคำถามกรณีการยื่นประกันตัวนายสมบัติ ทองย้อย ผู้ต้องหา มาตรา 112 ว่า ในวันที่ 12 กันยายน กองทุนราษฎรประสงค์ได้รับการแจ้งขอเบิกเงิน 600,000 บาท จากศูนย์ทนายความฯ เพื่อนำไปใช้วางประกันชั้นฎีกาให้แก่นายสมบัติ ทองย้อย ในคดีของศาลอาญากรุงเทพใต้ และกองทุนฯได้แจ้งตอบรับยืนยันอนุมัติกลับไปในวันเดียวกัน ทำให้ต่อมาในวันที่ 13 กันยายน 66 จึงได้มีการยื่นประกันด้วยวงเงินดังกล่าวของกองทุนฯ โดยผู้ประกันคนเดิมที่กองทุนฯ มอบหมายให้เป็นผู้ประกันของคุณสมบัติตลอดมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์
อย่างไรก็ดี ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่พิจารณาคำร้องขอประกันนี้ แต่แจ้งว่าจะส่งคำร้องไปให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะต้องใช้เวลาราว 2-3 วัน จึงทำให้นายสมบัติต้องถูกส่งเข้าเรือนจำในระหว่างนี้ ดังนั้นการที่คุณสมบัติต้องเข้าเรือนจำในครั้งนี้จึงเป็นเพราะยังต้องรอผลจากศาลว่าจะให้ประกันหรือไม่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินวางประกัน และหากว่าศาลฎีกาอนุญาตให้ประกัน เงินที่ใช้วางประกันก็จะเป็นเงินของกองทุนราษฎรประสงค์โดยผ่านผู้ประกันคนเดิมซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ศาลไม่ให้ประกัน โดยเกรงว่าจะมีการหลบหนี
สมาคมผู้ค้าปลีก ให้การบ้านรัฐบาล เร่งกระตุ้นการใช้จ่าย
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/366308
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยถึงมาตรการลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ถือว่าเป็นมาตรการที่ออกมาถูกทาง หลังจากนี้ต้องโฟกัสว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดและเข้าถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมแนะให้รัฐบาลเดินหน้าพูดคุยกับภาคเอกชน เพื่อให้มาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เกิดผลต่อระบบเศรษฐกิจเพิ่มเงินในระบบได้ 3-5 เท่า
ขณะเดียวกันฝากการบ้านรัฐบาลให้เดินหน้ากระตุ้นให้คนมีกำลังซื้อเกิดการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่วนคนที่ต้องการความช่วยเหลือ มองว่ามาตรการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เป็นมาตรการที่จะเข้ามาตอบโจทย์การเพิ่มกำลังซื้อให้ เชื่อว่าน่าจะดันให้จีดีพีไทย เติบโตได้ 5% ตามเป้าหมายในปีหน้า นอกจากนี้การที่ประเทศไทยเป็นประเทศเปิดเสรีการค้า อาจทำให้สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด กระทบต่อแบรนด์สินค้าของผู้ประกอบการรายย่อยของไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงควรสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์สินค้าไทยให้แข่งขันได้
ส่วนเรื่องวีซ่าฟรี เสนอให้รัฐบาลทำการบ้านให้มากกว่าการดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ แต่ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เกิดการใช้จ่ายให้มากขึ้น โดยหวังว่า รัฐบาลจะไปดูเรื่องภาษีสินค้าไลฟ์สไตล์ ให้เกิดความเหมาะสม แข่งขันได้ ก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น ยกตัวอย่าง นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภูเก็ต ก็อาจทำให้ภูเก็ต เป็นจังหวัดฟรีโซนปลอดภาษี ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของภูเก็ตเติบโตได้อย่างมาก และอาจขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ได้ด้วย ทั้งนี้หลังจากรัฐบาลทำงานเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็อาจจะมีการเข้าพบเพื่อหารือเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ZVHYnydypng