ฉันชื่อเด็กหญิงหอยขม เป็นลูกสาวตัวน้อยคนเดียวของบ้าน
ทุกๆ วัน ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อต้องรีบแต่งตัวลงไปทำงานที่ลานหน้าบ้านแต่เช้า พ่อของฉันเป็นช่าง และต้องทำงานเพียงคนเดียวเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ฉันต้องอยู่กับแม่บนบ้านชั้นสอง ไม่เคยได้ออกไปไหน ภาพที่ฉันจำติดตาคือกองหนังสือ กระดาษ และดินสอที่ถูกทิ้งเอาไว้ เพื่อให้ฉันวาดรูปเล่น รวมถึงแม่ที่ฉันรัก ที่เอาแต่นั่งอยู่หน้าจอทีวีเป็นประจำ โดยไม่หันมามองที่ฉัน ไม่เล่นกับฉัน ไม่สนใจฉัน
ฉันพยายามเรียกหาแม่ อยากฟังแม่เล่านิทาน อยากเล่นกับแม่ แต่ไม่เคยมีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับมา ฉันเอาแต่คิดว่า.. ทำไม.. ทำไมแม่ไม่รักฉันหรือ.. ทำไมแม่ไม่มองมาที่ฉันบ้าง
จนกระทั่งตอนเย็น เมื่อพ่อทำงานเสร็จ พ่อจึงจะอาบน้ำ มาทานข้าวพร้อมกัน และพาฉันลงไปเดินเล่นที่ลานหน้าบ้านบ้าง ฉันมักจะขอร้องให้พ่อจูงมือฉันเดินเล่น และรอจนกระทั่งเริ่มเห็นดวงดาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ฉันชอบการดูดาวมาก จนกระทั่งเริ่มมืดมากขึ้น พ่อจึงให้ฉันขึ้นบ้านนอน
เมื่อถึงยามเช้า ความเหงาและความโดดเดี่ยวก็เริ่มมาเกาะกุมหัวใจของฉันอีกเช่นเคย เพราะพ่อต้องลงไปทำงานแต่เช้า ทิ้งฉันไว้กับแม่บนห้องนอนชั้นสองของบ้าน ฉันอยากลงไปดูพ่อทำงานบ้าง.. แต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาต ฉันยังคงต้องนั่งมองแผ่นหลังของแม่อีกเช่นเคย สลับกับการมองกองหนังสือบนพื้น และหยิบดินสอมาวาดรูปครอบครัวที่มีฉันอยู่ตรงกลาง มีพ่อและแม่จับมือฉันทั้งสองข้าง
แม่จ๋า.. หนูรักแม่นะ.. ทำไมแม่ไม่หันมามองหนู กล่องสี่เหลี่ยมที่มีภาพของใครเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นสำคัญกว่าหนูหรือจ๊ะ.. หนูรักแม่นะ..รักมาก.. แม่รักหนูบ้างไหม..
แล้ววันหนึ่ง อาการแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจำไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นอย่างไร แต่ก็รู้เพียงว่าฉันรู้สึกแน่นหน้าอกและเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันเริ่มหายใจไม่ออก และมันทรมานมาก..
ฉันร้องไห้เรียกหาแม่ที่ฉันรักซึ่งกำลังนั่งดูทีวี แต่แม่ทำได้เพียงแค่หันมามอง และถามสั้นๆ ว่าฉันเป็นอะไร ฉันแทบไม่มีแรงพูด บอกแม่ได้เพียงแค่ว่าหนูหายใจไม่ออก..
แต่.. แม่ที่รักของฉันกลับไม่สนใจที่จะทำอะไรเพื่อช่วยฉัน อาการแน่นหน้าอกเริ่มหนักขึ้นเริ่อยๆ จนฉันไม่สามารถหายใจได้ ฉันร้องไห้ด้วยความทรมาน
คราวนี้ แม่ลุกมาหาฉัน แต่มิได้ช่วยฉัน สิ่งที่แม่กำลังทำกับฉันคือการด่าทอเสียงดังว่าฉันแกล้งไม่สบาย เพื่อเรียกร้องความสนใจ และเอาไม้เรียวกระหน่ำฟาดตีฉัน..
ฉันทนไม่ไหวแล้ว.. ฉันหายใจไม่ออก.. ความเจ็บปวดในอกแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนภาพที่ฉันมองเห็นเริ่มพร่าเลือน ทั้งจากหยาดน้ำตาและอากาศในปอดที่ใกล้จะหมดลงทำให้ฉันกำลังจะหมดสติ..
แม่จ๋า.. ทำไมแม่ไม่รักหนู.. หนูทำอะไรผิด.. หนูหายใจไม่ออก และหนูไม่ได้โกหก..
แม่กระชากเสื้อฉันขึ้นมา ตะโกนสั่งให้ฉันหยุดร้องไห้ และมือของแม่ที่ฉันวาดหวังมาตลอดให้มือคู่นั้นกอดฉัน ยังคงตีฉัน ภาพใบหน้าของแม่ที่ฉันรักพร่าเลือนลงทุกขณะ.. ฉันไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะส่งเสียงใดๆ อีกต่อไป ร่างกายของฉันเริ่มชาจนไร้ความรู้สึก..
ภาพสุดท้ายที่เห็น คือพ่อของฉันที่รีบเปิดประตูเข้ามา พ่อกอดฉันไว้ในอ้อมแขนแน่น.. ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะอันตรธานหายไป..
ฉันไม่เคยคิดว่าความตายจะเป็นอย่างไร เพราะฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องนี้.. แต่สิ่งที่ยังคงเป็นคำถามคาใจจนถึงวินาทีสุดท้าย คือ แม่รักฉันบ้างไหม ทำไมแม่จึงไม่รักฉัน.. ฉันเป็นเพียงเด็กหญิงหอยขมที่แม่ไม่ต้องการให้ฉันเกิดมาหรือ..
แต่หนูรักแม่นะ.. และจะรักแม่เสมอ.. ตลอดไป..
เรื่องสั้น เด็กหญิงหอยขม
ทุกๆ วัน ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อต้องรีบแต่งตัวลงไปทำงานที่ลานหน้าบ้านแต่เช้า พ่อของฉันเป็นช่าง และต้องทำงานเพียงคนเดียวเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ฉันต้องอยู่กับแม่บนบ้านชั้นสอง ไม่เคยได้ออกไปไหน ภาพที่ฉันจำติดตาคือกองหนังสือ กระดาษ และดินสอที่ถูกทิ้งเอาไว้ เพื่อให้ฉันวาดรูปเล่น รวมถึงแม่ที่ฉันรัก ที่เอาแต่นั่งอยู่หน้าจอทีวีเป็นประจำ โดยไม่หันมามองที่ฉัน ไม่เล่นกับฉัน ไม่สนใจฉัน
ฉันพยายามเรียกหาแม่ อยากฟังแม่เล่านิทาน อยากเล่นกับแม่ แต่ไม่เคยมีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับมา ฉันเอาแต่คิดว่า.. ทำไม.. ทำไมแม่ไม่รักฉันหรือ.. ทำไมแม่ไม่มองมาที่ฉันบ้าง
จนกระทั่งตอนเย็น เมื่อพ่อทำงานเสร็จ พ่อจึงจะอาบน้ำ มาทานข้าวพร้อมกัน และพาฉันลงไปเดินเล่นที่ลานหน้าบ้านบ้าง ฉันมักจะขอร้องให้พ่อจูงมือฉันเดินเล่น และรอจนกระทั่งเริ่มเห็นดวงดาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ฉันชอบการดูดาวมาก จนกระทั่งเริ่มมืดมากขึ้น พ่อจึงให้ฉันขึ้นบ้านนอน
เมื่อถึงยามเช้า ความเหงาและความโดดเดี่ยวก็เริ่มมาเกาะกุมหัวใจของฉันอีกเช่นเคย เพราะพ่อต้องลงไปทำงานแต่เช้า ทิ้งฉันไว้กับแม่บนห้องนอนชั้นสองของบ้าน ฉันอยากลงไปดูพ่อทำงานบ้าง.. แต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาต ฉันยังคงต้องนั่งมองแผ่นหลังของแม่อีกเช่นเคย สลับกับการมองกองหนังสือบนพื้น และหยิบดินสอมาวาดรูปครอบครัวที่มีฉันอยู่ตรงกลาง มีพ่อและแม่จับมือฉันทั้งสองข้าง
แม่จ๋า.. หนูรักแม่นะ.. ทำไมแม่ไม่หันมามองหนู กล่องสี่เหลี่ยมที่มีภาพของใครเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นสำคัญกว่าหนูหรือจ๊ะ.. หนูรักแม่นะ..รักมาก.. แม่รักหนูบ้างไหม..
แล้ววันหนึ่ง อาการแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจำไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นอย่างไร แต่ก็รู้เพียงว่าฉันรู้สึกแน่นหน้าอกและเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันเริ่มหายใจไม่ออก และมันทรมานมาก..
ฉันร้องไห้เรียกหาแม่ที่ฉันรักซึ่งกำลังนั่งดูทีวี แต่แม่ทำได้เพียงแค่หันมามอง และถามสั้นๆ ว่าฉันเป็นอะไร ฉันแทบไม่มีแรงพูด บอกแม่ได้เพียงแค่ว่าหนูหายใจไม่ออก..
แต่.. แม่ที่รักของฉันกลับไม่สนใจที่จะทำอะไรเพื่อช่วยฉัน อาการแน่นหน้าอกเริ่มหนักขึ้นเริ่อยๆ จนฉันไม่สามารถหายใจได้ ฉันร้องไห้ด้วยความทรมาน
คราวนี้ แม่ลุกมาหาฉัน แต่มิได้ช่วยฉัน สิ่งที่แม่กำลังทำกับฉันคือการด่าทอเสียงดังว่าฉันแกล้งไม่สบาย เพื่อเรียกร้องความสนใจ และเอาไม้เรียวกระหน่ำฟาดตีฉัน..
ฉันทนไม่ไหวแล้ว.. ฉันหายใจไม่ออก.. ความเจ็บปวดในอกแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนภาพที่ฉันมองเห็นเริ่มพร่าเลือน ทั้งจากหยาดน้ำตาและอากาศในปอดที่ใกล้จะหมดลงทำให้ฉันกำลังจะหมดสติ..
แม่จ๋า.. ทำไมแม่ไม่รักหนู.. หนูทำอะไรผิด.. หนูหายใจไม่ออก และหนูไม่ได้โกหก..
แม่กระชากเสื้อฉันขึ้นมา ตะโกนสั่งให้ฉันหยุดร้องไห้ และมือของแม่ที่ฉันวาดหวังมาตลอดให้มือคู่นั้นกอดฉัน ยังคงตีฉัน ภาพใบหน้าของแม่ที่ฉันรักพร่าเลือนลงทุกขณะ.. ฉันไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะส่งเสียงใดๆ อีกต่อไป ร่างกายของฉันเริ่มชาจนไร้ความรู้สึก..
ภาพสุดท้ายที่เห็น คือพ่อของฉันที่รีบเปิดประตูเข้ามา พ่อกอดฉันไว้ในอ้อมแขนแน่น.. ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะอันตรธานหายไป..
ฉันไม่เคยคิดว่าความตายจะเป็นอย่างไร เพราะฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องนี้.. แต่สิ่งที่ยังคงเป็นคำถามคาใจจนถึงวินาทีสุดท้าย คือ แม่รักฉันบ้างไหม ทำไมแม่จึงไม่รักฉัน.. ฉันเป็นเพียงเด็กหญิงหอยขมที่แม่ไม่ต้องการให้ฉันเกิดมาหรือ..
แต่หนูรักแม่นะ.. และจะรักแม่เสมอ.. ตลอดไป..