สวัสดีนักเดินทางที่เข้ามาอ่านทุกท่านครับ กระทู้นี้ เป็นตอนที่ 3 ของประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ครับ
กระทู้นี้ เป็นกระทู้บอกเล่าประสบการณ์เดินทางแรกของผม
ฝากผลงานรีวิวการเดินทางได้ที่เพจ
The Walker - เดินทางไป เล่าไป ใน Facebook
และ Tiktok
https://www.tiktok.com/@nornu.ss ด้วยนะครับ
ตอนที่ 1 คลิก
ตอนที่ 2 คลิก
วันที่ 5 - นครวัด,นครธม,วัดตาพรม,โตนเลสาบ
เผลอแปปเดียว ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการเดินทางแล้ว วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ 4.40 (ถือว่าเป็นการตื่นเช้าที่สุด ในรอบหลายๆปีเลยก็ว่าได้ แฮ่) ออกจากที่พักตอน 5.00 เพื่อไปซื้อตั๋วเข้าชมวัด 1 วัน
อาบน้ำ แต่งตัวด้วยความไวแสง แล้วเรียก Grab อีกตามเคย เพื่อไปซื้อตั๋วเข้าชมวัด โดยจุดขายตั๋วมีอยู่จุดเดียว ชื่อ Angkor Park Pass Ticket Counters ค้นหาใน Google Map ได้เลย แวะรับเพื่อนแล้วมุ่งหน้าไปซื้อตั๋วกันโลด ค่ารถ 14,100 เรียล
ถึงแล้วจุดจำหน่ายตั๋ว เวลาประมาณตีห้านิดๆ ซื้อตั๋ว 1 วัน
1 วัน ราคา 37 USD (รูดบัตรเครดิตไป เรียกเก็บที่ 1,335.28 บาท)
3 วัน ราคา 62 USD
7 วัน ราคา 72 USD
ด้วยความที่ตื่นเช้า เบลอ (หรือเพราะจินโทนิคเมื่อคืนหว่า) ขณะที่รูดบัตรเครดิตเสร็จ พนักงานก็ถ่ายรูปปริ้นติดตั๋ว ผมก็เดินออกมาเลย โดยที่ยังไม่ทันได้รับตั๋ว เดินมาเกือบจะขึ้นรถ มีพนักงานวิ่งตามเรียก Sir Sir Sir, you forgot your ticket.
ได้ตั๋วแล้ว ก็ให้พี่คนขับรถมาส่งถึงนครวัดเวลาประมาณ 5.50 เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.20 ค่ารถ 15,600 เรียล ก่อนลงรถ พี่ชาญ (ชื่อคนขับรถ)
บอกว่ายูกลับมานะ ไอจะรอ
เริ่มเห็นแสงบ้างแล้ว บรรยากาศตอนเช้ามันดีมากกกกกกกกกกกกกก เห็นนครวัดอยู่ไกลๆ เดินเข้าไปกัน
เดินข้ามสะพานลอยน้ำไป ก็จะเข้าสู่บริเวณของนครวัดแล้ว ปล. อย่าลืมเก็บตั๋วไว้ให้ดีด้วยนะ มีพนักงานตรวจตั๋วอยู่หน้าสะพาน
เข้ามาข้างในแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือตื่นเต้นสุดๆ
มุมมหาชนอยู่ตรงไหนไม่ต้องสืบ นักท่องเที่ยวอย่างเราๆก็ตามเขาไปโลด
จังหวะนั้นเสียงชัตเตอร์จากกล้องของแต่ละคนก็ลั่นกันรัวๆ
นครวัดเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก แรกเริ่มนั้นสร้างขึ้นเป็นเทวลัยในศาสนาฮินดูเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุ ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นวัดในศาสนาพุทธในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 สร้างขึ้นในช่วงต้นของคริสศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2
รูปแกะสลักนางอัปสร มีอยู่ให้เห็นเยอะมาก
จารึกขอม
ยังมีพระพุทธรูปอยู่ในอาคาร และคนท้องถิ่นยังคงแวะเวียนมากราบไหว้บูชา
บรรยากาศข้างบนดีมากๆ สามารถมองเห็บป่าโดยรอบของนครวัด
เวลา 7.40 เดินกลับออกมาจากนครวัด คุยกับเพื่อนว่าสงสัยพี่ชาญคนขับรถน่าจะไปแล้ว เพราะว่าเข้ามานาน สุดท้ายพี่เขายังนั่งรออยู่ในรถ พร้อมโบกมือเรียกมาแต่ไกล ที่ต่อไปคือนครธม ค่ารถ 10,800 เรียล อ้างอิงจากในแอป Grab ได้เลย ระหว่างทางขับรถลัดเลาะไปในป่า บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ
ถึงแล้วทางเข้านครธม ทางเข้าคือเป็นอีกหนึ่งช็อตที่อลังการมากๆ ขณะนั้นทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นที่อยู่บนรถพูดกันอยู่คำเดียว
คือ ว๊าว ว๊าว ว๊าว ว๊าว
นครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเป็นเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในนครธมมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรก ๆ และที่สร้างขึ้นต่อโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท
ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า "ปราสาทบายน"
สัญลักษณ์สำคัญที่โดดเด่นสำหรับนครธม คือ พระพักตร์สี่หน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นครธม เป็นสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุด เพราะความมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง 10/10
เจอลิงอยู่ในปราสาท ซนมากๆ ขโมยของเก่งอีก ใครมาก็เก็บของให้ดีๆเน้อ พวกมือถือ แว่นตา ขวดน้ำ
ถ้าไม่อยากวิ่งตามลิงแบบพวกผม
ซนไม่ซนให้ภาพเล่าเรื่อง
เวลาประมาณ 9.00 เรามาต่อกันที่สุดท้ายของทริปในช่วงเช้า คือปราสาทตาพรหม พี่ชาญมาส่งเหมือนเดิม ค่ารถ 12,100 เรียล
ปราสาทตาพรหม เป็นปราสาทหินของจักรวรรดิเขมร สร้างขึ้นราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
เพื่อเป็นสถานศึกษาและศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน
หลังจากจักรวรรดิเขมรได้ล่มสลายลงราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 ปราสาทตาพรหมก็ถูกทิ้งร้างและไม่ได้รับการพูดถึงมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
จนกระทั่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 จึงได้เริ่มความพยายามในการบูรณะโดยสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ (เป็นสถาบันของฝรั่งเศสที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับโบราณคดี ประวัติศาสตร์ รวมทั้งสังคมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
เที่ยวปราสาทตาพรหมเสร็จก็เป็นอันว่าเก็บครบที่อยากไปกันแล้ว เลยตกลงกับเพื่อนว่าแยกย้ายไปนอนก่อน เพราะง่วงกันมาก 555
10.00 ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ และนี่คือโฉมหน้าของพี่ชาญ ที่ขับรถตุ๊กๆพาเราเที่ยววัดอย่างปลอดภัย ค่ารถ 22,300
สรุปค่ารถทั้งหมดอยู่ที่ 75,000 เรียล หรือประมาณ 650 บาท หารกับเพื่อนญี่ปุ่น ตกคนละ 325 บาท ส่วนตัวมองว่าไม่แพงเลย
ถึงโรงแรมสภาพที่ง่วง + หิว เลยตัดสินใจไปทานอาหารเช้าก่อน เพราะเดี๋ยวจะไม่มีแรงนอน
สั่งออมเล็ทกับน้ำแตงโม 1 แก้ว แล้วไปนอน zzZZ
หลับไป 4 ชั่วโมงถ้วน ตื่นมารีบทักไปหาโชตะพร้อมลุยหมู่บ้านลอยน้ำ ที่โดนเลสาป เรียก Grab เหมือนเดิม ค่ารถ 16,600 เรียล
จริงๆ ตรงนี้เป็นเหมือนท่าเรือ และเป็นหมู่บ้านลอยน้ำแรกที่ใกล้ที่สุด ถ้าใครจะตามรอย ค้นในแมพว่า Chong Khneas ferry ได้เลย
ผมไม่ได้ลงไปถึงโตนเลสาปจริงๆ เพราะคิดว่าคงไม่ต่างกัน แต่ไกลกว่า ค่ารถแพงกว่า ฮ่าๆ
นั่งรถมาประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงแล้ว หมู่บ้านลอยน้ำโตนเลสาป
ออกสำรวจหมู่บ้านกัน เดินลึกเข้าไปเกือบสองกิโลเมตร น่าจะมีชาวต่างชาติอยู่ตรงนี้กันแค่สองคน ในขณะที่ชาวบ้านโบกมือทักทายกันไม่ขาดสาย
ในหมู่บ้านมีทั้งโบสถ์ของชาวคริสต์ เดินผ่านชาวมุสลิม และชาวพุธ ต่างอยู่ร่วมกัน
ผู้คนต่างออกทำกิจกรรม ทั้งซ่อมเรือ เด็กน้อยเล่นกัน ทั้งซักผ้าทำงานบ้าน ดูไปก็ยิ้มไป
ได้เห็นวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นครั้งแรกก็วันนี้
ปลาร้าเขมร หน้าตาคล้ายของไทยอยู่นะ
สุดทางเดิน เจอคุณลุงกำลังดื่มอะไรอยู่ โชตะโระนำหน้าไปเลยจ้าาา น้ำ 20 ดีกรี นั่งดื่มกับเขาไป 4 แก้ว
นั่งคุยกันสักพักรถส่งของก็มาเทียบ คุณลุงต้องนำของขึ้นเรือต่อแล้ว คุณลุงยื่นน้ำดื่มให้อีกคนละขวด จับไม้จับมือร่ำลากัน
ทริปนี้ประทับใจกับความเป็นมิตรของคนกัมพูชามากๆ 10/10
ก่อนเดินกลับ แวะร้านขายของบนน้ำ ขอเข้าไปดูข้างในบ้าน พร้อมอุดหนุนขนมและน้ำดื่มเล็กๆ น้อยๆ
ชาวบ้านเขากินนอนกันบนน้ำเลย Amazing! ตอนกลางคืนอากาศน่าจะเย็นสบาย
ขากลับ พี่คนขับตุ๊กๆยังคงจอดรอและพากลับโรงแรม ราคาเดิมคือ 16,600 เรียล ระหว่างทางเจอหนูน้อยปั่นจักรยานกลับบ้าน
ท้องเริ่มหิวแล้ว เลยพากันเดินไปร้านอาหารแถว Pub Street
พรุ่งนี้โชตะโระจะเดินทางต่อไปที่กรุงเทพและกัวลาลัมเปอร์แล้ว ทานมื้อสุดท้ายก่อนจากกันด้วยข้าวหน้าไก่ ต้มยำกุ้ง ปอเป๊ยะสด และเกี๊ยว
อาหารอร่อย แต่โชตะบอกว่าต้มยำรสชาติเหมือนซุปมะเขือเทศ เลยบอกไปว่าไม่เหมือนคนไทยทำหรอกยู ไอทานแค่ให้หายคิดถึงอาหารไทย ฮ่าๆ
ราคารวมประมาณ 14 USD
จริงๆคุยกันว่าจะไปซ้ำร้านเดิมที่ Pub Street อีกรอบ แต่อิ่มมาก เลยร่ำลาแยกย้ายกันเพี่ยงเท่านี้
ขอบคุณอีกหนึ่งมิตรภาพที่ได้พบเจอจากการเดินทางครั้งนี้ ...
จบวันที่ 5 แต่เพียงเท่านี้ครับ วันนี้ยาวหน่อย บวกกับรูปเยอะ หวังว่าเพื่อนๆจะสนุกกับประสปการณ์ที่ผมนำมาเล่านะครับ
วันต่อไป จะมาพาปั่นจักยานไปซ้ำที่นครวัดกันครับ
ไม่นานเกินรอแน่นอน
ปล. ยังไม่ใช่ตอนจบนะครับ ตอนตั้งกระทู้คิดว่าจะจบที่กระทู้นี้ แต่ไม่จบซะงั้น กลับไปแก้หัวข้อก็ไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ
ตอนจบมาแล้วครับ
https://ppantip.com/topic/42218110?sc=951fPVX
[CR] กัมพูชา ดีกว่าที่คิด คนเดียวก็เที่ยวได้ 7 วัน 6 คืน พนมเปญ - เสียมราฐ 2023 Part 3 ตอนจบ
กระทู้นี้ เป็นกระทู้บอกเล่าประสบการณ์เดินทางแรกของผม
ฝากผลงานรีวิวการเดินทางได้ที่เพจ The Walker - เดินทางไป เล่าไป ใน Facebook
และ Tiktok https://www.tiktok.com/@nornu.ss ด้วยนะครับ
ตอนที่ 1 คลิก
ตอนที่ 2 คลิก
วันที่ 5 - นครวัด,นครธม,วัดตาพรม,โตนเลสาบ
เผลอแปปเดียว ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการเดินทางแล้ว วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ 4.40 (ถือว่าเป็นการตื่นเช้าที่สุด ในรอบหลายๆปีเลยก็ว่าได้ แฮ่) ออกจากที่พักตอน 5.00 เพื่อไปซื้อตั๋วเข้าชมวัด 1 วัน
อาบน้ำ แต่งตัวด้วยความไวแสง แล้วเรียก Grab อีกตามเคย เพื่อไปซื้อตั๋วเข้าชมวัด โดยจุดขายตั๋วมีอยู่จุดเดียว ชื่อ Angkor Park Pass Ticket Counters ค้นหาใน Google Map ได้เลย แวะรับเพื่อนแล้วมุ่งหน้าไปซื้อตั๋วกันโลด ค่ารถ 14,100 เรียล
ถึงแล้วจุดจำหน่ายตั๋ว เวลาประมาณตีห้านิดๆ ซื้อตั๋ว 1 วัน
1 วัน ราคา 37 USD (รูดบัตรเครดิตไป เรียกเก็บที่ 1,335.28 บาท)
3 วัน ราคา 62 USD
7 วัน ราคา 72 USD
ด้วยความที่ตื่นเช้า เบลอ (หรือเพราะจินโทนิคเมื่อคืนหว่า) ขณะที่รูดบัตรเครดิตเสร็จ พนักงานก็ถ่ายรูปปริ้นติดตั๋ว ผมก็เดินออกมาเลย โดยที่ยังไม่ทันได้รับตั๋ว เดินมาเกือบจะขึ้นรถ มีพนักงานวิ่งตามเรียก Sir Sir Sir, you forgot your ticket.
ได้ตั๋วแล้ว ก็ให้พี่คนขับรถมาส่งถึงนครวัดเวลาประมาณ 5.50 เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.20 ค่ารถ 15,600 เรียล ก่อนลงรถ พี่ชาญ (ชื่อคนขับรถ)
บอกว่ายูกลับมานะ ไอจะรอ
เริ่มเห็นแสงบ้างแล้ว บรรยากาศตอนเช้ามันดีมากกกกกกกกกกกกกก เห็นนครวัดอยู่ไกลๆ เดินเข้าไปกัน
เดินข้ามสะพานลอยน้ำไป ก็จะเข้าสู่บริเวณของนครวัดแล้ว ปล. อย่าลืมเก็บตั๋วไว้ให้ดีด้วยนะ มีพนักงานตรวจตั๋วอยู่หน้าสะพาน
เข้ามาข้างในแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือตื่นเต้นสุดๆ
มุมมหาชนอยู่ตรงไหนไม่ต้องสืบ นักท่องเที่ยวอย่างเราๆก็ตามเขาไปโลด
จังหวะนั้นเสียงชัตเตอร์จากกล้องของแต่ละคนก็ลั่นกันรัวๆ
นครวัดเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก แรกเริ่มนั้นสร้างขึ้นเป็นเทวลัยในศาสนาฮินดูเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุ ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นวัดในศาสนาพุทธในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 สร้างขึ้นในช่วงต้นของคริสศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2
รูปแกะสลักนางอัปสร มีอยู่ให้เห็นเยอะมาก
จารึกขอม
ยังมีพระพุทธรูปอยู่ในอาคาร และคนท้องถิ่นยังคงแวะเวียนมากราบไหว้บูชา
บรรยากาศข้างบนดีมากๆ สามารถมองเห็บป่าโดยรอบของนครวัด
เวลา 7.40 เดินกลับออกมาจากนครวัด คุยกับเพื่อนว่าสงสัยพี่ชาญคนขับรถน่าจะไปแล้ว เพราะว่าเข้ามานาน สุดท้ายพี่เขายังนั่งรออยู่ในรถ พร้อมโบกมือเรียกมาแต่ไกล ที่ต่อไปคือนครธม ค่ารถ 10,800 เรียล อ้างอิงจากในแอป Grab ได้เลย ระหว่างทางขับรถลัดเลาะไปในป่า บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ
ถึงแล้วทางเข้านครธม ทางเข้าคือเป็นอีกหนึ่งช็อตที่อลังการมากๆ ขณะนั้นทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นที่อยู่บนรถพูดกันอยู่คำเดียว
คือ ว๊าว ว๊าว ว๊าว ว๊าว
นครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเป็นเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในนครธมมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรก ๆ และที่สร้างขึ้นต่อโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท
ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า "ปราสาทบายน"
สัญลักษณ์สำคัญที่โดดเด่นสำหรับนครธม คือ พระพักตร์สี่หน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นครธม เป็นสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุด เพราะความมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง 10/10
เจอลิงอยู่ในปราสาท ซนมากๆ ขโมยของเก่งอีก ใครมาก็เก็บของให้ดีๆเน้อ พวกมือถือ แว่นตา ขวดน้ำ
ถ้าไม่อยากวิ่งตามลิงแบบพวกผม
ซนไม่ซนให้ภาพเล่าเรื่อง
เวลาประมาณ 9.00 เรามาต่อกันที่สุดท้ายของทริปในช่วงเช้า คือปราสาทตาพรหม พี่ชาญมาส่งเหมือนเดิม ค่ารถ 12,100 เรียล
ปราสาทตาพรหม เป็นปราสาทหินของจักรวรรดิเขมร สร้างขึ้นราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
เพื่อเป็นสถานศึกษาและศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน
หลังจากจักรวรรดิเขมรได้ล่มสลายลงราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 ปราสาทตาพรหมก็ถูกทิ้งร้างและไม่ได้รับการพูดถึงมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
จนกระทั่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 จึงได้เริ่มความพยายามในการบูรณะโดยสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ (เป็นสถาบันของฝรั่งเศสที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับโบราณคดี ประวัติศาสตร์ รวมทั้งสังคมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
เที่ยวปราสาทตาพรหมเสร็จก็เป็นอันว่าเก็บครบที่อยากไปกันแล้ว เลยตกลงกับเพื่อนว่าแยกย้ายไปนอนก่อน เพราะง่วงกันมาก 555
10.00 ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ และนี่คือโฉมหน้าของพี่ชาญ ที่ขับรถตุ๊กๆพาเราเที่ยววัดอย่างปลอดภัย ค่ารถ 22,300
สรุปค่ารถทั้งหมดอยู่ที่ 75,000 เรียล หรือประมาณ 650 บาท หารกับเพื่อนญี่ปุ่น ตกคนละ 325 บาท ส่วนตัวมองว่าไม่แพงเลย
ถึงโรงแรมสภาพที่ง่วง + หิว เลยตัดสินใจไปทานอาหารเช้าก่อน เพราะเดี๋ยวจะไม่มีแรงนอน
สั่งออมเล็ทกับน้ำแตงโม 1 แก้ว แล้วไปนอน zzZZ
หลับไป 4 ชั่วโมงถ้วน ตื่นมารีบทักไปหาโชตะพร้อมลุยหมู่บ้านลอยน้ำ ที่โดนเลสาป เรียก Grab เหมือนเดิม ค่ารถ 16,600 เรียล
จริงๆ ตรงนี้เป็นเหมือนท่าเรือ และเป็นหมู่บ้านลอยน้ำแรกที่ใกล้ที่สุด ถ้าใครจะตามรอย ค้นในแมพว่า Chong Khneas ferry ได้เลย
ผมไม่ได้ลงไปถึงโตนเลสาปจริงๆ เพราะคิดว่าคงไม่ต่างกัน แต่ไกลกว่า ค่ารถแพงกว่า ฮ่าๆ
นั่งรถมาประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงแล้ว หมู่บ้านลอยน้ำโตนเลสาป
ออกสำรวจหมู่บ้านกัน เดินลึกเข้าไปเกือบสองกิโลเมตร น่าจะมีชาวต่างชาติอยู่ตรงนี้กันแค่สองคน ในขณะที่ชาวบ้านโบกมือทักทายกันไม่ขาดสาย
ในหมู่บ้านมีทั้งโบสถ์ของชาวคริสต์ เดินผ่านชาวมุสลิม และชาวพุธ ต่างอยู่ร่วมกัน
ผู้คนต่างออกทำกิจกรรม ทั้งซ่อมเรือ เด็กน้อยเล่นกัน ทั้งซักผ้าทำงานบ้าน ดูไปก็ยิ้มไป
ได้เห็นวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นครั้งแรกก็วันนี้
ปลาร้าเขมร หน้าตาคล้ายของไทยอยู่นะ
สุดทางเดิน เจอคุณลุงกำลังดื่มอะไรอยู่ โชตะโระนำหน้าไปเลยจ้าาา น้ำ 20 ดีกรี นั่งดื่มกับเขาไป 4 แก้ว
นั่งคุยกันสักพักรถส่งของก็มาเทียบ คุณลุงต้องนำของขึ้นเรือต่อแล้ว คุณลุงยื่นน้ำดื่มให้อีกคนละขวด จับไม้จับมือร่ำลากัน
ทริปนี้ประทับใจกับความเป็นมิตรของคนกัมพูชามากๆ 10/10
ก่อนเดินกลับ แวะร้านขายของบนน้ำ ขอเข้าไปดูข้างในบ้าน พร้อมอุดหนุนขนมและน้ำดื่มเล็กๆ น้อยๆ
ชาวบ้านเขากินนอนกันบนน้ำเลย Amazing! ตอนกลางคืนอากาศน่าจะเย็นสบาย
ขากลับ พี่คนขับตุ๊กๆยังคงจอดรอและพากลับโรงแรม ราคาเดิมคือ 16,600 เรียล ระหว่างทางเจอหนูน้อยปั่นจักรยานกลับบ้าน
ท้องเริ่มหิวแล้ว เลยพากันเดินไปร้านอาหารแถว Pub Street
พรุ่งนี้โชตะโระจะเดินทางต่อไปที่กรุงเทพและกัวลาลัมเปอร์แล้ว ทานมื้อสุดท้ายก่อนจากกันด้วยข้าวหน้าไก่ ต้มยำกุ้ง ปอเป๊ยะสด และเกี๊ยว
อาหารอร่อย แต่โชตะบอกว่าต้มยำรสชาติเหมือนซุปมะเขือเทศ เลยบอกไปว่าไม่เหมือนคนไทยทำหรอกยู ไอทานแค่ให้หายคิดถึงอาหารไทย ฮ่าๆ
ราคารวมประมาณ 14 USD
จริงๆคุยกันว่าจะไปซ้ำร้านเดิมที่ Pub Street อีกรอบ แต่อิ่มมาก เลยร่ำลาแยกย้ายกันเพี่ยงเท่านี้
ขอบคุณอีกหนึ่งมิตรภาพที่ได้พบเจอจากการเดินทางครั้งนี้ ...
จบวันที่ 5 แต่เพียงเท่านี้ครับ วันนี้ยาวหน่อย บวกกับรูปเยอะ หวังว่าเพื่อนๆจะสนุกกับประสปการณ์ที่ผมนำมาเล่านะครับ
วันต่อไป จะมาพาปั่นจักยานไปซ้ำที่นครวัดกันครับ
ไม่นานเกินรอแน่นอน
ปล. ยังไม่ใช่ตอนจบนะครับ ตอนตั้งกระทู้คิดว่าจะจบที่กระทู้นี้ แต่ไม่จบซะงั้น กลับไปแก้หัวข้อก็ไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ
ตอนจบมาแล้วครับ https://ppantip.com/topic/42218110?sc=951fPVX
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้