ยิ่งชีพ ชี้ 1 ก.ย.ปิดฉากความขัดแย้งเดิม เปิดฉากขัดแย้งใหม่ที่หนักกว่าเดิม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4160806
ยิ่งชีพ ชี้ 1 ก.ย.ปิดฉากความขัดแย้งเดิม เปิดฉากขัดแย้งใหม่ที่หนักกว่าเดิม เพิ่มเติมคือตัวละครมากมาย
เมื่อวันที่ 3 กันยายน นาย
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการ iLaw หรือ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
เกมการเมืองมันเดินหมากนี้กันมาตั้งนานแล้ว ยังไงขั้วอำนาจเดิมเขาไม่มีทางยอมลง เพียงแต่จะใช้ตัวเล่นไหนเพื่อปกป้องอำนาจไว้ เมื่อประยุทธ์เสื่อมความนิยมก็ไปขี่หลังเพื่อไทยก็ได้ ส่วนที่จะเคยทะเลาะกันอะไรเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลืมหมดก็ได้
เพื่อไทยก็มีเป้าหมายหลักให้ทักษิณกลับบ้าน เมื่อทักษิณได้กลับบ้านก็จะไม่ได้ติดคุกจริงจังนักแลกกับการที่เพื่อไทยก็จะดันให้อำนาจเดิมอยู่ต่อได้ แล้วเขี่ยพรรคก้าวไกลออกไปจากอำนาจ
ตามที่พรรคนี้เขาพร่ำพูดน่ะแหละ ถ้าได้แลนสไดล์ใหญ่โตพรรคเดียว เขาก็ไม่ต้องทำใครเจ็บใจ เขาไม่จับกับลุงเลยก็ได้ แต่ยืนค้ำอำนาจเดิมให้ ถ้าได้ที่หนึ่งเยอะอยู่ แต่ไม่ถึงครึ่งก็อาจจับกับใครสักคน แต่เมื่อได้น้อยไปมากแล้วแพ้ก้าวไกล เลยต้องจับมันทุกลุงเลย ยกเว้นลุงชวนไม่ยอมจับ
เรื่องนี้มันมองเห็นตั้งนานแล้ว ใครๆ มองเห็นเองได้โดยไม่ต้องรอให้ส้มปั่น ขึ้นแท็กซี่ ไปร้านตัดผม ซื้อกับข้าวข้างถนนคนทั่วไปเขาก็พูดกันแบบนี้ก่อนเลือกตั้ง
พอผลเลือกตั้งออกมามันเลยทำให้สิ่งที่อยู่ในแผนการเกิดขึ้นได้ช้าลง “พวกเขา” ต้องอึดอัดกับการเขี่ยก้าวไกลออกไปให้ได้ก่อนแบบน่าเกลียดไม่มาก ซึ่งก็ทำไม่ได้ ก็น่าเกลียดมากอยู่ดี
ได้รับฟังคนที่เชียร์พรรคเพื่อไทยบางส่วนเขาพยายามอธิบายว่า การจะได้คืนอำนาจให้ประชาชนมันไม่ได้ทีเดียว มันต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละลำดับแบบนี้ รอบนี้ให้เพื่อไทยผสมไปก่อน แล้วรอบหน้าก้าวไกลค่อยได้ เพราะถ้าไปหักด้ามพร้าทีเดียวจะมีรัฐประหาร แม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นเสรีภาพจะคิดก็คิดไป จะชอบก็ชอบไป หักคอกันไปไม่มีประโยชน์
แต่ที่เข้าใจไม่ได้เลย คือ คนที่พยายามปกป้องเพื่อไทยสุดๆ ว่าไม่มีทางจับมือลุง ไม่ได้จะเอาทักษิณกลับบ้าน ไม่มีทางหักหลังก้าวไกล พวกนี้ไม่รู้จะพูดให้ตัวเองเสียทำไม หรือไม่รู้จริงๆ ก็ยากนะที่จะบอกเช่นนั้น หรือจะบอกว่าถูกหลอกใช้ก็นิยายเกิน
มาถึงวันนี้ไอ้ที่ทะเลาะกันมาหลายเดือนมันก็เปิดออกมาแล้วว่ามันเป็นจริงครบทุกข้อครหา ตั้งแต่เพื่อไทยจับลุง เพื่อไทยเขี่ยก้าวไกล ทักษิณกลับบ้าน และทักษิณไม่อยู่ในคุก แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทั้งหมดนี้ดีลกันมาก่อน แต่มันก็เป็นแล้วล่ะ ดีลหรือไม่ดีลจึงไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป
เสียงของคนกลุ่มหนึ่งที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ก็คือคนที่เกลียดทักษิณมาตั้งแต่ปี 254x ด้วยข้อกล่าวหาโกงบ้านกินเมืองอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทักษิณกลับบ้านไม่ติดคุกแบบนี้ เหมือนที่สู้มาสิบกว่าปีจะสูญเปล่า ซึ่งก็สมน้ำหน้า เพราะเล่นสู้แบบผิดทาง เอารัฐประหาร โหนเจ้า ใช้กลไกนอกระบบ มันก็ไม่ยั่งยืน กลไกทั้งหลายก็หันมาจับมือกับทักษิณใหม่ได้ แล้ววันหลังก็ทิ้งทักษิณได้อีก
วันที่ 1 กันยายน 2566 เหมือนเป็นการประกาศปิดฉากความขัดแย้งที่ผ่านมาและเริ่มต้นการเดินทางแบบใหม่ซึ่งก็จะขัดแย้งหนักกว่าเดิม เพิ่มเติมคือตัวละครมากมาย
การเมืองไทยไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้น แค่มีคนปฏิเสธความจริงทำให้มันดูปวดหัว วันนี้ตัวละครที่กำลังจะจบไป มีทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรภาคประชาสังคม ที่สมัยหนึ่งอิทธิพลแข็งแกร่งจากหมอประเวศ ส่วนตัวใหม่ที่เกิดขึ้นมาและโลดแล่นอย่างชัดเจนก็คือคนธรรมดาที่เป็น active citizens ที่พร้อมลงมือขับเคลื่อนประชาธิปไตยผ่านการกระทำของตัวเองโดยไม่ต้องเป็นองค์กรอย่างเป็นทางการ
เมื่อข้อถกเถียงที่เวิ่นเว้อในอดีตผ่านไปจนได้แล้ว ข้างหน้าก็ดูมีอะไรให้ทำกันอีกเยอะเลย
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/pfbid0kuSum4iB6CVwsCSAFU8M7RiwMnn9bDK1grHLs8FhZVzUKuKwmekaJikmAPipuB5wl
ผอ.ทัศนัย ชี้ ‘ปาขี้’ ดวงฤทธิ์ สะท้อนวิกฤตศรัทธา จุดสตาร์ทกงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4160453
ผศ.ทัศนัย ชี้ ‘ปาขี้’ ดวงฤทธิ์ สะท้อนวิกฤตศรัทธา จุดสตาร์ตกงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลง
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่มีการจัดกิจกรรม “
ปาอุจจาระ” นาย
ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบ สมาชิกกลุ่มแคร์ เป็นเวลา 11 นาที โดยมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการรับผิดชอบต่อข้อความที่เคยทวีตว่า ‘
ถ้าเพื่อไทยจับมือกับพลังประชารัฐ ผมจะยอมให้เอาขี้ปาหัว’ และ ‘
เพื่อไทย จะตั้งรัฐบาลกับ #ก้าวไกลเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนขั้วสลับข้างไปจับกับ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติแน่นอน เลิกปั่น เลิกฝันเพ้อเจ้อกันได้แล้วนะครับ ผิดไปจากนี้ ผมให้เอาขี้ปาหัว (อีกรอบ)’
ล่าสุด วันเดียวกันนี้ ผศ.
ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ภาควิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“
ก่อนวันเลือกตั้ง ผมไม่เคยวิจารณ์พรรคเพื่อไทยและได้ให้สัมภาษณ์สื่อมากมายว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับนั่งร้านเผด็จการ ข่าวลือเรื่องดีลอะไรได้ยินมานาน ก็ฟังหูไว้หู
หลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ผมก็จิตใจเป็นสุข คงจะเหมือนประชาชนทั่วไป ที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อไทยและก้าวไกลจะยืนเคียงข้างกันไปกับประชาชน ถึงไหนถึงกัน ไม่เคยเลยที่จะมีความคิดไม่ดีกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
ในวันนี้ ถึงขนาดมีการพูดว่า คนที่สมควรโดนปาขี้มากกว่าดวงฤทธิ์ คือเศรษฐา อุ๊งอิ๊ง ชลน่าน ภูมิธรรม ฯลฯ คนที่เคยสนับสนุนออกตัวให้ฝ่ายเจ้าก็ออกมาแสดงตัวมากยิ่งขึ้นว่าหลังจากนี้ไม่เอาด้วยแล้ว
วิกฤตศรัทธาในครั้งนี้ คือจุดเริ่มต้นของสำนึกในการเป็นประชาชน ภาระ พันธะ และหน้าที่ของประชาชน ที่จะหมุนกงล้อแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยแท้จริง”
ภายหลังจากที่โพสต์ของ อ.ทัศนัย เผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วย เช่นว่า
• สังเกตอยู่เหมือนกันค่ะว่าอาจารย์(น่าจะ)เป็นโหวตเตอร์พรรคเพื่อไทย (เช่นเดียวกับ อ.ธเนศวร์ฯ อ.พนัส) และรออยู่ว่าเมื่อไหร่จะออกมาพูดชัดๆ สรุปว่า ช้ามากค่ะ เด็กๆ รุ่นหลังมองเพื่อไทย มองการเมืองไทยทะลุกว่ามาก และพวกเขาจะรับบาปเคราะห์จากที่เพื่อไทย+โหวตเตอร์เพื่อไทยก่อขึ้นอีกยาวนาน คุณดวงฤทธิ์ทำแบบนี้ อาจเป็นการไถ่บาปของแก
• กงล้อแห่งการเปลี่ยนแปลง เริ่มหมุนเร็วขึ้นแล้วครับอาจารย์…
• จุดเริ่มต้นของการสำนึกของการเป็นประชาชน…ของประชาชนทุกคนครับ(อันนี้ต่อให้)
• เท หมดหน้าตักจบ..
นิด้าโพลเผยปชช.อยากได้นโยบายพักหนี้เกษตรกรจากพท.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_607360/
นิด้าโพลสำรวจ 10 นโยบายหาเสียงพรรคเพื่อไทย ทำได้จริงหรือไม่? พบประชาชนอยากได้พักหนี้เกษตรกรทันที87.25%
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “
นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “นโยบายพรรคเพื่อไทย ทำได้หรือไม่?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง วันที่ 1 กันยายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ประชาชนอยากได้ พบว่า
1. พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ทั้งต้น ทั้งดอกทันที ตัวอย่าง ร้อยละ 87.25 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 7.33 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 4.89 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ
2. ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ตัวอย่าง ร้อยละ 86.18 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 7.94 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 5.42 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ
3. กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 83.36 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 4.65 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ
4. เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570 ตัวอย่าง ร้อยละ 80.08 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 12.67 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 6.79 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ
5. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตัวอย่าง ร้อยละ 78.70 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 10.61 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 8.86 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 1.83 ระบุว่า ไม่ตอบ
6. กทม. ทั้ง 50 เขต มีโรงพยาบาลประจำเขต ตัวอย่าง ร้อยละ 78.17 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 10.76 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 10.46 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ตอบ
7. ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 ตัวอย่าง ร้อยละ 78.09 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 13.51 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 8.09 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ
8. จัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ ในจังหวัดนำร่อง ตัวอย่าง ร้อยละ 73.51 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 16.87 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 8.47 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่ตอบ
9. รถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย ตัวอย่าง ร้อยละ 72.90 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 13.97 ระบุว่า เฉย ๆ ร้อยละ 11.37 ระบุว่า ไม่อยากได้ และร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่ตอบ
10. แก้ไขกฎหมาย เพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ตัวอย่าง ร้อยละ 58.32 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 6.56 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ
JJNY : ยิ่งชีพชี้ 1 ก.ย.เปิดฉากขัดแย้งใหม่│ผอ.ทัศนัยชี้‘ปาขี้’ดวงฤทธิ์│อยากได้นโยบายพักหนี้เกษตรกร│ฤดูฝน อยากไปเชียงใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4160806
ยิ่งชีพ ชี้ 1 ก.ย.ปิดฉากความขัดแย้งเดิม เปิดฉากขัดแย้งใหม่ที่หนักกว่าเดิม เพิ่มเติมคือตัวละครมากมาย
เมื่อวันที่ 3 กันยายน นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการ iLaw หรือ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
เกมการเมืองมันเดินหมากนี้กันมาตั้งนานแล้ว ยังไงขั้วอำนาจเดิมเขาไม่มีทางยอมลง เพียงแต่จะใช้ตัวเล่นไหนเพื่อปกป้องอำนาจไว้ เมื่อประยุทธ์เสื่อมความนิยมก็ไปขี่หลังเพื่อไทยก็ได้ ส่วนที่จะเคยทะเลาะกันอะไรเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลืมหมดก็ได้
เพื่อไทยก็มีเป้าหมายหลักให้ทักษิณกลับบ้าน เมื่อทักษิณได้กลับบ้านก็จะไม่ได้ติดคุกจริงจังนักแลกกับการที่เพื่อไทยก็จะดันให้อำนาจเดิมอยู่ต่อได้ แล้วเขี่ยพรรคก้าวไกลออกไปจากอำนาจ
ตามที่พรรคนี้เขาพร่ำพูดน่ะแหละ ถ้าได้แลนสไดล์ใหญ่โตพรรคเดียว เขาก็ไม่ต้องทำใครเจ็บใจ เขาไม่จับกับลุงเลยก็ได้ แต่ยืนค้ำอำนาจเดิมให้ ถ้าได้ที่หนึ่งเยอะอยู่ แต่ไม่ถึงครึ่งก็อาจจับกับใครสักคน แต่เมื่อได้น้อยไปมากแล้วแพ้ก้าวไกล เลยต้องจับมันทุกลุงเลย ยกเว้นลุงชวนไม่ยอมจับ
เรื่องนี้มันมองเห็นตั้งนานแล้ว ใครๆ มองเห็นเองได้โดยไม่ต้องรอให้ส้มปั่น ขึ้นแท็กซี่ ไปร้านตัดผม ซื้อกับข้าวข้างถนนคนทั่วไปเขาก็พูดกันแบบนี้ก่อนเลือกตั้ง
พอผลเลือกตั้งออกมามันเลยทำให้สิ่งที่อยู่ในแผนการเกิดขึ้นได้ช้าลง “พวกเขา” ต้องอึดอัดกับการเขี่ยก้าวไกลออกไปให้ได้ก่อนแบบน่าเกลียดไม่มาก ซึ่งก็ทำไม่ได้ ก็น่าเกลียดมากอยู่ดี
ได้รับฟังคนที่เชียร์พรรคเพื่อไทยบางส่วนเขาพยายามอธิบายว่า การจะได้คืนอำนาจให้ประชาชนมันไม่ได้ทีเดียว มันต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละลำดับแบบนี้ รอบนี้ให้เพื่อไทยผสมไปก่อน แล้วรอบหน้าก้าวไกลค่อยได้ เพราะถ้าไปหักด้ามพร้าทีเดียวจะมีรัฐประหาร แม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นเสรีภาพจะคิดก็คิดไป จะชอบก็ชอบไป หักคอกันไปไม่มีประโยชน์
แต่ที่เข้าใจไม่ได้เลย คือ คนที่พยายามปกป้องเพื่อไทยสุดๆ ว่าไม่มีทางจับมือลุง ไม่ได้จะเอาทักษิณกลับบ้าน ไม่มีทางหักหลังก้าวไกล พวกนี้ไม่รู้จะพูดให้ตัวเองเสียทำไม หรือไม่รู้จริงๆ ก็ยากนะที่จะบอกเช่นนั้น หรือจะบอกว่าถูกหลอกใช้ก็นิยายเกิน
มาถึงวันนี้ไอ้ที่ทะเลาะกันมาหลายเดือนมันก็เปิดออกมาแล้วว่ามันเป็นจริงครบทุกข้อครหา ตั้งแต่เพื่อไทยจับลุง เพื่อไทยเขี่ยก้าวไกล ทักษิณกลับบ้าน และทักษิณไม่อยู่ในคุก แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทั้งหมดนี้ดีลกันมาก่อน แต่มันก็เป็นแล้วล่ะ ดีลหรือไม่ดีลจึงไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป
เสียงของคนกลุ่มหนึ่งที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ก็คือคนที่เกลียดทักษิณมาตั้งแต่ปี 254x ด้วยข้อกล่าวหาโกงบ้านกินเมืองอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทักษิณกลับบ้านไม่ติดคุกแบบนี้ เหมือนที่สู้มาสิบกว่าปีจะสูญเปล่า ซึ่งก็สมน้ำหน้า เพราะเล่นสู้แบบผิดทาง เอารัฐประหาร โหนเจ้า ใช้กลไกนอกระบบ มันก็ไม่ยั่งยืน กลไกทั้งหลายก็หันมาจับมือกับทักษิณใหม่ได้ แล้ววันหลังก็ทิ้งทักษิณได้อีก
วันที่ 1 กันยายน 2566 เหมือนเป็นการประกาศปิดฉากความขัดแย้งที่ผ่านมาและเริ่มต้นการเดินทางแบบใหม่ซึ่งก็จะขัดแย้งหนักกว่าเดิม เพิ่มเติมคือตัวละครมากมาย
การเมืองไทยไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้น แค่มีคนปฏิเสธความจริงทำให้มันดูปวดหัว วันนี้ตัวละครที่กำลังจะจบไป มีทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรภาคประชาสังคม ที่สมัยหนึ่งอิทธิพลแข็งแกร่งจากหมอประเวศ ส่วนตัวใหม่ที่เกิดขึ้นมาและโลดแล่นอย่างชัดเจนก็คือคนธรรมดาที่เป็น active citizens ที่พร้อมลงมือขับเคลื่อนประชาธิปไตยผ่านการกระทำของตัวเองโดยไม่ต้องเป็นองค์กรอย่างเป็นทางการ
เมื่อข้อถกเถียงที่เวิ่นเว้อในอดีตผ่านไปจนได้แล้ว ข้างหน้าก็ดูมีอะไรให้ทำกันอีกเยอะเลย
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/pfbid0kuSum4iB6CVwsCSAFU8M7RiwMnn9bDK1grHLs8FhZVzUKuKwmekaJikmAPipuB5wl
ผอ.ทัศนัย ชี้ ‘ปาขี้’ ดวงฤทธิ์ สะท้อนวิกฤตศรัทธา จุดสตาร์ทกงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4160453
ผศ.ทัศนัย ชี้ ‘ปาขี้’ ดวงฤทธิ์ สะท้อนวิกฤตศรัทธา จุดสตาร์ตกงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลง
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่มีการจัดกิจกรรม “ปาอุจจาระ” นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบ สมาชิกกลุ่มแคร์ เป็นเวลา 11 นาที โดยมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการรับผิดชอบต่อข้อความที่เคยทวีตว่า ‘ถ้าเพื่อไทยจับมือกับพลังประชารัฐ ผมจะยอมให้เอาขี้ปาหัว’ และ ‘เพื่อไทย จะตั้งรัฐบาลกับ #ก้าวไกลเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนขั้วสลับข้างไปจับกับ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติแน่นอน เลิกปั่น เลิกฝันเพ้อเจ้อกันได้แล้วนะครับ ผิดไปจากนี้ ผมให้เอาขี้ปาหัว (อีกรอบ)’
ล่าสุด วันเดียวกันนี้ ผศ.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ภาควิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“ก่อนวันเลือกตั้ง ผมไม่เคยวิจารณ์พรรคเพื่อไทยและได้ให้สัมภาษณ์สื่อมากมายว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับนั่งร้านเผด็จการ ข่าวลือเรื่องดีลอะไรได้ยินมานาน ก็ฟังหูไว้หู
หลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ผมก็จิตใจเป็นสุข คงจะเหมือนประชาชนทั่วไป ที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อไทยและก้าวไกลจะยืนเคียงข้างกันไปกับประชาชน ถึงไหนถึงกัน ไม่เคยเลยที่จะมีความคิดไม่ดีกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
ในวันนี้ ถึงขนาดมีการพูดว่า คนที่สมควรโดนปาขี้มากกว่าดวงฤทธิ์ คือเศรษฐา อุ๊งอิ๊ง ชลน่าน ภูมิธรรม ฯลฯ คนที่เคยสนับสนุนออกตัวให้ฝ่ายเจ้าก็ออกมาแสดงตัวมากยิ่งขึ้นว่าหลังจากนี้ไม่เอาด้วยแล้ว
วิกฤตศรัทธาในครั้งนี้ คือจุดเริ่มต้นของสำนึกในการเป็นประชาชน ภาระ พันธะ และหน้าที่ของประชาชน ที่จะหมุนกงล้อแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยแท้จริง”
ภายหลังจากที่โพสต์ของ อ.ทัศนัย เผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วย เช่นว่า
• สังเกตอยู่เหมือนกันค่ะว่าอาจารย์(น่าจะ)เป็นโหวตเตอร์พรรคเพื่อไทย (เช่นเดียวกับ อ.ธเนศวร์ฯ อ.พนัส) และรออยู่ว่าเมื่อไหร่จะออกมาพูดชัดๆ สรุปว่า ช้ามากค่ะ เด็กๆ รุ่นหลังมองเพื่อไทย มองการเมืองไทยทะลุกว่ามาก และพวกเขาจะรับบาปเคราะห์จากที่เพื่อไทย+โหวตเตอร์เพื่อไทยก่อขึ้นอีกยาวนาน คุณดวงฤทธิ์ทำแบบนี้ อาจเป็นการไถ่บาปของแก
• กงล้อแห่งการเปลี่ยนแปลง เริ่มหมุนเร็วขึ้นแล้วครับอาจารย์…
• จุดเริ่มต้นของการสำนึกของการเป็นประชาชน…ของประชาชนทุกคนครับ(อันนี้ต่อให้)
• เท หมดหน้าตักจบ..
นิด้าโพลเผยปชช.อยากได้นโยบายพักหนี้เกษตรกรจากพท.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_607360/
นิด้าโพลสำรวจ 10 นโยบายหาเสียงพรรคเพื่อไทย ทำได้จริงหรือไม่? พบประชาชนอยากได้พักหนี้เกษตรกรทันที87.25%
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “นโยบายพรรคเพื่อไทย ทำได้หรือไม่?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง วันที่ 1 กันยายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ประชาชนอยากได้ พบว่า
1. พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ทั้งต้น ทั้งดอกทันที ตัวอย่าง ร้อยละ 87.25 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 7.33 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 4.89 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ
2. ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ตัวอย่าง ร้อยละ 86.18 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 7.94 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 5.42 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ
3. กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 83.36 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 4.65 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ
4. เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570 ตัวอย่าง ร้อยละ 80.08 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 12.67 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 6.79 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ
5. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตัวอย่าง ร้อยละ 78.70 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 10.61 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 8.86 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 1.83 ระบุว่า ไม่ตอบ
6. กทม. ทั้ง 50 เขต มีโรงพยาบาลประจำเขต ตัวอย่าง ร้อยละ 78.17 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 10.76 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 10.46 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ตอบ
7. ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 ตัวอย่าง ร้อยละ 78.09 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 13.51 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 8.09 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ
8. จัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ ในจังหวัดนำร่อง ตัวอย่าง ร้อยละ 73.51 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 16.87 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 8.47 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่ตอบ
9. รถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย ตัวอย่าง ร้อยละ 72.90 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 13.97 ระบุว่า เฉย ๆ ร้อยละ 11.37 ระบุว่า ไม่อยากได้ และร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่ตอบ
10. แก้ไขกฎหมาย เพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ตัวอย่าง ร้อยละ 58.32 ระบุว่า อยากได้ รองลงมา ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ไม่อยากได้ ร้อยละ 6.56 ระบุว่า เฉย ๆ และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ