เหตุการณ์สมมุติ : ณ สถานที่ทำงานแห่งหนึ่ง ผมเกลียดเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัว อย่าง ไม่ชอบรูปร่างหน้าตา นิสัย งานอดิเรกของเขาดังนั้นผมจึงอยากโจมตีเขามากแต่ในใจนั้นรู้ตัวดีว่าทำไม่ได้เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด งานอดิเรกของเขาที่ผมไม่ชอบมันก็ไม่ได้ไปรบกวนใคร ไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกไม่ดีหรือผิดกฎที่ทำงานใด ๆ ผมขอแทนตัวเพื่อนร่วมงานที่ผมมีปัญหาด้วยคนนี้ว่า A
1 ชั่วโมงผ่านไป มีเพื่อนร่วมงาน B เข้ามามีปัญหากับ A ไม่นานก็เริ่มได้ยินข่าวลือว่า C ก็ไม่ชอบ A เหมือนกัน เหมือนว่า A จะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ไม่ดีพอสมควร เพื่อนที่ทำงานส่วนมากเลยไม่ชอบเขา
พอมาถึงจุดนี้ผมก็เริ่มไปผสมโรงโจมตี A ร่วมกับคนอื่นอย่างที่อยากทำในใจมานาน เลิกคิดไปแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันผิดหรือถูก ไม่ไตร่ตรองอะไรแล้วเพราะสิ่งที่ชัดเจนตอนนี้เลยก็คือ
"ไอ้ A มันศัตรูเยอะ มันต้องเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นถึงความไม่พอใจของเรามันจะค่อนข้างส่วนตัวและไร้สาระไปบ้างแต่หากจะโจมตีมันสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก มันไม่มีใครหนุนหลังอยู่แล้ว"
หลายปีหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องทำนองนี้อีกหลายครั้งหลายเหตุการณ์ ผมไม่พอใจหรือมีปัญหากับใครสักคนแต่ผมก็ยังโต้เถียงกลับไปด้วยความคิดที่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกแน่นอน 100% (เชื่อมั่นมาก) เพราะมีเพื่อนที่คิดเหมือนกันหนุนหลังความคิด/ใคร ๆ เขาก็ทำกันแปลว่าพวกเขาคิดมาก่อนแล้ว สิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องแน่นอน ฯลฯ
โดยละทิ้งการไตร่ตรองด้วยตนเองไปเลยจนสิ้น ไม่ได้คิดด้วยตัวเองแต่ก็ยังมั่นใจอยู่จนถึงท้ายที่สุดว่าตนไม่ได้เป็นฝ้ายผิด ในหลาย ๆ ครั้งพอโดนสวนกลับด้วยตรรกะและหลักฐานที่สมเหตุสมผลก็ยังแสดงตนเป็นเหยื่อ ใช้เหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง
คำถามคือ : อาการของผมในเหตุการณ์สมมุตินี่เรียกว่าอาการอะไรครับ ? ไม่ได้คิดเองหรอกว่าสิ่งที่ทำเนี่ยมันดีหรือถูกหรือเปล่า แต่มีความเชื่อมั่นให้ลงมือทำมันได้อย่างไม่ลังเลเลยด้วยเหตุผลเสริมด้านอื่นที่เข้าทางตนเอง
ยกตัวอย่างอีกเรื่องแบบชัดเจนเลยก็คือ : พี่ชายแย่งของเล่นน้องมาเล่น แม้จะรู้สึกผิดด้วยความคิดที่ว่า [ไม่ควรรังแกน้อง น้องจะได้ไม่เกลียดเรา] แต่เสียงอื่น ๆ ก็ตามมาแบบรุนแรงกว่าดั่งเช่น [ตนเองแรงเยอะกว่าเลยทำได้] [ตนเองโตกว่าจึงใช้สิทธิ์ความอาวุโสได้] [มีสิทธิ์ที่จะเล่นของเล่นน้องข้อหาที่น้องงอแง นี่คือการลงโทษ] [น้องเป็นแค่ลูกเมียน้อย แม่ยังให้ท้ายและเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอด] เพราะงั้นตนเองแย่งของเล่นมาเล่นได้เลยโดยไม่ต้องรู้สึกผิด
พอดีผมมีปัญหากับคนใกล้ตัวที่มีนิสัยประมาณนี้ครับเลยกำลังคิดว่าพวกเขาเป็นอะไร ผมไตร่ตรองกับตนเองไปแล้วครับ คิดว่าที่คนเรามั่นใจกับบางอย่างได้แบบสุดกู่ก็เพราะอยากจะให้เรื่องราวมันได้ประโยชน์แก่ตนเองจึงคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน พยายามหาพรรคพวกที่คิดเหมืนอกันด้วยตรรกะที่ว่ายิ่งมีคนคิดเหมือนตนเองเยอะก็หมายความว่ามันถูกแน่นอน
เกี่ยวข้องกับค่านิยมของสัตว์สังคมอย่างมนุษย์ที่ให้ค่ากับการรวมกลุ่มมากกว่าความคิดของตนเอง พอคิดอะไรแตกต่างกับคนอื่นไม่ว่าใครก็ต้องคิดบ้างแหละว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นอาจผิดทั้งยังขาดความมั่นใจ ซึ่งไอ้การขาดความมั่นใจในความคิดของตนเองนี่แหละจึงเป็นเหตุให้พวกเขาให้ค่ากับความคิดและคำพูดของคนอื่นมากกว่า ดังเช่นไอ้หนุ่มจืดอยากจะจีบสาวคนนึงแต่ไม่กล้า ผ่านไป 3 ปีเขาไม่ทำอะไร แต่ทันทีที่เล่ากับเพื่อนและเพื่อนยกนิ้วบอกว่า "นายทำได้ จีบไปเลยจะได้ไม่ค้างคาใจ" ไอ้หนุ่มจืดก็เปี่ยมไปด้วยความกล้าและเข้าไปจีบเธอทันทีอย่างที่ใน 3 ปีก่อนไม่เคยกล้าทำ ฯลฯ
แต่ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ เพราะผมไตร่ตรองด้วยมุมมองของตนเองด้านเดียวจึงไม่มั่นใจว่าตนเองคิดถูก (^ นี่ไง เหมือนที่ยกตัวอย่างอ้างอิงข้างบนเลย) จึงอยากจะรู้ชื่ออาการของกลุ่มคนที่มั่นใจอะไรได้แบบสุด ๆ เพื่อหาอ่าน/ดูเพิ่มเติมจากบทความและความเห็นของคนอื่นครับ
นอกจากถามชื่ออาการ ถ้าใครสะดวกชี้แจงเรื่องนี้กับผมในมุมอื่นแตกต่างจากที่ผมคิดก็ขอรบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. เหตุการณ์ข้างอิงในกระทู้นี้ทั้งหมดไม่ใช่เหตุการณ์จริง ผมแต่งขึ้นมาเพื่อพยายามยกตัวอย่างเหตุการณ์เท่านั้น
อาการที่คนเราเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกแน่นอนนี่มันมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการไหมครับ ?
1 ชั่วโมงผ่านไป มีเพื่อนร่วมงาน B เข้ามามีปัญหากับ A ไม่นานก็เริ่มได้ยินข่าวลือว่า C ก็ไม่ชอบ A เหมือนกัน เหมือนว่า A จะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ไม่ดีพอสมควร เพื่อนที่ทำงานส่วนมากเลยไม่ชอบเขา
พอมาถึงจุดนี้ผมก็เริ่มไปผสมโรงโจมตี A ร่วมกับคนอื่นอย่างที่อยากทำในใจมานาน เลิกคิดไปแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันผิดหรือถูก ไม่ไตร่ตรองอะไรแล้วเพราะสิ่งที่ชัดเจนตอนนี้เลยก็คือ
"ไอ้ A มันศัตรูเยอะ มันต้องเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นถึงความไม่พอใจของเรามันจะค่อนข้างส่วนตัวและไร้สาระไปบ้างแต่หากจะโจมตีมันสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก มันไม่มีใครหนุนหลังอยู่แล้ว"
หลายปีหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องทำนองนี้อีกหลายครั้งหลายเหตุการณ์ ผมไม่พอใจหรือมีปัญหากับใครสักคนแต่ผมก็ยังโต้เถียงกลับไปด้วยความคิดที่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกแน่นอน 100% (เชื่อมั่นมาก) เพราะมีเพื่อนที่คิดเหมือนกันหนุนหลังความคิด/ใคร ๆ เขาก็ทำกันแปลว่าพวกเขาคิดมาก่อนแล้ว สิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องแน่นอน ฯลฯ
โดยละทิ้งการไตร่ตรองด้วยตนเองไปเลยจนสิ้น ไม่ได้คิดด้วยตัวเองแต่ก็ยังมั่นใจอยู่จนถึงท้ายที่สุดว่าตนไม่ได้เป็นฝ้ายผิด ในหลาย ๆ ครั้งพอโดนสวนกลับด้วยตรรกะและหลักฐานที่สมเหตุสมผลก็ยังแสดงตนเป็นเหยื่อ ใช้เหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง
คำถามคือ : อาการของผมในเหตุการณ์สมมุตินี่เรียกว่าอาการอะไรครับ ? ไม่ได้คิดเองหรอกว่าสิ่งที่ทำเนี่ยมันดีหรือถูกหรือเปล่า แต่มีความเชื่อมั่นให้ลงมือทำมันได้อย่างไม่ลังเลเลยด้วยเหตุผลเสริมด้านอื่นที่เข้าทางตนเอง
ยกตัวอย่างอีกเรื่องแบบชัดเจนเลยก็คือ : พี่ชายแย่งของเล่นน้องมาเล่น แม้จะรู้สึกผิดด้วยความคิดที่ว่า [ไม่ควรรังแกน้อง น้องจะได้ไม่เกลียดเรา] แต่เสียงอื่น ๆ ก็ตามมาแบบรุนแรงกว่าดั่งเช่น [ตนเองแรงเยอะกว่าเลยทำได้] [ตนเองโตกว่าจึงใช้สิทธิ์ความอาวุโสได้] [มีสิทธิ์ที่จะเล่นของเล่นน้องข้อหาที่น้องงอแง นี่คือการลงโทษ] [น้องเป็นแค่ลูกเมียน้อย แม่ยังให้ท้ายและเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอด] เพราะงั้นตนเองแย่งของเล่นมาเล่นได้เลยโดยไม่ต้องรู้สึกผิด
พอดีผมมีปัญหากับคนใกล้ตัวที่มีนิสัยประมาณนี้ครับเลยกำลังคิดว่าพวกเขาเป็นอะไร ผมไตร่ตรองกับตนเองไปแล้วครับ คิดว่าที่คนเรามั่นใจกับบางอย่างได้แบบสุดกู่ก็เพราะอยากจะให้เรื่องราวมันได้ประโยชน์แก่ตนเองจึงคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน พยายามหาพรรคพวกที่คิดเหมืนอกันด้วยตรรกะที่ว่ายิ่งมีคนคิดเหมือนตนเองเยอะก็หมายความว่ามันถูกแน่นอน
เกี่ยวข้องกับค่านิยมของสัตว์สังคมอย่างมนุษย์ที่ให้ค่ากับการรวมกลุ่มมากกว่าความคิดของตนเอง พอคิดอะไรแตกต่างกับคนอื่นไม่ว่าใครก็ต้องคิดบ้างแหละว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นอาจผิดทั้งยังขาดความมั่นใจ ซึ่งไอ้การขาดความมั่นใจในความคิดของตนเองนี่แหละจึงเป็นเหตุให้พวกเขาให้ค่ากับความคิดและคำพูดของคนอื่นมากกว่า ดังเช่นไอ้หนุ่มจืดอยากจะจีบสาวคนนึงแต่ไม่กล้า ผ่านไป 3 ปีเขาไม่ทำอะไร แต่ทันทีที่เล่ากับเพื่อนและเพื่อนยกนิ้วบอกว่า "นายทำได้ จีบไปเลยจะได้ไม่ค้างคาใจ" ไอ้หนุ่มจืดก็เปี่ยมไปด้วยความกล้าและเข้าไปจีบเธอทันทีอย่างที่ใน 3 ปีก่อนไม่เคยกล้าทำ ฯลฯ
แต่ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ เพราะผมไตร่ตรองด้วยมุมมองของตนเองด้านเดียวจึงไม่มั่นใจว่าตนเองคิดถูก (^ นี่ไง เหมือนที่ยกตัวอย่างอ้างอิงข้างบนเลย) จึงอยากจะรู้ชื่ออาการของกลุ่มคนที่มั่นใจอะไรได้แบบสุด ๆ เพื่อหาอ่าน/ดูเพิ่มเติมจากบทความและความเห็นของคนอื่นครับ
นอกจากถามชื่ออาการ ถ้าใครสะดวกชี้แจงเรื่องนี้กับผมในมุมอื่นแตกต่างจากที่ผมคิดก็ขอรบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. เหตุการณ์ข้างอิงในกระทู้นี้ทั้งหมดไม่ใช่เหตุการณ์จริง ผมแต่งขึ้นมาเพื่อพยายามยกตัวอย่างเหตุการณ์เท่านั้น