ขออนุญาตสอบถามเกี่ยวกับซื้อ-ขายบ้านครับ ครบสัญญา+ริบมัดจำ?

ขออนุญาตสอบถามเกี่ยวกับซื้อ-ขายบ้านครับ
ผมประกาศขายอาคารพานิชย์ แล้วมีคนติดต่อขอซื้อ (ทำสัญญามัดจำไว้ 1 แสน ระบุว่าต้องโอนก่อน 31 ส.ค.66 ถ้าเกินนี้ผมสามารถยึดมัดจำไว้ได้เลย) หลังจาก มัดจำเสร็จ คนจะซื้อขอเข้าไปปรับปรุงบ้านเบื้องต้น (ชึ่งตอนนี้ผมเข้าไปดูพบว่ามีการกั้นห้อง กั้นกระจกครับ)
ตอนนี้ดูแล้วน่าจะกู้ไม่ผ่าน  ถ้าถึงกำหนดบอกเลิกสัญญา และให้ย้ายของออก ผู้จะซื้อสามารถเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงไปแล้วได้มั้ยครับ(ตรงนี้ไม่ได้มีข้อตกลงอะไรกันไว้)    ขอบคุณครับ
  ขอเรียบเรียงเป็น TIMELINE ดังนี้ครับ
21 มิ.ย.66 --นัดเจอกันที่ตึก แล้วก็ผู้จะซื้อเดินตรวจสภาพตึก หลังจากนั้นผู้จะซื้อก็ขอทำสัญญามัดจำไว้ครั้งแรกจำนวน 1 หมื่นบาท และในสัญญาระบุว่าจะมัดจำงวดที่ 2 อีก 9 หมื่นบาทในวันที่ 10 ก.ค.66 มีหมายเหตุในสัญญาด้วยว่า หลังวันที่ 10 ก.ค. ขอเข้ามาปรับปรุงบ้านเบื้องต้นก่อนด้วย
10 ก.ค.66 --ผู้จะซื้อโอนเงินมัดจำมาอีก 9 หมื่นบาท 
16 ก.ค.66--ผู้จะซื้อนัดกับผมที่ตึกเพื่อขอให้แจ้งว่าระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า เป็นยังงัยบ้าง ระบบ LAN  รื้อได้เลยมั้ย(ผมตอบว่าสาย LAN รื้อได้)+ ทำสัญญามัดจำฉบับใหม่เพิ่มเติมว่าเป็นการมัดจำเงินทั้งสิ้น 1 แสนบาท เพื่อนำเอกสารนี้ประกอบการยื่นกู้กับทางแบงค์(ในท้ายสัญญาระบุไว้ว่าให้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค. 66 หากเกินกว่านี้สามารถยกเลิกสัญญาได้และให้ริบเงินมัดจำนั้นเสีย) โดยเบื้องต้นแบงค์พิจารณาแล้วจะต้องเป็นการกู้ร่วมถึงจะได้ยอดกู้ตามที่ผู้จะซื้อต้องการ โดยเบื้องต้นการยื่นกู้ ครั้งแรก คือ นาง ช. คนเดียว ผลออกมาได้ยอดกู้น้อย (แบงค์จึงแนะนำให้หาคนมากู้ร่วม)
หลังจากนั้นนาง ช. จึงหาคนมากู้ร่วมคือ นาย น.เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ แบงค์แจ้งว่า  นาย น.ไม่ผ่าน ให้หาคนกู้ร่วมใหม่ 
ซึ่งก็เปลี่ยนจากนาย น. เป็น นาย ต. แทน ปรากฏว่านาย ต.ก็ไม่ผ่านอีก  
จึงหาคนกู้ร่วมใหม่เป็น นาง ส. ผลปรากฏว่าก็ไม่ผ่านอีก (สรุปคือคนกู้ร่วมทั้ง 3 คนไม่ผ่านเลยเพราะติดเครดิตบูโร)
จนเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ผมกลับไปตรวจสภาพตึกพบว่า มีการเข้ามาอยู่อาศัยของญาติผู้จะซื้อที่ชั้น 3 มีการนำข้าวของ เครื่องใช้เข้ามาอยู่อาศัยเลย ประกอบกับภายในตัวตึกมีการต่อเติมและกั้นกระจกเป็นห้องต่างๆไว้ทั้งชั้น 1และชั้น 2 (ทราบว่าจะทำเป็นออฟฟิศ)
โดยเท่าที่ระบุในสัญญาและคุยกันผมอนุญาตให้เอาของส่วนนึงเข้ามาฝากไว้ได้เท่านั้นและพูดคุยกันว่าให้ปรับปรุงเบื้องต้น (หมายถึงการทำความสะอาด ทาสี รื้อของเดิมที่ไม่ได้ใช้)
สัญญาจะครบ 31 ส.ค.นี้ครับ
หากผู้จะซื้อทำเรื่องกู้ไม่ผ่าน ผมควรดำเนินการอย่างไรบ้าง

  การบอกเลิกสัญญา และแจ้งให้ผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยออกจากตึก จะต้องทำอย่างไร 

*ข้อสงสัยผมคือ*

1.แล้วสิ่งที่เขาต่อเติมไป สามารถเอามาเรียกร้องค่าชดเชยจากผมได้หรือไม่ อย่างไร (คนจะซื้อขอเข้ามาปรับปรุงเบื้องต้นเอง)
2.กรณีถึงกำหนด 31 ส.ค.และบอกยกเลิกสัญญา แจ้งให้ย้ายออกภายใน 7 วัน แล้วไม่ย้ายออกผมสามารถแจ้งข้อหาบุกรุกได้หรือไม่
3.การระงับไฟฟ้า และน้ำประปาทำได้หรือไม่

*สัญญาที่ทำกันมีทั้งหมด 3 ฉบับ*

*ฉบับที่ 1* ทำวันที่ 21 มิ.ย.66ระบุว่าผู้กู้คือ นาง ก. มัดจำไไว้ 1 หมื่นบาท  และระบุในหมายเหตุว่า จะชำระเงินมัดจำงวดที่ 2 อีก 9 หมื่นบาทในวันที่ 10 ก.ค.66 เพื่อเข้ามาปรับปรุงเบื้องต้นในอาคารแห่งนี้โดยผู้จะขายจะดำเนินการย้ายสิ่งของออกจากอาคารภายในวันที่ 10 ก.ค.66 (สัญญานี้มีคนเซ็นต์คือ ผู้จะซื้อ พยานผู้จะซื้อ ผู้จะขาย พยานผู้จะขาย)

*ฉบับที่ 2 *ทำวันที่ 11 ก.ค.66 ระบุใหม่ว่ามีการมัดจำมาทั้งหมด 1 แสนบาท และผู้จะซื้อจะชำระส่วนที่เหลือภายในวันที่ 31 ส.ค. 66 (ในสัญญาระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผิดสัญญาไว้ว่า 1.ถ้าผู้ซื้อไม่จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ก่อนวันที่ 31 ส.ค.66 ผู้จะขายมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำทั้งหมด 2.ผู้จะซื้อต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆออกจากตัวอาคารภายใน 7 วัน นับจากวันที่บอกเลิกสัญญา)3.กรณีที่ผู้จะซื้อได้รับอนุญาตจากผู้จะขายให้เข้าไปตกแต่งต่อเติมตัวอาคารก่อนวันบอกเลิกสัญญา หากมีการบอกเลิกสัญญาผู้จะซื้อไม่สามารถเรียกร้องค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้จะขายได้ (สัญญานี้มีการเซ็นต์ คือ ผู้จะขาย พยานผู้จะขาย ผู้จะซื้อ (วันนั้นผู้จะซื้อมาคนเดียว พยานผู้จะซื้อไม่มี เลยไม่ได้เซ็นต์)

*ฉบับที่ 3* ทำวันที่ 18 ก.ค.66 ระบุเงินมัดจำ 1 แสนบาท ระบุราคาจะซื้อ 4.2 ล้าน ระบุให้โอนก่อนวันที่ 31 ส.ค. 66   หากไม่มีการโอนก่อน 31 ส.ค.66 ผู้จะซื้อยินยอมให้ริบเงินมัดจำได้ทั้งหมด  สัญญานี้มีการเซ็นต์คือ ผู้จะซื้อ พยาน ผู้จะขาย พยาน

หมายเหตุ:ตามจริงผมผิดพลาดเองตรงที่ ไม่รอบคอบรัดกุมเท่าที่ควร เ

ขอคำชี้แนะด้วยน่ะครับ    ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่