แดงสมุทรสาคร ฌาปนกิจหุ่นฟางทักษิณ เผาเสื้อแดง ลั่นตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7814040
แดงสมุทรสาคร ฌาปนกิจหุ่นฟางทักษิณ เผาเสื้อแดง ซัดตระบัดสัตย์น่ารังเกียจ ทำทุกทางให้คนไกลกลับมา ลั่นตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน “มีพวก ไม่มีพวกกู” อีกต่อไป
14 ส.ค. 2566 – กลุ่มคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ จ.สมุทรสาคร กว่า 50 คน ได้รวมตัวกันที่ทำการกลุ่มในซอยศาลเจ้าอาม้า ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน เพื่อมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ
โดยมีการทำหุ่นฟางติดใบหน้ารูป นาย
ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังมีการนำเสื้อแดง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยใช้ในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดงในอดีต เช่น ตีนตบ นกหวีด รูปนาย
ทักษิณ น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาวางกองรวมกัน ก่อนจุดไฟเผา
นาย
วัชรินทร์ ทิพย์มงคล ตัวแทนคนเสื้อแดงสมุทรสาคร ได้อ่านแถลงการณ์ ของมวลชนคนรักประชาธิปไตย (สมุทรสาคร) ที่มีต่อพรรคเพื่อไทยว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ใช้นโยบายหาเสียงว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเสรีก้าวหน้า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะยึดมั่นอยู่กับฟากฝั่งประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่สนับสนุนฝ่ายเผด็จการขั้วอำนาจเดิม โดยออกแคมเปญว่า “
ไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอา พรรค 2 ลุงมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล”
บัดนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคเพื่อไทยได้ตระบัดสัตย์ ยอมกลืนเลือด อ้างว่าประเทศไทยรอไม่ได้ที่จะไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น แท้ที่จริงแล้วต้องการให้คนแดนไกลกลับประเทศ เป็นการทรยศหักหลังต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ฝ่ายประชาธิปไตยอย่างน่ารังเกียจ และเป็นการโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง เพื่อจะขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนอย่างน่าละอาย
ดังนั้นพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยชาวสมุทรสาคร จึงไม่ต้องเป็นนางแบกให้กับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป ถือว่าอุดมการณ์ที่พวกเรามีให้กับพรรคเพื่อไทยสิ้นสุดลงแล้ว ณ บัดนี้ ตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เคยร่วมสู้กันมา เราจะทำการฌาปนกิจไปพร้อมกับพวกนั่งร้านเผด็จการที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้
เราเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย และสิ่งที่เราเคยช่วยเหลือมาตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาสำหรับพรรคไทยรักไทย กับ พรรคเพื่อไทย มาทำการเผา เพื่อแสดงออกว่าจะไม่เป็นนั่งร้านของพรรคนี้อีกต่อไป และจะบอกว่า “
มีพวก-ึง ไม่มีพวก-ู” อีกต่อไป
มาแล้ว ม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ‘ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย’ เดินไปราชประสงค์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7814009
“แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ” นัดชุมนุม “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” เดินขบวนไปราชประสงค์ ซัด สว. ขวางมติประชาชน มวลชน ทยอยร่วมกิจกรรม
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2566 ที่แยกปทุมวัน กทม. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายทำกิจกรรม “
ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” โดยจะมีการเดินขบวนจากแยกปทุมวัน ไปยังแยกราชประสงค์ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
โดยเวลา 16.10 น. ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) มีประชาชน คนสูงวัย เยาวชนคนรุ่นใหม่ ทยอยเดินทางมารวมตัวรอเข้าร่วมกิจกรรมตามการนัดหมายเวลา 17.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงยืนกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์
ทั้งนี้ เวลา 16.30 น. เริ่มมีฝนโปรยปราย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมหลบเข้าสู่ใต้ชายคาอาคารหอศิลป์ ซึ่งมีการตั้งโต๊ะจุดเข้าชื่อเสนอคำถามประชามติ เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่กำลังขับเคลื่อนรณรงค์โดยโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw และเครือข่าย
สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ นัดหมาย โดยโพสต์เชิญชวนประชาชน และ สส. ผู้มีใจรักในประชาธิปไตย เข้าร่วมเดินขบวนส่องไฟฉายเรียกขานจิตวิญญาณประชาธิปไตย “
ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” โดยเช็กลิสต์อุปกรณ์สำหรับงานส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย ได้แก่ ดอกกุหลาบ, เทียนไข และไฟฉาย นำมาร่วมด้วย
โดยตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ กล่าวว่า หลักจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผลสรุปว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องด้วยกลยุทธ์ของเผด็จการที่วางเหล่า สว. ไว้เป็นจระเข้ขวางคลอง งดออกเสียงขวางมติของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย มิหนำซ้ำพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเองก็ดันไปเห็นดีเห็นงาม และพร้อมที่จะผสมพันธุ์กับพรรคการเมืองที่ฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ และมีแนวโน้มที่จะขยับไปผสมพันธุ์กับพรรคเผด็จการ
“
อะไรกันทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยหน้ามืดตามัว จนลืมสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของพี่น้องคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ปี 53 โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากฝีมือเผด็จการและนักการเมืองที่รับใช้เผด็จการทั้งสิ้น ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะออกมา ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ กล่าว
จากนั้นเวลา 17.40 น. แกนนำยังคงปราศรัยอยู่บริเวณหน้าหอศิลป์ เพื่อรอประชาชนที่จะมาเข้าร่วมชุมนุม โดยยังไม่ตั้งขบวนเพื่อที่จะเดินไปแยกราชประสงค์
ทนายเกิดผล ชี้ รบ.แก้ปัญหาไม่ถูกจุด เงินไม่พอ แนะตัดงบฯผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ตัดเบี้ยผู้สูงอายุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4128730
ทนายเกิดผล ชี้ รบ.รักษาการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด งบไม่พอ แนะตัดงบฯผู้ทรงคุณวุฒิ-เงินเดือน ส.ว. ไม่ใช่ตัดงบเบี้ยผู้สูงอายุ
จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 โดยสาระสำคัญคือปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพจาก ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาเป็น ผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด ทำให้หลายภาคส่วนออกมาวิจารณ์ว่าเกณฑ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน เนื่องจากสวัสดิการควรเป็นระบบ “ถ้วนหน้า” นั้น
ประเด็นนี้
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ระบุทางเพจเฟซบุ๊กว่า
การตัดงบเบี้ยคนชรา และเพิ่มหลักเกณฑ์มากขึ้น เพราะงบประมาณมีไม่พอ น่าจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุดนะครับ คุณต้องไปตัดงบในส่วนที่ไม่จำเป็น หรือเกินความจำเป็น เช่น การซื้อเรือดำน้ำ งบเงินตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ เช่น เงินเดือน ส.ว เป็นต้น ถึงจะถูก…ไม่ใช่มาตัดงบเบี้ยยังชีพคนแก่
โดยเรื่องนี้มีผู้มาแสดงความเห็นว่า “
ส.ส. ส.ว.บอกเข้ามาเพื่อเสียสละเป็นตัวแทนพี่น้อง แต่…กินเต็มทุกอย่าง ค่าเดินทาง ค่าข้าว ค่าผู้ช่วย แทบจะฟรีหมดทุกอย่าง..สวัสดิการดี๊ดี” ทำให้ทนาย
เกิดผลตอบกลับว่า เสียสละจนน้ำลายไหล
ทนาย
เกิดผลยังบอกอีกว่า ถ้ารัฐบาลใหม่ออกกฎหมายให้ผู้ที่เป็น ส.ส.สมัยนี้ ถ้าสอบตกสมัยหน้า แต่ให้มีสิทธิรับเงินบำนาญ ส.ส.แม้ไม่ได้เข้าสภา เจ้าของภาษีเห็นด้วยหรือไม่ครับ
สมาคมข้าวถุง ชี้ราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้น เหตุต้นทุนพุ่ง 15-20% ย้ำจับตาปรับราคา ก.ย.นี้
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/361930
สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เผยราคาข้าวขาวถุง 5 กก. ราคาต่ำกว่า 100 เป็นไปได้ยากแล้ว หลังต้นทุนพุ่งขึ้น 15-20% ย้ำจับตา ก.ย.นี้ ราคาข้าวมีโอกาสปรับเพิ่ม 10 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม โดยเป็นการปรับราคาขึ้นจากการยกเลิกโปรโมชัน
นาย
สมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ข้าวมาบุญครอง เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังอินเดีย ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกออกมาตรการห้ามส่งออก ขณะที่ไทยก็มีการขอความร่วมมือปลูกข้าวนาปรังน้อยลงเพื่อลดผลกระทบจากภัยแล้ง ส่งผลให้ราคาข้าวขาวปรับราคาขึ้นจากเดิมกิโลละ 17 บาท มาอยู่ที่ 22 - 23 บาทต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นสัดส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาราว 15-20% ทำให้โอกาสของราคาข้าวขาวที่จะอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม เป็นไปได้ยากแล้ว ส่วนข้าวหอมมะลิยังทรงตัวที่ระดับ บวกลบ 200 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม
สำหรับแนวโน้มราคาข้าวถุงในระยะสั้น เชื่อว่าผู้ประกอบการข้าวขาวยังมีสินค้าในสต๊อก แต่คงไม่มากนัก จึงต้องจับตาผลผลิตเดือนกันยายนนี้ว่าจะเป็นอย่างไร เบื้องต้น ผู้ประกอบการบางรายมีการตัดสินใจยกเลิกโปรโมชั่น ทำให้ราคาปรับขึ้นไปที่ประมาณถุงละ 5-10 บาท
ส่วนปัญหาภัยแล้งยังคงเป็นความกังวลของหลายฝ่าย แต่หากประเมินปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในปีนี้ มองว่ายังไม่น่าห่วง เพราะข้าวถูกปลูกไปแล้ว แต่ที่กังวลคือปริมาณน้ำในเขื่อนที่น้อยลงอาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวนาปรังในปีหน้า
JJNY : 5in1 ฌาปนกิจหุ่นฟางทักษิณ│มาแล้ว ม็อบแนวร่วม│ทนายเกิดผลชี้แก้ไม่ถูกจุด│ชี้ราคาข้าวสารปรับตัวสูง│หลุด100รูเบิลต่อ$
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7814040
แดงสมุทรสาคร ฌาปนกิจหุ่นฟางทักษิณ เผาเสื้อแดง ซัดตระบัดสัตย์น่ารังเกียจ ทำทุกทางให้คนไกลกลับมา ลั่นตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน “มีพวก ไม่มีพวกกู” อีกต่อไป
14 ส.ค. 2566 – กลุ่มคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ จ.สมุทรสาคร กว่า 50 คน ได้รวมตัวกันที่ทำการกลุ่มในซอยศาลเจ้าอาม้า ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน เพื่อมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ
โดยมีการทำหุ่นฟางติดใบหน้ารูป นายทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังมีการนำเสื้อแดง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยใช้ในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดงในอดีต เช่น ตีนตบ นกหวีด รูปนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาวางกองรวมกัน ก่อนจุดไฟเผา
นายวัชรินทร์ ทิพย์มงคล ตัวแทนคนเสื้อแดงสมุทรสาคร ได้อ่านแถลงการณ์ ของมวลชนคนรักประชาธิปไตย (สมุทรสาคร) ที่มีต่อพรรคเพื่อไทยว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ใช้นโยบายหาเสียงว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเสรีก้าวหน้า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะยึดมั่นอยู่กับฟากฝั่งประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่สนับสนุนฝ่ายเผด็จการขั้วอำนาจเดิม โดยออกแคมเปญว่า “ไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอา พรรค 2 ลุงมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล”
บัดนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคเพื่อไทยได้ตระบัดสัตย์ ยอมกลืนเลือด อ้างว่าประเทศไทยรอไม่ได้ที่จะไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น แท้ที่จริงแล้วต้องการให้คนแดนไกลกลับประเทศ เป็นการทรยศหักหลังต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ฝ่ายประชาธิปไตยอย่างน่ารังเกียจ และเป็นการโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง เพื่อจะขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนอย่างน่าละอาย
ดังนั้นพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยชาวสมุทรสาคร จึงไม่ต้องเป็นนางแบกให้กับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป ถือว่าอุดมการณ์ที่พวกเรามีให้กับพรรคเพื่อไทยสิ้นสุดลงแล้ว ณ บัดนี้ ตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เคยร่วมสู้กันมา เราจะทำการฌาปนกิจไปพร้อมกับพวกนั่งร้านเผด็จการที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้
เราเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย และสิ่งที่เราเคยช่วยเหลือมาตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาสำหรับพรรคไทยรักไทย กับ พรรคเพื่อไทย มาทำการเผา เพื่อแสดงออกว่าจะไม่เป็นนั่งร้านของพรรคนี้อีกต่อไป และจะบอกว่า “มีพวก-ึง ไม่มีพวก-ู” อีกต่อไป
มาแล้ว ม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ‘ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย’ เดินไปราชประสงค์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7814009
“แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ” นัดชุมนุม “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” เดินขบวนไปราชประสงค์ ซัด สว. ขวางมติประชาชน มวลชน ทยอยร่วมกิจกรรม
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2566 ที่แยกปทุมวัน กทม. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายทำกิจกรรม “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” โดยจะมีการเดินขบวนจากแยกปทุมวัน ไปยังแยกราชประสงค์ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
โดยเวลา 16.10 น. ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) มีประชาชน คนสูงวัย เยาวชนคนรุ่นใหม่ ทยอยเดินทางมารวมตัวรอเข้าร่วมกิจกรรมตามการนัดหมายเวลา 17.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงยืนกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์
ทั้งนี้ เวลา 16.30 น. เริ่มมีฝนโปรยปราย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมหลบเข้าสู่ใต้ชายคาอาคารหอศิลป์ ซึ่งมีการตั้งโต๊ะจุดเข้าชื่อเสนอคำถามประชามติ เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่กำลังขับเคลื่อนรณรงค์โดยโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw และเครือข่าย
สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ นัดหมาย โดยโพสต์เชิญชวนประชาชน และ สส. ผู้มีใจรักในประชาธิปไตย เข้าร่วมเดินขบวนส่องไฟฉายเรียกขานจิตวิญญาณประชาธิปไตย “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” โดยเช็กลิสต์อุปกรณ์สำหรับงานส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย ได้แก่ ดอกกุหลาบ, เทียนไข และไฟฉาย นำมาร่วมด้วย
โดยตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ กล่าวว่า หลักจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผลสรุปว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องด้วยกลยุทธ์ของเผด็จการที่วางเหล่า สว. ไว้เป็นจระเข้ขวางคลอง งดออกเสียงขวางมติของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย มิหนำซ้ำพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเองก็ดันไปเห็นดีเห็นงาม และพร้อมที่จะผสมพันธุ์กับพรรคการเมืองที่ฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ และมีแนวโน้มที่จะขยับไปผสมพันธุ์กับพรรคเผด็จการ
“อะไรกันทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยหน้ามืดตามัว จนลืมสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของพี่น้องคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ปี 53 โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากฝีมือเผด็จการและนักการเมืองที่รับใช้เผด็จการทั้งสิ้น ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะออกมา ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ กล่าว
จากนั้นเวลา 17.40 น. แกนนำยังคงปราศรัยอยู่บริเวณหน้าหอศิลป์ เพื่อรอประชาชนที่จะมาเข้าร่วมชุมนุม โดยยังไม่ตั้งขบวนเพื่อที่จะเดินไปแยกราชประสงค์
ทนายเกิดผล ชี้ รบ.แก้ปัญหาไม่ถูกจุด เงินไม่พอ แนะตัดงบฯผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ตัดเบี้ยผู้สูงอายุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4128730
ทนายเกิดผล ชี้ รบ.รักษาการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด งบไม่พอ แนะตัดงบฯผู้ทรงคุณวุฒิ-เงินเดือน ส.ว. ไม่ใช่ตัดงบเบี้ยผู้สูงอายุ
จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 โดยสาระสำคัญคือปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพจาก ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาเป็น ผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด ทำให้หลายภาคส่วนออกมาวิจารณ์ว่าเกณฑ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน เนื่องจากสวัสดิการควรเป็นระบบ “ถ้วนหน้า” นั้น
ประเด็นนี้ ทนายเกิดผล แก้วเกิด ระบุทางเพจเฟซบุ๊กว่า การตัดงบเบี้ยคนชรา และเพิ่มหลักเกณฑ์มากขึ้น เพราะงบประมาณมีไม่พอ น่าจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุดนะครับ คุณต้องไปตัดงบในส่วนที่ไม่จำเป็น หรือเกินความจำเป็น เช่น การซื้อเรือดำน้ำ งบเงินตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ เช่น เงินเดือน ส.ว เป็นต้น ถึงจะถูก…ไม่ใช่มาตัดงบเบี้ยยังชีพคนแก่
โดยเรื่องนี้มีผู้มาแสดงความเห็นว่า “ส.ส. ส.ว.บอกเข้ามาเพื่อเสียสละเป็นตัวแทนพี่น้อง แต่…กินเต็มทุกอย่าง ค่าเดินทาง ค่าข้าว ค่าผู้ช่วย แทบจะฟรีหมดทุกอย่าง..สวัสดิการดี๊ดี” ทำให้ทนายเกิดผลตอบกลับว่า เสียสละจนน้ำลายไหล
ทนายเกิดผลยังบอกอีกว่า ถ้ารัฐบาลใหม่ออกกฎหมายให้ผู้ที่เป็น ส.ส.สมัยนี้ ถ้าสอบตกสมัยหน้า แต่ให้มีสิทธิรับเงินบำนาญ ส.ส.แม้ไม่ได้เข้าสภา เจ้าของภาษีเห็นด้วยหรือไม่ครับ
สมาคมข้าวถุง ชี้ราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้น เหตุต้นทุนพุ่ง 15-20% ย้ำจับตาปรับราคา ก.ย.นี้
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/361930
สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เผยราคาข้าวขาวถุง 5 กก. ราคาต่ำกว่า 100 เป็นไปได้ยากแล้ว หลังต้นทุนพุ่งขึ้น 15-20% ย้ำจับตา ก.ย.นี้ ราคาข้าวมีโอกาสปรับเพิ่ม 10 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม โดยเป็นการปรับราคาขึ้นจากการยกเลิกโปรโมชัน
นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ข้าวมาบุญครอง เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังอินเดีย ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกออกมาตรการห้ามส่งออก ขณะที่ไทยก็มีการขอความร่วมมือปลูกข้าวนาปรังน้อยลงเพื่อลดผลกระทบจากภัยแล้ง ส่งผลให้ราคาข้าวขาวปรับราคาขึ้นจากเดิมกิโลละ 17 บาท มาอยู่ที่ 22 - 23 บาทต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นสัดส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาราว 15-20% ทำให้โอกาสของราคาข้าวขาวที่จะอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม เป็นไปได้ยากแล้ว ส่วนข้าวหอมมะลิยังทรงตัวที่ระดับ บวกลบ 200 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม
สำหรับแนวโน้มราคาข้าวถุงในระยะสั้น เชื่อว่าผู้ประกอบการข้าวขาวยังมีสินค้าในสต๊อก แต่คงไม่มากนัก จึงต้องจับตาผลผลิตเดือนกันยายนนี้ว่าจะเป็นอย่างไร เบื้องต้น ผู้ประกอบการบางรายมีการตัดสินใจยกเลิกโปรโมชั่น ทำให้ราคาปรับขึ้นไปที่ประมาณถุงละ 5-10 บาท
ส่วนปัญหาภัยแล้งยังคงเป็นความกังวลของหลายฝ่าย แต่หากประเมินปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในปีนี้ มองว่ายังไม่น่าห่วง เพราะข้าวถูกปลูกไปแล้ว แต่ที่กังวลคือปริมาณน้ำในเขื่อนที่น้อยลงอาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวนาปรังในปีหน้า