พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันบำเพ็ญบารมี 20 อสงไขย เพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันบำเพ็ญบารมี 20 อสงไขย เพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ถ้าจิตดวงเดิมดับ ดวงใหม่เกิดขึ้น ใครเป็นผู้บำเพ็ญบารมี???


จิตนี้ไม่มีรูปมีร่าง จิตจับต้องไม่ได้หลายท่านจึงเข้าใจว่าจิตเป็นอนัตตา
และยิ่งไปเห็นการเกิดดับของจิตซึ่งเป็นการทำงานของจิต ยิ่งเข้าใจว่า
การทำงานของจิต คือตัวจิต จริง ๆ แล้วการเกิดดับเป็นเจตสิกที่เกิดดับ 121 อาการ หรือที่เรียกว่า 121 ดวง ซึ่ง การทำงานของจิตนี้ไม่ใช่ตัวจิต จิตเป็นธาตุรู้ (วิญญาณธาตุ) หรือที่เรียกว่าผู้รู้ (วิญญาณขันธ์) จึงรู้เห็นการทำงานนั้นได้  การเกิดดับของเจตสิกจึงเป็นผู้ถูกรู้ ผู้ถูกรู้นี้จึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวจิต คนละส่วนกันต้องแยกให้ออก
ส่วนธาตุรู้นั้นคือคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นใด ยังคงเป็นจิตผู้รู้อยู่เช่นนั้นไม่สลายไปไหน   แม้อาการแห่งจิตจะทำงานเกิดดับๆ ๆๆๆ ไปตลอดก็ตาม ธาตุรู้ก็ยังคงอยู่

แต่หากแปลตามบริบทแล้ว จิตจับต้องไม่ได้ แต่จิตไม่ได้สลายหายไปไหน จิตเดิมของใครก็ของใคร ยังคงอยู่ เวียนว่ายตายเกิดกี่ภพกี่ชาติก็ยังคงอยู่ แม้ถูกไฟนรกแผดเผาก็ไม่ตายสลายไปไหน
ตรงที่ว่าไม่สลายไม่ตายนี้แล ธาตุรู้หรือจิตจึงยังคงอยู่รองรับกระแสแห่งกรรมนี้ไม่จบสิ้นจึงจิตเป็นอัตตา คือเป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ยังคงเป็นจิตเดิมของใครของมัน  ซึ่งพระพุทธเจ้ากล่าวอยู่เสมอว่าจิตของภิกษุองค์นั้น จิตของผู้นี้ เป็นเช่นไร นั่นคือกล่าวถึงจิตผู้นั้นนั่นเอง  

ยกตัวอย่างจิตขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีมานับอสงไขยไม่ถ้วน ก็จิตเดิมดวงนั้นตราบจนบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญานก็จิตดวงนั้น เป็นจิตแห่งองค์พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อหลุดพ้นวัฏสงสารแล้ว จิตนี้ก็เคลื่อนเข้าสู่พระนิพพาน ท่านเรียกว่า กาลัง กัตวา  ดังนั้นจิตจึงไม่มีวันตาย จิตของใครก็ของคนนั้น

ขอทุกท่านแยกกายแยกจิต แยกจิตออกจากขันธ์ 5 ให้ออกแล้วจะเห็นตามความเป็นจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่