ภาษาไทย มีความหลากหลายทางเสียงภาษาที่สูงมาก
และมีฟังก์ชันพิเศษมากมาย ที่ภาษาส่วนใหญ่บนโลกนั้นไม่มี
หรือมีก็แค่นิดหน่อย เช่น ภาษาจีนที่มีครบ บ ป ด ต แต่กำหนดเสียงวรรณยุกต์อย่างอิสระไม่ได้ (มี หนี มี หาว แต่รวมกันก็เป็น หนีห่าว ไปเอง ด้วยกฎการปรับแต่งให้มันไม่ซ้ำเดิม ก็ฟังแล้วลื่นหูมากขึ้นจริงๆครับ แต่ทำ หนีหาว ไม่ได้ นั่นคือประเด็น)
หรือมีแล้วก็ต้องใช้ภายใต้เงื่อนไข เช่น ภาษาเกาหลีที่มี ด แต่ทำเสียงนี้ในพยางค์แรกไม่ได้
ฟังก์ชันพิเศษนี้ คือสิ่งที่ซับซ้อนเกินไปจนหลายๆภาษาทำได้ยาก ทำได้แค่บางส่วน แต่เราพัฒนาภาษาจนมีครับ
- การที่สามารถคุมเสียงวรรณยุกต์ได้อย่างอิสระ
ดังตัวอย่างที่จีนสร้างเสียง หนีหาว ไม่ได้ แต่เรากลับเขียนได้อย่างง่ายดาย
แม้เราจะรันด้วยระบบที่เละเทะมาก อย่าง
ค๊าว = ค้าว
ค่าว = ข้าว
ค๋าว = ขาว
แน่นอนครับนี่คือการเขียนที่ผิดหลักภาษา แต่ผมต้องการแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้มีความชัดเจนของการกำหนดเสียงด้วยวรรณยุกต์
แต่สิ่งที่เรามีเหนือกว่าใคร ก็คือเราสามารถกำหนดได้อิสระครับ
- วรรณยุกต์ โดยเฉพาะจัตวา
ที่เรายังมีการเอามาประยุกต์เข้าพยัญชนะธรรมชาติ (เสียงที่ออกไปตรงๆไร้ซึ่งการแต่งเติม ประกอบไปด้วย ค ช ซ พ น ม ท, ลองออกเสียงกับสระสักอัน เราจะพบว่าเราไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการขยับลิ้นไปตามตำแหน่งออกเสียงสักเท่าไหร่)
ก่อให้เกิดความหลากหลาย คือการมีเสียง ข ฉ ส ผ ถ
- การที่สามารถกำหนดเสียงสั้นยาวได้อย่างอิสระ
จะมีความเละเทะก็หน่อยนึง เช่น
ได้ การออกเสียงจริงนั้น ยาวกว่า ดั้ย แต่ก็สั้นกว่า ด้าย
นอกจากเสียงสั้นกับยาวแล้ว เราก็พัฒนากลางๆ (ไม่สั้นไม่ยาว) มาอย่างไม่รู้ตัวด้วย
ที่ผมว่ามันเละเทะ เพราะว่า
ไส้ ดันออกเสียงแบบ สั้ย เป๊ะ
ใน ก็เหมือน นัย ไม่มีผิด
แต่ ใช่ นั้นยาวกว่า ชั่ย มาหน่อย
- ควบกล้ำ เรามี 3/5 มี ร ล ว ขาดไปแค่ ย ห แต่เราก็เขียนได้อยู่นะ
ควบ ย เช่น ขยาด มยอน รยื่อ
เขียนได้ปกติ
ควบ ห เช่น คห่า (=ข่า) ฮว๋าง (เราเขียนได้แบบเดียว)
เราใช้การมี จัตวา แทน
เราเขียนแบบพิศดารได้มหาศาล โดยที่อ่านได้จริงๆ อย่าง
Mark = มาร์กค์ ไม่ใช่ ม๊าก (อันนี้กำลังพูดถึงเสียงอ่าน ไม่ใช่การเขียน)
มาร์ค์ ออกเสียง มา มีความเออะหน่อยๆจาก ร์ แต่ไม่ลงตัวสะกด แค่มี ขึ เบาๆจากคอ
ปยุร์น (ปยุน คล้ายๆ ปุน แต่เอาลิ้นแตะฟันล่าง อันนี้มี ร์ แทนการดันเสียงขึ้นเพดาน ก็จะมีความคล้าย ปึน หน่อย)
ชาว์ ที่คือ ชา ไปยาวแบบไม่สุด
ชาห์ ที่ยาวกว่า ชะ นิดนึง
ถ้าเข้าใจภาษาตัวเองอย่างถ่องแท้ จะเข้าใจได้หมดครับว่าอ่านยังไง
- การที่มีทั้ง ง ค ก ช จ ย บ ป ด ต ท ฟ ซ ร ล ว โดยสามารถใช้ได้อย่างอิสระ
- สระ โอ ออ แอ เออ เอือ อัว เอีย อำ ไอ เอา ที่มีความชัดเจน
แต่เรากลับแยกความต่าง v w ไม่ได้เนี่ยนะ ??
ทั่วโลก หลายๆประเทศใช้ บ แทน v แต่เราคือ ว ไม่ต่างจาก w
รวมไปถึงการเขียนแสดงถึงการสั่นเสียงตัวสะกด เช่นในคำว่า tap bus dot must lodge
เข้าใจว่าเราไม่มีเสียงนี้ แต่อย่างน้อย ทำไมไม่ทำให้มันเขียนถึงการออกแบบนี้ได้หละ การันต์ ที่ใส่มาแบบ useless ผมว่าพัฒนาให้มันคุมตรงนี้ก็ดีนะครับ
พูดอีกแบบคือ เออไหนๆจะออกแบบมาให้มันหลากหลายพรีเมี่ยมกว่าชาวบ้านเค้าแล้ว ทำไมไม่ทำให้มันครบจริงๆไปเลย
ภาษาไทย มีการสร้างเสียงได้หลากหลายมากๆ แต่ทำไมแยกความต่าง v กับ w ไม่ได้ และยังไม่สามารถรองรับการสั่นของเสียงในตัวสะกด
และมีฟังก์ชันพิเศษมากมาย ที่ภาษาส่วนใหญ่บนโลกนั้นไม่มี
หรือมีก็แค่นิดหน่อย เช่น ภาษาจีนที่มีครบ บ ป ด ต แต่กำหนดเสียงวรรณยุกต์อย่างอิสระไม่ได้ (มี หนี มี หาว แต่รวมกันก็เป็น หนีห่าว ไปเอง ด้วยกฎการปรับแต่งให้มันไม่ซ้ำเดิม ก็ฟังแล้วลื่นหูมากขึ้นจริงๆครับ แต่ทำ หนีหาว ไม่ได้ นั่นคือประเด็น)
หรือมีแล้วก็ต้องใช้ภายใต้เงื่อนไข เช่น ภาษาเกาหลีที่มี ด แต่ทำเสียงนี้ในพยางค์แรกไม่ได้
ฟังก์ชันพิเศษนี้ คือสิ่งที่ซับซ้อนเกินไปจนหลายๆภาษาทำได้ยาก ทำได้แค่บางส่วน แต่เราพัฒนาภาษาจนมีครับ
- การที่สามารถคุมเสียงวรรณยุกต์ได้อย่างอิสระ
ดังตัวอย่างที่จีนสร้างเสียง หนีหาว ไม่ได้ แต่เรากลับเขียนได้อย่างง่ายดาย
แม้เราจะรันด้วยระบบที่เละเทะมาก อย่าง
ค๊าว = ค้าว
ค่าว = ข้าว
ค๋าว = ขาว
แน่นอนครับนี่คือการเขียนที่ผิดหลักภาษา แต่ผมต้องการแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้มีความชัดเจนของการกำหนดเสียงด้วยวรรณยุกต์
แต่สิ่งที่เรามีเหนือกว่าใคร ก็คือเราสามารถกำหนดได้อิสระครับ
- วรรณยุกต์ โดยเฉพาะจัตวา
ที่เรายังมีการเอามาประยุกต์เข้าพยัญชนะธรรมชาติ (เสียงที่ออกไปตรงๆไร้ซึ่งการแต่งเติม ประกอบไปด้วย ค ช ซ พ น ม ท, ลองออกเสียงกับสระสักอัน เราจะพบว่าเราไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการขยับลิ้นไปตามตำแหน่งออกเสียงสักเท่าไหร่)
ก่อให้เกิดความหลากหลาย คือการมีเสียง ข ฉ ส ผ ถ
- การที่สามารถกำหนดเสียงสั้นยาวได้อย่างอิสระ
จะมีความเละเทะก็หน่อยนึง เช่น
ได้ การออกเสียงจริงนั้น ยาวกว่า ดั้ย แต่ก็สั้นกว่า ด้าย
นอกจากเสียงสั้นกับยาวแล้ว เราก็พัฒนากลางๆ (ไม่สั้นไม่ยาว) มาอย่างไม่รู้ตัวด้วย
ที่ผมว่ามันเละเทะ เพราะว่า
ไส้ ดันออกเสียงแบบ สั้ย เป๊ะ
ใน ก็เหมือน นัย ไม่มีผิด
แต่ ใช่ นั้นยาวกว่า ชั่ย มาหน่อย
- ควบกล้ำ เรามี 3/5 มี ร ล ว ขาดไปแค่ ย ห แต่เราก็เขียนได้อยู่นะ
ควบ ย เช่น ขยาด มยอน รยื่อ
เขียนได้ปกติ
ควบ ห เช่น คห่า (=ข่า) ฮว๋าง (เราเขียนได้แบบเดียว)
เราใช้การมี จัตวา แทน
เราเขียนแบบพิศดารได้มหาศาล โดยที่อ่านได้จริงๆ อย่าง
Mark = มาร์กค์ ไม่ใช่ ม๊าก (อันนี้กำลังพูดถึงเสียงอ่าน ไม่ใช่การเขียน)
มาร์ค์ ออกเสียง มา มีความเออะหน่อยๆจาก ร์ แต่ไม่ลงตัวสะกด แค่มี ขึ เบาๆจากคอ
ปยุร์น (ปยุน คล้ายๆ ปุน แต่เอาลิ้นแตะฟันล่าง อันนี้มี ร์ แทนการดันเสียงขึ้นเพดาน ก็จะมีความคล้าย ปึน หน่อย)
ชาว์ ที่คือ ชา ไปยาวแบบไม่สุด
ชาห์ ที่ยาวกว่า ชะ นิดนึง
ถ้าเข้าใจภาษาตัวเองอย่างถ่องแท้ จะเข้าใจได้หมดครับว่าอ่านยังไง
- การที่มีทั้ง ง ค ก ช จ ย บ ป ด ต ท ฟ ซ ร ล ว โดยสามารถใช้ได้อย่างอิสระ
- สระ โอ ออ แอ เออ เอือ อัว เอีย อำ ไอ เอา ที่มีความชัดเจน
แต่เรากลับแยกความต่าง v w ไม่ได้เนี่ยนะ ??
ทั่วโลก หลายๆประเทศใช้ บ แทน v แต่เราคือ ว ไม่ต่างจาก w
รวมไปถึงการเขียนแสดงถึงการสั่นเสียงตัวสะกด เช่นในคำว่า tap bus dot must lodge
เข้าใจว่าเราไม่มีเสียงนี้ แต่อย่างน้อย ทำไมไม่ทำให้มันเขียนถึงการออกแบบนี้ได้หละ การันต์ ที่ใส่มาแบบ useless ผมว่าพัฒนาให้มันคุมตรงนี้ก็ดีนะครับ
พูดอีกแบบคือ เออไหนๆจะออกแบบมาให้มันหลากหลายพรีเมี่ยมกว่าชาวบ้านเค้าแล้ว ทำไมไม่ทำให้มันครบจริงๆไปเลย