บันทึกการท่องเที่ยวมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก 27-1 ส.ค. 2566
***********************
สรุปไว้ให้คนที่จะไปเที่ยวเองได้อ่านไว้เป็นแนวทาง เผื่อประสบการณ์ที่มีจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ทั้งนี้ตัวเองไม่ใช่นักเที่ยวแบบ back packer ไม่ได้เน้นถูก แต่ก็ไม่เน้นหรู
1. ที่มอสโกมีสนามบินหลายแห่ง ที่ตัวเองบินไปลงคือ สนามบินโดโมเดโดโว รหัสย่อ DME ผ่านตม. ออกมาตอน 3 ทุ่ม มี Sim ขายเหลืออยู่ 2 เจ้า เจ้าใหญ่ๆ (MTC, Beeline) ปิดบูธแล้ว เลยต้องซื้อ Tele2 เอาแบบโทรได้ เล่นเน็ตได้ทั้งสองเมือง แบบ 30 วัน unlimited ราคาRUB 2500 ต่อได้เหลือ RUB 2000 จากนั้นให้คนขายเปลี่ยน SIM แล้วทดสอบการโทรออกว่าใช้การได้ เปิด App. Yandex ใช้เรียก Taxi เลย แบกกระเป๋าไปรถไฟใต้ดินไม่น่าจะรอดเพราะทางขึ้นบางสถานีมีแต่บันได ได้ข่าวว่าซื้อ SIM ในตัวเมืองถูกกว่า แต่ไม่อยากยุ่งยากไปเดินหาก็ซื้อที่สนามบินเลย
ไปรัสเซียแนะนำว่าต้องใช้เลยแอปYandex โหลดไว้ตั้งแต่เมืองไทย ลองฝึกเล่นดู แต่ต้องกำหนดโลเคชั่นต้นทางปลายทางในรัสเซียถึงจะได้ข้อมูล พอไปถึงรัสเซียต้องลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่ซื้อไว้ จากนั้นถึงจะใช้เรียก Taxi ได้ Yandex มีเอาไว้บอกเส้นทางสำหรับแต่ละชนิดยานพาหนะ ทั้งเดินเอง รถไฟใต้ดิน รถบัส ใช้เรียก Taxi ได้ด้วย หาร้านอาหาร ร้านไรต่อมิอะไรได้หมด
เบอร์โทรจาก SIM ที่ซื้อมาจะต้องกด + ก่อนแล้วตามด้วย 7xxxxxx (วิธีกด + คือกดแช่เลขศูนย์)
2. Taxi Yandex มีหลายแบบให้เลือก ถ้า Economy จะได้รถเก๋งขนาดกลาง รถจะเยินๆหน่อย ไม่ค่อยสะอาด คนขับแต่งตัวตามสบาย ขับรถไม่นิ่ม นั่งด้านหลังควรต้องรัดเข็มขัดนิรภัย บางคันคนขับสูบบุหรี่มาเลย ถ้าเลือก Comfort รถจะใหญ่กว่า นั่งสบาย สะอาด คนขับขับดี สังเกตุว่าคนขับ Comfort จะดูสะอาด ดูดีมีการศึกษากว่า Economy แต่ทุกคนไม่มีใครพูดอังกฤษได้ คนขับจะยกกระเป๋าขึ้นลงให้เราเสมอ จ่ายค่า taxi เป็นเงินสด นั่งหลายรอบไม่มีอะไรน่ากลัว มีแค่ว่าคนขับบางคนซื่อบื้อดูแต่หมุด ไม่สนว่าเป็นประตูทางเข้าสถานที่เที่ยวหรือเปล่า
3. บัตรเครดิต ใช้ไม่ได้สักยี่ห้อ แม้ว่าจะไปทำบัตร Union Payที่เป็นยี่ห้อจีน ICBC ที่จีนเป็นมิตรกับรัสเซียแล้ว ทั้งนี้เพราะธนาคารจีนจดทะเบียนในไทย อยู่ในระบบ sanction รัสเซียที่ทำสงครามกับยูเครนด้วย บัตรเครดิตจะใช้ได้เฉพาะบัตรที่จดทะเบียนในรัสเซียเท่านั้น ดังนั้นควรแลกเงินรูเบิลไปให้เยอะหน่อย เพราะที่แลกเงินมีน้อย และหายากมาก เงินสำรองที่เอาไปควรเป็น Eur (เดาเอา เพราะที่สนามบินป้ายราคาระบุเงิน Eur)
4.คนรัสเซีย 99% พูดอังกฤษไม่ได้ คนที่พูดได้คือ คนขายแพจเกจท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติ พนักงาน Reception ในร้านอาหารระดับค่อนข้างดี ส่วนพนักงานโรงแรมบางคนก็พูดได้ บางคนก็พูดได้นิดหน่อย แกัปัญหาโดยใช้แอพแปลภาษาในการสื่อสารแทนจะดีกว่า จงทำใจว่าทักษะภาษาอังกฤษที่เรามีนั้นไม่ช่วยอะไรเมื่อไปที่นู่น
5. ร้านอาหารในรัสเซียแบบมีคนเสริฟ์อาหารให้ อาหารและเครื่องดื่มถือว่าไม่ได้แพงเมื่อเทียบกับการตกแต่งร้านที่ดูดี น่านั่ง มื้อนึงตกคนละไม่เกิน 1 พันบาท ถ้าเมืองไทยตกแต่งร้านแบบนี้หัวนึงเกิน 1 พันบาทแน่นอน ถ้ากินร้านแบบนี้ต้องมีทิปให้พนักงานประมาณ 10% การให้ทิปพนักงาน เขาจะเฉยๆ ไม่ได้แสดงความดีใจขอบคุณอะไรเหมือนเป็นหน้าที่เรามากกว่า เมื่อเราสั่งน้ำเปล่าในร้านอาหาร จะเป็นน้ำพิเศษที่ราคาแพงขวดละ 100-300 บาท (ราคาถูกกว่าเบียร์นิดหน่อย) น้ำขวดธรรมดาที่ขายทั่วไป ร้านอาหารไม่เอามาขาย
6. น้ำที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ อ่านไม่ออก จำเอาว่า ฝาขวดสีฟ้าคือน้ำเปล่า ฝาสีแดงคือโซดา
7. ซื้อของที่ร้านใดๆ ถุงไม่ฟรี ต้องจ่ายเงิน Supermarket ที่เห็นเยอะชื่อ Euro Spar ดูภายนอกจะไม่รู้ ควรใช้ Google เสิรช์หาเอาถึงเจอ
8. จุดท่องเที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างต้องเดินไกล แนะนำว่าวันแรกควรซื้อบริการ Hop on – Hop off ของแต่ละเมืองเลย (รถบัสสีแดง 2 ชั้น) โดยเป็นตั๋ว 24 ชม. หรือ 48 ชม. ขึ้นเวลาไหนจะหมดเวลาเดียวกันในวันถัดไป จะมีเป็นแบบนั่งรถบัสชมเมืองอย่างเดียว โดยแวะจอดตามจุดที่กำหนดในแผนที่ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่เราควรจะไปทั้งนั้น หรือรถบัสกับเรือ ถ้าเรือก็จะมีเส้นทางให้เลือกแต่ให้ล่องเรือได้รอบเดียวเท่านั้น ควรลงและขึ้นเรือที่จุดเดิม ถ้าแวะเที่ยวระหว่างทางแล้วกลับมาขึ้นใหม่จะไม่ได้ ขณะที่บัสขึ้นกี่รอบก็ได้ตราบใดที่ยังมีเวลาเหลือ วิธีนี้ทำให้ประหยัดเวลาเดินทาง เดินน้อย และเห็นเมืองค่อนข้างครบ วันถัดมาก็ค่อยไปเที่ยวแบบเจาะลึกแต่ละที่ไปแทน ราคาแบบบัส+เรือ 24 ชม. ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตกหัวละ 1400-1500 บาท ราคานี้คนขายๆตั๋วนักเรียนให้เลยราคาลดลงมา แต่ถ้าซื้อบริการผ่านบูธ hop on-hop off มากันหลายคนต่อรองราคาได้ สำหรับตั๋วเรือ ต้องเอาตั๋ว hop on-hop off ไปแลกตั๋วเรือที่เคาน์เตอร์ท่าเรือก่อนถึงจะขึ้นเรือได้ บนเรือก็จะมีอาหารและเครื่องดื่มขาย มีคนมาถ่ายรูปแล้วเอามาขายเราอีกที รถบัสที่ให้บริการควรถามเวลาไว้ก่อนว่าให้บริการกี่โมงถึงกี่โมง เพราะสังเกตุว่าพอค่ำๆแล้วไม่มีรถวิ่งเลย เจ้าหน้าที่ให้บริการ hop on hop off พูดภาษาอังกฤษได้
9. การเดินทางในมอสโกค่อนข้างสะดวก รถไฟฟ้ามีหลายสายครอบคลุมทุกจุด ซื้อตั๋วเหมา 1 วันหรือ 3 วันก็ได้ ราคาตั๋วเหมาถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับไทย นั่งได้ทั้งรถไฟใต้ดินและรถเมล์ แปะบัตรขาเข้าอย่างเดียว ขาออกไม่ต้อง แต่ถ้ามาหลายคน ใช้ taxi ก็สะดวกดี เพราะรถไฟใต้ดินมอสโก อยู่ลึกมาก บันไดเลื่อนยาวสุดๆ มีตู้ขายตั๋วนะ ถ้าจะซื้อจากเคาน์ทเตอร์ คนขายตั๋วพูดอังกฤษไม่ได้ ควรวางแผนการสื่อสารก่อนเข้าคิวซื้อตั๋ว ตัวเองรอบแรกซื้อผิด บอกเอาตั๋ว 3 วัน แต่กลับได้ตั๋วเที่ยวเดียวมา 3 ใบ กลับไปใหม่คนขายไม่เปลี่ยนตั๋วให้นะ ออกตั๋วใหม่ 3 วัน รอบแรกเสียเงินฟรีเลย แนะนำให้พิมพ์เส้นทางรถไฟฟ้าเอาไว้ ทำให้เดินทางง่ายขึ้นเยอะ
10. โรงแรม ก่อนจองให้เช็คให้ก่อนว่ามีลิฟต์ให้หรือไม่ เพราะที่เจอมาคือ ล็อบบี้โรงแรมอยู่ชั้น 4 ต้องยกกระเป๋าใบโตขึ้นไปเอง และห้องพักก็มีชั้นที่สูงขึ้นไปอีก ตายดีกว่า โรงแรมเขาไม่มีพนักงานยกกระเป๋าให้
11. สถานีรถไฟที่มอสโก มี 3 สถานีตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เช็คให้ดีว่ารถไฟตัวเองขึ้นที่สถานีไหน รถไฟที่ตัวเองไปเป็นตู้นอน สถานีเลนินกราด ไปเซนต์ฯ เป็นแบบชั้น 2 โดย 1 ห้องมี 2 เตียง ไม่มีอาหารให้ (แต่ดูแล้วน่าจะแบบ 4 เตียง แต่เขาเอามาขายแบบห้อง 2 เตียง) ในโบกี้มีห้องน้ำ 2 ห้อง โดยมี 1 ห้องที่อาบน้ำได้ สวรรค์เลย เพราะที่สถานีรถไฟไม่มีห้องอาบน้ำบริการ
12 .เรื่องมิจฉาชีพที่เล่าต่อๆกันมา ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ เอาเงินและพาสปอร์ตไว้ด้านหน้าติดตัวเสมอก็ Ok แล้ว เวลาจ่ายเงินก็สะดวกด้วย ส่วนของใช้อย่างอื่นก็ใส่เป้ใส่กระเป๋าไป ส่วนตัวละคร ตุ๊กตา หรือตัวประหลาดที่มายืนตามแหล่งท่องเที่ยว ถ้าอยากถ่ายรูปด้วยควรถามก่อนว่าราคาเท่าไหร่ ระวังกระเป๋าตัวเองไว้
13. คนชอบดื่มเบียร์/ไวน์ จะถูกใจเพราะแทบทุกร้านอาหารมีขายและราคาไม่แพง เผลอๆบางที่น้ำเปล่าแพงกว่า
14. ตั๋วเข้าชมสถานที่เที่ยวต่างๆ ถ้าซื้อออนไลน์มาล่วงหน้าราคาจะถูกกว่าหน้างานเล็กน้อย ที่เคยเล่ากันว่าคิวซื้อตั๋วยาว อันนี้ไม่จริง ข้อดีของการซื้อตั๋วออนไลน์คือไม่ต้องคุยกับคนขายตั๋ว เพราะอาจคุยไม่รู้เรื่อง ข้อเสียคือมันบังคับให้เราต้องไปเพราะจ่ายเงินไปแล้ว เอาจริงรัสเซียถูกบอยคอทอยู่ เราซื้อตั๋ว online ไม่ได้เพราะจ่ายเงินไม่ได้ ต้องให้ agency ซื้อให้ เขาก็จะบวกค่าบริการเข้าไป ส่วนตัวคิดว่าไปซื้อหน้างานดีกว่า เปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ สำหรับที่เที่ยวท็อปฮิต เช่น
* พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ บัตรที่ขายมีแยกย่อยเหมือนเราไป Dreamworld บัตรผ่านก็ 1 ใบ เดินชมได้แต่ด้านนอก บัตรเข้าชมในตัววังก็อีกใบ บัตรเข้าชมน้ำพุก็อีกใบ ที่ขายตั๋วก็น่าจะมีขายแบบเหมาเข้าได้ทุกที่ แต่ถ้าเราซื้อแค่บัตรผ่านเดินเล่นด้านนอก ถ้าจะเปลี่ยนใจเข้าชมวัง ที่ด้านในก็มีจุดขายตั๋วนะ
* Hermitage Museum จะจัดระบบการเดินชม 2 เส้นทาง กรุ๊ปทัวร์ กับไม่กรุ๊ปทัวร์ เส้นทางการเดินจะสวนกัน ดังนั้นโปรดอ่านหน้าบัตรและเข้าให้ถูก route ข้างในใหญ่มาก หลงได้ทุกเมื่อ ถ้าเช่า VDO guide ที่ด้านใน ราคา 450 รูเบิล และเก็บมัดจำ 2000 รูเบิล (เก็บ tag ขอเงินคืนไว้ให้ดีหละ) เขาจะให้แผนที่มาด้วย แนะนำว่าเดินผ่านห้องไหนไปแล้วให้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ จะได้ไม่หลง ไม่เดินซ้ำ ก่อนเดินชมมีที่ฝากของนะ อะไรเอามาหนักๆ ไม่ต้องหอบไป ที่นี่มีคาเฟ่ขายอาหารและเครื่องดื่มนะ ฝากท้องได้ ไม่แพงมาก ถ้าใครชอบภาพวาดที่นี่จะเป็นภาพวาดแนวเดียวกัน ศาสนา กษัตริย์ แต่ถ้าต้องการดูภาพวาดที่ไม่เก่าขนาดนั้น เช่น โมเน่ต์ แวนโก๊ะ หรือสมัยใหม่หน่อย ให้มาอีกอาคารนึงใน google ระบุว่า General Staff Building มันหน้าเข้าหาทางเข้า Hermitage เลย เดินผ่านโดมโค้งอลังการมานิดเดียว ซ้ายมือมีประตูเปิด 1 บาน นั่นแหละทางเข้า ที่นี่ต้องซื้อตั๋วเข้าชมใหม่ โดยส่วนตัวชอบที่นี่มากกว่า แต่เสียดายเวลาน้อย มันมี 3 ชั้น ได้เดินแค่ชั้น 4 ที่เป็นภาพวาดศิลปินระดับโลกเท่านั้น ที่เหลือไม่ได้เดิน
* ห้าง GUM ไอติมอร่อยทุกร้านนะ ที่กินถ้าเป็น Bosco Cafe ชั้น 1 ร้านเก่าแก่ หรู พนักงานใส่สูทสีขาว อาหารอร่อย Tenderloin Steak อร่อยมากกกกก ย่างได้หอมจริง ราคาสูงแต่เทียบกับบรรยากาศและรสชาติ ไม่ได้ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับไทย main course 2 จาน เบียร์ 1 ไวน์ 1 กาแฟ 1 ขนม 1 เบ็ดเสร็จ 3 พันกว่าบาท ทิปต่างหาก ส่วนร้านชื่อดังที่ชั้นบนสุดอยู่ริมสุด จำได้แต่ No.57 เป็นสไตล์โรงอาหาร ก็อร่อยค่ะ มีให้เลือกหลากหลายมาก กิน 2 คน ตกคนละประมาณเกือบ 1 พันบาท แต่ได้บรรยากาศแบบโรงอาหาร
* Nikulin Circus เป็นการแสดงที่น่าประทับใจที่สุด คุ้มมาก สนุก เร้าใจ ตื่นเต้น และตลก แนะนำว่าต้องมาดู คนเต็มทุกที่นั่งเลยนะ อันนี้เข้าใจว่าต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเอาไว้ ข้างในห้ามถ่ายรูป/VDO ควรไปถึงก่อนเวลาแสดง ข้างๆ มี Irish Pub (ถ้าหันหน้าเข้า Nikulin Circus ผับจะอยู่ขวามือ) อาหารดี เบียร์อร่อย เดิน 3 นาทีก็ถึง Nikulin Circus แล้ว
* ที่มอสโก ถ้าจะซื้อตั๋วเรือนั่งชมวิวแม่น้ำมอสควา เห็นว่ามีขายหลายที่ เช่น เรือ Radisson แต่ตัวเองซื้อที่บูธริมถนนของมหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ ด้านที่ติดริมแม่น้ำ น่าจะคนละ 500-600 บาทนี่หละ ล่องเรือชั่วโมงกว่า คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ แต่มีป้ายรอบเรือให้เห็น ให้อากู๋แปลให้เอา ท่าเรือที่ลงก็ฝั่งตรงข้ามใกล้ๆกัน บนเรือมีอาหาร เครื่องดื่มขาย เราก็จัดเป็น Dinner cruise เองได้เลย บรรยากาศดี
15. ช่วงที่ไปอากาศไม่หนาวมาก มีฝนตกด้วยบางวัน ควรใส่เสื้อสบายๆ แขนสั้นก็ได้เพราะกลางวันร้อน และมีเสื้อกันหนาวติดตัวไปด้วย
นึกได้แค่นี้ค่ะ จบ
แบ่งปันประสบการณ์เที่ยวรัสเซีย เที่ยวเอง 27-1 ส.ค. 2566
***********************
สรุปไว้ให้คนที่จะไปเที่ยวเองได้อ่านไว้เป็นแนวทาง เผื่อประสบการณ์ที่มีจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ทั้งนี้ตัวเองไม่ใช่นักเที่ยวแบบ back packer ไม่ได้เน้นถูก แต่ก็ไม่เน้นหรู
1. ที่มอสโกมีสนามบินหลายแห่ง ที่ตัวเองบินไปลงคือ สนามบินโดโมเดโดโว รหัสย่อ DME ผ่านตม. ออกมาตอน 3 ทุ่ม มี Sim ขายเหลืออยู่ 2 เจ้า เจ้าใหญ่ๆ (MTC, Beeline) ปิดบูธแล้ว เลยต้องซื้อ Tele2 เอาแบบโทรได้ เล่นเน็ตได้ทั้งสองเมือง แบบ 30 วัน unlimited ราคาRUB 2500 ต่อได้เหลือ RUB 2000 จากนั้นให้คนขายเปลี่ยน SIM แล้วทดสอบการโทรออกว่าใช้การได้ เปิด App. Yandex ใช้เรียก Taxi เลย แบกกระเป๋าไปรถไฟใต้ดินไม่น่าจะรอดเพราะทางขึ้นบางสถานีมีแต่บันได ได้ข่าวว่าซื้อ SIM ในตัวเมืองถูกกว่า แต่ไม่อยากยุ่งยากไปเดินหาก็ซื้อที่สนามบินเลย
ไปรัสเซียแนะนำว่าต้องใช้เลยแอปYandex โหลดไว้ตั้งแต่เมืองไทย ลองฝึกเล่นดู แต่ต้องกำหนดโลเคชั่นต้นทางปลายทางในรัสเซียถึงจะได้ข้อมูล พอไปถึงรัสเซียต้องลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่ซื้อไว้ จากนั้นถึงจะใช้เรียก Taxi ได้ Yandex มีเอาไว้บอกเส้นทางสำหรับแต่ละชนิดยานพาหนะ ทั้งเดินเอง รถไฟใต้ดิน รถบัส ใช้เรียก Taxi ได้ด้วย หาร้านอาหาร ร้านไรต่อมิอะไรได้หมด
เบอร์โทรจาก SIM ที่ซื้อมาจะต้องกด + ก่อนแล้วตามด้วย 7xxxxxx (วิธีกด + คือกดแช่เลขศูนย์)
2. Taxi Yandex มีหลายแบบให้เลือก ถ้า Economy จะได้รถเก๋งขนาดกลาง รถจะเยินๆหน่อย ไม่ค่อยสะอาด คนขับแต่งตัวตามสบาย ขับรถไม่นิ่ม นั่งด้านหลังควรต้องรัดเข็มขัดนิรภัย บางคันคนขับสูบบุหรี่มาเลย ถ้าเลือก Comfort รถจะใหญ่กว่า นั่งสบาย สะอาด คนขับขับดี สังเกตุว่าคนขับ Comfort จะดูสะอาด ดูดีมีการศึกษากว่า Economy แต่ทุกคนไม่มีใครพูดอังกฤษได้ คนขับจะยกกระเป๋าขึ้นลงให้เราเสมอ จ่ายค่า taxi เป็นเงินสด นั่งหลายรอบไม่มีอะไรน่ากลัว มีแค่ว่าคนขับบางคนซื่อบื้อดูแต่หมุด ไม่สนว่าเป็นประตูทางเข้าสถานที่เที่ยวหรือเปล่า
3. บัตรเครดิต ใช้ไม่ได้สักยี่ห้อ แม้ว่าจะไปทำบัตร Union Payที่เป็นยี่ห้อจีน ICBC ที่จีนเป็นมิตรกับรัสเซียแล้ว ทั้งนี้เพราะธนาคารจีนจดทะเบียนในไทย อยู่ในระบบ sanction รัสเซียที่ทำสงครามกับยูเครนด้วย บัตรเครดิตจะใช้ได้เฉพาะบัตรที่จดทะเบียนในรัสเซียเท่านั้น ดังนั้นควรแลกเงินรูเบิลไปให้เยอะหน่อย เพราะที่แลกเงินมีน้อย และหายากมาก เงินสำรองที่เอาไปควรเป็น Eur (เดาเอา เพราะที่สนามบินป้ายราคาระบุเงิน Eur)
4.คนรัสเซีย 99% พูดอังกฤษไม่ได้ คนที่พูดได้คือ คนขายแพจเกจท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติ พนักงาน Reception ในร้านอาหารระดับค่อนข้างดี ส่วนพนักงานโรงแรมบางคนก็พูดได้ บางคนก็พูดได้นิดหน่อย แกัปัญหาโดยใช้แอพแปลภาษาในการสื่อสารแทนจะดีกว่า จงทำใจว่าทักษะภาษาอังกฤษที่เรามีนั้นไม่ช่วยอะไรเมื่อไปที่นู่น
5. ร้านอาหารในรัสเซียแบบมีคนเสริฟ์อาหารให้ อาหารและเครื่องดื่มถือว่าไม่ได้แพงเมื่อเทียบกับการตกแต่งร้านที่ดูดี น่านั่ง มื้อนึงตกคนละไม่เกิน 1 พันบาท ถ้าเมืองไทยตกแต่งร้านแบบนี้หัวนึงเกิน 1 พันบาทแน่นอน ถ้ากินร้านแบบนี้ต้องมีทิปให้พนักงานประมาณ 10% การให้ทิปพนักงาน เขาจะเฉยๆ ไม่ได้แสดงความดีใจขอบคุณอะไรเหมือนเป็นหน้าที่เรามากกว่า เมื่อเราสั่งน้ำเปล่าในร้านอาหาร จะเป็นน้ำพิเศษที่ราคาแพงขวดละ 100-300 บาท (ราคาถูกกว่าเบียร์นิดหน่อย) น้ำขวดธรรมดาที่ขายทั่วไป ร้านอาหารไม่เอามาขาย
6. น้ำที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ อ่านไม่ออก จำเอาว่า ฝาขวดสีฟ้าคือน้ำเปล่า ฝาสีแดงคือโซดา
7. ซื้อของที่ร้านใดๆ ถุงไม่ฟรี ต้องจ่ายเงิน Supermarket ที่เห็นเยอะชื่อ Euro Spar ดูภายนอกจะไม่รู้ ควรใช้ Google เสิรช์หาเอาถึงเจอ
8. จุดท่องเที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างต้องเดินไกล แนะนำว่าวันแรกควรซื้อบริการ Hop on – Hop off ของแต่ละเมืองเลย (รถบัสสีแดง 2 ชั้น) โดยเป็นตั๋ว 24 ชม. หรือ 48 ชม. ขึ้นเวลาไหนจะหมดเวลาเดียวกันในวันถัดไป จะมีเป็นแบบนั่งรถบัสชมเมืองอย่างเดียว โดยแวะจอดตามจุดที่กำหนดในแผนที่ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่เราควรจะไปทั้งนั้น หรือรถบัสกับเรือ ถ้าเรือก็จะมีเส้นทางให้เลือกแต่ให้ล่องเรือได้รอบเดียวเท่านั้น ควรลงและขึ้นเรือที่จุดเดิม ถ้าแวะเที่ยวระหว่างทางแล้วกลับมาขึ้นใหม่จะไม่ได้ ขณะที่บัสขึ้นกี่รอบก็ได้ตราบใดที่ยังมีเวลาเหลือ วิธีนี้ทำให้ประหยัดเวลาเดินทาง เดินน้อย และเห็นเมืองค่อนข้างครบ วันถัดมาก็ค่อยไปเที่ยวแบบเจาะลึกแต่ละที่ไปแทน ราคาแบบบัส+เรือ 24 ชม. ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตกหัวละ 1400-1500 บาท ราคานี้คนขายๆตั๋วนักเรียนให้เลยราคาลดลงมา แต่ถ้าซื้อบริการผ่านบูธ hop on-hop off มากันหลายคนต่อรองราคาได้ สำหรับตั๋วเรือ ต้องเอาตั๋ว hop on-hop off ไปแลกตั๋วเรือที่เคาน์เตอร์ท่าเรือก่อนถึงจะขึ้นเรือได้ บนเรือก็จะมีอาหารและเครื่องดื่มขาย มีคนมาถ่ายรูปแล้วเอามาขายเราอีกที รถบัสที่ให้บริการควรถามเวลาไว้ก่อนว่าให้บริการกี่โมงถึงกี่โมง เพราะสังเกตุว่าพอค่ำๆแล้วไม่มีรถวิ่งเลย เจ้าหน้าที่ให้บริการ hop on hop off พูดภาษาอังกฤษได้
9. การเดินทางในมอสโกค่อนข้างสะดวก รถไฟฟ้ามีหลายสายครอบคลุมทุกจุด ซื้อตั๋วเหมา 1 วันหรือ 3 วันก็ได้ ราคาตั๋วเหมาถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับไทย นั่งได้ทั้งรถไฟใต้ดินและรถเมล์ แปะบัตรขาเข้าอย่างเดียว ขาออกไม่ต้อง แต่ถ้ามาหลายคน ใช้ taxi ก็สะดวกดี เพราะรถไฟใต้ดินมอสโก อยู่ลึกมาก บันไดเลื่อนยาวสุดๆ มีตู้ขายตั๋วนะ ถ้าจะซื้อจากเคาน์ทเตอร์ คนขายตั๋วพูดอังกฤษไม่ได้ ควรวางแผนการสื่อสารก่อนเข้าคิวซื้อตั๋ว ตัวเองรอบแรกซื้อผิด บอกเอาตั๋ว 3 วัน แต่กลับได้ตั๋วเที่ยวเดียวมา 3 ใบ กลับไปใหม่คนขายไม่เปลี่ยนตั๋วให้นะ ออกตั๋วใหม่ 3 วัน รอบแรกเสียเงินฟรีเลย แนะนำให้พิมพ์เส้นทางรถไฟฟ้าเอาไว้ ทำให้เดินทางง่ายขึ้นเยอะ
10. โรงแรม ก่อนจองให้เช็คให้ก่อนว่ามีลิฟต์ให้หรือไม่ เพราะที่เจอมาคือ ล็อบบี้โรงแรมอยู่ชั้น 4 ต้องยกกระเป๋าใบโตขึ้นไปเอง และห้องพักก็มีชั้นที่สูงขึ้นไปอีก ตายดีกว่า โรงแรมเขาไม่มีพนักงานยกกระเป๋าให้
11. สถานีรถไฟที่มอสโก มี 3 สถานีตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เช็คให้ดีว่ารถไฟตัวเองขึ้นที่สถานีไหน รถไฟที่ตัวเองไปเป็นตู้นอน สถานีเลนินกราด ไปเซนต์ฯ เป็นแบบชั้น 2 โดย 1 ห้องมี 2 เตียง ไม่มีอาหารให้ (แต่ดูแล้วน่าจะแบบ 4 เตียง แต่เขาเอามาขายแบบห้อง 2 เตียง) ในโบกี้มีห้องน้ำ 2 ห้อง โดยมี 1 ห้องที่อาบน้ำได้ สวรรค์เลย เพราะที่สถานีรถไฟไม่มีห้องอาบน้ำบริการ
12 .เรื่องมิจฉาชีพที่เล่าต่อๆกันมา ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ เอาเงินและพาสปอร์ตไว้ด้านหน้าติดตัวเสมอก็ Ok แล้ว เวลาจ่ายเงินก็สะดวกด้วย ส่วนของใช้อย่างอื่นก็ใส่เป้ใส่กระเป๋าไป ส่วนตัวละคร ตุ๊กตา หรือตัวประหลาดที่มายืนตามแหล่งท่องเที่ยว ถ้าอยากถ่ายรูปด้วยควรถามก่อนว่าราคาเท่าไหร่ ระวังกระเป๋าตัวเองไว้
13. คนชอบดื่มเบียร์/ไวน์ จะถูกใจเพราะแทบทุกร้านอาหารมีขายและราคาไม่แพง เผลอๆบางที่น้ำเปล่าแพงกว่า
14. ตั๋วเข้าชมสถานที่เที่ยวต่างๆ ถ้าซื้อออนไลน์มาล่วงหน้าราคาจะถูกกว่าหน้างานเล็กน้อย ที่เคยเล่ากันว่าคิวซื้อตั๋วยาว อันนี้ไม่จริง ข้อดีของการซื้อตั๋วออนไลน์คือไม่ต้องคุยกับคนขายตั๋ว เพราะอาจคุยไม่รู้เรื่อง ข้อเสียคือมันบังคับให้เราต้องไปเพราะจ่ายเงินไปแล้ว เอาจริงรัสเซียถูกบอยคอทอยู่ เราซื้อตั๋ว online ไม่ได้เพราะจ่ายเงินไม่ได้ ต้องให้ agency ซื้อให้ เขาก็จะบวกค่าบริการเข้าไป ส่วนตัวคิดว่าไปซื้อหน้างานดีกว่า เปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ สำหรับที่เที่ยวท็อปฮิต เช่น
* พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ บัตรที่ขายมีแยกย่อยเหมือนเราไป Dreamworld บัตรผ่านก็ 1 ใบ เดินชมได้แต่ด้านนอก บัตรเข้าชมในตัววังก็อีกใบ บัตรเข้าชมน้ำพุก็อีกใบ ที่ขายตั๋วก็น่าจะมีขายแบบเหมาเข้าได้ทุกที่ แต่ถ้าเราซื้อแค่บัตรผ่านเดินเล่นด้านนอก ถ้าจะเปลี่ยนใจเข้าชมวัง ที่ด้านในก็มีจุดขายตั๋วนะ
* Hermitage Museum จะจัดระบบการเดินชม 2 เส้นทาง กรุ๊ปทัวร์ กับไม่กรุ๊ปทัวร์ เส้นทางการเดินจะสวนกัน ดังนั้นโปรดอ่านหน้าบัตรและเข้าให้ถูก route ข้างในใหญ่มาก หลงได้ทุกเมื่อ ถ้าเช่า VDO guide ที่ด้านใน ราคา 450 รูเบิล และเก็บมัดจำ 2000 รูเบิล (เก็บ tag ขอเงินคืนไว้ให้ดีหละ) เขาจะให้แผนที่มาด้วย แนะนำว่าเดินผ่านห้องไหนไปแล้วให้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ จะได้ไม่หลง ไม่เดินซ้ำ ก่อนเดินชมมีที่ฝากของนะ อะไรเอามาหนักๆ ไม่ต้องหอบไป ที่นี่มีคาเฟ่ขายอาหารและเครื่องดื่มนะ ฝากท้องได้ ไม่แพงมาก ถ้าใครชอบภาพวาดที่นี่จะเป็นภาพวาดแนวเดียวกัน ศาสนา กษัตริย์ แต่ถ้าต้องการดูภาพวาดที่ไม่เก่าขนาดนั้น เช่น โมเน่ต์ แวนโก๊ะ หรือสมัยใหม่หน่อย ให้มาอีกอาคารนึงใน google ระบุว่า General Staff Building มันหน้าเข้าหาทางเข้า Hermitage เลย เดินผ่านโดมโค้งอลังการมานิดเดียว ซ้ายมือมีประตูเปิด 1 บาน นั่นแหละทางเข้า ที่นี่ต้องซื้อตั๋วเข้าชมใหม่ โดยส่วนตัวชอบที่นี่มากกว่า แต่เสียดายเวลาน้อย มันมี 3 ชั้น ได้เดินแค่ชั้น 4 ที่เป็นภาพวาดศิลปินระดับโลกเท่านั้น ที่เหลือไม่ได้เดิน
* ห้าง GUM ไอติมอร่อยทุกร้านนะ ที่กินถ้าเป็น Bosco Cafe ชั้น 1 ร้านเก่าแก่ หรู พนักงานใส่สูทสีขาว อาหารอร่อย Tenderloin Steak อร่อยมากกกกก ย่างได้หอมจริง ราคาสูงแต่เทียบกับบรรยากาศและรสชาติ ไม่ได้ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับไทย main course 2 จาน เบียร์ 1 ไวน์ 1 กาแฟ 1 ขนม 1 เบ็ดเสร็จ 3 พันกว่าบาท ทิปต่างหาก ส่วนร้านชื่อดังที่ชั้นบนสุดอยู่ริมสุด จำได้แต่ No.57 เป็นสไตล์โรงอาหาร ก็อร่อยค่ะ มีให้เลือกหลากหลายมาก กิน 2 คน ตกคนละประมาณเกือบ 1 พันบาท แต่ได้บรรยากาศแบบโรงอาหาร
* Nikulin Circus เป็นการแสดงที่น่าประทับใจที่สุด คุ้มมาก สนุก เร้าใจ ตื่นเต้น และตลก แนะนำว่าต้องมาดู คนเต็มทุกที่นั่งเลยนะ อันนี้เข้าใจว่าต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเอาไว้ ข้างในห้ามถ่ายรูป/VDO ควรไปถึงก่อนเวลาแสดง ข้างๆ มี Irish Pub (ถ้าหันหน้าเข้า Nikulin Circus ผับจะอยู่ขวามือ) อาหารดี เบียร์อร่อย เดิน 3 นาทีก็ถึง Nikulin Circus แล้ว
* ที่มอสโก ถ้าจะซื้อตั๋วเรือนั่งชมวิวแม่น้ำมอสควา เห็นว่ามีขายหลายที่ เช่น เรือ Radisson แต่ตัวเองซื้อที่บูธริมถนนของมหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ ด้านที่ติดริมแม่น้ำ น่าจะคนละ 500-600 บาทนี่หละ ล่องเรือชั่วโมงกว่า คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ แต่มีป้ายรอบเรือให้เห็น ให้อากู๋แปลให้เอา ท่าเรือที่ลงก็ฝั่งตรงข้ามใกล้ๆกัน บนเรือมีอาหาร เครื่องดื่มขาย เราก็จัดเป็น Dinner cruise เองได้เลย บรรยากาศดี
15. ช่วงที่ไปอากาศไม่หนาวมาก มีฝนตกด้วยบางวัน ควรใส่เสื้อสบายๆ แขนสั้นก็ได้เพราะกลางวันร้อน และมีเสื้อกันหนาวติดตัวไปด้วย
นึกได้แค่นี้ค่ะ จบ