มีความรู้สึกอย่างไร?เกี่ยวกับ UN ประกาศ"โลกเดือด".

เมื่อวานดูข่าวทางทีวีเช้านี้มาดูคลิป ท่านเลขา UN ประเทศโลกเราสิ้นสุด"ภาวะโลกร้อน"แล้วเข้าสู่"ภาวะโลกเดือด" ถ้าท่านสนใจสังเกตุภาวะอากาศของโลกมันมีนัยยะอย่างนั่นจริง ยุโรป,อเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นอากาศอบอุ่น,หนาวแต่บางฤดูกาลอุณหภูมิทะลุ 40-50 องศาและเกิด heatwave เกิดขึ้น ถ้าคนอายุ 50-60 ปี จะรู้เลยว่าบ้านเราเปลี่ยนแปลงด้านสภาวะอากาศมากช่วงเมื่อ 50 ปีก่อนลงไปหนาวเป็นหนาวจริงๆและหนาวยาวนานในฤดู ส่วนตัวเป็นคนชนบทหน้าหนาวแทบจะต้มน้ำอาบ(ก่อนไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น) แต่ปัจจุบันหนาวประเดี๋ยวประด่าวแล้วก็กลับมาร้อน....มนุษย์เราไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัวไม่สนใจไม่ใส่ใจแล้วมันถึงมันนี้ก็แทบจะวายแล้ว.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
รู้สึกว่ามันการเมือง การเมือง และก็การเมืองดีครับ

เรื่องโลกร้อนก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งข้อพิสูจน์เรื่องการ”ล้างสมอง” ที่สมัยนี้ในแง่นึง อาจจะง่ายกว่า และหนักหน่วงได้มากกว่าสมัยก่อนเสียอีก โดยที่เราๆอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

ลองสังเกตดูได้เลยครับว่าการ”โกหก”ที่แนบเนียนที่สุดในโลกยุคปัจจุบันมักจะเล่นกับเรื่องที่ตัวแปรมันมหาศาล ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากมาย และมีความไม่แน่นอนทางสถิติแฝงอยู่ในแต่ละกระบวนการมากๆหน่อย (เศรษฐศาสตร์การเงิน, ประชานิยม, สภาพภูมิอากาศ, วัคซีน, สงคราม ฯลฯ หรือก็คือ Hot topic ที่อยู่บนหน้าสื่อทั้งหมดนั้นแหละ)

เรื่องพวกนี้มันมี”ข้อดี”อยู่ร่วมกันอย่าง คือ ไม่ว่าจะพูดให้มันโอเวอร์มากแค่ไหน งี่เง่าแค่ไหน และเพ้อเจ้อมากเท่าใด มันก็ไม่ค่อยที่จะผิด หรือถูกซะทีเดียวอยู่ดี (ถ้าคนพูดมันไม่โง่เสียจนโกหกข้อเท็จจริงตรงๆที่พิสูจน์ได้ทันทีหรอกนะครับ) มันเป็นการใช้ข้อเท็จจริงประการนึงที่สำคัญของระบบวุ่นวาย (chaos system) ที่ว่าในหลายๆขั้นตอนของข้อวินิจฉัยนั้นๆ มักต้องอาศัยความละเอียดอ่อน (Sensitve) ของข้อมูลที่หากแม้เปลี่ยนค่านั้นแม่แต่นิดเดียว ผลลัพธ์ก็จะไปออกอีกโลกได้เลย (เรื่องอากาศนี่ เลขนัยสำคัญระดับ 6 7 หลักในหลายๆขั้นตอนที่แตกต่าง ก็สามารถเปลี่ยนผลคำนวณระยะไกลจนเอาไปเผาทิ้งได้แล้ว) แต่ของพวกนี้ถ้าไม่สังเกตดีๆ หรือเข้าใจหลักการดีๆ ก็มักจะถูกทิ้งไว้อยู่ที่ Footnote บ้าง ซ่อนอยู่ที่สมมติฐานที่แสนจะคลุมเครือบ้าง (หรือหาก ตั้งสมมติฐานว่าคนฟัง คนอ่านยังไงก็ซื่อบื้อตามไม่ทันอยู่แล้ว ก็อาจจะละไว้ลองเชิงเลยก็มี) และเมื่อออกไปสู่สาธารณชน คนหมู่มาก ก็ยิ่งถูกทิ้งหายไปกับคำพูดสุดหรู และศัพท์เทคนิคที่ฟังดูเป็นวิชาการ “เสมือน”ผู้พูดนั้นทรงปัญญากุมความลับแห่งความจริงนั้นไว้ทั้งหมด

เดี๋ยวจะหาว่าผมมาเขียนเพ้อเจ้อไร้ข้อเท็จจริง

มาดูกันว่าอุณหภูมิทั่วโลกเดือนที่ผ่านมาบริเวณไหน ร้อนหรือหนาวอย่างไรบ้าง







โปรดสังเกตว่าแม้ปีนี้ อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะสูงขึ้นมากกว่าปีที่แล้วเยอะ แต่สาเหตุหลักก็มาจากอุณหภูมิน้ำทะเลแปซิฟิกที่ร้อนขึ้นในปีนี้ (วัฏจักรธรรมชาติ) กลายเป็นสภาวะเอลนิโญหลังจากอยู่ในลานีญามายาวกว่า 3 ปี และอีกส่วนที่สำคัญคืออุณหภูมิน้ำทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกที่ร้อนกว่าปกติ ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญด้วยที่ทำให้ยุโรปเหนือ เย็นกว่าปกติ ในขณะที่ยุโรปใต้ร้อนกว่าปกติ

แล้วถ้าวัดกันทั้งโลกคนเรารู้สึกถึงอุณหภูมิที่ต่างกันไปมาด้วยกันมากขนาดไหน ???



ก็อย่างที่เห็นในกราฟก่อนหน้าอุณหภูมิอากาศที่เปลี่ยนไปจากค่ามาตรฐานตอนนี้มันอยู่ในหลักทศนิยมขององศาด้วยซ้ำ มนุษย์แทบจะไม่รู้สึกเลยโดยเฉลี่ยทั้งปี

แล้วทำไมปีนี้ถึงมีหลายที่อุณหภูมิร้อนจัด หรือหนาวจัด ??? หลายท่านอาจสงสัย

ไว้โอกาสหน้าผมอาจจะเขียนถึงเรื่องนี้หน่อย ไม่ใช่ในเชิงให้คำตอบ (เพราะหากใครหน้าไหนให้คำตอบที่แม่นตรงกับเรื่องพรรค์นี้ได้ ก็สงสัยไว้ก่อนได้เลยว่าคนๆนั้นกำลังโกหก) แต่เป็นในเชิงอภิปรายว่า ลักษณะอากาศสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นกัลปัจจัยอะไร และตัวแปรที่น่าจะเป็นไปได้ในการทำให้เกิดสภาวะอุณหภูมิที่รุนแรงมาจากอะไรได้บ้าง (ปล.ไม่ใช่ CO2 แน่ๆในการแกว่งไปมาของอุณหภูมิของปีนี้ เพราะ CO2 มันเพิ่มแทบจะเป็นกราฟเส้นตรงมาตั้งแต่ช่วงหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว)

ก็เหมือนที่เกิบเบิล ยอดอัจฉริยะแห่งการโฆษณาชวนเชื่อพูดไว้นั้นแหละครับ

“ถ้าคำโกหกมันใหญ่โต และพูดซ้ำๆบ่อยมากพอ ผู้คนก็จะเชื่อเรื่องนั้นเองเข้าจนได้”

หรือถ้าจะให้อธิบายให้ชัดไปกว่านั้น ก็คือ วิธีการโกหกที่ดีที่สุด คือ พูดความจริงที่คนฟังสามารถ”รู้สึกได้ว่าจริง”อยู่เป็นส่วนใหญ่ แล้วค่อยๆแฝงความเท็จ(ในรูปแบบที่คนฟังพิสูจน์ด้วยยาก)เข้าไปในนั้น ที่เหลือก็แค่พูดแบบนั้นซ้ำๆ ซ้ำๆ แค่นี้จากคำโกหก ก็ได้ยกสถานะไปสู่ “สัจพจน์”จนได้ และที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องการการพิสูจน์อีกต่อไป

โลกสมัยใหม่เราโดนถาโถมด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาล ที่อนิจจามีแต่ข้อมูลขยะที่หาแก่นสารไม่ได้ หรือมีแต่แฝงอเจนด้าไว้ด้วยกันทั้งนั้น ก็คงมีแต่ประชาชนอย่างเราๆต้องรู้ให้ทัน เพราะไม่ยังงั้นก็คงเป็นแค่เบี้ย หรือเครื่องมือไว้ให้พวกผู้มีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่