เปลี่ยนบทจากหมอดู ที่ปรึกษา ครูสอน คนเบลนด์ชาดอกไม้ และผู้ชอบค้นหาวัตถุดิบ มาเป็นคนเล่าเรื่องความเฟลบ้างค่ะ
- ทำไมไม่มีใครอบครัวซองค์หรือขนมบางอย่างในไม่โครเวฟนะ?
- ไมโครเวฟใช้ทำเบเกอรี่ได้ไหมนะ?
- ถ้าไม่มีเตาอบ หม้อทอด ใช้ไมโครเวฟได้ไหมนะ?
คำถามเหล่านี้มันขึ้นมาหลังจากที่ลองหาคลิปต่างๆและข้อมูลแล้วกลับพบว่าน้อยมากๆ ซึ่งทำให้เป็นที่มาของการทดลองอะไรแบบนี้นี่ล่ะ
และมิติที่จะเขียนเล่ามีหัวข้อ
ที่มาของการทดลองและผลลัพธ์ / และแง่คิดจากมุมมองจากเหตุการณ์นี้(อยู่ท้ายๆ)
แต่ถ้าคุณชอบสปอยล์ก็จะสรุปได้ว่า
อืมมมม เพราะมันไม่เวิร์คและออกมาไหม้ค่ะ จนไม่มีใครเค้าทำกัน ไม่มีใครเล่าความเฟลตรงนี้ และมันอาจไม่ได้เหมาะกับการอบสิ่งนี้ค่ะ ซึ่งเคยทดลองทำมันฝรั่งอบ/คุ้กกี้/cupcake มันใช้ได้นะ แค่ใช้ให้ถูกวิธีค่ะ
ให้สรุปแบบสปอยล์ได้เท่านี้เลยค่ะ
เอาล่ะะะ งั้นไปลุยกันสำหรับคนชอบอ่าน
จริงๆเราทดลองซื้อครัวซองค์แช่แข็งมา และที่บ้านมีเตาอบที่เก่ามากๆแบบปรับได้แค่นาที ปรับไฟอะไรไม่ได้เลย ในซองขนมนั้นเรามีโอกาสทดลองผิดถูกได้ถึง 20 ชิ้น ก็แล้วแต่ค่ะว่าจะใช้กี่ชิ้นต่อครั้ง ซึ่งเรากับน้องชายก็สลับทดลอง บ้างก็2ชิ้น บางครั้งก็3 ซึ่งแน่นอนว่าจะกินเจ้านี่มันใช้เวลา มันรีบไม่ได้แน่นอน จนเราซื้อมาแล้วค่อยหาวิธีมันเลยตั้งคำถามในหัวซึ่งจากการทดลอง เรานึกถึงคำนึงจำไม่ได้ว่าจากที่ไหนนะ ประมาณว่า “การที่วิธีความเฟล ความพลาดของสิ่งต่างๆไม่ถูกพูดถึงเพราะมันไม่เวิร์คและเสียเวลาไง” มันก็จริงเมื่อได้เจอคำตอบนะ
การทำขนมเอาสิ่งที่เรายังไม่สำเร็จก่อน เราตั้งใจว่าอาจทดลองที่ 2 ซอง เพราะดูใจว่าชอบไหม เรากับน้องชายกินบ่อยไหม และเก็บได้นานพอจนกว่าจนหมดรึเปล่า เรากับน้องชายเองพอจะซื้อเบเกอรี่บ้างตามสะดวกเพราะบางทีเราไม่สะดวกกินข้าวต่างๆ การซื้อขนมปังไส้ต่างๆ , subway และอื่นๆอาจสะดวกในระหว่างวันได้ดีกว่า
ส่วนนิสัยเราเองชอบการทดลอง เพราะทุนเดิมเป็นขี้เบื่อ มีแพชชั่นซักระยะก็จางหาย ไปเห็นสิ่งนี้แล้วคิดว่าซื้อมาอบเองง่ายๆอีซี่ๆก็คงดีที่เซฟเงินแหละ หรือหิวๆก็ไม่ต้องไปตามหาไกลก็อบเอาง่ายๆ
ที่พอได้กลับมาบ้านศึกษาดีๆพบว่ามันก็ไม่ง่ายนะ ฮ่าๆ
ใครที่จะซื้อมาลองขอบอกก่อนว่า
1. คุณต้องว่างและรอได้ ราวๆ 1–2 ชม. แม้เวลาอบใช้เพียง 5–15นาที เพราะโดว์กับอุณหภูมิมันต้องรอค่ะที่เอามาแช่ตามข้างซอง หรือคลิปทั่วไปแนะนำ บ้านแต่ละคนก็อุณหภูมิไม่เท่ากัน ไหนจะอากาศแต่ละพื้นที่อีก
2. เหมาะกับว่าง ที่ว่างมากๆ คุณจะจินตนาการว่าตื่เช้ามาชงกาแฟ อบขนมสวยๆคูลๆ ภาพนั้นจะจางหายไป , จริงๆมันก็ทำได้ค่ะ แค่คุณเตรียมขนมวางไว้ตอนก่อนนอน ถึงตอนเช้าค่อยลุกขึ้นมาอบก็ยังพอได้
3. เหมาะกับคนชอบรอคอย ตื่นเต้นใดโดว์ที่มันค่อยๆพอง ซึ่งเราชอบเฝ้าดูน้อง และดูน้องโดว์ตอนอบ เราชอบขั้นตอนตรงนี้มากกว่า
4. ดีกับสายมินิมอล ที่ไม่มีพรอพแต่งขนม แค่เอาออกมาวางทิ้งตามเวลาแล้วเข้าเตาก็กินได้เลยมันมีเนยจากโดว์ล่ะ กับใครชอบสายพรอพ จะโรยงา ผงโกโก้ และไส้แยม หน้าต่างๆคาวหวานก็ได้หมด
5. ดีกับคนขี้เบื่อก็เอาเข้าเตาปิ้งขนมปังแซนวิชก็ได้ออกมาเป็นครอฟเฟิล
6. ดีกับคนชอบความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ทำให้ได้มีปฏิสัมพันธ์ในการคุยกันไม่ว่าเด็กๆ แฟนคนรัก หรือแม้แต่พ่อแม่ทุกระดับชั้น แต่จะตีกันรึเปล่าอีกเรื่องเช่น อบไม่สุก ไม่ก็ไหม้ไปเลยได้นะฮ่าๆ , ก็ถือเป็นสิ่งที่ให้ได้เรียนรู้และมันเป็นโมเม้นต์ดีๆล่ะนะ
7. ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยล่ะ มันคือเรื่องปกติมากๆยกเว้นถ้าประกวดแข่งขันก็อาจจะมีบ้าง , เรากลับรู้สึกว่า ทันทำให้กลับมาทบทวนตัวเองนะ จะแก้ไขยังไง ฝึกดีลกับเรื่องนี้ได้ไหม ไม่ได้มีการตัดสิน หรือล้อเลียนจากใครเลย แค่เราก็ลองทำใหม่อีกที และให้โอกาสตัวเองเท่านั้นเลย ไม่ได้ต้องเอาคุณค่าหรือสิ่งที่ทำพลาดมาลดทอนคุณค่าตัวเอง
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราไม่ได้มองมุมเอาต่อยอดขาย แม้เราจะเป็นคนที่มองอะไรเห็นโอกาสการค้าไปหมดก็ตาม และมองว่าเป็นว่าถ้าจะมีออกบูธขายอาหาร(เราทำแบรนด์ชาดอกไม้น่ะ มีออกบูธบ้าง) เราให้โอกาสคนอื่นมาคอลแลป หรือแจมแชร์พื้นที่บูธทำเป็นเมนูขายสนุกๆดีกว่าทำเอง
เพราะบางครั้งเราแค่เรียนรู้ก็พอ ที่จะให้ตัวเองได้รู้ว่าอะไรที่เราทำได้และไม่ได้บ้าง ที่ไม่ใช่พยายามจนเหนื่อยเกินพอดี มันคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาในวัย 33 นี่ล่ะ จากนี้เข้าสู่สิ่งที่เรียรู้ในการผิดพลาดจากการอบขนมที่ใช้เครื่องมือไม่เหมาะกับช่วงเวลา
1. คนเราไม่มีใครสมบูรณ์เพอร์เฟคนักหรอกค่ะ พลาดบ้าง ล้มบ้าง วันนึงเราจะหัวเราะกับมันเองเหมือนวันนี้ที่เราอบขนมพลาด แน่นอนว่าเราเลือกที่จะยอมรับ ว่าการทำขนมไม่เหมาะกับเรา แต่ก็มีการฝึกมือให้เราได้ลองทำ ได้รู้ความสามารถ และอย่างน้อยมันเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นสนทนาได้น่ะ ว่ามันมีอะไรต่างๆให้เข้าสังคมได้เหมือนกัน
การไม่สมบูรณ์ที่มันไม่ต้องพยายาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงเครียด เราคงกดดันที่อบอีก เอาเข้าอีก หาทุกทางที่มันเพอร์เฟค จนวันนี้มันปล่อยวางขึ้น แค่เราอยากมีขนมหอมๆกินเล่นในวันที่ไม่รีบเท่านั้นเอง
2. การเลือก tools เครื่องมือต่างๆ , มันสอนให้เรารู้ว่าใช้เครื่องมือที่เหมาะสม มันมีทั้งแทนกันได้ และไม่ได้ เราเองเป็นหมอดูและที่ปรึกษาที่สอนดูดวงด้วย เรารู้กลไกทำงานและปัจจัยต่างๆที่เยอะมาก ที่ทำให้เรารู้ว่าไม่มีเครื่องมือที่ดีที่สุด แต่มีแค่มันเหมาะกับอะไร โดยที่ไม่ฝืนถ้าเกินความสามารถของสิ่งนั้น ไม่ทุรังตัวเองที่จะฝืนสิ่งที่ไม่ใช้ และทุกอย่างมีวาระเวลาของมัน แค่วันนึงเราจะเจอสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
ไพ่เองเราก็ไม่ได้มีชุดเดียว แต่จะเลือกใช้ตามความรู้สึก และคำถาม หรือตามคอนเทนต์ที่อยากทำ , แน่นอน เราเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่เวิร์ค เป็นได้ว่าที่ไม่มีใครบอกเพราะทำตามๆกันมีคนเปิดทางให้แล้วก็ดีกว่าที่เสียเวลาและเสียต้นทุน กลับกันมันก็ไม่ผิดที่จะลองว่าทำไมนะ? โดยเรานี่ล่ะคือคนอย่างหลัง และเลือกที่จะเล่าถ่ายทอดออกมาเผื่อคนกำลังทดลองได้ผ่านมาเจอ เพื่อทดในใจว่าควรทำหรือไม่นั่นเอง
3.ทุกอย่างมีต้นทุน ไม่ว่าค่าไฟ การเดินทาง ทุกๆอย่างและเวลา การที่ทำตามๆสูตรสิ่งที่มี เพราะเค้าทดลองมาให้แล้ว เราเคารพเขาเหล่านั้นที่เล่าสิ่งที่อีกด้าน เพื่อเป็นความรู้ให้คนอื่นๆพัฒนาต่อๆไป มีสูตรสนุกๆ มีการใช้ tools ใหม่ๆ คือมันไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์หรอก แต่เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกๆคนที่เข้ามา หรือที่เรียกว่า REF. (เรฟกับลอกก็ต่างกันที่เส้นบางๆอีกนะฮ่าๆ มุมนี้ก็ปัญหาโลกแตกล่ะที่เจอได้ทั่วไป)
หลายๆคนอยากเริ่มต้นเป็นการค้าจริงจัง ก็อาจมีการลงทุนและคาดหวังไปกับสิ่งที่ตั้งใจ มันไม่มีวิธีที่ผิดถูกสำหรับการเริ่มต้นหรือเรียนรู้ การทำตามสิ่งที่มี how to สร้างมาก็ไม่ผิด การที่คุณจะลองแล้วพลาดก็เป็นเรื่องที่ดีที่คุณได้เอาตัวเองไปอยู่กับปัญหาแล้วแก้ไขว่าถ้าคุณเจอมันอีกจะดีลกับมันยังไง ที่มันอาจจะแลกด้วยหลายสิ่ง ซึ่งใดๆบนโลกล้วนแล้วแต่แลกมา
4. แน่นอนหลังกลไกเจ้าไมโครเวฟมันไฟข้างๆ ที่ส่งตรงไปที่วัตถุตรงกลาง มันจะเริ่มที่จานร้อนก่อน แล้วไปที่ฐานแป้ง จากตัวกลางของแป้งสุกและด้วยเวลาหรือการที่คุมภายในจากเครื่องมือได้ไม่มากมันจึงไหม้นั่นเองค่ะ
จริงๆถ้าหากลองปรับจริงๆอาจทำได้นะ แค่ปรับไฟ กำหนดนาทีที่ไม่นาน หมั่นพลิก จริงๆเราอาจจะทำอีกครั้งก็ได้และต้องเข้าใจกันใหม่ ดีลกันจับมือกับ tools นั้นๆ
ที่ส่วนนึงเราลองพยายาม เราเผื่อเวลาฉุกเฉินเช่น ถ้าสถานที่นั้นไม่มีเครื่องมือจะใช้อะไรได้บ้าง และถ้าอยู่หอ หรือพื้นที่จำกัดจะทำได้ไหมนะ? มันเลยทำให้เราอยากเข้าใจ ซึ่งมันเป็นความชอบส่วนบุคคลอีก ที่จริงๆไม่จำเป็นก็ได้
(คนเราชอบไม่เหมือนกันไงเล่า) นิสัยตรงนี้เองเหมือนเราได้จากตอนแบคแพคไปเที่ยวคนเดียว ที่มนุษย์เรามันขาดอินเตอร์เน็ตแล้วตายแน่นอน
มันเลยทำให้ความรอบคอบ วางแผน ทำให้ในวันที่ไม่มีเครื่องมือได้ใช้ความสามารถตัวเองแบบเต็มๆในการแก้ไขปัญหาค่ะ
จริงๆมันมีแง่คิดอื่นๆแฝงอีกหลายๆอย่าง ที่เรายอมรับตัวเองได้ว่า
“ก็เราเป็นมนุษย์นินา แค่ขำกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่สมบูรณ์แบบบ้างก็ได้ แค่เข้าใจการเป็นมนุษย์เท่านั้นเอง”
หลังจากนั้นเราเตรียมอีก 3 ตัวใหม่ทันที แม้โดว์จะไม่ได้ที่เพราะเรื่องของเวลาและอุณหภูมิ เราเลยลองใหม่ค่ะ ที่แก้ไขจากเดิมว่า
1. ผงโกโก้ ควรโรยตอนอบเสร็จ , เพราะครั้งแรกเราอบไปเลยสรุปดีไม่ดีมันเร่งการไหม้ได้ง่ายมากๆ (มันเป็นความสงสัยเวลาเห็นที่ร้านเบเกอรี่เหมือนกัน แต่เราทำได้แค่ซื้อไง ไม่ได้ไปยืนดูเขาทำนินา)
2. ครั้งนี้หมั่นพลิกออกมาดู กลับด้านฝั่ง พราะเตาอบเราเก่าเลยลดจำนวนนาที ซึ่งมันออกมาดีเลยค่ะ กำลังน่ารักแบบในรูปที่ซ่อมแล้วนั่นเอง
3. โดว์รอบ 2 นี้มีอันนึงแหว่งๆ เนื่องจากมีแมวมาแอบชิม รูปทรงเลยจะตลกๆหน่อยก็ได้ครัวซองค์ทรงเชฟแมวไปค่ะ
4. ครั้งนี้เมื่อเราพอจะมั่นใจได้บ้างว่าปัญหาแก้ได้แล้ว เราเพิ่มนมข้นไว้จิ้มกับครัวซองค์ที่โรยผงโกโก้ , เอาจริงๆซีนนี้คือเหมือนรางวัลปลอบใจมากจริงๆ ว่าเธอสมควรได้รับพลังงานอร่อยๆตรงนี้นะ และทุกอย่างมันพอดีมากจริงๆค่ะ ได้ไป 1 อิ่มของกินตอนเย็นกับกาแฟอีกแก้วที่ชงเอง
.
สุดท้าย ดีกว่าไม่ได้ลองค่ะ ไม่งั้นเราจะรู้ได้ไงว่าเราเฟลมากก่อน อย่างน้อยใครที่ผ่านมาอ่านจะได้เจอคำตอบว่าอะไรควรลอง และไม่ลอง #รีวิวความเฟล ก็คงสรุปได้เท่านี้ค่ะ
หวังว่าประสบการณ์เฟลๆจะทำให้เติบโตขึ้น และได้เจอสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆการอ่านค่ะ ,
ผลของการลองใช้ไมโครเวฟอบขนม และสิ่งที่ได้เรียนรู้ที่ได้เจอ
- ไมโครเวฟใช้ทำเบเกอรี่ได้ไหมนะ?
- ถ้าไม่มีเตาอบ หม้อทอด ใช้ไมโครเวฟได้ไหมนะ?
และมิติที่จะเขียนเล่ามีหัวข้อ
ที่มาของการทดลองและผลลัพธ์ / และแง่คิดจากมุมมองจากเหตุการณ์นี้(อยู่ท้ายๆ)
อืมมมม เพราะมันไม่เวิร์คและออกมาไหม้ค่ะ จนไม่มีใครเค้าทำกัน ไม่มีใครเล่าความเฟลตรงนี้ และมันอาจไม่ได้เหมาะกับการอบสิ่งนี้ค่ะ ซึ่งเคยทดลองทำมันฝรั่งอบ/คุ้กกี้/cupcake มันใช้ได้นะ แค่ใช้ให้ถูกวิธีค่ะ
ให้สรุปแบบสปอยล์ได้เท่านี้เลยค่ะ
จริงๆเราทดลองซื้อครัวซองค์แช่แข็งมา และที่บ้านมีเตาอบที่เก่ามากๆแบบปรับได้แค่นาที ปรับไฟอะไรไม่ได้เลย ในซองขนมนั้นเรามีโอกาสทดลองผิดถูกได้ถึง 20 ชิ้น ก็แล้วแต่ค่ะว่าจะใช้กี่ชิ้นต่อครั้ง ซึ่งเรากับน้องชายก็สลับทดลอง บ้างก็2ชิ้น บางครั้งก็3 ซึ่งแน่นอนว่าจะกินเจ้านี่มันใช้เวลา มันรีบไม่ได้แน่นอน จนเราซื้อมาแล้วค่อยหาวิธีมันเลยตั้งคำถามในหัวซึ่งจากการทดลอง เรานึกถึงคำนึงจำไม่ได้ว่าจากที่ไหนนะ ประมาณว่า “การที่วิธีความเฟล ความพลาดของสิ่งต่างๆไม่ถูกพูดถึงเพราะมันไม่เวิร์คและเสียเวลาไง” มันก็จริงเมื่อได้เจอคำตอบนะ
การทำขนมเอาสิ่งที่เรายังไม่สำเร็จก่อน เราตั้งใจว่าอาจทดลองที่ 2 ซอง เพราะดูใจว่าชอบไหม เรากับน้องชายกินบ่อยไหม และเก็บได้นานพอจนกว่าจนหมดรึเปล่า เรากับน้องชายเองพอจะซื้อเบเกอรี่บ้างตามสะดวกเพราะบางทีเราไม่สะดวกกินข้าวต่างๆ การซื้อขนมปังไส้ต่างๆ , subway และอื่นๆอาจสะดวกในระหว่างวันได้ดีกว่า
ส่วนนิสัยเราเองชอบการทดลอง เพราะทุนเดิมเป็นขี้เบื่อ มีแพชชั่นซักระยะก็จางหาย ไปเห็นสิ่งนี้แล้วคิดว่าซื้อมาอบเองง่ายๆอีซี่ๆก็คงดีที่เซฟเงินแหละ หรือหิวๆก็ไม่ต้องไปตามหาไกลก็อบเอาง่ายๆ
ที่พอได้กลับมาบ้านศึกษาดีๆพบว่ามันก็ไม่ง่ายนะ ฮ่าๆ
ใครที่จะซื้อมาลองขอบอกก่อนว่า
1. คุณต้องว่างและรอได้ ราวๆ 1–2 ชม. แม้เวลาอบใช้เพียง 5–15นาที เพราะโดว์กับอุณหภูมิมันต้องรอค่ะที่เอามาแช่ตามข้างซอง หรือคลิปทั่วไปแนะนำ บ้านแต่ละคนก็อุณหภูมิไม่เท่ากัน ไหนจะอากาศแต่ละพื้นที่อีก
2. เหมาะกับว่าง ที่ว่างมากๆ คุณจะจินตนาการว่าตื่เช้ามาชงกาแฟ อบขนมสวยๆคูลๆ ภาพนั้นจะจางหายไป , จริงๆมันก็ทำได้ค่ะ แค่คุณเตรียมขนมวางไว้ตอนก่อนนอน ถึงตอนเช้าค่อยลุกขึ้นมาอบก็ยังพอได้
3. เหมาะกับคนชอบรอคอย ตื่นเต้นใดโดว์ที่มันค่อยๆพอง ซึ่งเราชอบเฝ้าดูน้อง และดูน้องโดว์ตอนอบ เราชอบขั้นตอนตรงนี้มากกว่า
4. ดีกับสายมินิมอล ที่ไม่มีพรอพแต่งขนม แค่เอาออกมาวางทิ้งตามเวลาแล้วเข้าเตาก็กินได้เลยมันมีเนยจากโดว์ล่ะ กับใครชอบสายพรอพ จะโรยงา ผงโกโก้ และไส้แยม หน้าต่างๆคาวหวานก็ได้หมด
5. ดีกับคนขี้เบื่อก็เอาเข้าเตาปิ้งขนมปังแซนวิชก็ได้ออกมาเป็นครอฟเฟิล
6. ดีกับคนชอบความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ทำให้ได้มีปฏิสัมพันธ์ในการคุยกันไม่ว่าเด็กๆ แฟนคนรัก หรือแม้แต่พ่อแม่ทุกระดับชั้น แต่จะตีกันรึเปล่าอีกเรื่องเช่น อบไม่สุก ไม่ก็ไหม้ไปเลยได้นะฮ่าๆ , ก็ถือเป็นสิ่งที่ให้ได้เรียนรู้และมันเป็นโมเม้นต์ดีๆล่ะนะ
7. ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยล่ะ มันคือเรื่องปกติมากๆยกเว้นถ้าประกวดแข่งขันก็อาจจะมีบ้าง , เรากลับรู้สึกว่า ทันทำให้กลับมาทบทวนตัวเองนะ จะแก้ไขยังไง ฝึกดีลกับเรื่องนี้ได้ไหม ไม่ได้มีการตัดสิน หรือล้อเลียนจากใครเลย แค่เราก็ลองทำใหม่อีกที และให้โอกาสตัวเองเท่านั้นเลย ไม่ได้ต้องเอาคุณค่าหรือสิ่งที่ทำพลาดมาลดทอนคุณค่าตัวเอง
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราไม่ได้มองมุมเอาต่อยอดขาย แม้เราจะเป็นคนที่มองอะไรเห็นโอกาสการค้าไปหมดก็ตาม และมองว่าเป็นว่าถ้าจะมีออกบูธขายอาหาร(เราทำแบรนด์ชาดอกไม้น่ะ มีออกบูธบ้าง) เราให้โอกาสคนอื่นมาคอลแลป หรือแจมแชร์พื้นที่บูธทำเป็นเมนูขายสนุกๆดีกว่าทำเอง
1. คนเราไม่มีใครสมบูรณ์เพอร์เฟคนักหรอกค่ะ พลาดบ้าง ล้มบ้าง วันนึงเราจะหัวเราะกับมันเองเหมือนวันนี้ที่เราอบขนมพลาด แน่นอนว่าเราเลือกที่จะยอมรับ ว่าการทำขนมไม่เหมาะกับเรา แต่ก็มีการฝึกมือให้เราได้ลองทำ ได้รู้ความสามารถ และอย่างน้อยมันเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นสนทนาได้น่ะ ว่ามันมีอะไรต่างๆให้เข้าสังคมได้เหมือนกัน
การไม่สมบูรณ์ที่มันไม่ต้องพยายาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงเครียด เราคงกดดันที่อบอีก เอาเข้าอีก หาทุกทางที่มันเพอร์เฟค จนวันนี้มันปล่อยวางขึ้น แค่เราอยากมีขนมหอมๆกินเล่นในวันที่ไม่รีบเท่านั้นเอง
2. การเลือก tools เครื่องมือต่างๆ , มันสอนให้เรารู้ว่าใช้เครื่องมือที่เหมาะสม มันมีทั้งแทนกันได้ และไม่ได้ เราเองเป็นหมอดูและที่ปรึกษาที่สอนดูดวงด้วย เรารู้กลไกทำงานและปัจจัยต่างๆที่เยอะมาก ที่ทำให้เรารู้ว่าไม่มีเครื่องมือที่ดีที่สุด แต่มีแค่มันเหมาะกับอะไร โดยที่ไม่ฝืนถ้าเกินความสามารถของสิ่งนั้น ไม่ทุรังตัวเองที่จะฝืนสิ่งที่ไม่ใช้ และทุกอย่างมีวาระเวลาของมัน แค่วันนึงเราจะเจอสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
ไพ่เองเราก็ไม่ได้มีชุดเดียว แต่จะเลือกใช้ตามความรู้สึก และคำถาม หรือตามคอนเทนต์ที่อยากทำ , แน่นอน เราเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่เวิร์ค เป็นได้ว่าที่ไม่มีใครบอกเพราะทำตามๆกันมีคนเปิดทางให้แล้วก็ดีกว่าที่เสียเวลาและเสียต้นทุน กลับกันมันก็ไม่ผิดที่จะลองว่าทำไมนะ? โดยเรานี่ล่ะคือคนอย่างหลัง และเลือกที่จะเล่าถ่ายทอดออกมาเผื่อคนกำลังทดลองได้ผ่านมาเจอ เพื่อทดในใจว่าควรทำหรือไม่นั่นเอง
3.ทุกอย่างมีต้นทุน ไม่ว่าค่าไฟ การเดินทาง ทุกๆอย่างและเวลา การที่ทำตามๆสูตรสิ่งที่มี เพราะเค้าทดลองมาให้แล้ว เราเคารพเขาเหล่านั้นที่เล่าสิ่งที่อีกด้าน เพื่อเป็นความรู้ให้คนอื่นๆพัฒนาต่อๆไป มีสูตรสนุกๆ มีการใช้ tools ใหม่ๆ คือมันไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์หรอก แต่เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกๆคนที่เข้ามา หรือที่เรียกว่า REF. (เรฟกับลอกก็ต่างกันที่เส้นบางๆอีกนะฮ่าๆ มุมนี้ก็ปัญหาโลกแตกล่ะที่เจอได้ทั่วไป)
หลายๆคนอยากเริ่มต้นเป็นการค้าจริงจัง ก็อาจมีการลงทุนและคาดหวังไปกับสิ่งที่ตั้งใจ มันไม่มีวิธีที่ผิดถูกสำหรับการเริ่มต้นหรือเรียนรู้ การทำตามสิ่งที่มี how to สร้างมาก็ไม่ผิด การที่คุณจะลองแล้วพลาดก็เป็นเรื่องที่ดีที่คุณได้เอาตัวเองไปอยู่กับปัญหาแล้วแก้ไขว่าถ้าคุณเจอมันอีกจะดีลกับมันยังไง ที่มันอาจจะแลกด้วยหลายสิ่ง ซึ่งใดๆบนโลกล้วนแล้วแต่แลกมา
4. แน่นอนหลังกลไกเจ้าไมโครเวฟมันไฟข้างๆ ที่ส่งตรงไปที่วัตถุตรงกลาง มันจะเริ่มที่จานร้อนก่อน แล้วไปที่ฐานแป้ง จากตัวกลางของแป้งสุกและด้วยเวลาหรือการที่คุมภายในจากเครื่องมือได้ไม่มากมันจึงไหม้นั่นเองค่ะ
จริงๆถ้าหากลองปรับจริงๆอาจทำได้นะ แค่ปรับไฟ กำหนดนาทีที่ไม่นาน หมั่นพลิก จริงๆเราอาจจะทำอีกครั้งก็ได้และต้องเข้าใจกันใหม่ ดีลกันจับมือกับ tools นั้นๆ
ที่ส่วนนึงเราลองพยายาม เราเผื่อเวลาฉุกเฉินเช่น ถ้าสถานที่นั้นไม่มีเครื่องมือจะใช้อะไรได้บ้าง และถ้าอยู่หอ หรือพื้นที่จำกัดจะทำได้ไหมนะ? มันเลยทำให้เราอยากเข้าใจ ซึ่งมันเป็นความชอบส่วนบุคคลอีก ที่จริงๆไม่จำเป็นก็ได้ (คนเราชอบไม่เหมือนกันไงเล่า) นิสัยตรงนี้เองเหมือนเราได้จากตอนแบคแพคไปเที่ยวคนเดียว ที่มนุษย์เรามันขาดอินเตอร์เน็ตแล้วตายแน่นอน
มันเลยทำให้ความรอบคอบ วางแผน ทำให้ในวันที่ไม่มีเครื่องมือได้ใช้ความสามารถตัวเองแบบเต็มๆในการแก้ไขปัญหาค่ะ
จริงๆมันมีแง่คิดอื่นๆแฝงอีกหลายๆอย่าง ที่เรายอมรับตัวเองได้ว่า “ก็เราเป็นมนุษย์นินา แค่ขำกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่สมบูรณ์แบบบ้างก็ได้ แค่เข้าใจการเป็นมนุษย์เท่านั้นเอง”
หลังจากนั้นเราเตรียมอีก 3 ตัวใหม่ทันที แม้โดว์จะไม่ได้ที่เพราะเรื่องของเวลาและอุณหภูมิ เราเลยลองใหม่ค่ะ ที่แก้ไขจากเดิมว่า
1. ผงโกโก้ ควรโรยตอนอบเสร็จ , เพราะครั้งแรกเราอบไปเลยสรุปดีไม่ดีมันเร่งการไหม้ได้ง่ายมากๆ (มันเป็นความสงสัยเวลาเห็นที่ร้านเบเกอรี่เหมือนกัน แต่เราทำได้แค่ซื้อไง ไม่ได้ไปยืนดูเขาทำนินา)
2. ครั้งนี้หมั่นพลิกออกมาดู กลับด้านฝั่ง พราะเตาอบเราเก่าเลยลดจำนวนนาที ซึ่งมันออกมาดีเลยค่ะ กำลังน่ารักแบบในรูปที่ซ่อมแล้วนั่นเอง
3. โดว์รอบ 2 นี้มีอันนึงแหว่งๆ เนื่องจากมีแมวมาแอบชิม รูปทรงเลยจะตลกๆหน่อยก็ได้ครัวซองค์ทรงเชฟแมวไปค่ะ
4. ครั้งนี้เมื่อเราพอจะมั่นใจได้บ้างว่าปัญหาแก้ได้แล้ว เราเพิ่มนมข้นไว้จิ้มกับครัวซองค์ที่โรยผงโกโก้ , เอาจริงๆซีนนี้คือเหมือนรางวัลปลอบใจมากจริงๆ ว่าเธอสมควรได้รับพลังงานอร่อยๆตรงนี้นะ และทุกอย่างมันพอดีมากจริงๆค่ะ ได้ไป 1 อิ่มของกินตอนเย็นกับกาแฟอีกแก้วที่ชงเอง
.
สุดท้าย ดีกว่าไม่ได้ลองค่ะ ไม่งั้นเราจะรู้ได้ไงว่าเราเฟลมากก่อน อย่างน้อยใครที่ผ่านมาอ่านจะได้เจอคำตอบว่าอะไรควรลอง และไม่ลอง #รีวิวความเฟล ก็คงสรุปได้เท่านี้ค่ะ
หวังว่าประสบการณ์เฟลๆจะทำให้เติบโตขึ้น และได้เจอสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆการอ่านค่ะ ,