ควรใช้ชีวิตต่อไปยังไงดี?

สวัสดีค่ะ...ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาที่ค่อนข้างที่จะหนักใจมากกับครอบครัวค่ะ😓 ขออธิบายแบบย่อนะคะ🙏
-ตั้งเเต่เล็กจนอายุเข้า 14 ปี เราตัดสินใจย้ายมาอยู่กับคุณแม่ที่ต่างประเทศค่ะ (แต่เรามาด้วยความไม่เต็มใจเพราะไม่เคยใช้ชีวิตกับคุณแม่เลย เพราะเขาทิ้งเราให้อยู่กับคุณพ่อ และจู่ๆเขาติดต่อกับคุณพ่อเเละนึกอยากจะเจอ ทำหน้าที่เเม่ เเละอยากพาเราไปเที่ยวต่างเเดน เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ) ปล. เราไปต่างประเทศเพราะคุณพ่อขอ จึงจำใจเเละลองเปิดใจมา.
-หลังจากมาเที่ยวได้ 1 เดือน เตรียมตัวกลับไทย คุณแม่กลับบอกว่า เธอจะไม่กลับไปไหนทั้งนั้น เธอจะต้องอยู่ที่นี้กับฉัน ( บอกตรงๆตอนนั้นเราพยายามติดต่อครอบครัวที่ไทยและขอร้องให้คุยกับคุณแม่เพราะเราไม่ได้อยากใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ เเต่ก็ต้องหมดหวังเพราะก่อนมา คุณพ่อได้เซ็นเอกสารให้คุณเเม่เป็นผู้ปกครองและมีสิทธิ์ในทุกๆอย่างในการดูแลเราระหว่างที่เขาพาเรามาอยู่ที่นี้) เราใจเเป้ว ร้องไห้เกือบทุกวันเพราะคิดถึงครอบครัวและประเทศไทย.
-1 ปีผ่านไป เราได้เรียนรู้เเละรู้จักคุณแม่มาขึ้น และทำให้รู้ว่า คุณแม่นอกใจคุณพ่อและมีคนอื่น ยังไม่พอเขาได้เเต่งงานใหม่และอยู่กินด้วยกันตั้งเเต่เราอายุ5-6 ขวบ. ยังไม่พอคุณแม่ได้นอกใจสามีที่จดทะเบียนสมรสมามีเเฟนและคบกันหลังแต่งงานมาได้เเค่ 2 ปี. ทำให้เรารู้สึกแย่เเละสงสารพ่อ เราเสียใจมากอยากจะบอกคุณพ่อเเต่ไม่มีช่องทางไหนเลยที่จะติดต่อพ่อได้ นอกจากคุยกับคุณพ่อผ่านโทรศัพท์คุณแม่และต้องมีคุณเเม่คุยด้วยอยู่ข้างๆเท่านั้น.
-ผ่านไปไม่กี่เดือนหลังจากเรารู้ว่าคุณแม่เเฟน เขาก็ตั้งท้อง จนเราช็อคเลยไปคุยกับคุณแม่ตรงๆแต่เขาก็บ่ายเบี่ยง จนเราชินชาไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร ปวดใจที่ครอบครัวถูกหักหลัง เเละตัวเองก็ถูกหักหลังจากเเม่เเท้ๆของตัวเอง (เรื่องเขามีคนอื่นเขาไม่เคยบอกเราเลย เเค่คนรอบข้างเขากระซิบบอกเราเองเพราะคำว่า "สงสาร".
-หลังจากคลอดน้องได้ 1 ปี เขาเริ่มทะเลาะกับพ่อเด็ก จนคุณเเม่ที่ชอบดื่มอยู่แล้วมาดื่มหนักว่าเดิม ทั้งดื่ม ดูดยา ดูดบุหรี่ จนเราทนไม่ไหวขอร้องเขาให้หยุดเพราะเวลาเขาเมา ทักๆอย่างจะกลายเป็นหายนะ (เขาทำลายข้าวของในบ้าน ใช้มีดขู่คนในบ้าน ทำร้ายคนในบ้านจะเราเกือบตาย มีเลือดตกยางออก ทั้งกระจกห้องก็เเตก กอนประตูห้องก็ถูกทำลาย ประตูบ้านก็เเตก ผ้าม่านก็ถูกกรีดด้วยมีด) ใครห้ามก็จะเจ็บตัว ไม่ฟังใครจนต้องโทรหาตำรวจบ่อยครั้ง.
-ชีวิตเราวนลูบแบบนี้มา 4 ปี จนเราป่วยเป็นโรคจิตตก กังวลง่าย ได้ยินเสียงคนตะโกนหรือของตกเสียงดัง ก็จะเป็นบ้าเเล้ว จนต้องบำบัดแต่ไปหาหมอบ่อยไม่ได้เพราะเราเเอบขอให้คนอื่นพาไประหว่างเรียน เพราะถ้าคุณเเม่รู้เข้าคงจะโดนกักบริเวณ. 
-ระหว่างเรียน ชีวิตเราก็มีคนเขามาในชีวิตมากมายเเต่ก็ถูกกีดกัน (เราเคยลงกระทู้เรื่องนี้ไปนานมากๆเเล้วสามารถไปอ่านได้ค่ะ มันจะมี ดีเทลในนั้น)
-เราใช้ชีวิตแบบหวาดระแวงแบบนี้มาจนอายุ 19 เเต่ก็มีการทะเลาะกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ใน 1 สัปดาห์เขาจะเมาอยู่อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีปากเสียง ทะเลาะกัน ลงไม้ลงมือในทุกๆสัปดาห์ จนวันหนึ่งเขาขนของให้ห้องเราไปเผาทำลายเเละไล่เราออกจากบ้าน เราไม่มีที่พึ่งจึงขอไปอยู่กับเพื่อนชาวต่างชาติและหางานทำเลี้ยงตัวเอง
-ผ่านไป 3 เดือนคุณเเม่ตามมาขอโทษเราที่บ้านเพื่อนเเต่เราปฏิเสธที่จะกลับไปกับเขา เขาเลยทำลายข้าวของบ้านเพื่อนเราจนเพื่อนบ้านต้องมาช่วยหยุดคุณเเม่และโทรเเจ้งตำรวจ บทสรุปเราขอโทษเพื่อนเเละจ่ายค่าเสียหายเเละย้ายออกเพราะไม่อยากสร้างปัญหา.
-ผ่านมาเรามีเเฟนเลยย้ายมาอยู่ด้วยกันและตัดสินใจบอกคุณเเม่เรื่องเขา เพราะยังไงเขาก็เป็นแม่ มีอะไรในชีวิตเราอยากบอกเขา เขาจะได้ไม่เป็นห่วง เเต่ไม่บอกที่อยู่
-เราทำงานเก็บเงินหาเลี้ยงตัวเอง เเละส่งตัวเองจนเข้ามหาวิทยาลัยได้ นั้นเป็นความภาคภูมิใจของเราที่สุด เเต่ความสุขเราอยู่ได้ไม่นานเพราะคุณแม่ขอให้เราไปเยี่ยมด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้เขาไม่เหลือใครเลย (เราเป็นคนใจอ่อน) เราเลยไป เเต่ทุกๆครั้งที่เราได้เจอคุณเเม่อาการป่วยเราจะกำเริบตลอด ทำเอาหน้ามืดไปหลายรอบ เเต่ยังไงแล้วเราก็ถูกโกหกอยู่ดีเพราะเขานั้นมีครอบครัวของเขาเต็มบ้าน (ครอบครัวใหม่ของเขาเพราะคุณเเม่ตัดขาดกับครอบครัวของคุณแม่ที่ไทยตั้งเเต่ย้ายมาอยู่ที่ต่างประเทศ) มันทำให้เราตระหนักได้ว่าเรานั้นเป็นแค่ลูกติดเเละไม่มีใครแยแส ซึ่งเราเขาใจดี เเละโตพอที่จะเข้าใจมัน.
- ตอนนี้เราทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ทุกๆวัน ไม่มีวันหยุด เเต่คุณแม่ยังติดต่อมาขอเงินใช้ ให้เรากลับไปดูแลครอบครัว มันทำให้เรารู้สึกว่า เขาจะคุยกับเราดีๆ ประพฤติตัวดีๆแค่ตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากเราเท่านั้น.
-ทุกวันนี้เราติดต่อกับคุณพ่อ ระบายเรื่องราวในใจเเละบอกคุณพ่อทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เขาควรที่จะรู้ ให้กำลังใจเราจนเราใจชื้นขึ้นมาเยอะ แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือเรากับคุณแม่ตัดขาดกันไม่ได้เลย เราเลยพยายามคุยกับคุณแม่น้อยลง ไปเจอเขาน้อยลง เพื่อจิตใจของตัวเอง จนเขาบอกว่าเราไม่รักครอบครัว และใช้คำพูดที่แย่กับเรา 
-ตอนนี้ในความรู้สึกเรา เขาไม่ใช่เเม่เเละไม่ใช่คนที่รักเรา มีเเต่ความเห็นเเก่ตัว เเต่คนรอบข้างบอกใจเย็นๆเพราะเขานั้นคือ "แม่" เรานะ เราเคยพยายามจับเข่าคุยกันเป็น 10 รอบเเต่ลงเอยที่ทะเลาะใหญ่โตเสมอ จนเราท้อใจอยากตัดขาด เเต่ทำไม่เคยได้อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนใจอ่อน บวกกับครอบครัวของคุณเเม่จะเสียด้วยโรคมะเร็งทุกๆคนในอายุไม่เคยเกิน 60 เลยทำให้เราเห็นใจ.

เราลำบากใจไม่รู้ควรทำไงดี อยากหนีไปไกลๆ เเต่อีกใจเราก็สงสารคุณเเม่ถ้าเราไม่อยู่ใครจะดูแลเขาเพราะเขาดูป่วยในสายตาเรา อีกอย่างคือน้องสาวที่ยังเด็ก ทำให้เราเป็นห่วงที่น้องจะเติบโตกลับสิ่งรอบข้างที่เเย่ๆ เราเคยคิดอยากเอาน้องมาดูเเลเเต่ลำพังตัวเองก็เเทบไม่รอด ครอบครัวฝั่งคุณพ่อน้องก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับคุณเเม่เพราะด้วยอารมณ์ที่รุนแรงของเขา เเละคุณพ่อของน้องไม่อยากมีครอบครัวมาตั้งเเต่เเรก.

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ 😄
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่