เมื่อวานไปดูหนัง "ออปเพนไฮเมอร์" ผู้สร้างระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก
ได้รู้อะไรหลายอย่าง เช่น เขาไม่ได้ชื่นชอบกับสมญานาม “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู” เลย
ออปเพนไฮเมอร์อ่านภาษาสันสกฤตได้อย่างคล่องแคล่ว และศรัทธาศาสนาฮินดูอย่างมาก
ก่อนจะเข้าร่วมโครงการแมนฮัตตัน เพื่อสร้างระเบิด ไอน์สไตน์ ได้กระซิบบอกเขาว่า
“ถึงคุณทำสำเร็จ คุณก็จะมีภัย นักการเมืองพวกนี้มันเห็นแก่ตัว”
เข้าใจล่ะว่า ทำไม ไอน์สไตน์ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการสร้างระเบิดครั้งนี้
วันที่ระเบิดถูกทิ้งลงเมือง ฮิโรชิมา กับ นางาซากิ ทีมงานของออปเพนไฮเมอร์กลุ่มหนึ่งร้องไห้
ออปเพนไฮเมอร์ ก็ไปนั่งร้องไห้ต่อหน้าประธานาธิบดี จนถูกเรียกว่า ไอ้ขี้แย
หลังจากที่เขาปฏิเสธประธานาธิบดีทรูแมน ที่บังคับจะให้ช่วยพัฒนาไฮโดรเจนบอมบ์ต่อ (รุนแรงกว่าระเบิดที่ฮิโรชิมา 1,000 เท่า) ก็ถูกทางการอเมริกันยัดข้อหา เป็นสายลับคอมมิวนิสต์
โซเวียตนี่ก็ร้าย ตอน อลัน ทัวร์ริ่ง ของอังกฤษถอดรหัสอินิกมาได้ สายลับโซเวียตก็เป็นคนสนิทของอลัน ทัวร์ลิ่ง
ออปเปนไฮเมอร์ ก็เช่นกัน สายลับโซเวียตเข้ามาร่วมวิจัยระเบิดปรมาณูกับเขาด้วย โดยไม่รู้ตัวเลย (ในหนังบอกว่าชื่อ เค้าท์ ฟลุค)
ดังนั้น หลังจากอเมริกาคิดระเบิดปรมาณูได้ โซเวียตก็คิดได้ตามมา
ชีวิตบั้นปลาย ของออปเปนไฮเมอร์ เป็นซึมเศร้า ทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิด
และต้องคอยขึ้นศาล ปฏิเสธว่า ตัวเองไม่ใช่คอมมิวนิสต์
มีตอนหนึ่งที่สะดุดใจ เพื่อนรัก แนะนำว่าให้เขาย้ายออกจากอเมริกาซะ
อย่าไปเชื่อกระบวนการตัดสินของ “ศาลปาหี่” เลย
ไอน์สไตน์บอกว่า ออปเปนไฮเมอร์ ซื่อเกินไป จนโดนหลอกใช้
ตรงนี้ไม่เข้าใจ.... เพราะไอน์สไตน์ ก็รู้ว่า ทางฮิตเลอร์ กำลังให้นักวิทยาศาสตร์เอกของโลกอีกคน
คือ ไฮเซนเบิร์ก วิจัยทำระเบิดปรมาณูอยู่เช่นกัน แล้วถ้าออปเพนไฮเมอร์ไม่ทำ เกิดฮิตเลอร์คิดได้ก่อน ยุ่งเลย
ไอน์สไตน์นี่แหละ เขียนจดหมายไปหาไฮเซนเบิร์ก บอกว่า ให้แกล้งๆคิดไม่สำเร็จไปซะ ระเบิดตัวนี้มันร้ายแรงมาก
จากที่ดูในหนัง ออปเพนไฮเมอร์ก็ไม่ค่อยมั่นใจสูตร E=mc2 เท่าใดนัก วันที่ทดลองแล้วเห็นพลังที่มันคายออกมา เขาช็อกตาตั้ง
แสดงว่า ในตอนนั้นไอน์สไตน์เป็นคนเดียวของโลก ที่รู้ถึงอานุภาพของมัน และประกาศไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการสร้างระเบิด
หนังเรื่องนี้ กึ่งสารคดี ดูไม่สนุก แต่นักแสดงแต่ละคนนี่ฝีมือสุดยอดมาก (แม้ว่า ไอน์สไตน์จะอ้วนไปหน่อยก็ตาม)
ถ้าไม่มีไอน์สไตน์มาเกิด มั่นใจได้เลยว่า จนถึงวันนี้ เราก็ยังไม่รู้ว่ามีพลังมหาศาลซ่อนอยู่ในอะตอม
ที่มา.....facebook.com/doctorsom
ใครว่า “ออปเพนไฮเมอร์” ไม่สนุก (สปอย์เล็กน้อย)
ได้รู้อะไรหลายอย่าง เช่น เขาไม่ได้ชื่นชอบกับสมญานาม “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู” เลย
ออปเพนไฮเมอร์อ่านภาษาสันสกฤตได้อย่างคล่องแคล่ว และศรัทธาศาสนาฮินดูอย่างมาก
ก่อนจะเข้าร่วมโครงการแมนฮัตตัน เพื่อสร้างระเบิด ไอน์สไตน์ ได้กระซิบบอกเขาว่า
“ถึงคุณทำสำเร็จ คุณก็จะมีภัย นักการเมืองพวกนี้มันเห็นแก่ตัว”
เข้าใจล่ะว่า ทำไม ไอน์สไตน์ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการสร้างระเบิดครั้งนี้
วันที่ระเบิดถูกทิ้งลงเมือง ฮิโรชิมา กับ นางาซากิ ทีมงานของออปเพนไฮเมอร์กลุ่มหนึ่งร้องไห้
ออปเพนไฮเมอร์ ก็ไปนั่งร้องไห้ต่อหน้าประธานาธิบดี จนถูกเรียกว่า ไอ้ขี้แย
หลังจากที่เขาปฏิเสธประธานาธิบดีทรูแมน ที่บังคับจะให้ช่วยพัฒนาไฮโดรเจนบอมบ์ต่อ (รุนแรงกว่าระเบิดที่ฮิโรชิมา 1,000 เท่า) ก็ถูกทางการอเมริกันยัดข้อหา เป็นสายลับคอมมิวนิสต์
โซเวียตนี่ก็ร้าย ตอน อลัน ทัวร์ริ่ง ของอังกฤษถอดรหัสอินิกมาได้ สายลับโซเวียตก็เป็นคนสนิทของอลัน ทัวร์ลิ่ง
ออปเปนไฮเมอร์ ก็เช่นกัน สายลับโซเวียตเข้ามาร่วมวิจัยระเบิดปรมาณูกับเขาด้วย โดยไม่รู้ตัวเลย (ในหนังบอกว่าชื่อ เค้าท์ ฟลุค)
ดังนั้น หลังจากอเมริกาคิดระเบิดปรมาณูได้ โซเวียตก็คิดได้ตามมา
ชีวิตบั้นปลาย ของออปเปนไฮเมอร์ เป็นซึมเศร้า ทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิด
และต้องคอยขึ้นศาล ปฏิเสธว่า ตัวเองไม่ใช่คอมมิวนิสต์
มีตอนหนึ่งที่สะดุดใจ เพื่อนรัก แนะนำว่าให้เขาย้ายออกจากอเมริกาซะ
อย่าไปเชื่อกระบวนการตัดสินของ “ศาลปาหี่” เลย
ไอน์สไตน์บอกว่า ออปเปนไฮเมอร์ ซื่อเกินไป จนโดนหลอกใช้
ตรงนี้ไม่เข้าใจ.... เพราะไอน์สไตน์ ก็รู้ว่า ทางฮิตเลอร์ กำลังให้นักวิทยาศาสตร์เอกของโลกอีกคน
คือ ไฮเซนเบิร์ก วิจัยทำระเบิดปรมาณูอยู่เช่นกัน แล้วถ้าออปเพนไฮเมอร์ไม่ทำ เกิดฮิตเลอร์คิดได้ก่อน ยุ่งเลย
ไอน์สไตน์นี่แหละ เขียนจดหมายไปหาไฮเซนเบิร์ก บอกว่า ให้แกล้งๆคิดไม่สำเร็จไปซะ ระเบิดตัวนี้มันร้ายแรงมาก
จากที่ดูในหนัง ออปเพนไฮเมอร์ก็ไม่ค่อยมั่นใจสูตร E=mc2 เท่าใดนัก วันที่ทดลองแล้วเห็นพลังที่มันคายออกมา เขาช็อกตาตั้ง
แสดงว่า ในตอนนั้นไอน์สไตน์เป็นคนเดียวของโลก ที่รู้ถึงอานุภาพของมัน และประกาศไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการสร้างระเบิด
หนังเรื่องนี้ กึ่งสารคดี ดูไม่สนุก แต่นักแสดงแต่ละคนนี่ฝีมือสุดยอดมาก (แม้ว่า ไอน์สไตน์จะอ้วนไปหน่อยก็ตาม)
ถ้าไม่มีไอน์สไตน์มาเกิด มั่นใจได้เลยว่า จนถึงวันนี้ เราก็ยังไม่รู้ว่ามีพลังมหาศาลซ่อนอยู่ในอะตอม
ที่มา.....facebook.com/doctorsom