เกร็ดความรู้เล็กน้อยก่อนชมภาพยนตร์ " Oppenheimer "

กระทู้คำถาม

ขอตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพื่อ comment ได้ทุกคน

สวัสดีครับ
ภาพยนตร์ Oppenheimer ของ Christopher Nolan
ก็จะเข้าฉายพฤหัสที่ 20 กรกฏาคมนี้แล้ว
หลายท่านคงคาดหวังเพราะหนังของ Nolan ก็ทำออกมาดี ๆ ทั้งนั้น
ผมจึงขอเสนอเกร็ดความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ

ชื่อภาพยนตร์ " Oppenheimer " มาจากชื่อบุคคลหนึ่ง
คือ Julius Robert Oppenheimer (แสดงโดย Cillian Murphy)
เขาเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในโครงการแมนแฮตตัน (Manhattan Project)
ซึ่งเป็นโครงการวิจัยสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ

ภาพของ Robert Oppenheimer ใน 2 ช่วงอายุ

ภาพ Cillian Murphy (ซ้าย)
กับ Oppenheimer (ขวา)

Oppenheimer จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Harvard
และ ปริญญาโท - เอกจาก University of Göttingen (German)
ในสาขา Quantum physics  ต่อมาได้ทำงานเป็นอาจารย์
ที่มหาวิทยาลัย University of California, Berkeley
และที่ California Institute of Technology (CalTech)
แต่เป็นอาจารย์ทั้ง 2 แห่งแค่ไม่ถึงปีเท่านั้น
เพราะเขาเลือกที่จะทำงานวิจัยด้าน Nuclear physics แทน

โครงการแมนแฮตตัน
โครงการแมนแฮตตัน หรือชื่อที่เป็นทางการ คือ
Manhattan Engineering District  เป็นความพยายามในการ
พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังสหรัฐพบว่านาซีเยอรมันกำลังสร้างอาวุธคล้ายกันนี้

การวิจัยสร้างอาวุธนิวเคลียร์นำทีมโดย Oppenheimer
โดยอยู่ใต้การดูแลของพลโท Leslie R. Groves (แสดงโดย Matt Damon)

Matt Damon และ   Lieutenant General Leslie Richard Groves Jr.

Oppenheimer กับ Groves

การวิจัยทำที่ห้องปฏิบัติการ Los Alamos รัฐนิวเม็กซิโก
โครงการแมนแฮตตันได้สร้าง และทดสอบระเบิดนิวเคลียร์
เพียง 1 ลูกคือในแผนปฏิบัติการ code name " Trinity "
ทดสอบเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 ในทะเลทราย
ใกล้เมือง Alamogordo รัฐนิวเม็กซิโก
(ซึ่งก็คือเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเองครับ)

แผนที่ของหน่วยงานในโครงการแมนแฮตตัน

ภาพมุมสูงของสถานีวิจัยที่ Los Alamos

( ปัจจุบัน ที่ Los Alamos เป็นที่ตั้งของ
Los Alamos National Laboratory (LANL)
https://about.lanl.gov/
เป็นสถาบันหลักที่วิจัยเกี่ยวกับนิวเคลียร์
และเป็นที่วิจัยของนักศึกษาปริญญาโท-เอก ด้วย )

ส่วนระเบิดนิวเคลียร์อีก 2 ลูกจากโครงการแมนแฮตตัน
ที่นำไปใช้งานจริง ทิ้งจริง ตายจริง ก็คือ ....
- ระเบิดนิวเคลียร์ Little Boy ทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมะ 6 สิงหาคม 1945
- ระเบิดนิวเคลียร์ Fat Man ทิ้งลงที่เมืองนางาซากิ 9 สิงหาคม 1945

โครงการแมนแฮตตันเลือกสถานที่เป็นทะเลทราย
ที่ Los Alamos รัฐนิวเม็กซิโก  เพราะต้องการพื้นที่ห่างไกล
โดดเดี่ยว และไม่มีผู้คนอาศัย   นักวิทยาศาสตร์ยังต้องการ
พื้นที่ราบเพื่อลดผลกระทบจากการระเบิด  และต้องมีลมพัด
เพียงเล็กน้อยเพื่อลดกระจายกัมมันตภาพรังสี
พลโท Leslie จึงได้เสนอสถานที่แห่งนี้
และเมื่อเริ่มโครงการ ฯ  นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ
แคนดาดา และอังกฤษจะต้องมาอยู่ใน site นี้
โดยห้ามติดต่อโลกภายนอกเป็นเวลา 2 ปีเศษ

ระเบิดนิวเคลียร์
ลูกระเบิด ฯ ลูกแรกที่ทดลองในโครงการนี้
ใช้ทั้ง Plutonium เป็นตัว fissile
(Fissile คือ ธาตุกัมมันตรังสีที่กำเนิดปฏิกิริยาลูกโซ่
ทำให้เกิดการระเบิดรุนแรง)  ทางทีมงานได้เรียกชื่อ
ระเบิดนี้ว่า "Gadget"   gadget นี้เป็นระเบิดแบบ Implosion
มิใช่แบบ gun type  รายละเอียดตามภาพล่างนี้ครับ

การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรก
การทดลองระเบิด ฯ ลูกแรกนี้  ก็คือเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้
ซึ่งเราก็ต้องรอลุ้นชมฉากนี้ในภาพยนตร์
ระดับ Nolan ก็น่าจะทำฉากนี้ออกมาได้อลังการนะครับ

ระเบิดถูกจุดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1945
ทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่าระเบิดมีพลังมากกว่าที่คาดไว้มาก
มีรายงานอธิบายถึงการระเบิดว่า ....
   " อุปกรณ์ดังกล่าวระเบิดด้วยพลังงานเท่ากับ 24.8 ± 2 กิโลตัน TNT
ทรายในทะเลทรายซึ่งส่วนใหญ่เป็นซิลิกา หลอมละลายกลายเป็น
แก้วสีเขียวอ่อนที่มีกัมมันตภาพรังสีอ่อน ๆ ซึ่งมีชื่อว่า Trinitite
(หรืออีกชื่อคือ Alamogordo glass)  การระเบิดสร้างหลุม
ลึกประมาณ 1.4 เมตร  กว้าง 80 เมตร
    ในช่วงเวลาของการระเบิด ภูเขาโดยรอบสว่างไสว
สว่างกว่าแสงอาทิตย์เวลากลางวันนาน 1 - 2 วินาที
และมีรายงานความร้อนที่ "ร้อนเหมือนเตาอบ" ที่เบสแคมป์
สีของแสงที่สังเกตได้เปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีเขียวและในที่สุดก็เป็นสีขาว
เสียงคำรามของ Shock wave ใช้เวลา 40 วินาทีในการมาถึงผู้สังเกตการณ์
และเมฆดอกเห็ดสูงถึง 12.1 กิโลเมตร "

ลูกไฟแดงฉาน พร้อมเมฆรูปเห็ดของระเบิด "Gadget"

แถมอีกนิด .... ใน Trailer เรื่องนี้
ตั้งแต่เริ่มต้นท่านจะได้ยินเสียงแกร่ก ๆๆๆ
หลายท่านอาจสงสัยว่าเสียงอะไร ?

มันคือเสียง Click จากเครื่องตรวจจับรังสีในยุคแรก ๆ

เรียกว่าเครื่อง Geiger counter (Geiger–Müller counter)
คิดค้นโดย Hans Geiger และ Walther Müller นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน
การทำงานของเครื่องนี้ ผมขออธิบายตามภาพครับ

เครื่อง Geiger counter ยุคนี้เป็นระบบ Digital หมดแล้ว
จะเป็นเสียง beep ๆๆๆ แทน เครื่องก็ขนาดเล็กลงมาก

จบแล้วครับ smile

เนื้อหาทั้งหมด แปล / เรียบเรียงจาก
- https://en.wikipedia.org/wiki/Trinity_(nuclear_test)
- https://www.osti.gov/opennet/manhattan-project-history/Events/1945/trinity.htm
- https://en.wikipedia.org/wiki/Manhattan_Project

แก้ไขข้อความเมื่อ

ถูกใจให้พอยต์

สมาชิกหมายเลข 6883994

ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง หลงรัก, ผอเฒ่า ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 964994 ถูกใจ, mahnoitammada ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 1636986 ถูกใจ, NHN ถูกใจ, ฟ้าสีหมอก ถูกใจ, noom_p ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5785301 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1511526 ถูกใจรวมถึงอีก 58 คน ร่วมแสดงความรู้สึก

สุดยอดความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 23

เกร็ดนิดหนึ่ง Julius Robert Oppenheimer
นามสกุลนี้น่าจะเป็นพวกเชื้อชาติเยอรมัน-ยิว
ที่มีขบวนการแก้งค์ลูกวัวยุคแรก ๆ ของโลก
ในการค้ามนุษย์ Export/Import ไปที่สหรัฐฯ
ด้วยการทำงานไร่ โรงงาน กรรมกร ใช้หนี้สิน
โดยมีนายทุนยิว-อังกฤษปล่อยกู้เงินค่าเดินทาง/ค่ายังชีพ

(แก้งค์ลูกหมู-คนจีน เวียดนาม
แก้งค์ลูกแพะ-โรฮิงญา ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย
ตั้งชื่อตามอาหารที่นิยมกินกันในชนชาติ)

คนเชื้อสายเยอรมัน ทนถึก มีวินัย รับผิดชอบ
สูงกว่าไอริชขี้เมา อิตาลีโลเล (ฝรั่งนินทากัน)
ทำให้ใช้หนี้สินคืนเร็ว เจ้าหนี้ก็ชอบได้เงินต้นมาปล่อยกู้ต่อ
พวกเครื่องมือช่าง งานโลหะในสหรัฐอเมริกา
งานส่วนใหญ่สืบประวัติมักมาจากคนเชื้อสายเยอรมัน

ชนเผ่าเจอร์แมนิก (บรรพบุรุษพวกเยอรมัน)
เคยปกครองดินแดนอังกฤษหลายร้อยปี
รากศัพท์/คำหลายคำยังมีร่องรอยในภาษาอังกฤษ
แต่ภาษาเยอรมันยุ่งยากพอ ๆ กับภาษาละติน
ที่คำกริยามักจะอยู่ท้ายประโยค
คนรู้ภาษาเยอรมัน/อังกฤษ จะเรียนรู้ได้ง่าย
แบบง่ายนิดเดียว ที่เหลือยากมาก
ลองทดลองเรียนฟรีได้ใน Duolingo

หลังจากชาติเยอรมันแพ้สงครามโลก 2 ครั้ง
คนเขื้อชาติเยอรมันค่อนข้างอับอายในการใช้ภาษานี้
กอปรกับกลมกลืนความเป็นชนชาติสหรัฐ
การใช้ภาษาเยอรมันจึงค่อนข้างน้อยลง
ทุกวันนี้ มีคนสหรัฐยอมรับว่า มีเชื้อชาติเยอรมัน
จำนวนราว 49 ล้านคน พอ ๆ กับคนในนายู(มลายู)
.

.

ในนายู ตอนช่วงสำรวจยุคแรก ๆ
ประมาณการว่ามีคนเชื้อชาติสยามราว 2 ล้านคน
ในไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ปะลิศ ปีนัง
(บางส่วนก็นับถือศาสนาอิสลาม พูดนายูมากกว่าไทย)

แต่ที่ยอมรับอัตลักษณ์ว่ามีเชื้อชาติสยามราว 5 แสนคน
เพราะช่วงมหาเด ออกกฎหมายภูมิปุตรา (ลูกพื้นที่)
ให้สิทธิ์ประโยชน์มากกว่าคนจีน แขกทมิฬ
ในเรื่องเงินกู้ ที่ดินทำกิน การซื้อขายที่ดิน
การจัดตั้งธุรกิจ ถ้าผู้ก่อตั้งไม่ใช่ลูกพื้นที่
ต้องมีลูกพื้นที่เข้าหุ้นส่วนด้วยจำนวนหนึ่ง
คนสยามบางคนกลัวไม่ได้สิทธิ์ เลยสวมสิทธิ์แบบคนลาว
ที่มีญาติพี่น้องฝั่งไทย บางคนก็แจ้งเกิดในไทยเลย
หรือคนห้าจังหวัดขายแดนที่ถือ 2 สัญชาติ
ถ้ามีญาติพี่น้องอยู่ในฝั่งนายู

ช่วงมหาเด ออกกฎหมายลูกคนพื้นที่
มีคนสยามในนายูมารายงานตัวที่ฝั่งไทย
สะเดา สุไหงโกลค สายบุรี
วันละหลายพันถึงหลายหมื่นคน
แบบกลัวนายูขับไล่ที่ดินทำกินหรือทำร้ายร่างกาย
บางคนอ้างว่ามีญาติในฝั่งไทย พูดภาษาไทยได้
เอกสารไม่มีเพราะปักปันดินแดนยุครัชกาลที่ 5
หรือบางส่วนหายไปตอนสงครามโลก 2 ครั้ง
จนนายูก็ป้อด กลัวจะมีข้อพิพาทกับไทย
กลัวไทยจะหาเรื่องห้ารัฐเดิม แบบขอคืนบ้าง
เลยยอมรับว่าคนสยามเป็นลูกพื้นที่/ภูมิปุตรา
กับเคยกอบกู้เอกราชนายูจากอังกฤษ
เจ้าอาณานิคมเดิมในนายู

ดินแดนเพื่อนบ้านติดกันระหว่างไทยกับนายู
มีปัญหากระทบกระทั่งเรื่องชายแดนน้อยมาก
ข้าราชการระดับสูงทั้งสองฝ่าย
เวลามีปัญหามักจะคุยกัน/ลัดขั้นตอนกันง่าย ๆ
เช่น คนไทยหลงลืมพกอาวุธปืนเข้านายู
ก็มักจะขอตัวกลับได้ โดยไม่ถูกดำเนินคดี
บางครั้งนายูก็ยึดของ บางครั้งก็ไม่ยึดของ

เมื่อเทียบกับพม่า ลาว เขมร
ที่เคยมีการยิงถล่มกันมาก่อน

ไทยแลกดินแดน
.
ไทยเคยแลกดินแดนกับนายู แบบ win/win
ทำได้ตามสนธิสัญญาปักปันเขตแดน
ไม่ต้องออกพระราชบัญญัติ ใหม่/ซ้ำซ้อน
.