Oppenheimer รีวิวเล่น ๆ จากคนที่แทบไม่มีความรู้ฟิสิกส์หรือประวัติศาสตร์อะไรเลย

ต้องเกริ่นก่อนว่าผมมีความรู้ด้านฟิสิกส์กับ WW2 น้อยมาก แล้วก็รู้แค่ว่า Oppenheimer คือ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู 

หนังแนวชีวประวัติ ดราม่า จิตวิทยา ความยาว 3 ชม. เล่าเรื่องราวชีวิตและสภาพจิตใจของนักฟิสิกส์ชื่อ J. Robert Oppenheimer ตั้งแต่สมัยเรียน จนถึงการพัฒนาระเบิดปรมาณู และผลกระทบหลังจากนั้น 

หลังจากนี้จะมีสปอยเล็กน้อยนะครับ

หนังตัดสลับไปมาระหว่าง
1.ช่วงที่พระเอกกับคนใกล้ชิดโดนไต่สวนหลังพระเอกถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์
2.ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการพัฒนาระเบิดปรมาณู รวมถึงชีวิตส่วนตัวของพระเอก

บทพูดเยอะมาก พูดเร็ว แต่แฝงด้วยความคมคาย บางครั้งไม่ค่อยตรงไปตรงมา ต้องมาตีความ แต่ถ้าจับใจความดี ๆ จะเข้าใจ คล้าย ๆ เรื่อง Steve Jobs หรือ The Social Network ช่วงแรกอาจจะงง ๆ หน่อย เหมือนมาแนะนำตัวละคร(ถ้าไม่ชอบอาจจะเผลอหลับได้เลย) แต่ถ้าจูนติดแล้วคือจะอินมาก

หนังเน้นประเด็นจิตวิทยาของพระเอก โดยรวมค่อนข้างเครียด กดดัน มีหลายฉากที่ให้เราเห็นภาพในความคิดพระเอก ทำให้เราเข้าใจสภาพจิตใจของพระเอกในตอนนั้น อันนี้คล้ายเรื่อง Black Swan หรือ A Beautiful Mind

ตัวละครเยอะมากถึงมากที่สุด มีประเด็นการเมืองด้วย ถ้าเคยศึกษามาก่อนจะยิ่งอินได้ง่าย แต่ถ้าไม่เคยแนะนำให้ดู 2 รอบขึ้นไปถึงจะรู้ว่าใครเป็นใคร มีบทบาทอะไร (ผมดู 2 รอบ ซับไทยกับพากย์ไทย) รวม ๆ คือมีพระเอก พวกนักฟิสิกส์(ใครเรียนสายวิทย์ก็จะคุ้น ๆ ชื่อ เช่น ไอน์สไตน์, นีลส์ บอร์, ไฮเซนเบิร์ก) มีญาติพระเอก ครอบครัวพระเอก เจ้าหน้าที่รัฐบาล แล้วก็มีตัวร้าย

หนังเน้นที่การสำรวจจิตใจพระเอกมากกว่า ก็เลยไม่ค่อยได้เน้นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ภรรยา ลูก เพื่อนร่วมงานเท่าไหร่ 

ฉากระเบิดมีแค่ไม่กี่ฉาก (จริง ๆ ระเบิดใหญ่มีแค่ฉากเดียว) แต่จะเน้นด้านอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าด้านงานภาพ ดังนั้นถ้าไม่อินกับเนื้อเรื่องก็จะไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจ

ซาวด์ประกอบเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกได้ดี มีการใช้เสียงอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เสียงกระทืบเท้า การตัดต่อเสียงอะไรต่าง ๆ ทำให้รู้สึกเรียลดี ส่วนดนตรีประกอบก็ไม่ได้ถือว่าโดดเด่นอะไรมาก 

หนังมีฉาก 18+ ประมาณ 2-3 ฉาก เห็นเรือนร่างชัดเจน โดยเฉพาะเรือนร่างผู้หญิง 

นักแสดงเล่นดีทุกคน บทพระเอกกับตัวร้ายคิดว่าเข้าชิงออสการ์ได้เลย

งานภาพมีขาวดำสลับกับภาพสี อาจจะยังไม่ตระการตาเท่าเรื่องก่อน ๆ ของสเด็จพ่อโนแลน แต่ก็คุ้มค่าที่จะไปดูในโรง 

หนังมีหักมุมเล็กน้อย เกี่ยวกับตัวร้ายในเรื่อง อันนี้ต้องไปดูเอง

ฉากที่ชอบที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โดยรวมคือเป็นหนังที่ค่อนข้างดูยากถ้าไม่รู้อะไรมาก่อน และตลอด 3 ชม.ก็อัดแน่นไปด้วยบทสนทนากับความเครียด กดดัน บีบคั้น ถ้าไม่ชอบหนังแนวนี้ก็อาจจะเผลอหลับได้เลย ส่วนใครที่เป็นแฟนคลับสเด็จพ่อโนแลน ต้องบอกเลยว่าฉีกแนวไปจากเดิมเยอะมาก ถ้าอยากดูหนังระเบิดมันส์ ๆ ดราม่าซึ้ง ๆ งานภาพอลังการตระการตา หรือพล็อตเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน อาจจะผิดหวังได้ แต่ใครชอบแนวนี้(ชีวประวัติ ดราม่า จิตวิทยา) ห้ามพลาดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่