สวัสดีค่ะ เนื่องด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ย้ำคิด ย้ำทำ ไม่ชอบเห็นความสกปรก เห็นแล้วเครียด ทำให้เราต้องบ่นตลอดจนเหมือนจะเป็น toxic ของคนในบ้าน
ก่อนอื่นเราแต่งงาน และเข้าอยู่บ้านแฟนได้ประมาณ 1 ปี ในช่วงที่อยู่ก็ไม่ชอบ เนื่องจากบ้านแฟนเลี้ยงหมา แมว แบบปล่อย อยู่ทั้งในบ้าน-นอกบ้านที่มีแต่ดินทราย และเข้า-ออกบ้านได้ตามสะดวก มิหน่ำซ้ำบางวันหมานอนบนที่นอนแม่แฟนซะด้วย เวลาหมาแมวเดินไปเหยียบทรายข้างนอก มันก็จะติดเท้าแล้วเข้ามาในบ้าน
คนอาศัยในบ้านมี แม่ของแฟน + แฟนใหม่แม่ , น้องชายแฟน+น้องสะใภ้แฟน , แฟน+เรา รวม 6 คน ( 3 คู่ )
แมว 7 + หมาในบ้าน 2 ( ไม่รวมที่อยู่นอกบ้านอย่างเดียวอีก 4 ตัว )
ทุกคน รวมถึงตัวแฟนเราจะใส่รองเท้าเข้าบ้าน และถอดหน้าห้องนอนตัวเอง เราไม่ชอบมากๆ มันสกปรกไปหมด แฟนเราเราพูดเตือนได้ แต่คนอื่นๆหล่ะ เราก็พยายามพูดลอยๆบ้าง หรือบ้างครั้งบ่นแฟนดังๆเวลาเขาลืมตัว คนอื่นได้จะรู้และได้ยินบ้าง
บ้านไม่เคยกวาดกันถ้าไม่อยากทำ เวลาได้ฤกษ์กวาดก็หยิบไม้กวาดจากที่เก็บ ไปไว้ตรงที่กวาดเสร็จ ซึ่งมันไม่ใช่ที่เก็บมั้ย?? พอจะใช้เราก็หาไม่เจอ
ห้องน้ำเข้ากันทุกคน ขรี้ทุกคน แต่เราล้างคนเดียว เวลาเราไม่ว่างไม่ได้ล้าง ห้องน้ำสกปรกมีคราบดำ เป็นเมือกก็ไม่มีคนล้าง รอเราล้างอย่างเดียว มียุงในห้องน้ำก็ตบกับกำแพง ยุงติดเต็มไปหมด ไม่ล้าง ไม่เช็ด เราต้องมาคอยตามเช็ดถูตลอด
เราออกจากบ้านแฟนไปทำงาน กทม ได้ประมาณ 3 ปี (ไปกับแฟน) แต่ก็มีเรื่องจำเป็นจริงๆที่ต้องกลับมาทำงานที่บ้าน (ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด) ทุกอย่างก็เข้าลูปเดิม
ล่าสุดหมามีเห็บ+หมัด เยอะมากกกกก!!!!!!!!!!! เต็มพื้นบ้านไปหมด ถือไฟเช็ค + ไม้กวาด + ไม้ถูพื้น ตามกำจัด แต่มันก็ไม่หมด มองพื้นไปมีลูกเห็บเดินอย่างกับมดขึ้นของหวาน เวลาเดินมันก็ติดตามเท้า แขยงสุดๆ เราลองดูหมา ดูตรงซอกนิ้ว กับใบหู มันเยอะมาก เยอะแบบจะอ้วก ท้อใจมากเลยเห็นสกปรกแบบนี้
เราบอกแม่แฟนว่าให้เอามันไปอยู่ข้างนอกก่อน มันมีเห็บหมัดเยอะขนาดนี้ มียันบนเพดาน เขาก็เอาล่ามไว้ข้างนอก พอเราเข้าห้องปุ๊บ เขาก็ปล่อยมันเข้าบ้าน ได้แต่มองบนแบบแอบๆ พูดไรก็ไม่ได้
คู่สะใภ้ก็ไม่ค่อยทำอะไร อยู่ด้วยกันไม่เคยคุย ไม่เคยมองหน้า เราแต่งงานก่อนแล้วมาอยู่บ้านแฟนก่อน อายุเรากับเขาห่างกัน 1 ปี แต่งงานห่างกัน 1 ปี (เราแต่งเข้าอยู่ 1 ปี เราไป กทม. นางก็แต่งงานเข้าบ้าน) แต่ตรงนี้ก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า นางไม่ค่อยทำอะไร นางถึงอยู่บ้านกับแม่แฟนได้ในช่วงที่เราอยู่ กทม เวลากลับมาบ้านช่วงวันหยุดทีก็คือสกปรกไม่ไหว
พอเรากลับมาอยู่บ้าน เราทนไม่ไหว บอกแฟนให้ไปบอกสามีนางว่า ช่วยทำงานบ้านบ้างนะ นางก็ทำได้อาทิตย์นึงก็เลิก แต่ก็เข้าใจทำไปก็สกปรกเหมือนเดิม นางคงท้อใจมั้ง ท้อใจแบบเราแหละ แต่ห้องนางไม่ต่างจากห้องแม่แฟนเลย กินเสร็จทิ้งลงข้างที่นอน เสื้อผ้าใส่แล้วถอดกองพื้นในห้อง ของใช้กองเต็มไปหมด ฝุ่นตรงพื้น เพดาน หน้าต่าง เยอะมากเหมือนธีมห้องนอนฮาโลวีน เราไปเก็บห้องแม่แฟนบ่อยๆ จนพักหลังเราพอละ เหนื่อยเกิน เอาเวลาไปทำเรื่องของตัวเองดีกว่า ทำไปก็ไม่เคยนึกถึงหรอกว่าควรรักษาความสะอาดก็ทำสกปรกเหมือนเดิม ส่วนคู่สะใภ้ถ้านางเห็นเราทำความสะอาดห้องของเราเอง นางก็จะลุกมาทำห้องตัวเองบ้างบางครั้ง(อย่างน้อยๆก็ทำแหละ นิดนึงก็ยังดี)
ส่วนขยะนี่เต็มหน้าบ้าน กินแล้วทิ้งลงพื้นกองๆไว้หน้าบ้าน ลมพัดก็ปลิวไปทั่ว เราตามเก็บอยู่บ่อยๆเก็บจนสะอาดหมด ไม่ถึงอาทิตย์เป็นแบบเดิม ใครจะไปตามเก็บไหวหล่ะ
ขวดน้ำกินหมดวางไว้ที่นั่งกิน ไม่ทิ้ง ไม่เก็บ จานข้าวก็เช่นกัน วางบนโต๊ะกินข้าว ไม่เก็บ ไม่แช่ ไม่ล้าง
หลายๆอย่างสะสม แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องทนอยู่ เพราะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องเช่าบ้าน เราช่วยที่บ้านจ่ายค่าน้ำ-ไฟ-อาหาร เท่าๆกับที่เราเคยอยู่ กทม จะได้ไม่เอาเปรียบแม่แฟนที่ต้องมาแบกรับ
เราพยายามสังเกตว่าใครทำบ้านสกปรกเรื่องไหน แต่... รู้แล้วยังไง ทำได้แค่บ่นลอยๆ
เลยมาคิดว่า หรือเราต้องซื้อบ้าน แต่รถยนต์เราก็ยังไม่มี
ถามว่าทุกวันนี้ที่ผ่านมารถยนต์จำเป็นมั้ย?
เราก็ใช้มอเตอร์ไซค์มาตลอด ฝนตกใส่เสื้อกันฝน แฟนนั่งรถประจำไปทำงาน ไม่มีภาระหนี้สิน แต่เงินเดือนรวมกันไม่ได้มาก ถ้าซื้อบ้าน ผ่อนแล้วก็มีเหลือเก็บ เล็กน้อย แต่ถ้ามันซื้อสุขภาพจิตที่ดี แล้วมันจะคุ้มมั้ยนะ
รถยนต์ถ้ามีก็ดี แต่ค่าใช้จ่ายแอบแฝงก็มีมาก
ซื้อบ้านตอนนี้ก็ได้แค่ราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน ก็อยากได้บ้านดีๆราคาสูงกว่านี้ และเราอยากมั่นคงทางการงานมากกว่านี้ ย้ายจาก กทม มาทำงานที่บ้านยังไม่ถึงปีเลยค่ะ แต่ก็ปวดหัวกับความสกปรกไม่ไหว
หรือเราต้องอดทนไปก่อนคะ
สภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ก็แย่ เงินเดือนน้อยกว่าตอนอยู่ กทม. เยอะ บริษัทเราก็เหมือนจะไม่มั่นคงเท่าที่ควร
พับโครงงานเก็บ แล้วไปถูบ้านแบบเดิมดีที่สุดมั้ยคะเนี่ย5555
ไม่ต้องดราม่า ไม่ต้องด่านะคะ เครียดหลายๆเรื่องแล้ว แค่อยากรู้ความเห็นคนอื่นๆในมุมที่เราเป็นอยู่ เราอายุไม่ถึง 28 ค่ะ ทำงานไปเรียน ป.ตรี ไป ใกล้จบแล้วค่ะ อีกไม่เกิน 2 ปี
แลกเปลี่ยนความคิด เพื่อช่วยประกอบตัดสินใจซื้อ บ้าน หรือ รถ ก่อนดี (หรือไม่ซื้อดีกว่านะ)
ก่อนอื่นเราแต่งงาน และเข้าอยู่บ้านแฟนได้ประมาณ 1 ปี ในช่วงที่อยู่ก็ไม่ชอบ เนื่องจากบ้านแฟนเลี้ยงหมา แมว แบบปล่อย อยู่ทั้งในบ้าน-นอกบ้านที่มีแต่ดินทราย และเข้า-ออกบ้านได้ตามสะดวก มิหน่ำซ้ำบางวันหมานอนบนที่นอนแม่แฟนซะด้วย เวลาหมาแมวเดินไปเหยียบทรายข้างนอก มันก็จะติดเท้าแล้วเข้ามาในบ้าน
คนอาศัยในบ้านมี แม่ของแฟน + แฟนใหม่แม่ , น้องชายแฟน+น้องสะใภ้แฟน , แฟน+เรา รวม 6 คน ( 3 คู่ )
แมว 7 + หมาในบ้าน 2 ( ไม่รวมที่อยู่นอกบ้านอย่างเดียวอีก 4 ตัว )
ทุกคน รวมถึงตัวแฟนเราจะใส่รองเท้าเข้าบ้าน และถอดหน้าห้องนอนตัวเอง เราไม่ชอบมากๆ มันสกปรกไปหมด แฟนเราเราพูดเตือนได้ แต่คนอื่นๆหล่ะ เราก็พยายามพูดลอยๆบ้าง หรือบ้างครั้งบ่นแฟนดังๆเวลาเขาลืมตัว คนอื่นได้จะรู้และได้ยินบ้าง
บ้านไม่เคยกวาดกันถ้าไม่อยากทำ เวลาได้ฤกษ์กวาดก็หยิบไม้กวาดจากที่เก็บ ไปไว้ตรงที่กวาดเสร็จ ซึ่งมันไม่ใช่ที่เก็บมั้ย?? พอจะใช้เราก็หาไม่เจอ
ห้องน้ำเข้ากันทุกคน ขรี้ทุกคน แต่เราล้างคนเดียว เวลาเราไม่ว่างไม่ได้ล้าง ห้องน้ำสกปรกมีคราบดำ เป็นเมือกก็ไม่มีคนล้าง รอเราล้างอย่างเดียว มียุงในห้องน้ำก็ตบกับกำแพง ยุงติดเต็มไปหมด ไม่ล้าง ไม่เช็ด เราต้องมาคอยตามเช็ดถูตลอด
เราออกจากบ้านแฟนไปทำงาน กทม ได้ประมาณ 3 ปี (ไปกับแฟน) แต่ก็มีเรื่องจำเป็นจริงๆที่ต้องกลับมาทำงานที่บ้าน (ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด) ทุกอย่างก็เข้าลูปเดิม
ล่าสุดหมามีเห็บ+หมัด เยอะมากกกกก!!!!!!!!!!! เต็มพื้นบ้านไปหมด ถือไฟเช็ค + ไม้กวาด + ไม้ถูพื้น ตามกำจัด แต่มันก็ไม่หมด มองพื้นไปมีลูกเห็บเดินอย่างกับมดขึ้นของหวาน เวลาเดินมันก็ติดตามเท้า แขยงสุดๆ เราลองดูหมา ดูตรงซอกนิ้ว กับใบหู มันเยอะมาก เยอะแบบจะอ้วก ท้อใจมากเลยเห็นสกปรกแบบนี้
เราบอกแม่แฟนว่าให้เอามันไปอยู่ข้างนอกก่อน มันมีเห็บหมัดเยอะขนาดนี้ มียันบนเพดาน เขาก็เอาล่ามไว้ข้างนอก พอเราเข้าห้องปุ๊บ เขาก็ปล่อยมันเข้าบ้าน ได้แต่มองบนแบบแอบๆ พูดไรก็ไม่ได้
คู่สะใภ้ก็ไม่ค่อยทำอะไร อยู่ด้วยกันไม่เคยคุย ไม่เคยมองหน้า เราแต่งงานก่อนแล้วมาอยู่บ้านแฟนก่อน อายุเรากับเขาห่างกัน 1 ปี แต่งงานห่างกัน 1 ปี (เราแต่งเข้าอยู่ 1 ปี เราไป กทม. นางก็แต่งงานเข้าบ้าน) แต่ตรงนี้ก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า นางไม่ค่อยทำอะไร นางถึงอยู่บ้านกับแม่แฟนได้ในช่วงที่เราอยู่ กทม เวลากลับมาบ้านช่วงวันหยุดทีก็คือสกปรกไม่ไหว
พอเรากลับมาอยู่บ้าน เราทนไม่ไหว บอกแฟนให้ไปบอกสามีนางว่า ช่วยทำงานบ้านบ้างนะ นางก็ทำได้อาทิตย์นึงก็เลิก แต่ก็เข้าใจทำไปก็สกปรกเหมือนเดิม นางคงท้อใจมั้ง ท้อใจแบบเราแหละ แต่ห้องนางไม่ต่างจากห้องแม่แฟนเลย กินเสร็จทิ้งลงข้างที่นอน เสื้อผ้าใส่แล้วถอดกองพื้นในห้อง ของใช้กองเต็มไปหมด ฝุ่นตรงพื้น เพดาน หน้าต่าง เยอะมากเหมือนธีมห้องนอนฮาโลวีน เราไปเก็บห้องแม่แฟนบ่อยๆ จนพักหลังเราพอละ เหนื่อยเกิน เอาเวลาไปทำเรื่องของตัวเองดีกว่า ทำไปก็ไม่เคยนึกถึงหรอกว่าควรรักษาความสะอาดก็ทำสกปรกเหมือนเดิม ส่วนคู่สะใภ้ถ้านางเห็นเราทำความสะอาดห้องของเราเอง นางก็จะลุกมาทำห้องตัวเองบ้างบางครั้ง(อย่างน้อยๆก็ทำแหละ นิดนึงก็ยังดี)
ส่วนขยะนี่เต็มหน้าบ้าน กินแล้วทิ้งลงพื้นกองๆไว้หน้าบ้าน ลมพัดก็ปลิวไปทั่ว เราตามเก็บอยู่บ่อยๆเก็บจนสะอาดหมด ไม่ถึงอาทิตย์เป็นแบบเดิม ใครจะไปตามเก็บไหวหล่ะ
ขวดน้ำกินหมดวางไว้ที่นั่งกิน ไม่ทิ้ง ไม่เก็บ จานข้าวก็เช่นกัน วางบนโต๊ะกินข้าว ไม่เก็บ ไม่แช่ ไม่ล้าง
หลายๆอย่างสะสม แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องทนอยู่ เพราะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องเช่าบ้าน เราช่วยที่บ้านจ่ายค่าน้ำ-ไฟ-อาหาร เท่าๆกับที่เราเคยอยู่ กทม จะได้ไม่เอาเปรียบแม่แฟนที่ต้องมาแบกรับ
เราพยายามสังเกตว่าใครทำบ้านสกปรกเรื่องไหน แต่... รู้แล้วยังไง ทำได้แค่บ่นลอยๆ
เลยมาคิดว่า หรือเราต้องซื้อบ้าน แต่รถยนต์เราก็ยังไม่มี
ถามว่าทุกวันนี้ที่ผ่านมารถยนต์จำเป็นมั้ย?
เราก็ใช้มอเตอร์ไซค์มาตลอด ฝนตกใส่เสื้อกันฝน แฟนนั่งรถประจำไปทำงาน ไม่มีภาระหนี้สิน แต่เงินเดือนรวมกันไม่ได้มาก ถ้าซื้อบ้าน ผ่อนแล้วก็มีเหลือเก็บ เล็กน้อย แต่ถ้ามันซื้อสุขภาพจิตที่ดี แล้วมันจะคุ้มมั้ยนะ
รถยนต์ถ้ามีก็ดี แต่ค่าใช้จ่ายแอบแฝงก็มีมาก
ซื้อบ้านตอนนี้ก็ได้แค่ราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน ก็อยากได้บ้านดีๆราคาสูงกว่านี้ และเราอยากมั่นคงทางการงานมากกว่านี้ ย้ายจาก กทม มาทำงานที่บ้านยังไม่ถึงปีเลยค่ะ แต่ก็ปวดหัวกับความสกปรกไม่ไหว
หรือเราต้องอดทนไปก่อนคะ
สภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ก็แย่ เงินเดือนน้อยกว่าตอนอยู่ กทม. เยอะ บริษัทเราก็เหมือนจะไม่มั่นคงเท่าที่ควร
พับโครงงานเก็บ แล้วไปถูบ้านแบบเดิมดีที่สุดมั้ยคะเนี่ย5555
ไม่ต้องดราม่า ไม่ต้องด่านะคะ เครียดหลายๆเรื่องแล้ว แค่อยากรู้ความเห็นคนอื่นๆในมุมที่เราเป็นอยู่ เราอายุไม่ถึง 28 ค่ะ ทำงานไปเรียน ป.ตรี ไป ใกล้จบแล้วค่ะ อีกไม่เกิน 2 ปี