ช่วยด้วยค่ะ มีปัญหาตั้งแต่แต่เดือนแรกที่เช่าคอนโดอยู่ ขอความเห็นหน่อยค่ะ

วันนี้เราจะมาร่ายความโง่ และ ความชงในปีเบญจเพสของเราให้ทุกคนฟังกันค่ะ

ปีนี้เราย้ายที่อยู่ที่ทำงาน ไปอยู่ต่างจังหวัดคนเดียวในที่ที่เราไม่มีญาติไม่มีเพื่อนสนิท เราไม่สะดวกที่จะอยู่หอฟรีที่ที่ทำงานจัดให้เพราะเราชอบชีวิตที่เป็นส่วนตัว ทำให้เราต้องหาที่อยู่ใหม่

วันที่ 10 พ.ค.เราเดินทางจากบ้านเกิดมาเพื่อดูคอนโด เราไม่มีเวลามากพอ เพราะ การเดินทางด้วยรถใช้เวลาถึง 8 ชม. และพ่อเราต้องกลับไปทำงาน ทำให้เรารีบตัดสินใจเช่าคอนโดที่แรกที่เราไปดูตอนนั้น

เราได้เบอร์นายหน้าจากคนรู้จัก และเข้าไปดูห้องที่คอนโดแห่งหนึ่ง วันนั้นมีพ่อ แม่ เรา นายหน้าผู้หญิง และเจ้าของห้อง

คอนโดดังกล่าวเป็นคอนโดทรงสูง สร้างเมื่อปี 2563 ซึ่งยังค่อนข้างใหม่ มีคีย์การ์ดสำหรับกดลิฟต์ มีพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระน้ำ ฟิตเนส ห้องคาราโอเกะ ห้องที่เราเข้าไปดูอยู่ชั้นกลางๆ เป็นห้องที่มี 1 ห้องนอน คนที่เช่าอยู่ก่อนหน้าเราอยู่9 เดือน ออกไป 2 พ.ค. ผู้ให้เช่าทำอาชีพที่น่าเชื่อถือ ดูเป็นคนดี บอกว่ามีปัญหาคุยกันได้

ตอนนั้นห้องดูไม่มีปัญหาอะไร เจ้าของห้องเป็นคนเปิดประตูห้องให้เราเข้าไป เปิดแอร์ไว้ในห้องอยู่แล้วซึ่งก็เย็นดี และเขาเพิ่งล้างทำความสะอาดห้องน้ำทำให้พื้นห้องน้ำยังเปียกอยู่ เขาบอกว่าจะล้างแอร์ และ ทำความสะอาดห้อง เช็คห้องให้ก่อนเข้าอยู่

หลังจากวันนั้นเราก็ตกลงว่าจะเช่าห้องนั้น สัญญา 1 ปี เริ่ม มิ.ย. 66 ถึง พ.ค. 67 ค่าเช่า 10000 บาท ประกันห้อง20000 บาท (โดยที่เจ้าของห้องแจ้งว่า เงิน 10000 บาทคือเดือนสุดท้ายที่อยู่ไม่ต้องจ่าย และอีก 10000 บาท จะคืนให้หลังเช็คห้องว่าไม่มีของเสียหาย) ก็คือก่อนอยู่จ่าย 30000 บาท

นัดเซ็นสัญญาวันที่ 23 พ.ค. วันนั้นมีเรา แม่ น้อง นายหน้าผู้หญิง นายหน้าผู้ชาย และเจ้าของห้อง สัญญาห้องที่มีลายเซ็นเขาจะไปถ่ายเอกสารแล้วส่งให้

เขาให้เราเข้าอยู่เลยโดยที่เขาจะให้อยู่เดือนพ.ค.ฟรีโดยไม่คิดเงิน แต่เราต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้เขา เขาบอกว่าเขาทำงานใกล้ตรงนี้ ตอนเย็นก็เรียกได้ มีปัญหาอะไรบอกได้ แม่เราถามว่าถ้าแอร์มีปัญหาใครซ่อม เขากับนายหน้าก็ตอบพร้อมกันว่าเจ้าของห้องซ่อม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกขอบคุณ และคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่คุยง่าย ดูมีจิตสำนึกตามที่มนุษย์ปกติควรมี เราจึงเกรงใจเขาค่อนข้างมาก

วันนั้นเราพลาดมากที่ไม่ได้เช็คห้องอีกครั้งก่อนเข้าอยู่ ด้วยจากความเพลียในการเดินทาง และความรีบใช้ห้อง หรือความโง่ ความที่เราไว้ใจคนที่เราไม่รู้จักดีหรืออะไรก็ตาม ทำให้เราต้องเสียใจมาจนถึงตอนนี้ค่ะ

ทันทีที่เข้าอยู่เราก็เจอปัญหาเลยตั้งแต่เข้าห้องคือ

ประตูห้องเปิดปิดยาก มันมีจังหวะของมัน ดึงเข้าหาตัวก่อนจึงจะเปิดได้ เวลาปิดล็อคห้องก็ต้องปิดแรงกว่าปกติ

ถังขยะที่เป็นแบบติดบานประตูตู้ใต้ซิงค์ก็หักอยู่

แอร์ในห้องนอนมีกลิ่นอับตอนเริ่มเปิด เปิดสักพักจึงจะหาย

ท่อน้ำในห้องน้ำเหม็นมาก

ห้องไม่ค่อยสะอาด มีฝุ่นตามผ้าม่าน ข้างเตียง โต๊ะหัวนอน มีเศษพลาสติกอยู่บริเวณท่อน้ำในห้องน้ำ ตู้เย็นมีกลิ่นเค็มๆ และมีราดำติดอยู่

สายชำระมีน้ำหยดหลังใช้ และน้ำค่อนข้างเบา

เตาไฟฟ้าในห้องใช้งานไม่ได้ เราคิดว่ามันอาจจะปกติโดยที่เราโง่เองใช้ไม่เป็น เราเลยไม่ได้ใช้

คือตอนมาดูห้องครั้งแรก เราไม่ได้เปิดปิดประตูห้องเอง เจ้าของห้องเปิดปิดให้ เราไม่ได้เปิดดูตู้ทุกตู้ แอร์ในห้องเปิดอยู่ และเขาล้างห้องน้ำอยู่ เราเลยไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อน

เรื่องกลิ่นท่อเราคิดว่า น่าจะปกติ เพราะไม่มีคนอยู่สักพัก พอไม่มีน้ำผ่าน ท่อเลยมีกลิ่น หากล้างสักพักคงหาย

เตาไฟฟ้าเราหาซื้อมาใช้เอง

เรื่องอื่นๆเราคิดว่าเล็กน้อยไม่รบกวนชีวิตมาก และเราทำความสะอาดเองก็ได้

แต่เราแจ้งเจ้าของห้องเรื่องถังขยะในไลน์วันนั้นเลยเพราะกลัวมีปัญหาทีหลัง ซึ่งเจ้าของห้องตอบมาแค่ "ค่ะ" อย่างเดียว ซึ่งเราก็รู้สึกแปลกๆตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพราะห้องมันไม่เรียบร้อย เขาไม่ซ่อมเรื่องนี้ก่อนเราอยู่ ทำไมถึงไม่มีคำขอโทษสักคำกันนะ แต่เราก็คิดว่า ไม่เป็นไร เขารับรู้แล้ว

คืนนั้นที่เข้าอยู่ เราเจอปัญหาต่อไปคือ
แอร์ตัวในห้องนอนเสียงดังมาก แม่เราบอกว่านอนไม่ได้เลย

เพื่อนข้างห้องคุยโทรศัพท์เสียงดัง และ เล่นกีตาร์ตอนดึก

เราไม่มีปัญหาเรื่องเสียงแอร์มาก แต่เสียงคุยของเพื่อนบ้านรบกวนเราค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนั้นเราก็คือว่าก็แค่ความซวยที่ต้องมาเจอคนเสียงดัง และมันอาจมีปัญหาจากผนังบางก็ได้ เขาอาจจะแค่ใช้ชีวิตตามปกติของเขา

ผ่านไปสักพักปัญหาหลักที่รบกวนชีวิตในตอนนั้นคือ
ท่อน้ำในห้องน้ำที่มีกลิ่น เราแก้ปัญหาโดยหาวิธีเองในเน็ต -> ใช้น้ำส้มสายชู, น้ำส้มสายชูผสมเบ้กกิ้งโซดา, ผงจุลินทรีย์โรยท่อ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้ผล เราต้องเสียเวลาสั่งซื้อของ และนำมาทดลองเองเป็นสัปดาห์ -> วิธีสุดท้ายที่ได้ผลเลยคือ ซื้อที่กรองกลิ่นท่อมาใส่ ซึ่งท่อน้ำเราอ่ะ มี 2 ที่ คือในห้องอาบน้ำ และ ใต้ซิงค์ล้างหน้า แต่ละที่เป็นวงกลมมีความกว้าง 9 ซม แต่ที่กรองกลิ่นของเรากว้าง 4 ซม เราต้องหาซื้อท่อที่มีความกว้าง 9 ซมซึ่งมีรูตรงกลาง 4 ซมมาใส่ซ้อนกัน (วุ่นวายมากกว่าจะหาของที่พอดีมาใส่ได้) กว่าจะจัดการปัญหาท่อได้เสร็จสิ้นคือวันที่9 มิ.ย.

เพื่อนบ้านเสียงดัง ปัญหานี้ วันนึงเราก็ทนไม่ไหว เราทำงานทุกวัน วันธรรมดาต้องออกจากห้องประมาณ 6 โมงเช้า กลับห้องประมาณ 6 โมงเย็น เสาร์อาทิตย์ทำงานถึงเที่ยงวัน บางวันก็มีเวรที่ต้องอยู่ข้ามคืน โดยปกติเราจึงมักนอนเร็วมาก 2-3 ทุ่มก็นอนแล้ว การที่เพื่อนบ้านเสียงดังรบกวนตอนดึกทำให้เราหงุดหงิด เราพยายามแก้ปัญหาโดยการเปิดเพลงบรรเลงกลบเสียง แต่คืนนึง เราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงกีตาร์ของเขาตอนตี 2 ครึ่งเราจึงทุบห้องเตือนไปด้วยความหงุดหงิด เขาก็เงียบไป หลังวันนั้น เราก็ไปถามนิติบุคคลว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกให้ทำอย่างไรดี เขาก็ตอบว่า สามารถโทรมาหาช่างที่อยู่เวรในคืนนั้นให้ไปเคาะประตูห้องเตือนได้ แต่เขาก็ไม่เสียงดังขนาดวันนั้นแล้ว เราคิดว่า เขาคงเป็นคนมีมารยาทพอสมควร คงแค่ไม่รู้ว่ามันดังเกินไป

ปัญหาฝุ่นในห้อง คืออย่างที่เราบอก ห้องมันมีฝุ่นเยอะตั้งแต่ก่อนเราอยู่แล้ว เราพยายามทำความสะอาดตามความสามารถที่เราทำได้แล้ว แต่ฝุ่นโซฟาซึ่งเป็นเบาะผ้านี่ทำให้ที่เราซึ่งเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วหายใจไม่ออก เราแก้ปัญหาโดยการต้องซื้อเครื่องดูดไรฝุ่น และเครื่องกรองอากาศมาที่ห้องซึ่งมันก็ดีขึ้น

ค่าน้ำค่าไฟเดือนพ.ค. เราเป็นคนจ่าย บิลค่าไฟจะมาใส่ในตู้ล็อกเกอร์ ส่วนค่าน้ำจะมาในแอพของคอนโด เรื่องนี้เราเพิ่งรู้วันที่ 1 มิ.ย. ถามเจ้าของห้อง เจ้าของห้องก็ไม่รู้บอกให้ไปถามนิติเอาเอง พอเราถามนิติ นิติบุคคลก็บอกว่าเดี๋ยวทำให้ ขอเบอร์โทร และ สัญญาเช่า ซึ่งตอนนั้นสัญญาเช่าที่เรามีอยู่ คือแบบที่นายหน้าส่งให้ดูแบบยังไม่มีลายเซ็นเจ้าของห้องบอกว่าจะส่งสัญญาแบบมีลายเซ็นให้เราตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.แล้ว แต่วันที่ 1 มิ.ย.ก็ยังไม่ส่งมา ตอนทำแอพเราก็ส่งสัญญาแบบไม่มีลายเซ็นไปให้นิติบุคคล และคิดว่าต้องไปทวงเสียแล้ว แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ทวง

หลังจากสร้างแอพแล้ว ค่าน้ำก็ยังไม่ขึ้นในแอพ นิติบุคคลบอกว่ามันเชื่อมกับเจ้าของ(?) และจะส่งค่าน้ำให้เราทางไลน์

ตอนแรกเราก็นึกว่าจะไม่มีอะไรแล้ว เราจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ค่อนข้างดีโดยไม่ต้องรบกวนเจ้าของห้องด้วยซ้ำแต่ว่าปัญหาต่อไปคือ

ไฟห้องน้ำซึ่งมีอยู่ดวงเดียวดับวันที่ 6 มิ.ย. ตอนกลางคืน เราคิดว่ามันไม่ไหวละ เราคงต้องบอกเจ้าของห้องให้รับรู้ถึงปัญหาแล้วล่ะ เราไม่อยากไลน์ไปรบกวนเขาตอนกลางคืน จึงไลน์บอกเขาในวันต่อไป ถามเรื่องรุ่นหลอดไฟ ซึ่งเขาตอบว่าไม่ทราบ ให้ถามนิติ เราไลน์ถามนิติแล้ว และเราก็ต้องเป็นคนซื้อเอง สั่งของออนไลน์ นิติบุคคลบอกว่า ช่างจะอยู่ในเวลาถึงแค่ 17:00 น. หลังจากนั้นเป็นช่างเวร เขาอยากให้ช่างเข้าไปซ่อมในเวลามากกว่าเราทำงานเลิกช้า กลับห้องหลัง 17:00 น.ทุกวัน กว่าของจะมา กว่าจะได้เปลี่ยนคือวันที่ 10 มิ.ย. เราต้องอาบน้ำแบบไม่มีไฟอยู่ 5 วัน โดยที่เราเสียเงินเสียเวลาเองทั้งหมด ไม่มีคำขอโทษหรือขอบคุณ ไม่ได้โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่มีความรับผิดชอบใดๆจากเจ้าของห้องเลย

สายชำระที่น้ำเบา เริ่มแปลกๆ ตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่เราเข้าอยู่ น้ำมันไม่ไหลถ้าเราไม่กดชักโครก แต่เราอยู่คนเดียว กลัวคนแปลกหน้า ไม่อยากให้ช่างเข้าห้อง และไม่ค่อยมีเวลาด้วย เราเห็นมันยังพอใช้ได้(โดยกดชักโครกไปด้วย) เลยคิดว่าเดี๋ยวว่างค่อยตามช่างภายหลังแล้วกัน ตอนวันที่ 10 มิ.ย.ที่ช่างเข้ามาเราให้เขาดูสายชำระให้เขาบอกว่า มันพังจากลูกยางในสาย'เสื่อมสภาพ' ซึ่งเราก็ส่งเรื่องนี้ให้เจ้าของห้องแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้มีการรับผิดชอบใดๆเลย กว่าเราจะซื้อของมาส่งแล้วเปลี่ยนเองก็ผ่านไปอีกหลายวัน

**แล้วตอนช่างมาอ่ะ เขาเห็นที่ส่งสัญญาณเตือนไฟไหม้มันโดนครอบอยู่เป็นกรอบพลาสติกแดงๆ เขาก็หันมาบอกว่าเรา 'พี่ มันไม่ทำงานนะแบบนี้ ผมขอเอาออกนะ มันต้องเอาออกได้ตั้งนานแล้ว' -> คือประมาณว่าถ้าไฟไหมก็ตายทั้งตึกไปเล้ย เพราะสัญญาณมันจะไม่เตือน5555**

เราสร้างอัลบัมของที่เปลี่ยนในห้อง แจ้งเรื่องท่อน้ำ แจ้งเรื่องเตาไฟฟ้าไปด้วยว่าเราไม่ได้ใช้ ใช้ไม่เป็น เขาก็ไม่ตอบอะไร

เราเริ่มตะหงิดๆแล้วว่ามันแปลกๆ เลยขอให้เขาส่งสัญญาที่มีลายเซ็นมาด้วย เพราะตอนที่นิติขอเราก็มีแค่อันที่ไม่มีลายเซ็น

เราเช็คสัญญาอีกครั้ง มันมีข้อนึงซึ่งเราอ่านในตอนนั้นแล้วเรารู้สึกกลัวคือ สัญญาข้อ 14 มันเขียนว่า

"ผู้เช่า" ต้องบำรุงรักษาห้องชุด รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เตาไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์กุญแจห้อง หลอดไฟ ฝาผนัง และ อื่นๆ ให้อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ หากเกิดชำรุดเสียหายไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม "ผู้เช่า" ต้องทำกลับคืนให้อยู่ในสภาพเดิมทันที ด้วยค่าใช้จ่ายของ "ผู้เช่า" เองทั้งหมด

เราว่ามันแปลกมาก ของที่มันเสื่อมสภาพโดยที่เราเพิ่งเข้าอยู่ได้ในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนนี่เราต้องรับผิดชอบด้วยเหรอ (เราเริ่มเห็นอนาคตแล้วว่าต้องมีเรื่องซวยๆตามมา) แต่ตอนนั้นเราปล่อยผ่านไป เพราะอย่างที่บอก เราไม่ค่อยมีเวลาว่างเพราะทำงานเยอะ และเราเห็นว่าหลอดไฟกับสายชำระเป็นของเล็กๆน้อยๆ เราไม่ได้จน รับผิดชอบเองก้ได้

เราเห็นหายนะล่วงหน้าแล้วในตอนนั้น แต่ใจเราไม่พร้อมจะยอมรับว่าเรา "โง่" เซ็นสัญญาที่ทำให้ตัวเองเสียเปรียบไปเต็มๆ🥲

เราจ่ายเช่าห้องเดือน ก.ค. วันที่ 30 มิ.ย. จ่ายค่าน้ำค่าไฟวันที่ 1 ก.ค. โดยต้องไลน์ทวงค่าน้ำจากนิติบุคคลเหมือนเดิมซึ่งเขาก็บอกเราเหมือนเดิมว่ามันเชื่อมอยู่กับเจ้าของห้อง

ปัญหาใหญ่ตามมาจริงๆทุกคน วันที่ 2 ก.ค. เครื่องทำน้ำอุ่นเสียค่ะ คือเราอยู่มาได้เดือนกว่าแล้วมันเสียอ่ะ -*- เรื่องนี้ใหญ่มากสำหรับเรา เรากลัวเขาไม่รับผิดชอบอีก และกลัวด้วยว่าเขาจะส่งสัญญาข้อ 14 มา

เรื่องนี้เราคุยกับแม่มาตลอด และมีคนใกล้ตัวหลายคนที่ให้เช่าห้องเหมือนกัน เจ้าของห้องทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าเจ้าของห้องต้องรับผิดชอบ(อันที่จริงตั้งแต่เรื่องไฟแล้ว) มีคนพูดมาตั้งแต่แรกๆแล้วด้วยตั้งแต่เห็นถังขยะตั้งแต่วันเราเข้าอยู่ว่า "เขาไม่เรียบร้อย" บางคนบอกว่าให้หักค่าหลอดไฟ ค่าสายชำระไปกับค่าเช่าเดือนต่อไปเลย

แต่เราไม่รู้ว่าอะไรถูกไม่ถูก ตอนที่มีเรื่องเครื่องทำน้ำอุ่น เราจึงเริ่มจากการหาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายการเช่าห้อง ซึ่งตามกฎหมายมันก็เป็นหน้าที่ที่เขาต้องซ่อมให้เรานะ เราซ่อมเฉพาะของที่เราใช้งานแบบไม่ปกติ ทำให้ของพัง เช่น ทำโต๊ะแตกอะไรงี้

วันที่ 3 ก.ค. เช้าวันต่อไปเราเลยโทรถามนายหน้า ระบายปัญหาทั้งหมดให้ฟัง และนายหน้าก็บอกว่าเรื่องเครื่องทำน้ำอุ่นเจ้าของห้องต้องรับผิดชอบ

หลังจากคุยกับนายหน้าตอนเช้า เราก็ส่งไปบอกเจ้าของห้องตอนเที่ยง

**แล้ววันที่ 2 ก.ค. มันเป็นวันอาทิตย์ ตอนเครื่องทำน้ำอุ่นมันเสีย มันเลย 17:00 น. แล้ว เราคิดเลยว่ากว่าเราจะตามช่างมาดูได้คงต้องเป็นเสาร์หน้า**

ตอนบ่าย นิติบุคคลโทรมา บอกว่า ช่างจะขอเข้ามาซ่อมห้อง (เราก็งงว่าเรื่องไร) เขาบอกว่า ซ่อมเรื่องที่มีเสียงรบกวนจากหัวนอน สรุปคือเรื่องที่เราได้ยินเสียงเพื่อนบ้านเล่นกีต้าร์มาจากปัญหาโครงสร้างของตึก มาจากการที่ปลั๊กไฟเราอยู่ตรงกัน และช่างที่มาคือช่าง index อยู่วันนี้วันเดียวถึง 22:00 น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่